“เชิญ” สิ้นเสียงคุณหนู ท่านหมอผู้นั้นก็ได้แต่ส่ายหัว พลางคิดว่าเนื้อแท้ของคุณหนูผู้นี้ไม่ได้เลวร้ายเช่นที่ผู้คนเล่าลือ
เหมือนจะไม่สนใจและต่อว่า แต่แท้จริงก็ห่วงใย
“หลินถงชาเล่า?”
“นี่เจ้าค่ะ”
“ส่งให้เขา” สิ้นเสียงนาง บ่าวคนสนิทของพี่ใหญ่ก็ยังยืนนิ่งคล้ายไม่สนใจ
“...”
“นี่เป็นชาชั้นดี ที่แบ่งมาจากเรือนข้า เพราะยามมาที่เรือนนี้ข้าจะได้มีชาชั้นดีจิบ” หมิงเจียวซือกล่าวก่อนจะดึงห่อชาจากสาวใช้แล้วยัดใส่มือบ่าวชายตรงหน้า
“คุณหนูท่านไม่ควรมา...” เพ่ยตงที่ถูกยัดของใส่มือไม่ทันตั้งตัวรีบคว้ามันเอาไว้ก่อนที่จะตกพื้นแล้วจะเอ่ยห้ามอีกฝ่าย
“ข้าเป็นคุณหนูจวนหมิง ข้าจะเดินไปที่ใดก็ได้ในจวนข้า เข้าใจหรือไม่” กล่าวจบนางก็จับข้อมือหลินถงแล้วลากออกมาทันที
‘โอ๊ย! หัวใจจะวาย เหตุใดการไปเยือนเรือนของหมิงเลี่ยงรุ่ยในครานี้ถึงได้น่ากลัว’ ทั้งที่ชาติก่อนนางไม่เคยหวาดกลัวคนผู้นี้เลยสักครั้ง ส่วนบ่าวรับใช้คนสนิทหากเป็นเมื่อก่อนคงถูกสั่งโบยมาแล้วโทษฐานที่ไม่เคารพนาง แต่เหตุใดวันนี้นางสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นของเขาและบ่าวรับใช้ คล้ายกับว่าคนในเรือนท้ายจวนมีสิ่งใดบางอย่างที่นางยังไม่รู้
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านดูแปลกไปนะเจ้าคะ”
“หากข้าบอกว่ายามที่ข้าหลับใหลไปนานถึงสามวัน ข้าได้ไปเยือนปรโลก ได้ไปรับโทษแห่งผลการกระทำของตนเอง ข้าถูกทรมานมากมาย จนได้เจอเหยียนหลัวหวาง[1]และได้ให้คำสัตย์ว่าหากได้กลับมาพบหน้าท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะเปลี่ยนแปลงตนเองไม่รังแกหรือใส่ร้ายผู้อื่นอีก”
“คุณหนู!” หลินถงคล้ายไม่อยากให้คุณหนูของตนเองกล่าวเรื่องที่ไม่เป็นมงคลเช่นนั้น
“หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ฝันก็ได้ แต่เมื่อตื่นขึ้นข้าก็มานั่งคิดทบทวนกับตนเองแล้วว่า ข้าจะต้องกลั่นแกล้งและใส่ร้ายพี่ใหญ่ด้วยเหตุใด ในเมื่อสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบิดา เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ทั้งในภายหน้าข้าอาจจะได้พึ่งพาเขา ดังนั้นข้าเลยคิดจะเปลี่ยนแปลงตนเอง และหากข้าไม่ทำตัวร้ายกาจ ท่านแม่ก็จะไม่โดนท่านพ่อตำหนิ จวนหมิงก็จะสงบสุข เจ้าว่าหรือไม่”
“คุณหนูเป็นนายของบ่าว ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด บ่าวล้วนมองว่าดีงามเจ้าค่ะ” แม้ที่ผ่านมาคุณหนูจะร้ายกาจกับคุณชายใหญ่ แต่ทว่ากับบ่าวรับใช้คนสนิทเช่นนาง คุณหนูกลับใจดีมีเมตตายิ่ง
“เจ้าก็เหมือนกัน หากข้าทำสิ่งใดไม่ดี เจ้าเอ่ยตักเตือนข้าได้ ข้าจะไม่โกรธเคือง”
“คุณหนูของบ่าว” หลินถงน้ำตาคลอด้วยความดีใจ คุณหนูของตนเติบโตขึ้นมากทีเดียว
“รีบกลับเรือนกันเถิด ข้าร้อน”
“เจ้าค่ะ” นอกจากคุณหนูเอ่ยปากว่าจะไม่กลั่นแกล้งและใส่ร้ายพี่ชายต่างมารดาแล้ว คุณหนูของนางคล้ายจะกลายเป็นสตรีปากร้ายแต่ใจดี
มุมปากหยักของหมิงเจียวซือยกขึ้นเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าต่อจากนี้นางจะทำทุกอย่างเพื่อลดความโกรธแค้นที่อยู่ในใจหมิงเลี่ยงรุ่ยให้ได้
พรึ่บ! เพ่ยตงคุกเข่าลงตรงหน้าคุณชายของตนก่อนจะเอ่ยรายงานในสิ่งที่ตนเพิ่งได้ยินมา
“นางเอ่ยเช่นนั้นหรือ”
“ขอรับคุณชาย”
“สตรีร้ายกาจที่จงเกลียดจงชังข้าน่ะหรือ คิดเปลี่ยนแปลงตนเอง ตะวันขึ้นทางทิศเหนือแล้วกระมัง หึ!”
“ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันขอรับ แต่ยามที่พวกข้าขัดขวางคุณหนูรอง นางไม่มีท่าทีโกรธเคืองแม้จะสั่งให้ผู้คุ้มกันจับตัวพวกบ่าวไว้ แต่ไม่ได้ลงโทษหรือทำอันใดรุนแรงเลยขอรับ”
“นางแค่ไม่ทำร้ายพวกเจ้าครั้งเดียว เจ้าก็ใจอ่อนแล้วหรือ”
“ขออภัยขอรับคุณชาย เป็นข้าที่คิดตื้นเขินไป”
“จำเอาไว้ สตรีน่ะมากมารยา ยากจะไว้ใจได้”
“ข้าจะจำเอาไว้ขอรับคุณชาย” เพ่ยตงกล่าวพลางเงยหน้ามองคุณชายด้วยสายตาเลื่อมใส โชคดีจริง ๆ ที่ในครั้งนั้นเขาได้เจอคุณชาย มิเช่นนั้นป่านนี้ก็คงกลายเป็นนักฆ่าหรือไม่ก็โจรที่ทำแต่เรื่องชั่วช้าสุดท้ายก็ถูกฆ่าตาย
“แล้วสตรีร้ายกาจเช่นหมิงเจียวซือนั้น ไม่มีวันที่จะกลายเป็นสตรีที่ดีงามได้หรอก” หมิงเลี่ยงรุ่ยเอ่ย แววตาแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน
[1] พญายมราช
“หากจะให้นุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยวบ่าวคิดว่าน่าจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ เห็นท่านลุงพ่อครัวกล่าวว่ายิ่งเคี่ยวนานน้ำแกงยิ่งหอมหวานเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นข้าจะเก็บเห็ดเอง เจ้าไปต้มกระดูกหมูรอข้า” “จะดีหรือเจ้าคะ” “หรือเจ้าจะให้ข้าที่ก่อไฟยังไม่เป็นไปทำกันเล่า” “คุณหนูแค่ไปแจ้งท่านลุงพ่อครัว” “เจ้าลืมแล้วหรือวันนี้ท่านลุงอู๋ขอออกไปดูมารดาที่ป่วย ใกล้เวลารับสำรับเย็นถึงจะกลับมา” “บ่าวลืมไปเลยเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเจ้าจงรีบไปที่ครัวแล้วต้
6 สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง ทันทีที่กลับถึงจวนหยวนลี่หมิงหรือที่ผู้อื่นเข้าใจว่าเขาคือคุณชายตระกูลหมิง หมิงเลี่ยงรุ่ยก็ลอบเข้าเรือนของน้องสาวนอกไส้ เนื่องจากช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาลอบเข้ามาสังเกตนางอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงหาตัวนางได้ไม่ยาก ‘วันนี
“ไม่ดีกว่า...เจ้าค่ะ ข้าให้หลินถงไปส่งก็ได้” หากเขาไปด้วย นางก็อดหนีกลับจวนก่อนน่ะสิ “เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ” “เจ้าค่ะ” หมิงเจียวซือลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับสาวใช้คนสนิท ห้องที่ฝูหว่านอิ๋งเลือกเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เมื่อนางออกจากห้องมาคนที่อยู่ภายในห้องก็ไม่มีทางทราบแล้วว่านางเลี้ยวไปทางใด แต่เมื่อจะถึงทางแยกเลี้ยวไปห้องปลดทุกข์ นางก็เดินเลี้ยวไปที่ทางลงไปด้านล่าง “คุณหนู...” หลินถงกำลังจะเอ่ยบอกคุณหนูว่าเลี้ยวผิดทาง แต่ถูกคุณหนูยกนิ้วชี้แตะบริเวณปากเป็นเชิงให้เงียบ ก่อนจะชี้ไปยังทางออก
“ขออภัยนะเจ้าคะที่ข้าเสียมารยาทเอ่ยแทรก แต่ตัวข้านั้นที่เป็นน้องสาวของพี่ใหญ่ ฟังจากคุณหนูฝูเล่า ท่านกับพี่ใหญ่ดูเหมือนจะมีวาสนาต่อกันนะเจ้าคะ” นางกล่าวพร้อมกับพยายามดึงรั้งชายอาภรณ์ของตนคืนมา แต่พี่ชายต่างมารดาที่เปลี่ยนเป็นคนเกเรตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังมองนางด้วยสายตาดุอีก “คุณหนูรองหมิงช่างเป็นคนตรงไปตรงมา” คุณหนูตระกูลฝูกล่าวพลางก้มหน้าเล็กน้อยคล้ายเขินอาย “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้ารีบกลับเรือนไม่ใช่หรือ จะรอช้าอยู่ไย รีบไปกันได้แล้ว” พี่ชายนิสัยแย่กล่าวพร้อมกับกระตุกชายอาภรณ์นางอย่างแรงคล้ายกับส่งสัญญาณให้นางพยักหน้าตอบรับ “ยังเจ้าค่ะ นี่ก็ใกล้ยามอู่ (11.00-12.59) ข้าเริ่มรู้สึกหิวแล้วอยากจะหาอาหารเลิศรสกินก่อนแล้วค่อยกลับ” “เช่นนั
‘เรื่องอันใดข้าจะหยุด’ นางคิดก่อนจะเอื้อมไปจับมือสาวใช้คนสนิทให้เดินไปด้วยกัน ซึ่งหลินถงก็คล้ายจะเข้าใจจึงทำตามที่คุณหนูต้องการอย่างเงียบ ๆ ไม่เอ่ยวาจา “คุณหนูรองหมิงเจ้าคะ ได้โปรดหยุดสนทนากับข้าก่อนเจ้าค่ะ” ‘ไม่ ข้าไม่หยุด’ นางไม่สนใจด้วยว่าคนที่ส่งเสียงเรียกจะเป็นใคร “คุณหนูรองหมิงเจียวซือ ท่านได้ยินข้าหรือไม่เจ้าคะ” ‘ไม่ได้ยิน อ๊ะ! นั่นพี่ใหญ่ ข้าทำกรรมอันใดไว้ ข้างหน้าก็เป็นพี่ชายตัวเอง ข้างหลังก็เป็นคนที่กำลังเริ่มจองเวรข้า’ เมื่อรีบเลี้ยวไปอีกทางแต่เห็นพี่ชายต่างมารดายืนอยู่ นางจึงรีบเลี้ยวเข้าตรอกแคบไปแทน “ตรอกนั้นเป็นทางตัน เข้าไปแล้วต้องออกทางเดิม” เสียงทุ้มของบุรุษดั
‘ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนแปลงตน ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน’ หากต่อจากนี้นางทำดีกับเขา เขาก็จะดีตอบแทนนางเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากนั้นหยวนลี่หมิงกลับไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นเป็นปี เพราะหมิงเจียวซือหายหน้าไปตามที่บอกจริง ๆ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งจ้องมองไปนอกโรงเตี๊ยมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งมารอต้อนรับคังอ๋องที่ไปรบกับชนเผ่าทะเลทรายและได้รับชัยชนะกลับมาและหากนางไม่ได้รับจดหมายทวงสัญญาเป็นการส่วนตัวนางก็คงไม่มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้หรอก ตอนนั้นที่นัดกันไปจิบน้ำชาที่โรงเตี๊ยมปินฉาน คังอ๋องคล้ายอยากให้คุณหนูในชนชั้นสูงทั้งหลายเห็นว่ามากับนาง แน่นอนว่าเย็นวันเดียวกันข่าวลือก็แพร่ไปอย่างรวดเร็วว่าคังอ๋องนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่ง แต่น่าเสียดายงานของนางยังไม่ทันได้เสร็จลุล่วง เขาก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำทัพหล