공유

บทที่ 6

작가: จี้เวยเวย
“เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”

ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา

“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”

ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ

“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”

ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!

ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”

“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”

ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หลังจากที่เธอทะลุมิติมา ก็พบว่ามิติส่วนตัวที่ติดตัวเธอยังคงอยู่ สื่อเวทที่เคยทำไว้ก็อยู่ในนั้น เอามาใช้งานได้พอดี

ซ่งอี้อันรับสร้อยข้อมือไป ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เมื่อสัมผัสกลับรู้สึกอบอุ่น ไม่เหมือนกับเส้นก่อนหน้านี้ที่เย็นเฉียบ ว่ากันว่าสร้อยเส้นนั้นถูกงมขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเลใต้ จึงแผ่ไอเย็นไปทั้งร่าง ตรงข้ามกับสร้อยเส้นนี้ที่เมื่อถืออยู่ในมือแล้วรู้สึกสบายกว่ามาก

“ขอบใจน้องหญิง”

ซ่งจืออวี้มองซ่งอี้อันที่แต่ไหนแต่ไรก็ตั้งมาตรฐานต่อสร้อยไข่มุกสูงลิ่ว ตอนนี้กลับใส่สร้อยข้อมือที่ไม่น่าภิรมย์เช่นนั้น หากเป็นเมื่อก่อนพี่ชายรองไม่มีทางชมชอบเป็นแน่ แต่ตอนนี้เมื่อตามองไม่เห็นกลับถือว่าสิ่งนั้นเป็นของล้ำค่า

แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นความหวังดีของน้องหญิงห้า!

ล้ำค่ามาก! ข้าก็อยากได้บ้าง!

ซ่งรั่วเจินเห็นนัยน์ตาที่เป็นสีแดงของซ่งอี้อันค่อย ๆ จางลงไป จึงลอบถอนหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าพอหันหน้าไปจะเจอกับสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของพี่ชายสาม

“?”

“พี่ชายสาม ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่าน”

ซ่งรั่วเจินหยิบหยกประดับอีกชิ้นส่งให้ซ่งจืออวี้ หมู่นี้คนในบ้านไม่ค่อยได้อยู่อย่างสงบสุขนัก พกเครื่องรางติดตัวไว้คุ้มครองจะดีกว่า

ฝ่ายนั้นคิดวิธีการโหดเหี้ยมแบบนี้ออกมา เธอก็ต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วไปเผชิญหน้ากับพวกเขาสักตั้ง!

……

จวนหลินโหว

เมื่อซ่งรั่วเจินพาทุกคนในตระกูลซ่งออกไป งานแต่งงานของหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็ต้องล้มเลิกไปด้วย

เพราะว่าไม่เพียงแต่คณะจัดงานแต่งจะหายไปแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลพิธีการก็หนีหายไปด้วย เช่นนี้งานมงคลจะดำเนินต่อได้อย่างไรเล่า?

เมื่อแขกทุกคนได้ชมละครขบขันนี้จนพอใจแล้วก็พากันออกไป คำแสดงความยินดีกลับกลายเป็นคำเยาะเย้ยเสียดสี แม้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินจือเยว่ทุกคนจะไม่พูดตรง ๆ แต่ลับหลังใครเล่าจะไม่พูดว่าเขาเป็นคนใจดำไร้ความรู้สึก?

การกระทำของแม่นางซ่งครั้งนี้ช่างทำให้คนสะใจโดยแท้!

“ท่านโหว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ฉินซวงซวงมองจวนหลินโหวที่ว่างเปล่า เรือนที่เดิมทีหรูหรากลับถูกขนของย้ายออกไปจนดูทรุดโทรม

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง แสงแดดสว่างจ้าชวนให้ปวดหัว เขาดึงเก้าอี้ข้าง ๆ มานั่งด้วยความโกรธ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานซ่งรั่วเจินจะต้องร้องไห้อ้อนวอนข้า!”

“หากไม่มีข้า นางไม่มีทางแต่งออกไปได้ วันนี้นางเอาของไปมากแค่ไหน ในวันข้างหน้าข้าจะให้นางส่งกลับคืนมาเป็นสองเท่า!”

ทว่าในขณะที่เขาพูดคำนี้ เก้าอี้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนไม่สามารถรับน้ำหนักได้อีก ก่อนจะพังตัวลงเสียงดังลั่น

“โครม!”

หลินจือเยว่ล้มลงจนก้นกระแทกพื้นเต็ม ๆ ความโกรธที่อัดอั้นในใจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาเตะไปที่โต๊ะด้านข้างด้วยความโมโห

โต๊ะล้มลงตามด้วยเสียงดังสนั่น

“สมควรตาย!” หลินจือเยว่ระเบิดความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ท่าทางที่เขาคำรามลั่นไร้ความสง่างามเหมือนในอดีต

ใบหน้าของฉินซวงซวงดูย่ำแย่ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คนขี้ขลาด เดิมทีในวันนี้ควรจะเป็นวันที่นางได้แต่งงานอย่างยิ่งใหญ่มีหน้ามีตา ซ่งรั่วเจินควรจะอดทนไปเงียบ ๆ และอยู่อย่างโดดเดียวในห้องหอ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามคาด ซ่งรั่วเจินเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป หรือว่าเพราะชาติที่แล้ว ที่ซ่งรั่วเจินยอมทนปิดปากเงียบเป็นเพราะหล่อนแต่งให้กับหลินจือเยว่แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นและจำใจยอมรับในตัวนาง

ครานี้นางไม่อยากถูกกดข่ม จึงเลือกแต่งงานวันเดียวกับซ่งรั่วเจิน จนทำให้หล่อนมีความคิดที่จะถอนหมั้นหรือ?

แย่แล้ว!

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้จวนหลินโหวเป็นเพียงเปลือกกลวง หากไม่มีเงินจากตระกูลซ่งมาช่วยเจือจุน แล้วหลินจือเยว่คิดอยากเลื่อนตำแหน่งจะไม่กลายเป็นเรื่องยากหรอกหรือ?

“จือเยว่ เจ้าทำอะไรลงไป?”

เสียงโกรธเคืองของฮูหยินผู้เฒ่าหลินดังมาจากข้างนอก

“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากเจ้าต้องการแต่งงานกับซวงซวง ข้าจะไม่ห้าม แต่เจ้าต้องให้รั่วเจินแต่งเข้ามาก่อน นางต่างหากที่เป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเจ้า!”

“สองปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรั่วเจินดูแลข้าอย่างดี และจัดการจวนโหวทั้งหมด ไหนเลยจะมีความรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้?”

“ตอนนี้จวนโหวถูกขนของย้ายออกไปหมดแล้ว ทั้งตระกูลล้วนกลายเป็นตัวตลก!”

หลินจือเยว่ก้มหน้า ใบหน้าแสดงความละอายใจ “ท่านแม่ ความจริงแล้วเป็นซ่งรั่วเจินต่างหากที่มีจิตใจคับแคบ ข้าไม่ได้จะไม่แต่งงานกับนาง แต่เพียงให้แต่งเข้ามาพร้อมกันก็เท่านั้น ไม่ได้จะให้ซวงซวงข่มนางเสียหน่อย แต่นางกลับขอถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ข้าเสียหน้า ไม่มีความสง่างามเฉกเช่นบุตรีตระกูลใหญ่เลยสักกระผีก”

“สตรีเช่นนี้จะเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนโหวได้อย่างไร?”

ไม้เท้าที่อยู่ในมือแม่เฒ่าหลินฟาดลงบนตัวหลินจือเยว่อย่างแรง “ตามข้าไปขอโทษที่จวนตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไม่ไป!” หลินจือเยว่ใบหน้าเขียวคล้ำ

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโกรธมาก “หากเจ้าไม่ไป ก็ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของจวนหลินโหวอย่างสิ้นเชิง จะให้ทุกคนคิดว่าเราเป็นพวกลืมบุญคุณคนหรือ?”

“ในปีนั้น ตระกูลฉินปฏิเสธคำขอแต่งงานของเจ้า ข้าจึงช่วยเจ้าไปขอแต่งงานกับตระกูลซ่ง ตอนนี้เจ้าต้องการแต่งงานกับนาง ข้าไม่ห้ามเจ้า แต่เจ้าก็ไม่สามารถทำผิดต่อตระกูลซ่งได้”

“เจ้าเพิ่งชนะศึกกลับมาและได้เลื่อนตำแหน่ง แต่กลับมาทำให้ตระกูลซ่งอับอาย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จวนหลินโหวของเราจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก!”

ขณะที่พูด ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็มองไปที่ฉินซวงซวงอย่างนึกรังเกียจ นึกถึงครานั้นที่หลินจือเยว่หลงรักนางจนหัวปักหัวปำ ทว่าสุดท้ายก็ถูกตระกูลฉินเหยียดหยามอย่างหนัก

นางเห็นลูกชายของตัวเองเจ็บปวดอย่างที่สุด กลัวว่าจะเข้มแข็งขึ้นมาไม่ได้ จึงไปขอดองกับตระกูลซ่ง ไม่คิดว่ายามนี้ฉินซวงซวงจะยอมมาอยู่กับเขา จนเกิดความวุ่นวายเช่นนี้

ฉินซวงซวงเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าต่ำ ทว่ากลับไม่ใส่ใจเท่าไร ในอนาคตทุกคนในจวนหลินโหวจะต้องฟังนางทั้งหมด!

“เจ้าออกไปก่อน” หลินรั่วหลานกล่าวเสียงเย็น

เมื่อฉินซวงซวงออกไป หลินรั่วหลานกล่าวด้วยความโมโห “เยว่เอ๋อร์ เจ้าช่างเลอะเลือนเสียจริง! จวนหลินโหวของเรามีเพียงเปลือกกลวง เจ้าต้องแต่งกับรั่วเจิน มีเงินช่วยเหลือจากตระกูลซ่งถึงจะช่วยเติมเต็มให้จวนโหวของเรารุ่งเรืองต่อไปได้”

“พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หากไม่มีเงิน เจ้าจะให้ซวงซวงของเจ้ามีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?”

“เพียงแค่เจ้ายอมจำนน ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”

หลินจือเยว่เงยหน้ามองหลังคาที่ไม่มีแผ่นกระเบื้อง เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม “แต่วันนี้เรื่องกลายเป็นแบบนี้…”

“เจ้าไม่ต้องกังวล รั่วเจินเป็นคนอ่อนโยน วันนี้นางโกรธจัดถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าขอโทษและปลอบใจนางสักหน่อย นางก็จะไม่ถือสาหาความอันใด”

หลินรั่วหลานผุดรอยยิ้ม “หากวันนี้เจ้าไม่หักหน้านางจนเกินไป นางก็คงไม่ถอนหมั้น แต่งนางเข้ามา เจ้าไม่เสียเปรียบหรอก!”

“ลูกเข้าใจแล้ว”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
Wilartlak Taa
ทัเงแม่ทั้งลูกความคิดแย่ที่สุด
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1238

    สวี่เหราพยักหน้า “ดีๆ ๆ ลำบากพวกเจ้าแล้ว”ตอนซ่งรั่วเจินและกู้ฮวนเอ๋อร์มาถึงเรือนของกู้เจาย่วน ได้เห็นนางกำลังลอบนั่งร้องไห้อยู่ภายในห้อง“ญาติผู้พี่ ฮวนเอ๋อร์ พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”กู้เจาย่วนรีบซับน้ำตาที่หางตา เพียงแต่ท่าทางขอบตาแดงนั้นน่าสงสารมาก ทำจนคนปวดใจ“เจาย่วน พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่เด็ก เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เหตุใดเจ้าไม่รีบบอกข้า?”กู้ฮวนเอ๋อร์รีบสืบเท้าขึ้นมาอย่างว่องไว เดินมานั่งข้างกู้เจาย่วน“ข้ารู้เจ้าและอวิ๋นอ๋องกำลังจะแต่งงานกัน งานยุ่งอยู่ตลอด นี่จึงไม่ได้ไปรบกวนเจ้า”กู้เจาย่วนยกมุมปากคลี่ยิ้ม “ท่านพ่อและท่านแม่ล้วนไม่ยอมให้ข้าและฉวีเซินคบหากัน ข้าพูดไปก็ไร้ประโยชน์”“ฉวีเซิน? คนในดวงใจเจ้าหรือ?”กู้เจาย่วนพยักหน้า มองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง รู้สึกเก้อกระดากอยู่บ้าง “ญาติผู้พี่เห็นเรื่องน่าขันแล้ว”“แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องความรู้สึกทำนองนี้ไม่สามารถบังคับได้ หัวใจสั่นไหวก็ใช่ว่าตนเองจะสามารถควบคุมได้ ข้าเข้าใจ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “นึกถึงปีนั้นข้าถอนหมั้นจนผู้คนต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว นี่ก็ถูกทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลกไม่ใช่หรือ? กระนั้นก็ไม่เป็นไรเสียห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1237

    ดรุณีน้อยมักหลงใหลในความรัก ซ่งรั่วเจินเข้าใจเรื่องนี้ดี“คุณชายท่านนั้นที่เจาย่วนชอบ เจ้าเคยพบหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามกู้ฮวนเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ ทีแรกเจาย่วนไม่บอกใคร หากไม่ใช่เพราะท่านป้าแนะนำคู่ครองให้ นางก็ไม่ยอมรับปาก สุดท้ายถึงพูดออกมา”“วันนี้ท่านป้าให้ข้าเกลี้ยกล่อมเจาย่วน ท่านเองก็รู้ว่าเมื่อหลายวันก่อนอวิ๋นอ๋องป่วย ต้องการคนดูแล ข้าจึงไปอยู่ที่จวนอวิ๋นอ๋องทุกวัน ล้วนไม่ได้ใส่ใจ”“ข้าคิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยไปถามเจาย่วน นางยังยอมพูดกับข้าเจ้าค่ะ”พูดไป กู้ฮวนเอ๋อร์เอ่ยปากกับซ่งรั่วเจิน “ญาติผู้พี่ อีกเดี๋ยวหากไม่รีบไป ไม่สู้พวกเราไปคุยกับเจาย่วนด้วยกัน”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ได้”หลังทุกคนได้รู้เรื่องของกู้เจาย่วน บรรยากาศก็เปลี่ยนไปหลายส่วน คาดว่าสำหรับบ้านใหญ่นี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งหากกู้เจาย่วนคิดไม่ตก ต้องการแต่งงานกับบัณฑิตยากจนท่านนั้น นั่นก็มีเพียงสองผลลัพธ์ประการแรกให้นางแต่งออกไป แต่ด้วยอุปนิสัยของป้าสะใภ้ใหญ่ จะต้องไม่ยอมให้เจาย่วนแต่งไปมีชีวิตลำเค็ญเป็นแน่เช่นนี้แล้ว นั่นก็มีเพียงประการที่สอง บังคับเจาย่วนแต่งกับผู้อื่นเพียงแต่ทำเช่นนี้ สองแม่ลูกจะเกิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1236

    “ท่านแม่ ข้าบอกแล้ว ข้ามีคนในใจแล้ว ชาตินี้นอกจากเขาไม่มีวันแต่งงาน ท่านอย่าบังคับข้าอีกเลย!”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกไป พวกกู้หรูเยียนก็เผยสีหน้าแปลกใจ ที่แท้กู้เจาย่วนก็มีคนในดวงใจแล้ว?“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?” สีหน้าป้าสะใภ้ใหญ่เปลี่ยนไป ตวาดเสียงเฉียบกู้เจาย่วนตาแดง “อย่างไรเสียข้าก็ไม่แต่ง ข้ารู้ท่านไม่ชอบเขา คิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับข้า”“ความคิดของท่านและข้าไม่เหมือนกัน ข้าชื่นชมพรสวรรค์ของเขา เขาก็แค่ไม่มีหน้ามีตา แต่ในภายภาคหน้าไม่ช้าก็เร็วเขาย่อมประสบความสำเร็จ”“ท่านแม่ เหตุใดท่านไม่ให้โอกาสพวกเราสักครั้งเล่า?”ป้าสะใภ้โมโห นางคิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวที่เชื่อฟังว่าง่ายจะต่อต้านนาง!“เจ้ามีชาติกำเนิดที่ดีเช่นนี้ แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ย่อมไม่ต้องกังวลอาหารและอาภรณ์ เป็นนายหญิงของบ้านไม่ดีหรือ?”“หลายปีมานี้ข้าสอนดีดพิณเดินหมากอักษรวาดภาพและบทกวีบทเพลงให้เจ้า ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าไปซักผ้าทำกับข้าวให้ผู้อื่น!”เจาย่วนเป็นลูกสาวคนสุดท้องของนาง เทียบกับลูกชายลูกสาวคนอื่น นางเอ็นดูมากที่สุดบัดนี้มีเพียงนางยังไม่แต่งงาน นางย่อมอยากเลือกสามีที่ดีให้นาง ไม่ขอให้แต่งงานเข้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1235

    จวนราชครูตอนรถม้าจอดหน้าประตูใหญ่ ฉู่จวินถิงและซ่งรั่วเจินลงจากรถม้าพร้อมกัน ก็ได้เห็นรถม้าของสกุลซ่งบังเอิญมาถึงพอดีซ่งหลินเห็นฉู่จวินถิง พูดยิ้มๆ “กระหม่อมได้ยินว่าช่วงนี้งานยุ่งอยู่ที่ศาลต้าหลี่ ยังคิดว่าวันนี้ท่านอาจไม่มีเวลาว่าง ได้แต่รู้สึกเสียดาย คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาแล้ว”“ท่านอ๋องรู้ว่าวันนี้เป็นท่านตาเชิญจึงตั้งใจรีบกลับมาเป็นพิเศษเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินอธิบายยิ้มๆภายในสายตาซ่งหลินเปี่ยมความชื่นชม ฉู่อ๋องให้ความสำคัญต่อพวกเขามากจากนั้นขบวนคนเดินเข้าจวนอย่างครึกครื้น ราชครูกู้และคนอื่นๆ ล้วนรออยู่นานแล้ว“ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรอง”“ญาติผู้พี่ใหญ่ ญาติผู้พี่รอง ญาติผู้น้องสาม...”เพราะวันนี้มีคนมารวมตัวกันมาก ครึกครื้นมากทีเดียววันนี้กู้ฮวนเอ๋อร์ตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ คนน่ารักงดงามอย่างมาก“บัดนี้กำหนดวันแต่งงานของฮวนเอ๋อร์และอวิ๋นอ๋องแล้ว ก็คือวันที่หกเดือนหน้า”วันนี้ตั้งใจเชิญทุกคนมารวมตัวกันก็เพื่อเฉลิมฉลองงานแต่งของฮวนเอ๋อร์ ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่าจวนโหวจะต้องเตรียมการดีๆ”กู้ชิงซิวลุกขึ้นพูดยิ้มๆ “ข้าขอคารวะทุกท่านก่อนหนึ่งจอก”ทุกคนต่างพากันยกจอกเหล้า ใบหน้าประด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1234

    ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วดุจกิ่งหลิวขึ้น “เช่นนั้นซ่งปี้อวิ๋นกลับสกุลซ่งก่อนหรือ?”“พระชายา นี่ถึงเป็นเรื่องแปลกที่สุด ตอนนี้ลู่หวยอันไม่มีอนาคตแล้ว ซ่งปี้อวิ๋นถึงขั้นไม่กลับไป ยังอยู่กับพวกเขาตลอด ตกลงคิดอันใดอยู่กันแน่?”เฉินเซียงคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ หรือซ่งปี้อวิ๋นชอบลู่หวยอันถึงเพียงนั้น ต่อให้ไม่มีอันใด ก็จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาหรือ?“ไม่รู้” ซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “ความคิดของทุกคนล้วนแตกต่างกัน หากเปลี่ยนเป็นพวกเรา คงไม่ย่ำเข้ากองเพลิงตั้งแต่แรก”“ในเมื่อซ่งปี้วิ๋นชอบอยู่กับเขาถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ให้อยู่ร่วมกันตลอดชีวิตเถอะ ป้องกันไม่ให้ภายภาคหน้าไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น”“บ่าวเห็นว่าพวกเขาสองคนล้วนเป็นตัวหายนะ เช่นนี้ก็ดีแล้ว ป้องกันไม่ให้คนอื่นเหนื่อยใจเพราะพวกเขา”ไป๋จื่อหัวเราะ เห็นวันนี้ชิงเถิงกลับมาแล้วจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “ชิงเถิง พ่อแม่เจ้ายอมรับคุณชายท่านนั้นได้หรือไม่? ใช่หรือไม่ว่าพวกเราจะได้ดื่มสุรามงคล?”ชิงเถิงอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด นางทำความเคารพซ่งรั่วเจินก่อน นี่ถึงพูด“เมื่อวานพวกเราพาจ้าวจื่ออี้กลับไปถึงได้รู้ว่าที่แท้ปีนั้นเขาไม่เพียงช่วยเหลือชิงชิง แม้แ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1233

    บนรถม้าซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงยิ้มให้ตนเองอยู่ตลอด สงสัยอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋อง ท่านยิ้มอันใดกัน?”“ยิ้มที่ข้าแต่งฮูหยินที่ดีมากมาคนหนึ่ง นี่คือวาสนาที่คนอื่นต่างพากันอิจฉา ย่อมต้องยิ้ม”ได้ยินดังนั้น มุมปากซ่งรั่วเจินกระตุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จู่ๆ ฉู่จวินถิงก็ขยับเข้าใกล้ จุมพิตนางทีหนึ่งดวงตาดุจจันทราคู่นั้นทอประกายระยับ ฉู่จวินถิงยื่นมือออกไปโอบนางไว้ในอ้อมกอด ถอนหายใจพูดว่า “มีภรรยาเช่นนี้ได้ สามียังจะปรารถนาสิ่งใดอีกเล่า?”ซ่งรั่วเจินอิงแอบอกกว้างอบอุ่นของเขา รู้สึกเพียงอารมณ์ดีมาก จู่ๆ นางก็เข้าใจแล้วว่าความสุขเป็นเช่นไรในวันธรรมดาและเรียบง่าย มีคนให้รัก มีคนรักตอบ สัมผัสได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจ“ท่านตาเรียกพวกเราไปกินมื้อเย็นที่จวนวันพรุ่งนี้ งานแต่งของอวิ๋นอ๋องและฮวนเอ๋อร์เองก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้จึงตามพวกเราไปรวมตัวกันเพคะ”ซ่งรั่วเจินนึกถึงสิ่งที่มารดากำชับมาในวันนี้ ท่านตาตั้งใจเชิญพวกเขาไปพบเป็นพิเศษ ดีที่สุดคือทุกคนสามารถมาได้“หากท่านสามารถไปได้ นั่นก็ดีมากนัก หากไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หม่อมฉันจะแจ้งพวกเขา ทุกคนล้วนสามารถเข้าใจ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status