แชร์

ลูกแม่ค้า

ผู้เขียน: เพทายสีแดง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-01 21:01:58

๗ ปี ก่อนหน้า

บัวบูชา สินธปกรณ์ (ดอกบัวที่นำขึ้นบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์) คือชื่อของผู้หญิง อายุ ๒๑ ปี นักศึกษาชั้นปีที่สี่ สาขาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เจ้าของร่างบางผิวขาวราวกับหยวกกล้วย ที่มีส่วนสูงประมาณ ๑๖๙ เซนติเมตร ใบหน้าเรียวยาวขาวนวลน่ารักสมวัย ผมหน้าม้าสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวปรกหน้าผากมนทำให้ใบหน้าหวานดูน่ารักขึ้นเป็นเท่าตัว

อีกทั้งจุดไฝสีดำเม็ดเล็กที่แต่งแต้มอยู่ข้างริมฝีปากล่างซ้ายนั้น ทำให้เวลายิ้มใบหน้าดูมีเสน่ห์ไม่น้อย เจ้าตัวในชุดนักศึกษาแขนสั้นสีขาว กระโปรงสีดำ สวมใส่ผ้ากันเปื้อนตัวเก่ง กำลังช่วยแม่ตักแกงใส่ถุงให้กับลูกค้ามากหน้าหลายตาที่มาต่อแถวรอซื้อกับข้าว

ตึกแถวสองชั้นที่เช่าอยู่ ใช้ชั้นล่างของห้องเปิดเป็นร้านขายข้าวแกงเล็กๆ ในทุก ๆ เช้าก่อนไปเรียน บัวบูชาจะลงมาช่วยแม่ขายข้าวแกงทุกวัน ร้านข้าวแกงอาหารเหนือร้านนี้ไม่มีวันหยุด เพราะถ้าหยุดนั้นก็หมายถึงรายได้ที่หายไป ตั้งแต่ที่พ่อเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย สองแม่ลูกที่ขาดเสาหลักของบ้านก็แทบล้มทั้งยืน ไหนจะหนี้สินที่ไปกู้ยืมนอกระบบมาเพื่อรักษาผู้เป็นพ่อ ภาระหนักจึงตกเป็นของแม่อุบล หญิงสาวชาวเหนือที่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาทำมาหากินในเมืองหลวงพร้อมกับสามีคู่ทุกข์คู่ยาก

ชีวิตก่อนหน้านั้นถึงจะไม่ได้สุขสบายมากนัก แต่ก็ไม่ได้ลำบากเท่าตอนที่สามีคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเกือบยี่สิบปี ล้มหายตายจากไปเพราะโรคร้าย ตอนนั้นบัวบูชาที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก จึงต้องทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้เป็นแม่ ชีวิตในวัยรุ่นไม่เคยได้เที่ยวเล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อมาช่วยแม่เตรียมของเตรียมวัสดุ จากนั้นก็ช่วยแม่ขายจนถึงหกโมงเช้า ก่อนจะรีบกินข้าว อาบน้ำและแต่งตัวไปโรงเรียน

ส่วนตอนเย็นก็ไปช่วยแม่ขายผัดไทย ในตลาดนัดกลางคืนแห่งหนึ่ง จนถึงห้าทุ่มถึงจะได้พากันกลับบ้าน กว่าจะผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปได้ กว่าที่หนี้สินที่หยิบยืมมาจะใช้คืนเจ้าหนี้หมด สองคนแม่ลูกก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดสี่ปีเต็ม จากเด็กหญิงมัธยมปลายในวันนั้น กลายมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สี่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนั่นก็คือการดิ้นรนทำมาหากินของสองแม่ลูกคู่นี้ จนเป็นภาพที่ชินตาของบ้านใกล้เรือนเคียงแถวนั้น

จากที่ขายทุกวันแทบไม่มีวันหยุด บัวบูชาก็บังคับให้แม่หยุดขายในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยที่เธอจะออกไปทำงานที่ร้านกาแฟแทน เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพของผู้เป็นแม่ ด้วยวัยที่ย่างเข้าปีที่ห้าสิบหกแล้ว ยืนขายของนาน ๆ ก็ไม่ค่อยไหว เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า ทำให้ปวดขาเวลายืนนาน ๆ

“บัว ตักถุงนี้เสร็จก็ไปเรียนได้แล้วนะลูก จะเจ็ดโมงแล้ว วันนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอลูก รีบไปนะช่วงเช้ารถเยอะ เดี๋ยวจะไปไม่ทัน”

“ได้จ้ะแม่ ขออีกเจ้าหนึ่งนะ”

“พี่สาวเอาอะไรจ๊ะ?” ใบหน้าน่ารักหันไปตอบแม่ก่อนจะหันมาถามลูกค้าสาวที่ยืนรอคิวอยู่ตรงหน้า

“พี่เอาแกงหน่อไม้ ตำขนุน แล้วก็ลาบคั่วแล้วกันจ้ะ”

“ได้จ้ะ” มือเรียวสวยสาละวนกับการตักแกงใส่ถุงตามรายการที่ลูกค้าสั่ง ก่อนจะยื่นถุงพร้อมแจ้งราคา

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ” เจ้าของรอยยิ้มหวาน เอ่ยขอบคุณพร้อมกับรับเงินมาแล้วยื่นให้ผู้เป็นแม่

“เอาไว้ไปเรียนเถอะลูก”

“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ หนูพอมีอยู่ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไร แม่เก็บไว้เถอะ”

“ประหยัดได้นะลูก แต่ต้องไม่อดมากจนเกินไป”

“คร้าบบบบบผม หนูไปก่อนนะแม่ เจอกันเย็นนี้นะ”

“จ้าลูก”

  บัวบูชานั่งรถเมล์มาลงป้ายหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองหลวง สถานที่ที่เจ้าตัวได้รับทุนเรียนฟรีมาตั้งแต่ปีหนึ่ง กว่าจะคว้าทุนเรียนฟรีมาได้ก็เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็นก็ไม่ผิดนัก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่พ่อป่วย ครอบครัวประสบปัญหาหลาย ๆ ด้าน เธอต้องช่วยแม่ทำงาน และต้องแบ่งเวลามาอ่านหนังสือเพื่อสอบแข่งขันชิงทุนกับคนจำนวนมาก

แต่ก็นับว่ายังพอมีโชคอยู่บ้างที่เธอเป็นคนหัวเร็ว และเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอสอบติดหนึ่งในนั้น แต่หลังเข้าเรียนแล้วก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาระดับผลการเรียนให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดตามหลักเกณฑ์ของทุนที่ได้กำหนดไว้ เพราะหากว่าเรียนไม่จบเธอต้องชดใช้เงินพร้อมค่าปรับตามจำนวนของเงินทุนที่ได้รับมาทั้งหมด

ร่างบอบบาง ผิวขาว ปากนิดจมูกหน่อย เดินเข้าห้องเรียนตามปกติ ดวงตาคู่สวยสอดส่องสายตามองหาเพื่อนสนิทที่ไลน์มาบอกก่อนหน้านี้ว่าได้จองที่นั่งให้เรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งเห็นเพื่อนสาวโบกไม้โบกมือมาให้ บัวบูชาเลยรีบเดินตรงไปหาเพื่อนทันที

“มาช้านะแก” ณฤดี เอ่ยทัก

“รถติดอะ คนก็เยอะมากด้วย รอรถตั้งนาน” พูดจบก็หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ

“แกกินข้าวมาหรือยังอะ?”

“อืม กินจากที่บ้านมาแล้ว”

“ทำงานหนักมากนะแก ช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้วด้วย แกมีเวลาอ่านหนังสือบ้างไหมเนี่ย?”

“ไม่มีก็ต้องมีอะแก อาศัยอ่านช่วงเสาร์-อาทิตย์ หลังเลิกงานเอา”

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เอ่อ... ว่าแต่ช่วงนี้แกรับงานจากเจ้กร อยู่ปะ?”

“ไม่อะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานเลย เจ้กรบอกว่าส่วนมากตอนนี้จะเป็นงานถ่ายแบบพวกชุดว่ายน้ำซะส่วนใหญ่”

“แกไม่ลองรับถ่ายดูอะ หุ่นแกก็ดีอยู่นะ”

“ไม่เอาอะ เราไม่ได้เป็นมืออาชีพ อีกอย่างเราก็ไม่ได้มั่นใจในหุ่นของตัวเองขนาดนั้น”

และก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้พูดอะไรกันต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยอาจารย์ผู้สอนเสียก่อน สองสาวจึงต้องหยุดการสนทนาลงเพียงเท่านั้น และหันมาตั้งใจเรียนแทน

บ่ายวันเสาร์ ในร้านคาเฟ่ขนาดกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ตกแต่งด้วยโทนสีขาวและสีน้ำตาลสไตล์มินิมอล มีทั้งไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอยู่โดยรอบ ทำให้ร้านคาเฟ่แห่งนี้สะดุดตาผู้คนที่สัญจรไปมาอยู่มาก บวกกับรสชาติที่อร่อยของเครื่องดื่มและเบเกอรี่ทำให้ร้านคาเฟ่แห่งนี้มีผู้คนเข้ามาไม่ขาดสาย บัวบูชาที่กำลังขะมักเขม้นชงเครื่องดื่มตามรายการที่ลูกค้าสั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เงยหน้าขึ้นมองลูกค้าผู้มาใหม่ทันทีที่เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น

“อ้าว! พี่เนย เจ้กร สวัสดีค่ะ” บัวบูชายกมือไหว้ เนยสาวสวยเจ้าของร้านแห่งนี้ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อนสาวประเภทสองชื่อกรกัณฑ์ เจ้าของโมเดลลิงที่เธอเรียกติดปากว่าเจ้กร

“สวัสดีจ้าคนสวย” เจ้กรรับไหว้ พร้อมเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ้าน้องบัว วันนี้ลูกค้าเยอะไหมจ๊ะ?” เจ้าของร้านสาวเอ่ยถาม

“เยอะค่ะพี่เนย เห็นว่ามีคนเอาไปลงเพจ มีคนตามมาทานเพียบเลยค่ะ”

“จริงเหรอ? เพจไหน ๆ พี่ต้องไปขอบคุณเจ้าของเพจแล้วสิ ทำให้คนรู้จักร้านเราเยอะขึ้น ทั้ง ๆ ที่ร้านเราเป็นแค่ร้านเล็ก ๆ”

“สวัสดีค่ะ พี่เนย เจ้กร เดี๋ยวน้ำเอาให้ดูค่ะ พี่รู้ไหมว่าตอนนี้ร้านเราดังใหญ่แล้วนะ คนอวยกันใหญ่ว่าบาริสต้าร้านเราเป็นสาวสวยแสนน่ารัก แถมกาแฟและเบเกอรี่ร้านเราก็อร่อยมาก” น้ำ สาวน้อยลูกจ้างอีกคนของร้านเอ่ยกับผู้มาใหม่ทั้งสอง

“สวัสดีจ้า น้องน้ำ จริงเหรอ! ดังใหญ่แล้วนะเรา” เนยหันมากระซิบกับบัวบูชา ซึ่งเจ้าตัวได้แต่ยิ้มรับอ่อน ๆ กับคำกล่าวชมของเจ้าของร้าน

“พี่เนยก็ชมเกินไปค่ะ”

“ก็น้องบัวน่ารักจริง ๆ นี่น่า ว่าแต่รู้จักกับน้องบัวมาก็ตั้งนาน พี่ยังไม่เคยเห็นแฟนน้องบัวเลยเนี่ย” เจ้าของร้านเอ่ยถาม

“บัวยังไม่มีแฟนค่ะ”

“เรื่องจริง?” เนยทำตาโต อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่บัวบูชาบอก

“จริงค่ะ บัวไม่สนใจเรื่องความรักหรอก ทุกวันนี้แค่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็เหนื่อยจะแย่แล้วค่ะ” คนตัวเล็กพูดยิ้ม ๆ

“โธ่! เด็กดีจริง ๆ ลูกสาวของเจ้”

“งั้นก็หางานให้น้องเยอะ ๆ สิแกอะ” เจ้าของร้านสาวหันมาพูดกับเพื่อน

“กูก็ป้อนงานให้น้องมันตลอดแหละ แต่ช่วงนี้มันไม่ค่อยมีงาน แกก็รู้” กรกัณฑ์อธิบาย

“แต่ไม่ต้องห่วงนะหนูบัว ถ้ามีงานเจ้จะรีบบอกหนูทันทีเลย เด็กดี นิสัยน่ารัก ๆ รู้จักกตัญญูอย่างหนู เจ้ไม่ทิ้งแน่นอนจ้ะ”

“ขอบคุณเจ้กร กับพี่เนยมาก ๆ เลยนะคะ พี่ทั้งสองคนช่วยเหลือบัวมาตลอดเลย” บัวบูชา ยกมือไหว้ด้วยความซึ้งใจในน้ำใจของพี่ทั้งสอง

“ไม่เป็นไรจ้ะ พวกพี่ ๆ ก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ เด็กกตัญญูแบบหนูตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้แน่นอน เชื่อพี่” กรกัณฑ์ ชายร่างใหญ่แต่ใจสาวโบกไม้โบกมือทำท่าทางบอกว่าไม่เป็นไร

“ใช่จ้ะ มีอะไรก็บอกกัน ปรึกษากันได้ พวกพี่สองคนพร้อมช่วยเสมอ”

“ขอบคุณค่ะ”

บัวบูชาเคารพพี่ทั้งสองคนนี้มาก คนแรกที่ช่วยเหลือเธอก็คือพี่เนยเจ้าของคาเฟ่ที่รับเธอเข้าทำงาน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นทางร้านก็ไม่ขาดพนักงานด้วยซ้ำ ในวันที่เดินเตะฝุ่นหางานทำ เธอสะดุดตาเข้ากับร้านคาเฟ่แห่งนี้ เลยเดินเข้ามาซื้อน้ำหวานดื่มแก้กระหาย จากนั้นลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามพนักงานในร้านว่ารับสมัครพนักงานหรือเปล่า ประจวบเหมาะกับเจอเจ้าของร้านพอดี

พี่เนยเจ้าของร้านเห็นแล้วคงสงสารเลยรับเธอเข้ามาทำงาน เดือนแรกก็ช่วยเสิร์ฟ ล้างจาน และช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน หลังจากนั้นพี่เนยก็ให้ไปเรียนชงกาแฟ และเครื่องดื่มโดยมีพี่เกรซบาริสต้าคนเก่งของร้านเป็นคนสอน หลังจากนั้นสองเดือนพี่เกรซก็ลาออก เธอเลยได้มาเป็นบาริสต้าจำเป็นของร้านแทน

 ด้วยความที่เป็นคนหัวเร็ว เรียนรู้จดจำได้ดี และผลจากการที่ช่วยแม่ขายของมาตั้งแต่เด็กทำให้บัวบูชามีทักษะในด้านนี้ ส่งผลให้เจ้าตัวทำมันออกมาได้ค่อนข้างดี เลยได้รับความไว้วางใจจากพี่เนยเจ้าของร้าน

ส่วนเจ้กร เพื่อนพี่เนย พึ่งมารู้จักทีหลัง วันนั้นเจ้กรแวะมาทานกาแฟที่ร้าน พอเห็นหน้าค่าตาเจ้กรก็ชักชวนมาเข้าโมเดลลิงของตัวเองทันที เริ่มแรกก็ป้อนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ เช่น ถ่ายโฆษณาเป็นตัวประกอบเล็ก ๆ จนมาถึงถ่ายแบบงานบ้าง พอให้เธอมีรายได้ช่วยแม่อีกทางหนึ่ง สองคนนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณของบัวบูชาเลยก็ว่าได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บัวเหนือศิรา   คุณลุงคนหล่อเท่

    ตอนนี้ทั้งห้องเหลือเพียงจันทรรัตน์ และบัวงามสองคน เด็กหญิงตัวน้อยคุยจ้อไม่หยุด เรียกเสียงหัวเราะให้หญิงสูงวัยได้เป็นอย่างดี ชีวิตที่เงียบเหงาเพราะทั้งสามี และลูกชายทำแต่งาน ได้มีเด็กน้อยมาเป็นเพื่อนคุยด้วยแบบนี้ก็ดีไม่น้อย“บัวงามเรียกคุณยายว่า คุณย่าได้ไหมจ๊ะ” หญิงสูงวัยถามเด็กน้อยที่ตอนนี้กำลังเล่นบทบาทสมมุติ“เอ๋...คุณย่า คือใครคะ?” เด็กน้อยถามอย่าสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ก็น้องงามมีแต่คุณยายนี่น่า“คุณย่าก็คือ คุณแม่ของคุณพ่อไงจ๊ะ คุณยายมีลูกชาย ถ้าบัวงามเป็นหลานสาวก็ต้องเรียกคุณยายว่า คุณย่า หนูเข้าใจไหมจ๊ะ”บัวงามทำหน้ายู่ หัวคิ้วพันกันยุ่งเหยิง ปากน้อยเม้มนิด ๆ อย่างกำลังพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก เห็นแบบนั้นหญิงสูงวัยจึงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู“ไม่ต้องคิดแล้วลูก สรุปก็คือเรียกว่าคุณย่า โอเคไหมจ๊ะ”“โอเคค่ะ” บัวงามตกลงทันที เพราะไม่อยากที่จะคิดเยอะ บัวงามปวดหัว“มากันแล้วเหรอลูก ตาศิรา มานี่มา แม่มีหลานสาวคนสวยมาแนะนำให้รู้จัก คนนี้ลูกสาว

  • บัวเหนือศิรา   คุณป้าจันทรรัตน์

    ในเช้าวันจันทร์ที่อากาศสดใส เด็กน้อยตัวอ้วนตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น เพราะเมื่อวานผู้เป็นแม่บอกว่าจะพาไปร้านขนมเจ้าประจำ ซึ่งเวลามาเที่ยวที่นี่ทีไร หม่าม้าจะพาน้องงามไปทุกที แค่คิดถึงบลูเบอรี่ชีสพายน้องงามก็น้ำลายไหลแล้ว“ว้าว วันนี้หลานป้าแต่งตัวสวยจังเลย” ณฤดีเอ่ยชมหลานสาวที่วันนี้แต่งตัวสวย ด้วยชุดเดรสผ้ายีนสีน้ำเงินเข้มมีระบายลูกไม้สีขาวรอบตัว พร้อมด้วยพร็อพ เป็นกระเป๋าสะพายใบเล็ก ดูน่ารักน่าชัง“หม่าม้าเป็นคนเลือกให้ค่ะ วันนี้หม่าม้าคนสวยจะพาหนูไปซื้อขนมเค้กด้วยน้า”“งั้นเช้านี้น้องงามต้องทานข้าวเยอะ ๆ มีไข่ตุ๋นของโปรดหนูด้วยนะจ๊ะ” บัวบูชาพูดกับลูกสาว ก่อนจะอุ้มเด็กอ้วนนั่งบนเก้าอี้“ได้เลยค่ะ หม่าม้า” ร่างเล็กนั่งโยกไปมาอย่างอารมณ์ดี“เก่งจังเลยลูกสาวใครเนี่ย” บัวบูชาหอมแก้มอ้วนเบา ๆ ก่อนจะหันไปบอกให้ป้าฟองแม่บ้านตักข้าวให้“เดี๋ยวแวะไปร้านขนมก่อนนะ ยังมีเวลาเหลือ” บัวบูชาบอกกับณฤดี ขณะที่ตักของโปรดให้บัวงามไปด้วย“โอเค”“วันนี้ไปท

  • บัวเหนือศิรา   ว่าที่สะใภ้กิจธนะวรกุล

    บริษัทดูแว็ง จำกัด“แก ไปกรุงเทพครั้งนี้จะเอาบัวงามไปด้วยจริงเหรอ?”“อืม อยากพาลูกไปเที่ยวกรุงเทพ” บัวบูชาตอบคำถามเพื่อนน้ำเสียง“แล้วตอนแกไปคุยงาน บัวงามจะอยู่กับใคร? อย่าบอกนะว่าจะเอาหลานฉันไปด้วย”“ใช่”“แกจะให้พ่อลูกเจอกันแล้วเหรอ?”“มั้ง”“แกว่าผัวเก่าแกจะรู้ไหม ว่าบัวงามเป็นลูกเขาอะ”“ไม่รู้สิ” บัวบูชายิ้มเล็กน้อย พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อนักสืบที่เธอจ้างมาแจ้งว่ามีคนสะกดรอยตามเธออยู่สองวัน และผู้ชายในรูปที่นักสืบส่งมาให้ก็คือศิราและคินน์ ซึ่งเธอจำได้ดี“แกเลยจะเอาบัวงามไปกระตุ้นความอยากรู้ของคุณศิรา ว่างั้น”“รู้ได้ไงอะ สมกับที่เป็นเพื่อนฉันมานาน แกนี่มันน่ากลัวจริง ๆ เปลี่ยนอาชีพไปเป็นหมอดูเถอะ” บัวบูชาว่าพลางทำตาโต“ฮ่า ๆ ใครกันแน่ที่ร้าย เจ้าแผนการ” ณฤดีมองบน“ธรรมดา” บัวบูชาหัวเราะพลางยักไหล่เบา ๆ&ldquo

  • บัวเหนือศิรา   กดดันทุกทาง

    “เอายังไงต่อ?” คินน์ถามขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนกำลังขับรถกลับโรงแรม หลังจากที่ขับตามดูบัวบูชาไปจนถึงบ้านแล้ว“กูขอตามดูลูกกูอีกสักวัน พรุ่งนี้ค่อยกลับเที่ยวบินสุดท้ายตอนสี่ทุ่ม ตอนนี้กูรู้บ้าน รู้ที่ทำงาน รู้โรงเรียนลูกแล้ว กูขอกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน แล้วค่อยหาทางให้บัวมาเจอกูที่กรุงเทพ”“จะเอาเรื่องงานมาอ้างเหรอ?” คินน์เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตอนนี้กูกับบัว มีเรื่องให้เกี่ยวข้องกันก็แค่เรื่องงานเท่านั้น”“อืม”บ้านกิจธนะวรกุลหลังทานข้าวเช้าเสร็จ ศิราก็เข้าไปพบผู้เป็นพ่อในห้องทำงานทันที ร่างสูงเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานขนาดใหญ่ซึ่งผู้เป็นพ่อใช้ทำงานหลังจากมอบตำแหน่งประธานให้เขา และรับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสให้กับบริษัทศิรายืนอยู่ตรงประตูไม้สักรูปมังกรบานใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้สึกหนักใจเล็กน้อย เพราะการเข้าไปหาผู้เป็นพ่อครั้งนี้ก็คงต้องทะเลาะกันเหมือนอย่างทุกที มือหนายกขึ้นเคาะประตูสองครั้งเบา ๆก๊อก ก๊อก“เข้ามา” เสียงแหบของชายชราวัย ๖๕ ที่ทรงอำนาจดังขึ้น ก่อนที่ศิราจะผลักประตูเข้าไป“คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ” ศิราเอ่ยถามหลังจากที่นั่งลงเรียบร้

  • บัวเหนือศิรา   ความลับของศิรา

    อดีต“ไงวะ ช่วงนี้มาบ่อยนะมึง” มาวินเอ่ยทักทายเจ้าของร่างสูงเพื่อนสนิทที่ช่วงนี้เห็นหน้าเห็นตาบ่อยกว่าปกติ“อืม” ตอบรับด้วยเสียงเย็นชา“ช่วงนี้เป็นอะไรของมึง เครียดเรื่องขึ้นเป็นประธานหรือไง”“อืม ช่วงนี้เบื่อ ๆ เรียกเด็กให้กูสักคนซิ”“เฮ้ย! เอาจริงดิ”“เอามาเถอะน่า ไม่ต้องพูดมาก”“ตามใจมึงแล้วกัน เมียงอนมากูไม่เกี่ยวนะเว้ย ได้กลายเป็นหมาไม่รู้ตัวนะบอกก่อน”ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ภายในบาร์ สายตาคมกริบทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างเรื่อยเปื่อยคล้ายรอเวลาให้หมดลงไปก็เท่านั้น มือหนายกไวน์ขึ้นจิบเป็นระยะ ๆ ส่วนสาวน้อยนางหนึ่งที่ถูกเรียกมาบริการก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้าง ๆ เพราะชวนคุยก็แล้ว รินไวน์ให้ก็แล้ว อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไง ชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วย เพราะอีกฝ่ายนั่งเงียบไม่พูดไม่จามาร่วมสองชั่วโมงแล้ว“เดินตามมานี่หน่อย” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้

  • บัวเหนือศิรา   ลูกใคร?

    ศิราที่ได้ให้เลขาจัดการสมัคร IG และสอนวิธีการเล่นไปบ้างแล้วในเบื้องต้น กำลังค้นหาชื่อแอคเค้าท์ที่ต้องการ ก่อนที่สายตาคมจะสะดุดตรงรูปโปรไฟล์ ชื่อก็ตรงไม่มีผิดสักตัวอักษร แต่ทำไมรูปโปรไฟล์เป็นรูปเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาน่ารัก“ลูกใคร หน้าตาน่ารักน่าชัง” ศิราพึมพำ ในนั้นมีทั้งรูปทั้งคลิปอยู่ทั้งหมดร้อยกว่ารายการ มือหนากดเข้าไปดูรูปล่าสุดที่เจ้าของพึ่งโพสต์ไปเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ในรูปเป็นงานวันเกิดของเด็กหญิงตัวน้อยเจ้าของรูปหน้าโปรไฟล์ เจ้าตัวกำลังยิ้มอย่างมีความสุขถ่ายรูปคู่กับเค้กวันเกิดก้อนใหญ่ พร้อมข้อความใต้โพสต์“สุขสันต์วันเกิดน้องบัวงาม อายุครบ ๔ ขวบ หม่าม้าขอให้หนูมีความสุข เป็นที่รักของทุกคน และปีนี้ขอให้พี่นางฟ้าใจดีทำความฝันของหนูให้เป็นจริงนะคะ”ดวงตาสีดำสนิทฉายแววประหลาดใจ มือหนารีบกดย้อนไปดูโพสต์ ก่อนหน้า ทีละโพสต์ ทีละโพสต์ ส่วนมากที่เห็นจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของหนูน้อยที่ชื่อบัวงาม เช่น กินข้าวเช้ากับอะไร ไปเที่ยวที่ไหน หรือช่วงเวลาที่หนูน้อยงอแงเพราะไม่สบายศิราเลื่อนลงไปดูจนสุด ชาย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status