คำสั่งนาย
อัณชญาดีใจกรี๊ดลั่นบ้าน เมื่อผลสอบแอดมิดชั่นออกมาว่าเธอสอบติดทุกอันดับที่เลือก
“เป็นไรวะอัณ” นุ่มโผล่หน้าเข้ามาในห้องเพื่อถามไถ่ ขณะนั่งดูละครรอบดึกอยู่ในโถง สีหน้าก็ดูตกใจกับเสียงกรี๊ดของอัณชญาอยู่ไม่น้อย ดีที่ว่าป้าหมายหลับไปแล้ว
“อัณสอบเข้ามหา’ ลัยได้แล้วพี่นุ่ม”
“แล้วติดที่ไหน”
“ติดทุกอันดับที่เลือก ทั้งกรุงเทพฯ และในตัวจังหวัด”
“แล้วอัณจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”
“คงต้องถามน้าพลดูก่อน”
“แล้วอัณอยากเรียนที่ไหนล่ะ”
“เมื่อก่อนอยากเรียนที่กรุงเทพฯ มหา’ ลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่ตอนนี้หนูอยากเรียนในตัวเมือง ไม่อยากไปจากที่นี่”
“ยังไงก็ต้องถามนายก่อนหรือเปล่า ว่าเขาจะให้เรียนที่ไหน เพราะยังไงอัณก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียนายนะ”
“ไม่ใช่เมีย แค่นางบำเรอกำมะลอเท่านั้น” อัณชญาแก้ต่างให้
“จะเมียหรือนางบำเรอก็คือๆ กันนั่นแหละ เขาจ่ายเงินเดือนให้นี่หว่า แต่ถ้าอัณอยากเรียนที่นี่ ก็ไม่น่าจะเป็นไรนะ กรุงเทพฯ มันไกลไป อัณไปเรียนที่นั่น พี่ก็คงเหงา”
“เมื่อก่อนก็อยู่ได้นี่พี่”
“อ้าว นั่นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มีอัณมาอยู่ด้วยแล้ว ดีกว่าอยู่กับป้าหมายสองคน” ซึ่งค่ำมา ดูละครจบป้าก็สวดมนต์แล้วก็นอน ส่วนเธอจะนอนดึก อยากมีเพื่อนคุยและดูซีรีส์ยามดึกบ้าง
“เหมือนกันเลย เมื่อก่อนหนูก็อยากไปเรียนต่อมหา’ ลัยกรุงเทพฯ แต่ตอนนี้ไม่อยากไปแล้ว อยากเรียนในเมือง จะได้อยู่ที่นี่ต่อไง” เพราะจากที่นี่เข้าเมืองก็แค่ไม่กี่กิโลฯ เอง นั่งรถสองแถวไปกลับก็สะดวกดี
“แต่คงแล้วแต่นายไหม”
“หนูไม่อยากไปเรียนที่อื่น ไม่อยากไป ไม่อยากไป” อัณชญาพูดซ้ำไปซ้ำมา จนนุ่มทนไม่ไหว
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้น ตอนนี้เราต้องฉลองอัณสอบได้ก่อน กินหมูทะกันไหม”
“นายไม่ให้ออกไปไหน”
“ทำกินเองที่บ้านก็ได้”
“ก็ดี จะได้ชวนพี่แนน พี่ดวง น้าพลมากินด้วย”
“งั้นไปจ่ายตลาดกันดีกว่า”
“ดี หนูไปด้วย”
“นายสั่งไม่ให้อัณออกไปไหนไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสิ แต่ไปจ่ายตลาดแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ขออนุญาตพี่พลก่อนไหม” นุ่มไม่อยากโดนนายตัดเงินเดือนอีก หากอีกฝ่ายโมโหที่อัณชญาขัดคำสั่ง เพราะไปตลาดกับเธอ
อัณชญาโทร. ไปบอกพล แต่พลไม่อนุญาตให้อัณชญาออกไปไหน แม้แต่ตลาด เพราะนายสั่งไว้
“โอ๊ย ใจคอนายจะขังหนูไว้แต่ในบ้านจริงๆ เหรอ” อัณชญาบ่น
“นั่นสิ แล้วอัณจะอยากอยู่ที่นี่ต่อไหมล่ะ ถ้าจะถูกขังไว้แต่ในบ้านแบบนี้”
“ก็อยากอยู่เหมือนเดิมค่ะ” อัณชญาตอบอย่างไม่ลังเล
“ท่าทางจะหลงเสน่ห์นายแหละ”
อัณชญาไม่ตอบ แต่ยิ้มหวาน
“โอ๊ย นายแก่กว่าพ่ออัณอีกนะ”
“แต่หนุ่มกว่า และหล่อกว่าค่ะ” อัณชญาตอบ ใบหน้าสวยยังยิ้มหวาน
“ยังไม่เข็ดเรื่องวันนั้นอีกเหรอ”
“วันไหน”
“วันแซ่บๆ ไง”
“อ๋อ ไม่ลืมหรอกค่ะ แต่คนเราต้องมีความหวัง”
“หวังไปเถอะ สักวันนายคงเห็นความตั้งใจ แต่ตอนนี้พี่จะไปตลาดก่อนแล้ว”
“เดี๋ยวหนูเอาเงินให้นะ วันนี้หนูเลี้ยงเอง” อัณชญาบอก จากนั้นก็วิ่งปรูดไปที่ห้องหยิบเงินแบงค์เทาสองใบให้นุ่ม
“สองพันเลยเหรอ”
“ค่ะ ซื้อให้หมดเลยนะ อยากกินอะไรก็ซื้อเลย”
“งั้นพี่ไม่เกรงใจละนะ”
วันนั้นหลังจัดการงานบ้านเรียบร้อย สาวใช้ทุกคนก็มารวมตัวกันที่เรือนพัก ปาร์ตี้หมูกระทะก็เริ่มขึ้นอย่างเอร็ดอร่อย และสนุกสนาน เพราะมีการพูดคุย หัวเราะ หยอกเย้ากันไปตามเรื่อง
อัณชญาชอบบรรยากาศแบบนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่คนในครอบครัว แต่เมื่อได้อยู่บ้านเดียวกัน ทำงานด้วยกัน ก็รักใคร่กลมเกลียวกันไม่ต่างจากพี่น้อง
เธอหวังว่าจะได้อยู่กับพี่ๆ ในบ้านหลังนี้อีกนานๆ ไม่มีอะไรที่จะทำให้นายไม่พอใจเธอ กระทั่งให้ออกจากบ้าน
“อะไรนะคะน้าพล!” ในวันรุ่งขึ้น พลมาหาพร้อมกับคำสั่งจากนาย ที่ทำให้หัวใจอัณชญาวูบดิ่งด้วยความผิดหวัง
“นายให้มึงไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ”
“หนูจะเรียนที่ในเมือง”
“นายให้ไปเรียนกรุงเทพฯ”
“ไม่เอา หนูไม่ไป!”
“อัณ มึงจะดื้อทำไม นายอุตส่าห์ใจดี ส่งไปเรียนมหา’ ลัยในกรุงเทพฯ ใครๆ ก็อยากไปเรียนที่นั่นทั้งนั้น มึงจะไม่อยากไปทำไม ตอนแรกก็อยากไปไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นจะเลือกเป็นอันดับแรกๆ ทำไม”
“แต่ตอนนี้หนูไม่อยากไปแล้ว”
“มีเหตุผลอะไรถึงไม่อยากไป”
“หนูอยากอยู่ที่นี่”
“มีเหตุผลอะไรที่จะอยากอยู่ที่นี่”
“หนูอยากอยู่บ้านนี้”
“โอ๊ย มึงจะอยากอยู่มาก จนขัดคำสั่งนายเหรอ อยากให้นายโกรธใช่ไหม รับรองเลยนะ นอกจากมึงจะไม่ได้ไปเรียนต่อกรุงเทพฯ แล้ว มึงจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย” พลขู่ เพราะเหนื่อยจะโต้เถียงกับอีกฝ่าย
“น้าพล ช่วยหนูด้วยสิ หนูอยากเรียนในเมืองจริงๆ นะ”
“มึงจะบ้าเหรอ ใครก็ช่วยมึงไม่ได้ทั้งนั้น เรื่องนี้แล้วแต่นาย แล้วมึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมดื้อ คิดถึงอนาคตตัวเองไว้มากๆ เถอะ จะมาเอาแต่ใจตัวเองตอนนี้ได้เหรอ บ้านนี้มันมีอะไรดีนักหนาถึงอยากจะอยู่ ทั้งที่ไปเรียนกรุงเทพฯ มันดีที่สุดนะ”
“ก็บ้านนี้มีนาย”
“โอ๊ย อัณ มึงนี่นา หาเรื่องใส่ตัว คราวก่อนมึงยังไม่เข็ดใช่ไหม ก็นายบอกแล้วว่าไม่สนใจเด็กอย่างมึง มึงจะดันทุรังอยากเป็นเมียเขาเหรอ ถ้ามึงอยากมีผัวนัก ไปเรียนกรุงเทพฯ เลย ที่โน่นมีคนหน้าตาดี รุ่นราวคราวเดียวกับมึงเยอะแยะ”
"""""""""""""""""""""""
บาลีเดินออกมาจากในครัว หลังจากจัดเก็บจานชาม และเครื่องครัวเรียบร้อย ได้ยินเสียงเปียโนที่ผู้เป็นสามีกำลังสอนลูกสาวเล่นเพลง twinkle little starส่วนอิฐนั้นกำลังนั่งซ้อมกีตาร์อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน เป็นโถงกว้าง มีโซฟานั่งเล่นอยู่หลายมุม แบ่งโซนสำหรับการพักผ่อน และทำกิจกรรมที่ชอบ รวมทั้งมุมดูโทรทัศน์สำหรับบาลีกระทั่งใกล้เวลาเด็กๆ จะแยกย้ายเข้านอน ทุกคนก็มารวมตัวกันในมุมเปียโน ร้องเพลงที่เป็นเพลงโปรดของเด็กหญิงอัญมณีด้วยกัน เจ้าตัวเล็กของบ้านที่ทุกคนพร้อมจะเอาใจและดูแลประดุจเจ้าหญิง ทั้งพ่อและพี่ชายตามใจสุดๆ ส่วนแม่จะตามใจเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น ไม่ใจดีสุดๆ เหมือนพ่อกับพี่ชายอยู่แล้ว เพราะบาลีกลัวลูกสาวโตขึ้นมาเป็นเด็กเอาแต่ใจ“วันนี้หนูจะให้แม่อ่านนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงให้ฟังค่ะ” เด็กหญิงอัญมณีที่อายุสามขวบกว่าๆ แต่พูดจาชัดถ้อยชัดคำเกินวัย บอกความประสงค์ซึ่งทุกคืนก่อนนอน เจ้าตัวจะรีเควสเองว่าจะให้พ่อหรือแม่อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และคืนนี้บาลีก็ได้ทำหน้าที่ ซึ่งภายในสัปดาห์หนึ่ง เธอจะถูกเลือกอย่างมากสุดแค่สามวัน ที่เหลือเจ้าตัวน้อยของบ้านจะเลือ
“ฉันห่วงแกนั่นแหละ ทำงานเยอะไปแล้ว เป็นเจ้าของโรงแรมยังไง วันหยุดแทบไม่มี เวลาพักผ่อนน้อย เห็นพี่ดินบ่นนอนดึกทุกคืน”“เออ หลังแต่งงาน ฉันจะทำงานน้อยลง จะจ้างผู้ช่วยเพิ่ม และไอ้เอใกล้เรียนจบแล้ว ก็มาช่วยแบ่งเบางาน ฉันจะหยุดเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ให้ดู” อัณญาเอ่ยถึงน้องชายต่างแม่ ที่ตอนนี้อธิปกำลังเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก“ดีแล้วแก ฉันจะได้มีเพื่อนคุย เพื่อนช้อป”“แหม เห็นไปช้อปกับยัยพิมและยัยรตีในเมืองบ่อยๆ” คนหลังนี่ ปรับปรุงนิสัยดีขึ้น บาลีเลยยอมคุยดีๆ ด้วย เพราะจะว่าไปรตีเป็นเพื่อนคนเดียวในละแวกนี้ที่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเหมือนบาลี ทั้งสองเลยคุยกันได้มากขึ้น“บ่อยที่ไหน เดือนละครั้งสองครั้ง”“ตกลงยัยรตี มันคืนดีกับไอ้พี่วันหรือยัง”“ยังเลย มันบอกเจ็บแล้วจำ และมันรู้สึกว่าไอ้พี่วันอยากกลับมาคืนดี เพราะไม่มีที่ไปมากกว่าจะคิดได้ว่ารักมันกับลูก”“โอ๊ย จู่ๆ ยัยรตีก็ฉลาดขึ้นมางั้นเลย”“ก็แหงสิ ใครมันจะฉลาดมาตั้งแต่เกิดเหมือนเธอละยะ!” เสียงแว้ดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะเดินเฉิดฉายมานั่งในศาลา จากนั้นก็ส่งค้อนให้อัญญา“แหะๆ ขอโทษนะแก ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อก่อนไอ้พี่วัน มันก็ไม่เห็นว่าจะรักใค
บาลีเองก็ยังดูแลเรื่องบัญชีทั้งหมด ดูเหมือนคนที่ค่อนข้างจะมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในชีวิตก็คืออัทธ์ เพราะเขาแทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงหลังจากละครเรื่อง ไร่แสนเสน่หา คุณพ่อลูกสองยังไม่ได้รับงานแสดงอีก แต่กำลังเลือกบทงานภาพยนตร์ ที่มีบทแตกต่างจากที่เคยเล่น ส่วนงานโฆษณาต่างๆ ก็ยังรับเหมือนเดิมแต่งานที่ยังทำต่อเนื่อง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแต่งงาน ก็คืองานเพลง อัทธ์ออกเพลงใหม่ทุกปี ยังคงร้องเพลงในสวนอาหารของไร่ในทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ ทำให้คืนวันหยุดมีคนเข้าร้านมากที่สุด เป็นธุรกิจที่มีผลกำไรมากที่สุดในตอนนี้“จะห้าโมงเย็นแล้ว ไปเปลี่ยนชุดเตะบอลดีกว่า เดี๋ยวน้องอิฐกับเพื่อนๆ คงใกล้มาถึงแล้ว” ธรินท์บอก ก่อนลุกจากศาลา แล้วเดินกลับบ้านของตนเอง“น้องอิฐ นี่ยิ่งโตยิ่งหล่อเหมือนพ่อจริงๆ แถมชอบเล่นกีฬา โตกว่านี้ หุ่นว้าวแน่ๆ แก” เพราะเด็กชายอิฐ ตอนนี้อายุสิบเอ็ดขวบแล้วนอกจากเรียนดี กีฬาเด่น ยังเล่นกีตาร์ร้องเพลงได้ดี ไม่แตกต่างจากพ่อ อัทธ์อนุญาตให้ลูกชายรับงานแสดงได้ปีละเรื่อง ส่วนงานโฆษณาที่ใช้เวลาถ่ายทำน้อยกว่าละครนั้น รับได้ตลอดเรียนเสร็จเด็กชายอิฐก็ยังว่ายน้ำ กลับบ้านมาเล่นฟุตบอล กินข้าว
ตอนพิเศษ “น้องอิงคะ วิ่งช้าๆ เดี๋ยวล้มนะลูก” น้ำเสียงทุ้ม ที่ร้องห้ามลูกสาววัยสามขวบนั้นอ่อนโยน จนคนได้ยินถึงกับเอ่ยชม“พี่อัทธ์ เป็นพ่อที่แสนดีอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟเลย” อัณญาว่า ขณะมองตามพระเอกหนุ่มที่แทบจะหันหลังให้วงการบันเทิงมาเป็นพ่อบ้านเต็มตัว เพื่อดูแลลูกทั้งสอง “เตาไมโครเวฟกี่องศาดีล่ะ” คนที่พูดคือธรินท์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ แฟนสาว ซึ่งเดือนหน้าก็จะเข้าพิธีวิวาห์กันแล้ว “แหม ก็ต้องไฟกำลังพอดี อุ่นๆ สิ” “แล้วพี่นี่ต้องกี่องศา หือ” คนถามทำตามกรุ้มกริ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวด้วย“จะบ้าเหรอ มาถามอะไรแบบนี้” อัณญาปาเม็ดอัลมอนด์ที่กำลังกินเป็นของว่างยามบ่ายใส่ว่าที่เจ้าบ่าว “งั้นคืนนี้...”“ฮะ แฮ่ม นี่คิดว่าอยู่กันสองคนหรือไง!” คนที่แว้ดออกมานั้นคือบาลี ซึ่งกำลังเคี้ยวมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออย่างเอร็ดอร่อย พอได้ฟังว่าที่บ่าวสาวคุยกันท่าทางจะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องเบรกไว้ก่อน “แกเหอะ กินของเปรี้ยวแบบนี้ แพ้ท้องหรือเปล่า”“ไม่ได้แพ้ แค่อยากินไรเปรี้ยวๆ แก้เลี่ยนความหวานของแกกับพี่ดินนี่แหละ” ทั้งสามนั่งคุยกัน พร้อมกินของว่างยามบ่ายจัด ที่แดดอ่อนแสงไปแล้ว อยู่ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ข้างบ้าน ท
“เหนื่อยไหมครับลูก” อัทธ์ถามลูกชาย ขณะเอนตัวลงนอนเคียงข้างลูกชาย อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกันทั้งสามคน ส่วนบาลีนั้นนอนอยู่อีกฝั่ง ข้างลูกชายเช่นกัน และเธอกำลังไล่ดูภาพของเพื่อนๆ อัทธ์ ที่ทยอยโพสต์ภาพงานในอินสตาแกรม ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นรูปของตัวเองที่สวยเกือบทุกภาพ ส่วนอัทธ์กับน้องอิฐนั้น ไม่ต้องกังวล คือหล่อทั้งสองคน ก็เพราะคนพ่อเป็นดาราระดับซุป’ ตาร์ ส่วนลูกชายนั้น นักแสดงเด็กอนาคต ซุป’ ตาร์ ตามรอยพ่อเลยนะ “ลี เลิกเล่นโทรศัพท์ และปิดไฟได้แล้ว เลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้วนะ” อัทธ์บอกบาลีเสียงจริงจัง“ได้ค่ะ คุณพ่อตัวอย่าง” แล้วเธอก็ปิดโคมไฟ แล้วขยับตัวไปกอดลูกชายหลวมๆ“พ่อครับ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย”“ได้สิ เพลงอะไรดี” “ทวิงเคิลลิทเทิลสตาร์ครับ” “ได้ครับ” บาลีแอบยิ้มอยู่ในความสลัวภายในห้อง เพราะเพลงนี้เป็นเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของลูก แต่เธอร้องเพลงไม่เพราะ จึงเปิดคลิปเสียงให้ลูกฟังทุกวันตั้งแต่เด็กแบเบาะ โตแล้วก็ยังชอบฟังก่อนนอน คงเห็นว่าพ่อเป็นนักร้องเสียงเพราะที่สุดในโลก เจ้าตัวก็คงอยากฟังเพลงกล่อมนอนเพลงโปรดของตนเอง ทวิงเคอ ทวิงเคอ ลิทเดิท สตาร์ ฮาว ไอ วันเดอร์ วอท ยูว์ อาร์ อัพ
บทส่งท้าย ‘ฉันกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า’ บาลีครุ่นคิดในใจ ขณะมองเงาที่สะท้อนในกระจก หญิงสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเกาะอก ผมยาวคลุมเข่า เกล้าผมสูง โชว์ใบหน้าเรียว แต่งหน้าอย่างประณีต ด้วยฝีมือ เมกอัพอาร์ตติสชื่อดังของวงการ ที่เจ้าบ่าวเป็นคนจ้างมา รวมทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็จากแบรนด์หรู เครื่องประดับ ทั้งสร้อย ต่างหูและกำไลข้อมือก็เช่นกัน ยกเว้นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเป็นแหวนหมั้นจากตระกูลอัครพิสุทธ์ ที่มารดาของอัทธ์เป็นคนส่งมอบให้อัทธ์มาเพื่อหมั้นเธอ “ว้าว เมื่อเช้าชุดไทยก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้ก็สวยยิ่งกว่า” คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าบ่าวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวนั่นเอง อัทธ์อยู่ในชุดสูทสีเทาของแบรนด์ดัง ผมยาวระต้นคอถูกเซ็ทอย่างดี ปกติก็หล่ออยู่แล้ว พอเป็นเจ้าบ่าว ราศีสามีของบาลีก็พุ่งทะลุทุกแสงบนโลกนี้ทั้งสองแยกห้องแต่งตัวเพราะมีเพื่อนๆ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝั่งมานั่งพักรองาน หรือมาพูดคุยทักทายก่อนงานเริ่มตอนนี้ถึงเวลาต้องลงที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมขุนเขาของครอบครัวอัณญานั่นเองหลังจากพิธีช่วงเช้า ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น