ตอนที่ 8
ท่านคือเยว่อ๋อง
•••••
โคร๊ม!
เสียงกระจกแตกจากด้านในทำให้อวี่ซีที่รอจนแทบหลับตื่นขึ้นมาเต็มสองตา เงาดำที่เคยเข้าไปในที่แห่งนั้นกระโดดออกมาด้วยความรวดเร็ว เสียงโหวกเหวกโวยวายดังตามมาจากด้านใน จึงคิดได้แค่ว่าด้านในเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
พรึ่บ!
และเหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลก เงาดำแรกผ่านไปอย่างง่ายดายแต่เงาเดาที่หนีมาใหม่กลับตกลงมาตรงหน้านางที่กำลังซ่อนตัวอยู่
อวี่ซีมองเหล่าทหารในจวนที่กำลังออกไล่ตามผู้บุกรุกสลับกับมองเงาดำนั้น และจากท่าทางของคนผู้นี้คล้ายกับว่าน่าจะมีบาดแผลที่ค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะช่วยเขาดีหรือไม่ และไม่รู้ว่ามีอะไรดลจิตดลใจที่ทำให้เธอตัดสินใจก้าวออกมาจากที่หลบซ่อนและกระชากคนผู้นี้เข้าไปหลบด้วยกัน
ปึก!
"อย่าขยับ! เจ้าเป็นใคร!"
แต่เพราะสถานการณ์ไม่ได้น่าไว้ใจ ในจังหวะที่ดึงเขาเข้ามานั้นก็ถูกชายผู้นี้ยกมีดสั้นมาจ่อคอไว้เสียแล้ว ความรู้สึกตกใจเวลาอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานของจริงมันเป็นเช่นนี้นี่เอง ช่างแตกต่างกับความรู้สึกในตอนแสดงละครลิบลับ
"ข้าช่วยเจ้าอยู่! อย่าหันมีดใส่ผู้มีพระคุณของเจ้าได้หรือไม่"
"เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร เหตุใดมาทำตัวน่าสงสัยอยู่ที่นี่"
"หากเจ้าบอกว่าข้าน่าสงสัย.. เจ้าที่เพิ่งออกมาจากจวนเจ้าเมืองมิน่าสงสัยกว่าหรือ"
ชายผู้นี้ค่อย ๆ ลดมีดลง อวี่ซีได้จังหวะจึงหันไปหวังจะคิดบัญชีกับชายผู้นี้ที่อยู่ด้านหลัง แต่แล้วเธอกลับต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนผู้นี้เป็นใคร
"เป็นท่าน!"
"เหตุใดถึงเป็นแม่นาง เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่"
"ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการที่นี่"
เธอตอบไปเรียบ ๆ ก่อนจะกวาดสายตามองชายผู้นี้อีกครั้ง เรื่องความหล่อไม่ต้องพูดเยอะเอาเป็นว่าในชีวิตนี้ยังไม่เคยพบผู้ใดหล่อเกินชายผู้นี้มาก่อน แต่สายตากลับต้องไปสะดุดที่แขนของเขา เลือดสีแดงสดที่ไหลผ่านเนื้อผ้าสีขาวราคาแพงทำให้รู้สึกตกใจไม่น้อย
"ท่านได้รับบาดเจ็บ"
"ข้าไม่เป็นอะไร"
"ไม่ได้! ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นสตรีที่ไม่รู้วิชาแพทย์ แต่ถึงอย่างไรท่านก็ต้องห้ามเลือดก่อน"
"เจ้าจะฉีกผ้าเนื้อดีของเจ้ามาทำแผลให้.."
แควก!
ยังไม่ทันที่ท่านอ๋องจะพูดจบประโยค เสี่ยงฉีกผ้าเนื้อดีดังขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแต่.. เสียงที่ดังนั้นไม่ได้มาจากชุดของนาง
"หากท่านคิดว่าข้าจะฉีกชุดของตนเองเพื่อทำแผลให้ท่านละก็.. ท่านล้มเลิกความคิดนั้นไปได้เลยเพราะข้าจะไม่มีวันเสียสละเสื้อตัวเองเด็ดขาด"
หลังจากห้ามเลือดแล้วทุกอย่างควรจะดีขึ้น แต่เหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ดวงตาของชายผู้นี้ค่อย ๆ ปิดลงเรื่อย ๆ พร้อมกับร่างกายที่ดูแข็งแรงเมื่อครู่กำลังทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงโลกลงเรื่อย ๆ อวี่ซี่ตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้ารีบประคองชายผู้นี้ไปที่รถม้าของตนที่จอดห่างจากที่นี่ไม่มาก เธอพยายามลากชายผู้นี้มาอย่างทุลักทุเลแต่ในที่สุดก็ถึงจนได้
"คุณหนู! เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ"
"ช่วยเขาก่อน คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บ!"
"ท่านอ๋อง!"
แต่ยังไม่ทันที่จะได้พาคนเข้าไปในรถม้าก็มีบุคคลที่ห้าเข้ามาร่วมวงอีกคน ทันทีที่เห็นใบหน้าขององครักษ์ปรากฏในเศษเสี้ยวความทรงจำของร่างเดิมก็ผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นฉาก ๆ
"ท่านผู้นี้หน้าตาช่างคุ้นยิ่งนักเหมือนเคยเจอที่ใดมาก่อน.. ไม่สิ! ท่านคือองครักษ์ของท่านอ๋องห้ามิใช่หรือ หากเป็นเช่นนั้นชายผู้นี้ก็คือ.. เยว่อ๋อง!"
ตอนที่ 30ความสุขที่ถูกเติมเต็มเวลาผ่านไปไม่นาน..“อุแว้! อุแว้!”เสียงร้องของทารกแรกเกิดดังขึ้นก้องกระท่อมท่ามกลางความเงียบจากด้านนอก มีเพียงแค่เสียงกรีดร้องของเยว่เฟยและก้อนแป้งที่ลืมตาดูโลก“เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ!”หมอประกาศเสียงดังก่อนที่ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงร้องอีกเสียงก็ดังขึ้น“และเป็นคุณหนูอีกคนเจ้าค่ะ!”ท่านอ๋องยืนนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื้นตันน้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถาม“ลูก.. ปลอดภัยหรือไม่”“เด็กทั้งสองแข็งแรงมากเจ้าค่ะ!”ท่านอ๋องถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าของเขาคลายความตึงเครียดลและในที่สุดเขาก็ได้เห็นลูกน้อยของตนเป็นครั้งแรก แต่ในวินาทีที่ความยินดีท่วมท้นไปทั่วหัวใจ เขากลับได้ยินเสียงของหมอที่ทำให้ร่างกายเย็นเยียบ“พระชายาเสียเลือดไปมาก!”ไป๋อวี่ซีที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดกลับหมดแรงโดยสิ้นเชิง ดวงตาของเธอลืมขึ้นเล็กน้อยแต่สติเลือนราง เธอมองเห็นเงาของท่านอ๋องอยู่ตรงหน้า มองเห็นเงาตะคุ่มของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของหมอ เธออยากยิ้มอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง“เหิง.. เยว่..”เสียงเธอแผ่วเบาราวกับสายลมพัดผ่าน ทันใดนั้นเปลือกตาของเธอก
ตอนที่ 29ออกจากเมืองหลวงท้องพระโรงหลวงบรรยากาศภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ทหารและขุนนางยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบขณะที่ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง พระพักตร์ทรงอำนาจทอดพระเนตรชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ยืนคุกเข่าอยู่เบื้องล่างท่านอ๋องค้อมศีรษะลงต่ำ ร่างสูงสง่ากรำศึกจนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นแต่แววตาของเขากลับแน่วแน่ดังเดิม“เยว่อ๋อง.. เจ้าทำศึกครั้งนี้ได้ดีนักราชสำนักและประชาชนต่างซาบซึ้งในคุณงามความดีของเจ้า”สุรเสียงของฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วท้องพระโรง ก่อนจะมีรับสั่งให้ขันทีนำทองหนึ่งพันชั่ง ที่ดินสองผืน แก้วแหวนเงินทอง รวมถึงทหารสองหมื่นนายมาเป็นรางวัลตอบแทนขุนนางพากันซุบซิบถึงพระกรุณาขององค์จักรพรรดิ นับว่าเป็นรางวัลที่มากมายและล้ำค่าท่านอ๋องควรจะปลาบปลื้มยิ่งนัก แต่แทนที่เขาจะยินดีท่านอ๋องกลับเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ริมฝีปากยกยิ้มบาง ก่อนจะเอ่ยบางอย่างที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง“กระหม่อมขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ แต่นอกจากของรางวัลเหล่านี้ กระหม่อมมีข่าวดีถวายฝ่าบาท..”“ว่ามาเถิด”ฮ่องเต้เลิกพระขนงเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องมองไปยังบุรุษเบื้องล่าง ท่านอ๋องสบตากับฮ่องเต้ก
ตอนที่ 28แก้แค้นไป๋อวี่ซีเอ่ยออกมาเสียงแหบแห้งน้ำตาคลอเบ้า ในเวลานี้เธอไม่สามารถคิดไปในทางที่ดีได้เลยแม้เพียงน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากได้ยินว่าลูกของเธอไม่เป็นอะไรอยู่ดีหมอหลวงยิ้มบาง ๆ อย่างอบอุ่น ก่อนที่จะเบาเสียงตอบกลับ“พระชายาท่านไม่ต้องกังวล ลูกของท่านปลอดภัยดี.. แม้จะได้รับบาดเจ็บจากการกระทบกระเทือน แต่ทารกในครรภ์ยังคงแข็งแรงดี ทั้งท่านและลูกจะต้องพักฟื้นให้ดี”เยว่เฟยรู้สึกเหมือนกับว่าหินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่บนอกของเธอนั้นถูกยกออก น้ำหนักทั้งหมดที่ครอบงำเธอมาเป็นเวลาหลายชั่วยามนั้นหลุดออกไปทำให้เธอหายใจได้ลึกขึ้น“จริงหรือ”เธอกล่าวเสียงสั่น ปากแห้งผาก ริมฝีปากบานฉีกยิ้มด้วยความดีใจ ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าของหมอหลวงอย่างมีความหวังจนเมื่อเธอเห็นเขาพยักหน้าตอบ“ตอนนี้ท่านต้องพักให้เต็มที่ ร่างกายยังต้องฟื้นฟูอีกมาก”น้ำตาที่ไป๋อวี่ซีพยายามจะกลั้นเอาไว้หลั่งรินลงมา เหมือนกับฝนที่ตกจากฟ้าในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ความรู้สึกขอบคุณเต็มหัวใจจนไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ นอกจากการขอบคุณที่เงียบสงบ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับหมอหลวงที่ยืนข้างเตียงความเงียบแผ่ขยายไปทั่วห้อง แต่ในใจของไป๋
ตอนที่ 27ข้ามาช้าไป“เป็นอย่างไรบ้างหมอหลวง! พระชายาและลูกของข้าปลอดภัยดีหรือไม่”“ท่านอ๋อง.. พระชายาเวลานี้ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส กระหม่อมใช้ความสามารถที่มียื้อชีวิตเยว่เฟยเอาไว้ได้ เพียงแต่..”“เพียงแต่อะไร!”“เพียงแต่เด็กในครรภ์พระชายา.. กระหม่อมไร้ความสามารถ”เยว่อ๋องทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาของเขาแดงก่ำหยดน้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่สามารถหักห้ามได้“ที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไร.. ข้าไม่สามารถรักษาลูกของข้าไว้ได้อย่างนั้นหรือ”“หากท่านอ๋องพาพระชายามาเร็วกว่านี้อีกสักหน่อย กระหม่อมยังพอมีทางรักษาเอาไว้ได้”“ข้ามาช้าไปอย่างนั้นหรือ.. ไม่ได้! หากนางฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่านางสูญเสียบุตรในครรภ์ไปต้องเสียใจมากเป็นแน่ หมอหลวง! ท่านต้องหาทางช่วยรักษาลูกของข้าเอาไว้ให้ได้”เหิงเยว่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะไปคว้าที่ข้อมือของหมอหลวงเอาไว้“ท่านอ๋อง~ ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาดูอาการพระชายา ไม่ทราบว่าท่านอ๋องสะดวกหรือไม่”เขาหันไปมองผู้ที่มาใหม่ก็พบว่าเป็นไท่อี้เฉิงหมอประจำกายของฝ่าบาท เยว่อ๋องรีบหลบเพื่อให้เขาเข้าไปรักษาพระชายาอย่างว่าง่าย“ไท่อี้เฉิง.. ท่านต้องช่วยรักษาภรรยาและบุตรของข้าเอาไว้ใ
ตอนที่ 26ภาพที่ปวดใจแต่เพียงแค่เขาออกคำสั่ง ทหารและบ่าวในจวนก็กรูกันเข้าไปค้นหาในจวนอย่างรวดเร็ว เขาปรายตามองเวินหนิงที่ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจออกมาเลยแม้แต่น้อย ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งชั่วยามคนที่เข้าไปค้นจวนรองแม่ทัพก็พากันเดินกลับออกมา“ไม่พบขอรับ”“เป็นไปได้อย่างไรกัน..”มือหนากำหมัดไว้แน่นก่อนจะหันไปจ้องใบหน้าของลู่เวินหนิงอีกครั้ง ท่าทางของนางที่ไม่รู้สึกรู้สายิ่งตอกย้ำว่าเธอมีพิรุธ แต่เพราะไร้ซึ่งหลักฐานและยังหาเยว่เฟยไม่พบ ความปลอดภัยของนางย่อมสำคัญกว่าจึงทำได้แค่ถอยออกมาก่อน“ข้าจะให้คำตอบของการกระทำในครั้งนี้กับรองแม่ทัพลู่ฉือเวยเอง กลับ!”เขาเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วพาบ่าวในจวนกลับออกมาแต่โดยดี ลู่เวินหนิงกำมือของตัวเองไว้แน่นด้วยความโมโห เธอไม่คิดว่าเหิงเยว่จะกล้าพาค้นมาบุกจวนของรองแม่ทัพเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่มีทางที่เธอจะยอมปล่อยผ่านไปแน่ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าหวานก็ยังคงฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างสะใจอยู่ดี“อู่ถังจับตาดูคุณหนูลู่เอาไว้ หากนางเคลื่อนไหวให้ตามไปทันทีแล้วรีบแจ้งข้า.. ข้าจะไปจวนอ๋องเจ็ด”เมื่อจัดการเรื่องที่ควรทำเรียบร้อยแล้ว เขาได้ขึ้นม้าเพื่อตรงไปยังจวนหยวนอ๋องตามลำพังทัน
ตอนที่ 25ลางสังหรณ์เสียงควบม้าดังกึกก้องไปทั่วผืนป่า แม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่จิตใต้สำนึกของเขากลับไม่อยากช้าแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากที่เหิงเยว่ฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบร้อนที่จะกลับไปหาพระชายา แม้ว่าโม่ฉินหรือเหล่าทหารต่างไม่มีใครเห็นด้วยแต่กลับไม่มีใครสามารถห้ามเขาเอาไว้ได้สักคน เยว่อ๋องฝืนร่างกายก่อนจะใช้ยาระงับความเจ็บปวดที่มีฤทธิ์กดความรุนแรงของบาดแผลทั่วร่างกายเอาไว้นาน6ชั่วยาม เพื่อที่จะเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงแม้ว่าจะมีผลกระทบภายหลังเกือบถึงชีวิตก็ตาม“ท่านอ๋อง! ช้าหน่อยขอรับร่างกายของท่านยังไม่หายดีอาจถึงตายได้นะขอรับ”โม่ฉินเร่งฝีเท้าควบม้าตามมาด้วยความเป็นห่วงเอ่ยห้ามตลอดทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถห้ามเขาได้อยู่ดี“โม่ฉิน! ข้ามีลางสังหรณ์ว่าพระชายากำลังตกอยู่ในอันตราย”“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ พระชายามีอู่ถังดูแลไม่มีอันตรายแน่นอนขอรับ”“ข้าไม่วางใจจะไปดูให้เห็นกับตา ไป!”เมื่อไม่สามารถห้ามปรามได้สุดท้ายทั้งสองก็รีบควบม้ามุ่งหน้ากลับเมืองหลวง ใช้เวลากว่าสี่ชั่วยามที่เขาเดินทางโดยไม่หยุดพักในที่สุดก็เดินทางมาถึงจวนอ๋อง ทันทีที่เขาเปิดปร