หน้าหลัก / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่1 ชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไป

แชร์

บทที่1 ชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไป

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 16:23:59

สัมผัสแรกที่รู้สึกคือความเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายในสัญชาตญาณการรับรู้ แต่ก่อนที่นทีจะตั้งสติมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อที่คุ้นหูจนต้องฝืนลืมตาขึ้นด้วยความลำบาก เมื่อปรับสายตาให้มองเห็นชัดแล้วจึงเห็นเป็นสตรีผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่เขานอนอยู่ สายตาของนางที่มองมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายชวนให้รู้สึกอุ่นใจและคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย

“หนิงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์ ได้ยินเสียงของมารดาหรือไม่?” เสียงของสตรีเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเด็กหนุ่มสลบไปไม่ได้สติถึงเจ็ดวันเต็ม

“ท่านแม่...” นทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไปตามความคิดแรกที่ปรากฎขึ้น ก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความมึนงง เมื่อเห็นเช่นนั้นสตรีคนดังกล่าวจึงรีบป้อนน้ำให้กับเขาในทันที

“หนิงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นเสียที...” สตรีคนเดิมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลพร้อมกับขยับเข้าใกล้มองสำรวจด้วยความเป็นห่วง นางใช้หลังมือลูบไล้ใบหน้าและลำคอของเด็กหนุ่มด้วยความกังวลที่ลดลงไปบ้างเล็กน้อย

แม้ว่าภายนอกของเด็กหนุ่มในตอนนี้ดูเหมือนปกติแล้วก็จริงแต่นางยังคงไม่วางใจสักเท่าไหร่ เพราะเดิมทีแล้วร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแรงมาก ในระยะหลังมานี้ยังเจ็บป่วยอยู่บ่อย ๆ จนน่าเป็นห่วงยิ่งนัก

“ข้าเป็นอันใดไปหรือขอรับ?” แม้ว่านทียังคงสับสนมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความคุ้นชินในการปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์จึงไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่เกิดขึ้นอาจดูไม่ทันให้ตั้งตัวไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจะรับมือได้

“เดิมทีร่างกายของเจ้าก็ไม่ได้แข็งแรงอยู่แล้วจากการจมน้ำครั้งนั้น อย่างที่เจ้ารู้ว่าร่างกายของคนทั่วไปไม่ได้มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นเดียวกันกับผู้ฝึกตน ยิ่งกับเจ้าที่สัมผัสไอเย็นไปมากในช่วงนี้จึงส่งผลให้เจ็ดวันก่อนอาการของเจ้าแย่ลงจนถึงขั้นสลบไม่ได้สติไป...” นทีที่ได้ยินดังนั้นจึงพอที่จะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ร่างกายที่เขาได้มาอาศัยอยู่เห็นได้ว่าไร้เรี่ยวแรงอีกทั้งยังผอมซีดจนดูน่ากลัว แต่นั่นอาจจะด้วยเพราะร่างกายนี้คงเจ็บป่วยมาเป็นเวลานานถึงได้มีอาการแบบนี้ก็เป็นได้

“แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ใช่ผู้ฝึกตนเล่าขอรับ?” นทีถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะหากว่าโลกนี้มีผู้ฝึกตนแล้วย่อมมีเส้นทางมากมายที่จะทำให้คนผู้หนึ่งสามารถเป็นผู้ฝึกตนได้อย่างไม่ยากเย็น

“เรื่องนี้เจ้าลืมไปอย่างนั้นรึ? หลังจากที่ไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณในครั้งนั้นเจ้าก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย...” เยว่ซินถามกลับไป พร้อมกับครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ส่งผลให้บุตรชายของนางหันหลังให้กับเส้นทางของผู้ฝึกตน

“...”

“เจ้ายังรู้สึกไม่สบายตรงที่ใดอีกหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบนิ่งไปนางจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงเจ็บปวดในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุยในเรื่องอื่นพร้อมกับถามถึงอาการของอีกฝ่ายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังรู้สึกอยากอาบน้ำมากขอรับ...” นทีเอ่ยถึงความต้องการของตนไปเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนียวตัวเป็นอย่างมาก

นทีค่อย ๆ ฝืนยันกายลุกขึ้นนั่งโดยมีผู้เป็นมารดาช่วยประคองอยู่ไม่ห่าง ทางฝั่งของเยว่ซินมองเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วงอยู่เต็มอก บุตรชายของนางตัวเล็กถึงเพียงนี้แต่กลับต้องแบกรับทุกอย่างเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับไหวได้

“เช่นนั้นเจ้ากินโจ้กเสียก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำแล้วกัน...” แม้ว่าเยว่ซินจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มพึ่งฟื้นคืนสติจึงยังไม่สมควรที่จะอาบน้ำ แต่เมื่อเห็นสายตาออดอ้อนที่มองมานางจึงอดไม่ได้ที่จะตามใจ

“เช่นนั้นข้าไปอุ่นโจ้กให้คุณชายใหญ่นะขอรับฮูหยิน” เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนดังขึ้นจากตรงมุมห้อง ก่อนที่อีกฝ่ายจะหายไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เพียงชั่วครู่จะกลับเข้ามาอีกครั้ง

"โจ๊กที่ฮูหยินเตรียมไว้มาแล้วขอรับ..." เด็กหนุ่มคนเดิมเอ่ยขึ้น ก่อนที่ถอยกลับไปไม่ห่างมากนัก

"ขอบใจเจ้ามากลู่ซี..."

“หนิงเอ๋อร์กินโจ้กรองท้องสักนิด หลังจากอาบน้ำเสร็จจะได้กินยาและพักผ่อนอีกหน่อยคงจะดีขึ้นและหายดีในเร็ววัน...” เมื่อกล่าวจบลงหนึ่งสตรี หนึ่งเด็กหนุ่ม ค่อย ๆ พยุงตัวของนทีให้อยู่ในท่าทางที่พร้อมในการรับอาหาร

เยว่ซินผู้เป็นมารดาได้ป้อนโจ้กให้กับนทีอย่างเบามือ แม้ว่าเขาจะยังไร้เรี่ยวแรงไปสักหน่อยจึงมีความทุลักทุเลไปไม่น้อย สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำว่าร่างกายที่เขาเข้ามาอยู่ในตอนนี้มีความอ่อนแอเป็นอย่างมาก จากนั้นเยว่ซินได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดเจ็ดวันมานี้ที่เขาไม่ได้สติ จึงทำให้นทีได้รับรู้เรื่องราวที่มากขึ้นถึงสถานการณ์ความเป็นไปในตอนนี้

ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ นทีได้จัดการโจ้กตรงหน้านี้ไปเรียบร้อย มือเรียวบางรับถ้วยยาจากมารดายกขึ้นดื่มอย่างไม่อิดออดนี่จึงทำให้เยว่ซินที่เห็นจึงรู้สึกวางใจไปบ้าง จากนั้นนางได้กำชับลู่ซีให้ดูแลบุตรชายของตนให้ดีก่อนที่นางจะหายออกไปจัดการบางอย่างที่นางคิดว่าสมควรแก่เวลาเสียที...

“คุณชายจะอาบน้ำเลยหรือไม่? ข้าได้ต้มน้ำอุ่นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ...” ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มดีใจเพราะคุณชายของตนนั้นดูมีเรี่ยวแรงกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก

“รบกวนเจ้าด้วยแล้วกัน...” นทีพยังหน้าตกลงพร้อมกับยกยิ้มออกมาเล็กน้อย เด็กหนุ่มตรงหน้าดูมีอายุราว ๆ สิบห้าปีแม้จะผอมไปสูญหน่อยแต่ก็มีความสูงโปร่งดังเด็กหนุ่มทั่วไป หากผ่านพ้นช่วงวัยนี้คงเติบโตเป็นบุรุษที่มีรูปร่างสูงใหญ่เป็นแน่

"คุณชายยังรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวตรงที่ใดอยู่หรือไม่ขอรับ?"

"ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจที่เป็นห่วง..."

“ให้ข้าช่วยประคองคุณชายนะขอรับ?” นทีที่ฝืนตัวลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว เพียงแต่ว่าเขาอาจจะดูถูกร่างกายนี้มากเกินไป เพราะเพียงแค่ก้าวเท้าลงจากเตียงนอนเท่านั้นเขาก็แทบที่จะล้มลงพื้น

“ร่างกายนี้ช่างบอบบางยิ่งนัก ช่างขัดใจเสียจริง!” นทีอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาก่อนที่ลู่ซีจะค่อย ๆ พยุงอีกฝ่ายไปยังส่วนด้านหลังที่กั้นฉากไว้สำหรับการอาบน้ำ ที่ก่อนหน้านี้ลู่ซีได้เตรียมน้ำถังใหญ่ไว้สำหรับชำระร่างกาย

“อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้คุณชายไม่ได้ขยับร่างกายไปถึงเจ็ดวันก็เป็นไปได้ เช่นนั้นให้ข้าช่วยอาบน้ำดีหรือไม่ขอรับ?” ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่รบกวนเจ้า...หากข้าเสร็จแล้วจะเรียกอีกทีแล้วกัน” แม้ร่างกายของเด็กหนุ่มที่เขาได้เข้ามาอยู่ในร่างจะมีอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีก็จริง แต่กับเขาที่มีอายุถึงยี่สิบห้าปีแล้ว นทีจึงคุ้นเคยกับการช่วยเหลือตัวเองมากกว่า

“ขอรับคุณชาย” ลู่ซีรับคำของเด็กหนุ่มพร้อมกำชับไปอีกครั้งว่าหากมีสิ่งใดที่ต้องการช่วยเหลือให้เรียกได้ทันที แม้ว่าเขาจะแปลกใจเป็นอย่างมากทั้งในคำพูดและท่าทางที่เปลี่ยนไปของคุณชายที่เขาเฝ้าดูแลรับใช้มานานหลายปี...

'ไม่ใช่ความฝันอย่างนั้นเหรอเนี่ย?' นทีที่แอบหยิกแขนตัวเองเบา ๆ ความรู้สึกเจ็บตรงบริเวณดังกล่าวนั้นทำให้รู้ว่านี่เป็นความจริง

เงาสะท้อนที่เห็นทำให้รู้ว่าร่างกายที่เขาเข้ามาอาศัยอยู่เป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่มีใบหน้าชวนให้รู้สึกเอ็นดูแต่ทว่าแฝงไปด้วยความงดงามที่คล้ายคลึงกับเยว่ซินผู้เป็นมารดาไปเสียหลายส่วน เพียงแต่ร่างกายนี้ผอมซีดเป็นอย่างมากและมีแขนขาเรียวเล็กชวนให้รู้สึกบอบบางยิ่ง

เมื่อสำรวจร่างกายจนเป็นที่พอใจแล้วจากนั้นนทีได้ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วยามในการแช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่นพร้อมกับค่อย ๆ ครุ่นคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรมากนัก เพราะนี่อาจเป็นชีวิตใหม่ที่เขาเฝ้ารออยู่ก็เป็นไปได้...

“ขอบใจเจ้ามากนะลู่ซีที่คอยช่วยข้า...” เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยนทีจึงได้เรียกให้อีกฝ่ายช่วยประคองกลับไปยังเตียงนอนที่ในตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนผ้าปูไปเรียบร้อยแล้ว

“สงสัยว่าหลังจากที่ข้าหายดีคงต้องออกกำลังให้หนัก ร่างกายนี้จะได้แข็งแรงกว่านี้...” นทีถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเสียไม่ได้

“เช่นนั้นข้าจะออกกำลังเป็นเพื่อนคุณชายดีหรือไม่ขอรับ? บริเวณด้านหลังของเรือนหลังนี้มีลานกว้างอีกทั้งมีอากาศที่บริสุทธิ์ยิ่ง...” ลู่ซีตอบกลับไปเพราะคิดว่าหากคุณชายของตนได้ออกกำลังร่างกายที่บอบบางนี้คงจะแข็งแรงขึ้นไม่น้อย

“หลังจากนี้คงต้องรบกวนเจ้าอย่างหนักแล้ว” นทีตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มระบายเล็กน้อย

"ด้วยความยินดีขอรับ..."

"ลู่ซี...วันนี้วันที่เท่าไหร่?"

"เป็นวันที่สิบสอง เดือนลิ่วเย่ว (เดือนมิถุนายน) ขอรับ..." ลู่ซีตอบกลับคุณชายของตนในทันที

"ข้ามีเรื่องหนึ่งรบกวนเจ้า อาจเป็นเพราะข้าไม่ได้สติไปหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาความจำคล้ายกับว่าเรือนลางในบางเรื่อง เจ้าช่วยเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวข้าได้หรือไม่?" นทีถามออกมา แม้ว่าในตอนนี้ความทรงจำของร่างเดิมพอให้เขาพอรับรู้เรื่องราวบางสิ่งมากแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงกระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่เขาจะได้รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้โดยเร็วที่สุด

"คุณชายจดจำได้เพียงบางสิ่งหรือขอรับ? แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ข้าต้องรีบแจ้งฮูหยินแล้วตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของคุณชายเสียแล้ว..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

"ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เจ้าก็เห็นว่าเพียงเท่านี้ท่านแม่ก็เคร่งเครียดมากพอแล้ว อาการข้าก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้น เอาละ! เจ้าเพียงเล่าเรื่องราวให้ข้าก็เพียงพอแล้ว" นทีรีบเอ่ยห้ามเด็กหนุ่มตรงหน้า เพราะเขาไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

"ขอรับ..." แม้ลู่ซีจะไม่เห็นด้วยกับความต้องการนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางคุณชายของตนแล้วจึงพยักหน้าพร้อมกับรับคำด้วยความเข้าใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจางหนิงอ้ายผู้นี้ให้กับนทีได้รับฟัง...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status