บุรุษตัวโตปล่อยให้แม่นางน้อยตรงหน้าดึงรั้งตามใจ ตรงซอกหินที่นางพาเข้าไปหลบช่างดีเหลือเกิน มันทำให้เขาได้แนบชิดกับนาง เสียงหัวใจเต้นระรัวของนางเกือบทำให้เขาเผลอจ้องมองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยอย่างพยายามล่อล่วงนาง
‘คุณชายขอรับ คุณชาย’
“คนพวกนั้นใช่คนของท่านหรือไม่”
“ข้าไม่ทราบ” เขาทำหน้าใสซื่อพลางส่ายหน้า
‘นี่มันอาภรณ์ของคุณชาย คุณชายต้องอยู่แถวนี้แน่นอน พวกเจ้าแยกย้ายกันไปหาคุณชาย เจียวมิ่งเจ้ารีบไปนำตัวท่านหมอเทวดามาที่นี่ มีคราบเลือดจางๆ บนอาภรณ์ เกรงว่าตอนนี้คุณชายอาจจะกำลังได้รับบาดเจ็บ’
‘ขอรับ’ เสียงเจ้าของชื่อตอบรับก่อนที่นางจะได้ยินเสียงคนอื่นค้นหาต่อ
“คนพวกนั้นน่าจะเป็นคนของท่าน เราออกไป...” นางยังกล่าวไม่ทันจบมือใหญ่ก็รั้งศีรษะนางแล้วกดใบหน้านางลงบนอกแกร่ง เพื่อไม่ให้นางเห็นดวงตาของเขาวาวโรจน์หลังจากคิดบางอย่างได้
บัดซบ! นางสวมอาภรณ์แค่ตัวใน คนพวกนั้นต้องจ้องมองฮูหยินของเขาเป็นแน่
“คุณชายท่านอยู่ที่นี่เอง” ชายชุดดำส่งเสียง แต่เขาส่งสายตาดุคนพวกนั้นให้หันหน้าไปทางอื่น ก่อนจะถอดอาภรณ์ตัวนอกของนางที่คลุมตัวเขาอยู่ คลุมลงบนตัวนาง
‘กลับไปข้าจะลงโทษพวกเจ้าที่มองฮูหยินของข้า’
บรรดาคนแซ่จางทั้งหมดได้แต่ทอดถอนใจกับความหวงแหนอย่างไร้เหตุผลของผู้เป็นนาย
‘ถ้าไม่ให้พวกข้าจ้องมองฮูหยิน แล้วหากนางหายตัวไปพวกข้าก็ต้องโดนคุณชายลงโทษอยู่ดี’ นี่คือเสียงคร่ำครวญจากบรรดาบุรุษชุดดำ
หลังจากนั้นบุรุษแซ่เจียวทั้งหมดก็ต้องร่วมเล่นงิ้วไปกับคุณชายของตนเพื่อล่อลวงฮูหยินตัวน้อย
โฉมสะคราญกวาดสายตามองความกว้างขวางและสะดวกสบายภายในรถม้า พลันเกิดความสงสัยว่าบุรุษผู้นี้แท้จริงเป็นใคร เหตุใดถึงได้ร่ำรวยเช่นนี้
“ฮูหยิน เจ้าหิวหรือไม่ กินขนมจิบชาเสียหน่อยเถิด” เขากล่าวพลางเลื่อนจานขนมไปใกล้นาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วท่านกินยาที่พวกพี่ๆ ชุดดำนำมาให้แล้วหรือยังเจ้าคะ”
“กินแล้ว” คำกล่าวของบุรุษที่อยู่ในรถม้าทำให้คนบังคับรถม้าแทบจะหยุดรถม้ากะทันหันด้วยความตกใจ
‘กินยาอันใดกัน ผีหลอกกลางวันแสกๆ แล้ว’ คุณชายของพวกเขากินยายากจะตาย
“เอ๊ะ! ท่านจะทำอันใดเจ้าค่ะ” นางพยายามหดข้อเท้าที่ถูกพันผ้าเอาไว้ เมื่อเห็นเขาเอื้อมมือมาใกล้คล้ายจะจับ
“พี่อยากดูข้อเท้าของเจ้า พี่ไม่น่าเป็นภาระให้เจ้า มิเช่นนั้นเจ้าก็คงไม่ต้องเจ็บหนักเช่นนี้” สีหน้าและท่าทางรู้สึกผิดของเขาทำให้นางนึกเอ็นดู
“ท่านอย่าได้คิดมากเลยเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกแล้วมิใช่หรือว่าข้าไม่ได้เป็นอันใดมาก”
“หากเจ้าไม่อยากให้พี่คิดมาก เจ้าต้องยอมให้พี่ดูแลเจ้า พี่จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดมากถึงเพียงนี้”
‘ข้าสิเจ้าคะที่ต้องรู้สึกผิดต่อฮูหยินของท่าน’ มาทำดีและอ่อนโยนกับนางเช่นนี้หากฮูหยินตัวจริงของเขามาเห็นเข้า จวนมิแตกเลยหรือ
เพียงแค่อยากเดินทางเข้าเมืองหลวงอย่างปลอดภัย นางถึงต้องตกลงแสร้งเป็นฮูหยินของเขา
“ท่านอย่าได้รู้สึกผิดต่อข้าเลยเจ้าค่ะ ท่านดื่มยาแล้วก็นอนพักเถิดเจ้าค่ะ ท่านจะได้หายดีในเร็ววัน”
“เจ้าก็นอนพร้อมพี่เถิด”
“ข้ายังไม่ง่วงเจ้าค่ะ ท่านนอนเถิด“
“แต่พี่คงนอนไม่หลับหากต้องนอนโดยไร้เจ้า”
“ท่านยังไม่หายดี หากข้านอนดิ้นแล้วไปโดนแผลท่านจะทำอย่างไร ท่านนอนเถิดเจ้าค่ะ”
“หากพี่ตื่นมาเจ้าจะไม่หายไปใช่หรือไม่ พี่กลัวเจ้ายังโกรธพี่แล้วหนีไป”
‘ข้าจะหายไปได้อย่างไรเจ้าคะ ในเมื่อข้าต้องให้ท่านและคนของท่านปกป้อง’ อย่างน้อยก็จนกว่าจะพ้นประตูเมืองทางเข้าเมืองหลวง
“ข้าไม่หายไปไหนแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านนอนพักเถิด” เมื่อคิดว่ายังต้องใช้ประโยชน์จากเขา นางจึงกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน
“อืม พี่เชื่อฟังเจ้า ฮูหยินของพี่” เขาตอบรับพลางเอนตัวลงนอน
ดูเหมือนซูหนิงเซียนในชาตินี้จะมีเล่ห์กลแตกต่างจากในชาติก่อนที่จิตใจดีมากเกินไป จนสุดท้ายต้องกลายเป็นหมากให้กับสหายรัก แต่แล้วอย่างไรเขาก็ยังต้องการให้นางมาเป็นฮูหยินของเขาอยู่ดี
แม้จะบอกว่าไม่อยากนอนพักแต่ทว่ายาของท่านหมอผสมยาสงบใจหรืออย่างไร นางถึงได้เข้าสู่ห้วงนิทราหลังจากเขาหลับไปไม่นาน
“ฮูหยิน คืนนี้เราจะพักที่โรงเตี๊ยม” เขาที่เดินกลับออกมาจากโรงเตี๊ยมกลางเก่ากลางใหม่กล่าว
“เจ้าค่ะ ค่าห้องของข้าประเดี๋ยวข้าจะจ่ายเอง” นางพอจะมีเงินก้อนติดตัวบ้างเล็กน้อย น่าจะพอจ่ายค่าห้องไหว
“มิต้อง เป็นฮูหยินของพี่ เจ้าต้องพักห้องเดียวกับพี่ พี่จะให้เจ้าจ่ายได้อย่างไร”
“เรื่องนั้นท่านอย่าได้ห่วงเลยเจ้าค่ะ พี่เหลียงอี้ เขาไปลาดตระเวนตรวจตราที่บริเวณจวนของนางอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นนางปลอดภัยไม่มีอันตรายแน่นอน” ‘สตรีโง่ ข้าอยากจะบอกเจ้าเหลือเกินว่า คู่หมั้นข้านางผู้นั้นมีของล้ำค่ามากกว่าปิ่นที่เจ้าจะซื้อให้อีก’ ยิ่งได้เห็นความใสซื่อของซูหนิงเซียน ความสนใจในตัวคู่หมั้นก็เริ่มลดลง หากไม่ติดที่ว่ามีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็คงไม่คิดสนใจไยดีแล้ว น่าแปลกที่เขาเชื่อวาจาที่ซูหนิงเซียนบอกกล่าวออกมามากกว่าที่ได้รับฟังจากหม่าลี่อิน “ข้าเลือกชิ้นนี้เจ้าค่ะ ลี่อินนางชอบไข่มุก ข้าว่านางต้องดีใจมากแน่นอนเจ้าค่ะที่ได้ปิ่นนี้” “อืม” รอยยิ้มจริงใจของคุณหนูซูทำให้เขาเอ่ยวาจาไม่ออก “คุณหนูซูท่านช่างโชคดีเหลือเกินขอรับ วันนี้นายท่านของร้านเราใจดี สั่งลดราคาเครื่องประดับให้กับลูกค้าคนที่สิบเก้า ซึ่งคือท่าน” “ลดราคาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “ใช่ขอรับ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ม้าตัวโปรดของนายท่านคลอดลูกม้า นายท่านสั่งลดราคาเครื่องประดับให้ลูกค้าคนที่สิบเก้าครึ่งราคา นั่นเท่ากับว่าวันนี้คุณหน
ดวงหน้าหวานที่โผล่ออกมาจากรถม้าทำให้ใจของเขาสั่นไหว เมื่อนางเผยรอยยิ้มเขาแทบจะกระโดดลงจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมเพื่อไปหานาง “แม่นางหนิงเซียน” เสียงทุ้มของบุรุษที่ดังขึ้นดึงความสนใจของซูหนิงเซียนให้หันไปมอง “คารวะคุณชายซวนเจ้าค่ะ” ยามเห็นหน้ากากจึงจดจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่หมั้นของสหาย “ท่านมาคนเดียวหรือ” “เจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะมาหาซื้อผ้าไปตัดชุดให้สาวใช้คนสนิท จึงตั้งใจมาด้วยตัวเองไม่ได้ชวนลี่อินมาด้วย” นางเข้าใจว่าเขาถามหาสตรีในดวงใจ “ข้ามีความรู้เรื่องผ้าไม่น้อย ให้ข้าช่วยเลือกดีหรือไม่ ไม่แน่เจ้าอาจจะได้ผ้าเนื้อดีที่ราคาถูก” “หากมิรบกวนคุณชายซวนเกินไป…” ซูหนิงเซียนยังกล่าวไม่ทันจบเขาก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “เรื่องนี้มิได้เหลือบ่ากว่าแรง จะถือว่ารบกวนข้าได้อย่างไร” “เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับแล้วยกยิ้มเล็กน้อย บุรุษสวมหน้ากากช่วยนางเลือกผ้าได้หลายพับ แต่เมื่อจ่ายเงินนางกลับพบว่านางได้ของดีแต่ราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ “ท่านหลงจู๊ ลองคิดเงินใหม่อีกครั้งดีหรือไม่
ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า บริเวณชั้นบนของโรงเตี๊ยมเลี่ยงจิน บุรุษสวมหน้ากากจ้องมองคู่หมั้นของตนที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ดวงหน้าหวานแต่งแต้มรอยยิ้มสดใสพาลทำให้บุรุษรอบตัวต่างหันมามอง แต่เขากลับถูกสตรีนางหนึ่งดึงดูดสายตาให้จ้องมอง สตรีนางนั้นคล้ายจะเป็นสหายของคุณหนูหม่า แม้ดวงหน้านางจะแต่งแต้มรอยยิ้มบาง แต่ทว่ากลับดึงดูดเขาได้อย่างน่าประหลาด และดูเหมือนว่าแท้จริงบุรุษเหล่านั้นจะจ้องมองนางเสียมากกว่า พลันในอกรู้สึกไม่ชอบใจอย่างประหลาด ความรู้สึกหวงแหนก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหตุใดกับคู่หมั้นตน เขาถึงไม่รู้สึกเช่นนี้ พรึ่บ ไวกว่าความคิดร่างสูงโปร่งของบุรุษรูปงามก็ปรากฏตัวด้านหลังสตรีทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยทักทาย “ลี่อินเจ้ามาเดินเที่ยวเล่นหรือ” เขาทราบว่ามันเป็นคำถามที่ดูโง่งม แต่เขาไม่รู้จะเอ่ยถามอันใดออกไป “คารวะคุณชายซวนเจ๋อเจ้าค่ะ” สายตาที่มีประกายรังเกียจพาดผ่านทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่คู่หมั้นจะแสดงความเคารพเขา หลายครั้งที่นางมองเขาเช่นนี้ คงเพราะหวาดกลัวหน้ากากที่ปกปิดบนใบหน้าเขา การเป
“คนของเจ้าสืบได้ละเอียดถึงเพียงนั้น” หมิงอี้เฉินหรี่ตามองอย่างจับผิด “เรื่องที่คิดกำจัดนางกับท่านพ่อตา คนของข้าได้ยินหม่าลี่อินวาดฝันกับกวางเหลียงอี้ เมื่อเห็นว่าเป็นภัยต่อนาง คนของข้าจึงนำมารายงานข้าด้วย” “...” “เบื้องต้นข้ามีหลักฐานที่กลุ่มนักเลงพวกนั้นสารภาพ เจ้าอยากดูหรือไม่” “อืม” เขายกชามสุราขึ้นจิบก่อนจะตอบรับ “นี่คือจดหมายรับสารภาพของนักเลงที่ดักปล้นรถม้าแต่ถูกข้าซ้อนแผนจับเป็นทั้งหมด ก่อนจะนำมาทรมานเพื่อเค้นความจริง” หยางซีซวนยื่นจดหมายที่เพิ่งนำออกมาจากอกเสื้อให้เขา “หม่าลี่อินชั่วช้ายิ่งนัก คิดจะให้พวกนักเลงข่มเหงนาง” จากคำสารภาพของนักเลง กวางเหลียงอี้เพียงแต่ตั้งใจทำให้นางตกใจ แต่หม่าลี่อินกลับซ้อนแผนให้นักเลงพวกนั้นข่มเหงนางก่อนที่กวางเหลียงอี้จะไปช่วย คงกลัวว่าหากเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของตนได้พบเจอนางจะเปลี่ยนใจ จึงสร้างมลทินให้ซูหนิงเซียน “เพราะเหตุนี้ข้าจึงแสร้งสติฟั่นเฟือนเพื่อจะได้อยู่ในจวนตระกูลซูต่อไป เพื่อจะได้ปกป้องนางและบิดาด้วยตนเอง” “เรื่องนี้เจ้าสามารถใช้ผ
คุณชายหมิงอี้เฉิน เมื่อได้รับข่าวว่าสหายในวัยเด็กเดินทางกลับมาจากเมืองซานโจวแล้ว เขาจึงรีบไปหา แต่ใครจะคิดเล่าว่าการพบเจอครั้งนี้จะพ่วงบุรุษผู้นั้นมาด้วย ชายที่มองอย่างไรก็ไม่คล้ายคนสติฟั่นเฟือน ท่าทางออดอ้อนนั้นแลดูเหมือนบุรุษเจ้ามารยาเสียมากกว่า คุณชายหมิงเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วยืนนิ่งราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง “คุณชายขอรับ นี่ก็เป็นปลายยามไฮ่ (21.00-22.59) แล้ว น้ำค้างก็ลงมากแล้วอย่างไร...” บ่าวรับใช้คนสนิทยังกล่าวไม่ทันจบ คุณชายเจ้าของจวนก็เอ่ยวาจาแทรกขึ้นก่อน “เจ้าไปนอนก่อนเถิด ข้าจะยืนชมดาวอีกสักหน่อยก็จะไปนอนแล้ว” “ขอรับ” เมื่อคุณชายกล่าวเช่นนั้น บ่าวรับใช้คนสนิทก็ได้แต่เดินจากไป พรึ่บ บุรุษชุดดำกระโดดลงมาตรงหน้าเขาหลังจากบ่าวรับใช้เดินหายไปไม่นาน “มาแล้วหรือ” คุณชายหมิงเอ่ยวาจาทักทายผู้มาเยือน “เจ้าอยากพบข้าด้วยเหตุใด” หากบุรุษผู้นี้ไม่ค้นพบการมีตัวตนของผู้ติดตาม เขาก็คงคิดว่า ซือเย่ผู้นี้เป็นเพียงบัณฑิตอ่อนปวกเปียกที่ไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่ “ท่านควรแจ้งถึงจุดประสงค์ในก
“พี่ไม่ได้รังแกเจ้า พี่มอบความโปรดปรานให้เจ้า” “หน้าอกท่านแน่นเสียจริง” “หากเจ้าอยากลูบไล้ยามไร้อาภรณ์ ก็จงรีบกลับจวนกับพี่” “ไม่เอา ข้ายังไม่อยากกลับ กว่าจะได้ออกมาเที่ยวเช่นนี้ไม่ง่ายเลย ต้องขอบคุณท่านแม่นะเจ้าคะ ที่เมตตาข้า” “มิเป็นไรๆ เจ้าอยู่สนุกกับเหล่าชายงามต่อเถิด แม่ต้องกลับไปรับโทษ...ไม่ใช่ แม่ต้องรีบกลับแล้ว” กล่าวจบหยางฮูหยินก็หันไปมองใบหน้าบึ้งตึงของสามี ‘ครั้งนี้นางคงหยอกเย้าบุตรชายมากเกินไป จึงทำให้ฟูจวิน ของนางโกรธขึ้นมาจริงๆ’ ต่อจากนี้คงต้องทนปวดเอวเพื่อง้อท่านแม่ทัพใหญ่หลายคืนอีกแล้ว “ได้เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะสนุกกับพี่ชายคนงามแทนท่านแม่เองเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินโซซัดโซเซไปหากลุ่มชายงาม แต่กลับโดนสามีโอบรั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “พี่ชายคนงามพวกนี้ อยากกลับไปพักผ่อนแล้ว เจ้าอย่าได้รบกวนพวกเขาเลย” น้ำเสียงที่เอ่ยกับฮูหยินตนช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ต่างจากสายตาที่จ้องมองคล้ายจะเข้าขย้ำเหยื่อตรงหน้าของราชสีห์ “จริงหรือเจ้าคะพี่ชาย” “จริงขอรับ”