“แฮ่กๆ...” เสียงหอบหายใจดังขึ้นจนตัวเองได้ยิน...ภาพตรงหน้าเห็นเพียงเท้าของหญิงผู้หนึ่งย่างก้าวเข้ามาใกล้ๆ ที่มองเห็นได้ไม่ชัดถนัดนักราวกับว่ากำลังนอนกองกับพื้น
“แมวตัวกระจ้อยอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งราชา!! อย่าอยู่เลย!”
“ไปซะ!! ท่านจอมราชา!! ท่านจงไปตามหา...อ๊ากกกกกก!!”
พรึ่บ!
เบิกตาโพลงขึ้นมองภาพรอบตัวของตนไปมา...นั่นมันเป็นเพียงภาพฝันที่เคยเกิดขึ้นเหมือนกำลังย้ำเตือนความทรงจำที่พึ่งผ่านมา นิลมณีหอบหายใจแรงมองเพดานห้องที่เธอไม่คุ้นเคยก่อนจะรีบเรียบสติตัวเอง...ใช่สิ เธอโดนเก็บมาเลี้ยงนี่...แต่พอยิ่งฝันอาการของเธอก็ยิ่งแย่ลง
เธอเหลียวไปมองชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกาย...รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเสียอย่างนั้น...เขาน่าจะปล่อยให้เธออยู่ข้างทางไปสิ ยังไงเธอก็รักษาตัวเองได้ถึงจะอยู่ในร่างแมวก็เถอะ เก็บมาเลี้ยงแบบนี้เธอจะออกไปหาท่านผู้นั้นเจอได้ยังไง...
...ช่างเถอะ...พักก่อนแล้วกัน... นิลมณีคิดและนอนลงท่าเดิมด้วยความอ่อนล้า
.
นิลมณีในร่างแมวสีดำขนเงางามแต่ยังมีแผลตามร่างกายถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเก็บมาเลี้ยงหลังจากที่เขาไปเจอเธอที่ข้างถนน ดีนพาเจ้าแมวตัวน้อยตาใสแจ๋วนั้นไปที่คลินิกหลังจากที่ดูอ่อนแอมาหลายวัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้โดนทำร้ายร่างกายมาอย่างหนัก ยิ่งทำให้ความรู้สึกสงสารเพิ่มขึ้นในใจของเขาและคอยดูแลเจ้าแมวน้อยอย่างดี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นผลกระทบจากการต่อสู้ในโลกปีศาจมิติคู่ขนานของเธอก็เท่านั้น
แม้เขาจะทำสีหน้าเรียบนิ่ง เขาก็ยังคอยสังเกตเจ้าแมวน้อยตลอด ที่น่าแปลกก็คือเจ้าแมวตัวสีดำนั้นกลับไม่ค่อยเข้าไปอ้อนหรือคลอเคลียเขาเหมือนแมวตัวอื่นๆเสียเท่าไหร่ถึงมันจะหายดีแล้วก็ตาม มันจะนอนอยู่นิ่งๆบนโซฟาเสมอ เวลาที่เขาเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟามันก็ลุกขึ้นแล้วเดินเชิดหน้าไปนอนตรงที่อื่นแทน
ด้วยความที่ดีนยังต้องทำงานจึงได้ปล่อยให้เจ้าแมวน้อยอยู่เงียบๆตัวเดียวในห้อง ซึ่งมันเป็นเวลาดีที่นิลมณีจะทำการรักษาด้วยพลังที่มีอยู่ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วเธอก็เริ่มที่จะฟื้นฟูพลังได้บ้างแล้วแต่ก็ไม่ทั้งหมด หากจะให้มันง่ายหน่อยก็คงต้องหาจอมปีศาจอาวุโสที่หนีเข้ามาอยู่ในโลกมนุษย์นี้ เพียงแต่...โลกมนุษย์มันก็กว้างไม่ใช่น้อยเธอจะไปหาจอมปีศาจจากที่ไหนได้บ้าง
การที่เธอถูกดีดกระเด็นมายังโลกมนุษย์ก็เพื่อรักษาตัวเองและตามหาจอมปีศาจอาวุโสให้กลับไปช่วยเธอกอบกู้เขตแดนจากนางปีศาจจิ้งจอกอย่างฮู่ลี่ และช่วยใหพลังแก่เธอได้อีกด้วยจากความที่เป็นผู้นำองค์ก่อนนั่นหมายถึงบรรพบุรุษของราชาโลกปีศาจ เธอจึงต้องมาตามหาที่โลกมนุษย์ตามตำนานที่ถูกจารึกเอาไว้ว่าบรรพบุรุษของราชาสละบัลลังก์แล้วไปที่ไหนกันบ้าง
ยังดีที่สหายมือซ้ายและมือขวาของเธอดีดเธอออกมาจากการต่อสู้ได้สำเร็จ แต่เกิดความผิดพลาดบางอย่างจึงทำให้เธอกระเด็นขึ้นมายังโลกมนุษย์เสียได้ เพราะแบบนี้เธอจึงต้องตามหาจอมปีศาจที่หลบมาอยู่บนโลกมนุษย์แทนที่จะไปหาที่อื่น
“เฮ้อ...นอนขดสี่เท้ามาจนปวดตัวไปหมดแล้วเนี่ย” นิลมณีที่เริ่มมีพลังกลับคืนมาบ้างแล้วก็กลายร่างเป็นหญิงสาวใบหน้าสวยสดงดงาม ดวงตาเฉี่ยวใสราวกับดวงตาของแมว ทรวดทรงองค์เอวเป็นที่น่าเย้ายวนใจไม่น้อยหากชายหนุ่มคนใดเห็นเข้าก็คงจะหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของเธอ
นิลมณีบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นมายืนสะบัดตัวไปมา นิสัยแมวบางส่วนยังคงติดตัวเธอมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอเดินไปทางตู้เย็นคิดจะเปิดหาอะไรลงท้องเสียหน่อย เพราะไม่ได้แตะอาหารเม็ดที่เขาเทไว้ให้เลย ไม่ทันที่จะได้เปิดตู้เย็นก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่หน้าห้อง นิลมณีจึงค่อยๆย่องเข้าไปแล้วเงี่ยหูฟัง
“ฉันเห็นจริงๆนะคะว่าคุณผู้ชายเอาแมวมาเลี้ยง”
“จะเป็นไปได้ยังไง คุณผู้ชายแพ้ขนสัตว์นะ”
“แล้วถ้าแมวมันแอบเข้ามาล่ะ เราไม่เข้าไปดูแล้วจับมันออกมาคุณผู้ชายจะว่าเราเอาได้นะ”
เสียงของหญิงสาวสองคนที่ยืนพูดอยู่หน้าห้องดังเข้ามาในโสตประสาทการได้ยินอย่างไม่ต้องตั้งใจฟังเท่าไหร่นัก นิลมณีกอดอกกรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก เธอถึงกับยกยิ้มร้าย...ถึงเวลาที่เธอเอาคืนเขาบ้างแล้ว..
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ? เสียงดังเข้าไปถึงในห้องเลย” นิลมณีเพียงดีดนิ้วเปราะเดียวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกไปทำเอาหญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องถึงกับตกใจก่อนจะมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า...
ที่คาดผมหูแมวพร้อมกับหางแมวที่ประดับอยู่ตรงบั้นท้ายอีกทั้งยังมีป้ายปลอกคอ เธออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตของชายเจ้าของห้อง หญิงสาวสองคนมองหน้ากันถึงกับขนลุกซู่เพราะคิดเหมือนกันว่าคุณผู้ชายของพวกหล่อนมีรสนิยมแปลกน่าดู
“เอ่อ...คือว่า...คุณผู้หญิงเห็นแมวเข้ามาในห้องหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวที่ใส่ชุดสีขาวดูเรียบร้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้ง นิลมณีทำหน้าตาใสซื่อก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูเขินๆออกมา การแสดงของเธอนั้นไร้ที่ติจนไม่มีอะไรผิดสังเกต
“ก็ฉันไงคะ? แมวที่อยู่ในห้อง” เมื่อได้ยินคำตอบหญิงสาวทั้งสองคนถึงกับทำหน้าช็อกค้าง ใบหน้าของหญิงสาวทั้งสองขึ้นสีแดงเรื่อเสียอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของเธอด้วยถึงทำให้ผู้หญิงด้วยกันยังเขิน อีกอย่างคุณผู้ชายของพวกหล่อนก็ไม่ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่จึงไม่แปลกหากมีผู้หญิงเข้ามาบ้าง
“อาจจะร้องดังไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะคะ” นิลมณีเอ่ยต่อ
“ไม่ๆๆ ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ทั้งสองยอมจากไปแต่โดยดี เพราะคิดว่าหากยุ่งมากไปกว่านี้คงจะไม่วายโดนดีนดุเป็นแน่
เมื่อเรื่องคลี่คลายนิลมณีก็ปิดประตูลงพลางถอนหายใจ แต่ก็แอบลอบยกยิ้มขึ้นมาเมื่อคิดถึงสายตาของคนในบ้านมองเขามันจะเป็นยังไงกันนะ คงจะคิดว่าเขารสนิยมแปลกและคงจะดูโรคจิตไม่น้อยที่เลี้ยงผู้หญิงเหมือนเลี้ยงแมว แค่คิดก็อดหัวเราะคิกคักไม่ได้
กริ๊ก!
ไม่ทันที่จะได้หัวเราะให้สะใจเสียงปลดล็อคประตูก็ดังขึ้นเล่นเอานิลมณีถึงกับสะดุ้งจนหางตั้งก่อนจะรีบแปลงกายกลับเป็นแมวสีดำตัวน้อยตามเดิมแทบจะเสี้ยววินาทีที่เขาเปิดประตูเข้ามา ดีนเดินตรงเข้ามาหาเธอทันทีพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาห้องรับแขกที่เจ้าแมวตัวน้อยนั่งอยู่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นอย่างเชิดๆตามเดิม
“นั่งอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนไม่ได้หรือไง?” ดีนพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองแมวตัวน้อย เขาค่อนข้างแปลกใจที่มันหยุดเดินหนีพร้อมกับเหลียวมองเขาก่อนจะนอนหมอบอยู่ตรงนั้นไม่ได้กระโดดลงจากโซฟาเหมือนเช่นเคย
“เธอก็ฟังฉันรู้เรื่องเหมือนกันนะ” ดีนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปอย่างช้าๆ นิลมณีเหลียวมองมือนั้นก่อนจะรับรู้ถึงกลิ่นบางอย่างที่มาจากตัวเขาทำให้เธอถึงกับนิ่งงันไป ยอมให้เขาลูบศีรษะแต่โดยดีอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
...กลิ่นปีศาจนี่ ทำไมพึ่งได้กลิ่นล่ะ? หรือว่าฉันไม่ได้เข้าใกล้เขา หรือว่ามาจากที่ทำงานของเขากันนะ?... เธอแอบคิดในใจหาต้นตอของกลิ่นไอปีศาจนี้ นิลมณีในร่างแมวสีนิลเดินเข้าไปใกล้เขาพร้อมกับจมูกฟุดฟิดดมไปเรื่อย ๆอย่างไม่รู้ตัว
“นี่เราสนิทกันมากถึงขนาดปีนตัวฉันแล้วเหรอไง?” ดีนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาก็เอนตัวให้เธอไต่ไล่ดมตัวเขาอยู่อย่างนั้น เมื่อนางแมวสาวในร่างเจ้าลูกแมวได้ยินก็ถึงกับลืมตาขึ้นแล้วก้มมองตัวเองที่ตอนนี้กำลังไต่ซิกแพคของเขาอยู่
...กรี๊ดดดด! ลืมตัวได้ยังไง!...
ทุกวันที่อยู่โรงพยาบาลมักจะมีดีนคอยเฝ้าและคอยกวนเธอตลอด ไม่ทำให้เธอรู้สึกเบื่อเลย...อีกทั้งภายในใจกลับรู้สึกถึงแรงบางอย่างเสมอเมื่อเขาเข้าใกล้...ก้อนเนื้อในอกมันมักจะเต้นระบำอย่างควบคุมไม่ได้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ในสายตาของเธอมองเขาเปลี่ยนไป...อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางกายที่เคยเกิดขึ้นถึงทำให้เธอรู้สึกแบบนี้...แต่มันก็แค่คืนเดียว... “แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเหรอ?” ดีนเดินเข้าห้องมาพร้อมกับผู้ติดตามคนสนิทหลังจากที่ออกไปเตรียมรถ เพราะวันนี้เป็นวันที่เธอได้ออกจากโรงพยาบาลนั่นเอง “อือ” เธอตอบสั้นๆ พลางเบือนหน้าหนี แค่เห็นหน้าเขากลับรู้สึกแปลกๆจนไม่กล้ามองหน้าเสียอย่างนั้น “เรา...กลับบ้านกันเถอะ” พูดพลางยื่นมือไปทางเธอด้วยรอยยิ้ม นิลมณีมองค้างไปด้วยใจที่เต้นรัวก่อนท
“เพราะมีราชากระจอกแบบนี้...เจ้าจึงต้องเสียดินแดนเขตนี้ให้ข้า ผู้ยิ่งใหญ่...ทุกเขตแดนล้วนแต่มีข้าปกครอง อย่าดื้อดึงไปหน่อยเลย” เสียงพูดพร้อมยิ้มเยาะหลุบสายตามองมาที่เธอ ...เอ๊ะ.... “จงดับสิ้นไปเสียเถอะ!!” “อ๊ากกกกกกก!!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เลือดหยดลงพื้นต่อหน้าต่อตา ภาพที่เห็นเพียงหลังข้อเท้าของผู้ที่เอาตัวมาปกป้อง พยายามเอียงหน้าขึ้นมองด้วยความยากลำบาก...เห็นกรงเล็บที่งอกยาวทะลุร่างของสหาย สมิงพรายเหลียวมองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ไปซะท่านราชินี!!” .
ไม่ถามเปล่าดีนยังขยับก้าวเข้าไปใกล้ๆ นิลมณีเองก็ถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างไม่ให้เขาเข้าใกล้เกินไป จะให้เธอบอกได้ยังไงว่าเรื่องที่เธอมาคุยนั้นเป็นเรื่องของเขาและตัวตนที่อยู่ในตัวเขา“ก็...ไม่เชิง มันก็ไม่ใช่เรื่องคุณทั้งหมดซะหน่อย” นิลมณีพยายามที่จะเชิดหน้าตอบแต่สายตาของเธอกลับหลบเลี่ยงไปทางอื่นเสียอย่างนั้น ดีนชะงักฝีเท้าที่ย่างก้าวเข้าไปใกล้พร้อมกับยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจที่ได้ยินคำตอบนั้นออกจากปากของเธอ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องของเขาส่วนหนึ่ง“มีอะไรทำไมไม่ถามผมเองตรงๆล่ะครับ จะไปถามคนอื่นทำไม?”“พูดเหมือนถามแล้วคุณจะรู้ตัวอย่างนั้นแหละ” นิลมณีพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ปรายสายตามองเขาด้วยความรู้สึกเซ็งๆ ดีนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองเธอ“คนอื่นรู้ดีกว่าตัวผมงั้นสิ?”“เอาเป็นว่า...ช่างมันเถอะค่ะ จะกลับได้หรือยังยุงกัดจนพรุนหมดแล้วเนี่ย” นิลมณีเอ่ยตัดบทเพราะถึงจะเถียงเขาไปยังไงก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ดีนที่เห็นนิลมณีงอแงใส่เขาแบบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาส่ายหน้าไปมาเพราะรู้ดีว่าเธอต้องการที่เลี่ยงคำถาม
นิลมณีและดีนเดินทางมายังร้านอาหารของอัคคี ที่ที่เขาเคยแกล้งเธอจนเธอได้สนิทกับอัคคี ดีนก็ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะสนิทสนมกันมากขนาดนั้น จนเขาต้องตามมาเพราะเขาไม่ชอบที่นิลมณีเลขาสาวสนิทสนมกับเพื่อนสนิทของตนขนาดนั้น ถึงดีนจะไม่รู้ว่าเธอมาทำไมก็ตาม ธุระของเธอที่ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ ดีนได้แต่นั่งมองนิลมณีและอัคคีพูดคุยกันที่โต๊ะไกลๆ เพราะเขาดันลั่นปากไปว่าจะมาทานอาหารมือค่ำ จะให้เสนอหน้าเข้าไปแทรกทั้งสองก็คงจะดูเสียฟอร์มไปหน่อยจึงทำได้แค่เพียงแอบมองอยู่เงียบๆ “โฮ่...มาหาถึงที่ร้านแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ...แถมยังพาดีนมาด้วย” อัคคีพูดพลางเอี้ยวตัวเอียงหน้ามองดีนที่จ้องมองเขาและนิลมณีตาเขม็ง แอบรู้สึกสนุกในใจกับท่าทีของดีนที่ดูจะหวงเลขาสาวจนออกนอกหน้า นิลมณีหันหลังกลับไปมองตามสายตาของอัคคีก่อนจะหันกลับแล้วเอ่ยขึ้น
ในช่วงยุคหนึ่งที่พญาสิงห์ได้ขึ้นตำแหน่งราชาแห่งโลกปีศาจในเขตนี้ ด้วยความที่ยังหนุ่มและเต็มไปด้วยความสามารถบวกกับพลังที่มีมหาศาลเหตุเพราะตระกูลพวกสิงหราชทั้งหลายล้วนมีพลังที่เอ่อล้นเหมาะกับการเป็นราชามารุ่นสู่รุ่น มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่พาตระกูลตกต่ำลงเสียตำแหน่งให้ปีศาจตนอื่นไป... จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาต้องไปไล่ล่าเหล่าปีศาจนอกรีตที่เข้ามาปั่นป่วนจับปีศาจแถบชายป่ากลืนกินดวงจิตเพื่อที่ตนเองจะได้แข็งแกร่ง ก็ดันไปเจอกับเจ้าปีศาจแมวน้อยสีดำสนิท บ่งบอกถึงว่าเจ้าแมวตนนี้ต้องคำสาปมาอย่างแน่นอน...และเป็นเขาที่เก็บเจ้าแมวตัวนั้นเข้ามาในเมือง... แต่ด้วยความที่มีตำแหน่งราชาค้ำคอ หากรับปีศาจตนอื่นเข้ามาเลี้ยงดู เจ้าแมวน้อยตนนี้คงไม่พ้นตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าบรรดาปีศาจที่ตั้งใจต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชานี้ เขาจึงทำได้เพียงปล่อยมันอยู่ในเมืองตามยถากรรม..ได้แต่เพียงเฝ้าดูมันเติบโตอยู่ห่างๆ ช่วยเหลืออยู่ห่าง...
“เจ้าไม่รู้กิตติศักดิ์ของข้ารึ? นางจิ้งจอก” พูดพลางบีบลำคอของฮู่ลี่แน่นขึ้นจนนางจิ้งจอกตรงหน้าเจ็บปวดเพราะโดนแผดเผา ลำคอไหม้ขึ้นเป็นสายเปื้อนรอยดำ ก่อนที่สายตาเหลือบปรายไปมองนิลมณีที่ทรุดตัวลงกับพื้น เธอปรือตามองภาพตรงหน้าแล้วล้มลงไป นั่นทำให้ดีนที่มีจิตวิญญาณของปีศาจพญาสิงห์ถึงกับละมือจากนางจิ้งจอกตรงหน้า รีบรุดเข้าไปหานิลมณีที่ตอนนี้สลบไปแล้ว ฮู่ลี่ที่ล้มลงกับพื้นเอามือจับที่ลำคอของตนด้วยความเจ็บปวด ได้ทีก็รีบลุกขึ้นแล้วหนีหายออกจากห้องนั้นเพราะในสภาพตัวเองที่ตอนนี้รอยไหม้มันเริ่มลุกลามคงจะสู้พญาสิงห์ไม่ได้เป็นแน่ การกลับไปตั้งหลักคือเรื่องที่ดีที่สุด ... “นิลมณี” เขาพยายามเอ่ยเรียกแต่เธอกลับไม่มีการตอบสนอง ปลายนิ้วเรียวของเขาเลื่อนไปปรายตรงใต้จมูกโด่งสวยนั้น เพราะตอนนี้เธอเป็นมนุษย์ย่อมมีลมหายใจแต่ทว่า...ลำหายใจของเธอนั้นช่างโรยรินเสียเหลือเกิน...แทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ... “...ถ้าเป็นเช่นนี้...ก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกเหนือจากนี้” เขาเอ่ยขึ้นพลางมองใบหน้าสวยนั้น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ บรรจงจุมพิตลงบนร