Home / รักโบราณ / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

Share

บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

last update Last Updated: 2025-06-12 17:37:34

เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของนางถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการ

เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา

“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด

ไม่น่าจะยาก... เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน

“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็บถั่วเขียวทีละเม็ด ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ต่างจากเมื่อวันก่อนที่ดูมั่นคง ทำเอาพี่หลินที่เดินผ่านมาเห็นเข้า ต้องถอนใจเบา ๆ “ค่อย ๆ ทำนะเสี่ยวซุ่ย ถ้าไม่มั่นใจก็เรียกให้ช่วย ไม่ต้องฝืนคนเดียว”

“เจ้าค่ะ ข้าจะระวัง” เสี่ยวซุ่ยรับคำเสียงเบา นางไม่กล้าบอกว่าก่อนหน้านี้เคยใช้เพียงพลังภายในควบคุมไฟและเคลื่อนวัตถุ จนไม่เคยต้องใช้แรงกายจุดฟืนจริง ๆ มานานนับพันปีจนจำวิธีไม่ได้

เมื่อพ้นจากงานครัว นางก็ช่วยเช็ดโต๊ะและยกน้ำชาให้แขก บางครั้งทำได้ดี แต่บางครั้งก็น้ำล้นถ้วย หรือเดินเฉี่ยวแขกเข้า จนเกือบสะดุดล้ม ต้องรีบขอโทษขอโพย

ผู้คนมองนางเป็นเพียงสาวใช้มือใหม่ที่ขยันแต่ยังเก้ ๆ กัง ๆ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าในใจของเสี่ยวซุ่ยนั้นแสนจะสับสน

บางอย่างข้ายังทำได้ บางอย่างก็ไม่ได้ ต้องทดสอบตัวเองสักหน่อยว่ายังทำอะไรได้บ้าง ลั่วชิงคิดในใจ

หลังเลิกงานช่วงเย็น เสี่ยวซุ่ยกลับมานั่งคนเดียวในห้องเก็บของเล็ก ๆ ที่ถูกจัดไว้ให้นางใช้พักผ่อนระหว่างที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน นางถือแผ่นไม้กระดานกับถ่านไม้ขึ้นมาวางบนพื้น แล้วค่อย ๆ เขียนชื่อ "ลั่วชิง" ลงไปด้วยลายมือของตน

แต่ทันทีที่ตัวอักษรสัมผัสพื้นไม้ ความเจ็บวาบกลับแล่นผ่านปลายนิ้ว ราวกับเส้นประสาททั้งร่างสะท้าน นางสะดุ้งเงยหน้าขึ้นทันที

“ไม่ได้... แม้แต่ชื่อของข้าก็เขียนไม่ได้...” นางพึมพำเบา ๆ ดวงตาเริ่มมีแววเศร้าแฝงความตระหนกอยู่ลึก ๆ

นางเปลี่ยนมาลองเขียนคำอื่น ๆ เขียนได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนมากจะเป็นคำง่าย ๆ เช่น ข้าว น้ำ ชา ผ้า มือ โต๊ะ ฟืน ล้าง ปิด เปิด นายหญิง ห้อง ส่วนคำยาก ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตธรรมดา เช่น ลมปราณ พลังวัตร เซียน เวทมนตร์ ยันต์ มือของนางจะเจ็บขึ้นมาจนไม่อาจจะเขียนได้ต่อไป

“นี่หรือคือขอบเขตของข้าในตอนนี้... มีบางอย่างที่ทำได้... มีบางอย่างที่แม้เริ่มจะเขียนก็เจ็บ” ลั่วชิงก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ

หากมีโอสถฟื้นพลังอยู่สักเม็ด… ข้าคง... นางคิดในใจ ทว่าสิ่งที่หลุดออกจากปากกลับไม่ใช่เช่นนั้น

“หากมี… ถั่วแดงต้มหวาน… ข้าคงอิ่มกว่านี้…”

ลั่วชิงในร่างเสี่ยวซุ่ยกระพริบตาถี่ หัวใจเต้นเร็วขึ้น สองมือกำชายเสื้อแน่น

“ไม่ใช่… ข้าไม่ได้จะพูดเช่นนั้น…”  เสี่ยวซุ่ยกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มแทรกขึ้นในหัวใจ

ข้าว่า…ข้าควรเริ่มวาดยันต์วงจรอักขระเพื่อกระตุ้นนางพยายามคิด ทว่าสิ่งที่ออกมาจากปากกลับเป็น

“ข้าควรเริ่มเย็บผ้ารูปวงกลม…ไว้ทำผ้ารองถ้วยชา…”

คำพูดแปลกประหลาดนั้นหลุดจากปากไปอีกครั้ง ทั้งที่ใจนางไม่ต้องการจะพูดแบบนั้นเลย นางกัดฟันกรอก รู้ตัวเองดีว่านางไม่ใช่เซียนอีกต่อไปในเวลานี้

ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านนอก ก่อนที่บานประตูห้องจะเคาะเบา ๆ สองที

“เสี่ยวซุ่ย อยู่หรือไม่?” เสียงนุ่ม ทุ้ม ดังมาจากอีกฟากของประตู นางลุกขึ้นเปิดประตู ก็พบกับใครบางคนยืนถือถุงผ้าอยู่ในมือ ดวงตาของเขามีแววกังวลบางอย่าง

เขาเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้น ๆ ผู้มีรูปลักษณ์ที่ไม่ได้งามหยาดเยิ้มหรือสูงศักดิ์เยี่ยงคุณชาย แต่กลับน่ามองในแบบที่หาได้ยากในผู้คนธรรมดา ผิวสองสีคล้ำแดดจากการทำงานกลางแจ้งเป็นประจำ แต่กลับดูสะอาดสะอ้านและสุขภาพดี คิ้วของเขาเข้มเป็นเส้นชัด จมูกของเขาไม่โด่งเด่น แต่ได้รูปดี รับกับริมฝีปากบางสีซีด เส้นผมของเขาดำสนิทมัดไว้ลวก ๆ ด้านหลัง อย่างชายหนุ่มที่ไม่ได้ใส่ใจรูปลักษณ์นัก

นางจดจำชื่อเขาได้ เขาเป็นบ่าวหนุ่มคนหนึ่งในโรงเตี๊ยมนี้ เหมือนว่าพี่หลินจะเรียกเขาว่า “เฉินอี้” นั่นคงเป็นนามของเขา

“พอดีข้าเห็นเจ้าดูเหนื่อย ๆ ตอนทำงาน เลยเอาเกี๊ยวเหลือจากห้องครัวมาให้กินรองท้อง”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนส่งถุงให้กับเด็กสาว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยรับไว้พลางโค้งศีรษะ รู้สึกอบอุ่นประหลาดในใจ เมื่อถูกใครสักคนให้ความใส่ใจ แม้ตอนนี้นางจะไม่ใช่ผู้ทรงอำนาจในสายตาของผู้ใดเลยก็ตาม

“เจ้าสบายดีใช่ไหม?” เฉินอี้ถามต่อ “ข้าเห็นเจ้าทำงานหนักทั้งวัน โดนว่าอะไรก็ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง…”

“บางครั้ง ข้าก็กลัวเหมือนกันเจ้าค่ะ… กลัวว่าจะทำอะไรไม่ดีพอ” เสี่ยวซุ่ยตอบเสียงเบา

“ไม่ต้องกังวลไป เจ้าน่ะทำดีที่สุดในแบบของตัวเองแล้วล่ะ” เฉินอี้ยิ้มเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ “ข้าเองก็เคยเป็นเด็กฝึกงานมาก่อน ล้างชามทำตกนับสิบใบ พี่หลินบ่นเกือบทุกวัน”

“แต่พอฝึกฝนเรียนรู้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง ถ้าเจ้าอดทนไหว วันหนึ่งเจ้าก็จะชำนาญมาก ๆ เลย อดทนไว้ ขยันหมั่นเพียรเรียนรู้ เดี๋ยวก็ผ่านไปได้”

ชายหนุ่มให้กำลังใจ ทำเอาเสี่ยวซุ่ยยิ้มบาง ๆ ยามได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น แม้ในใจของนางจะไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาเช่นที่คนอื่นคิด แต่นาทีนี้ นางกลับรู้สึกเหมือนได้รับ “คำสอน” ที่อ่อนโยน เหมือนครั้งยังเป็นผู้ฝึกตนก่อนจะบรรลุเป็นเซ๊ยน

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางกล่าวกับเขาอีกครั้ง ด้วยเสียงแผ่วเบา แต่จริงใจ

เฉินอี้พยักหน้า ก่อนจะหันหลังกลับไป นางมองแผ่นหลังของเขาจนลับตา แล้วจึงค่อย ๆ ปิดประตูลง กลิ่นของเกี๊ยวยังอุ่นในถุงผ้า และในหัวใจนางเอง ก็คล้ายอบอุ่นขึ้นเช่นกัน แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ราวกับกองไฟน้อย ๆ กลางพายุหิมะที่ซูหรงได้ทำขึ้นมา

นางก้มลงมองมือของตนเองอีกครั้ง มือที่เคยวาดอักขระเคลื่อนย้ายพลังจักรวาล บัดนี้เหลือเพียงมือของเด็กสาวที่เผลอทำน้ำล้นถ้วยไปเมื่อเช้า

“หากนี่คือการใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ธรรมดา... ข้าก็คงต้องเริ่มใหม่... เช่นเดียวกับศิษย์ของข้าในวันวานกระมัง...”

เซียนหญิงในร่างบ่าวกล่าวกับตนเอง ขณะที่แสงตะวันยามเย็นที่สาดลอดหน้าต่างเข้ามา ขับให้เงาของเด็กสาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นทอดยาวลงไปอย่างสงบ แม้ไม่เหลือเวทมนตร์ในตัว แต่จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนยังมิได้หายไปไหน เพียงแค่ต้องเริ่มเดินทางใหม่ด้วยเท้าเปล่าอีกครั้งก็เท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 50 : เขาขอบคุณข้า

    ล่วงเข้าสู่ยามเย็น แสงแดดอ่อนคล้อยทาบลงบนแนวหลังคาโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋น เงาไม้ทอดยาวอยู่บนพื้นไม้เรียบ เสียงลมกระทบหน้าต่างเบา ๆ กล่อมให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยหลังความวุ่นวายในยามสายจางหายในห้องพักด้านใน ร่างของเสี่ยวซุ่ยนั่งพิงหมอนอิง ดวงตายังดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากอาการที่เพิ่งฟื้น ทว่าริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อบานประตูถูกเคาะเบา ๆ ก่อนที่เฉินอี้จะก้าวเข้ามาด้วยท่าทางระมัดระวัง เขามีผ้าห่มบางผืนหนึ่งพับอยู่ในมือ ใบหน้าแม้จะยังมีร่องรอยของความอ่อนล้า แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและโล่งใจ“เจ้าไม่แล้วหรือ? ท่านหมอว่าเจ้าควรพักดูอาการอีกคืน” เขาเอ่ยเสียงเบา เสี่ยวซุ่ยหันมามองเขา สบตาเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ“ข้านอนมานานพอแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบเบา ๆเฉินอี้เดินเข้ามาใกล้ วางผ้าห่มไว้บนเก้าอี้ตัวข้างฟูก ก่อนจะนั่งลงบนพื้นข้างร่างนาง ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย“เสี่ยวซุ่ย… ข้ามีเรื่องต้องบอกเจ้า” เขาเริ่ม นางก็เลิกคิ้วน้อย ๆ“เจ้าจำไม่ได้ใช่ไหม ว่าตอนที่ข้าจะถูกสังหารในลานนั่น... อยู่ ๆ ก็มีแสงพลังสีฟ้าสว่างวาบออกจากฝ่ามือของเจ้า แล้วพลังในร่างของข้า… มันระเบิดขึ้น เหม

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 49 : เขาเป็นห่วงข้า

    ยามบ่าย โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หลังความโกลาหลวุ่นวายเมื่อคืนสิ้นสุดลง ท้องฟ้าแจ่มใส ลมอ่อนพัดผ่านชายผ้าม่าน เสียงนกร้องจาง ๆ ลอยมากับแสงแดดอุ่นที่ลอดผ่านหน้าต่างไม้บานเล็กในห้องพักชั้นบนของอาคารหลัก หมอจากสำนักคุ้มภัยเทียนเฟิงที่มาด้วยกัน กำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อตอนสายอย่างละเอียดจ้าวหยางนอนอยู่บนเตียงไม้สาน ร่างของเขาถูกพันผ้าไว้หลายแห่ง ดามด้วยเฝือกไม้ โดยเฉพาะช่วงไหล่ และซี่โครง ที่โดนบีบขยี้ด้วยมือขนาดยักษ์“ซี่โครงด้านซ้ายร้าวห้าซี่ ขาวสองซี่ กระดูกไหล่ขวาเคลื่อน... ถ้าเป็นคนธรรมดาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการพักรักษาตัว กว่าจะเริ่มเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง” หมอวัยกลางคนพยายามอธิบายอาการบาดเจ็บให้เหล่าสำนักคุ้มภัยที่เหลือ รวมถึงเฉินอี้ได้ฟัง “โชคดีที่พลังภายในของเขาสูงมากกว่าคนทั่วไป ร่างกายจึงยังพอเยียวยาตัวเองได้... อาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น แต่ไม่ใช่วันสองวันนี้”จากนั้นหมอก็พาทุกคนไปยังในอีกห้องหนึ่ง อวี้ไป๋เฉินเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นหลังหมดสติไประยะใหญ่ ข้างกายเขาคือเสี่ยวผิงหลานชายพี่หลินที่มาดูแล เขาขยับตัวช้า ๆ ใช้มือยันร่างขึ้นนั

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 48 : เขาอยากให้นางสำเร็จพิธีโดยดี

    กลุ่มควันสีเทาเริ่มจางลงหลังการต่อสู้ที่รุนแรงสิ้นสุดลง เฉินอี้ยืนอยู่กลางลาน ไอพลังสีขาวรอบกายยังคงแผ่ซ่าน ดวงตาของเขายังคงจับจ้องร่างอวี้เซี่ยหงที่ลุกขึ้นมายืนขึ้นอีกครั้งพร้อมบอกว่านี่เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดมนุษย์ทว่ามันไม่เหมือนท่ายืนของคนปกติ แขนห้อยข้างลำตัวอย่างไร้พลัง สายตาเลื่อนลอย สีหน้าไร้อารมณ์ ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างกระตุก ราวกับไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นอะไรบางอย่างที่เพิ่งได้สังเกต เส้นใยสีม่วงอ่อนบางเฉียบที่มองแทบไม่เห็นผูกอยู่ทั่วร่างของนาง มันเรียวเล็กเท่าเส้นผมยากต่อการสังเกต เส้นใยเหล่านั้นหลายเส้นเชื่อมต่อกับสักที่ที่ไกลออกไป คอยส่งต่อกระแสพลังมายังร่างของนาง ทว่าตอนนี้มันขาดสะบั้นไปหลายเส้น เช่นที่แขนสองข้าง อาจเพราะการต่อสู้กับเขาเมื่อครู่ จึงทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายนี้ผิดปกติไปมาก“เหมือนเจ้าจะเห็นเส้นใยพลังปราณแล้วสินะ…” เจ้าของเสียงนั้นกล่าวขึ้นมา “ใช้แล้ว ร่างที่เจ้าสู้ด้วย เป็นเพียงหุ่นเชิดมนุษย์ เป็นสมุนในพรรคที่ที่แต่งตัวเหมือนข้า กับได้รับการถ่ายลมปราณบางส่วนจากตัวข้ามาให้เท่านั้น แล้วข้าคอยควบคุมระยะไกลเท่านั้น เจ้าล้มมัน

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 47 : เขาไล่ต้อนประมุขพรรคมาร?

    อวี้เซี่ยหงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันจาง ๆ ที่ยังลอยล่อง มือเทียมพลังปราณสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ที่ยังเหลืออยู่สี่เส้น วางสองผู้กล้าลง ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความแปลกใจปนไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นร่างของเฉินอี้ที่ควรจะอ่อนล้าและสิ้นหวังในก่อนหน้า บัดนี้กลับยืนตรงด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว พลังลมปราณแผ่พุ่งออกจากกายสีขาวนวลราวหมอกยามเช้า กล้ามเนื้อทุกส่วนกระชับราวกับฝึกมานาน แผ่นหลังตั้งตรง นิ่งเหมือนยอดเขาใหญ่“กล้ามาก ที่เจ้าคิดว่าจะมาต่อกรกับข้าได้ด้วยตัวคนเดียว... เจ้าบ่าวกระจอก!”เสียงของนางเปล่งออกมา ก่อนที่แขนเทียมยาวแปดวาเส้นหนึ่งจะฟาดมาทางเขาด้วยพลังมหาศาล ทว่าเฉินอี้กลับก้าวเท้ากระชับตัว มือขวาหมุนวนปัดแรงพุ่งของแขนยักษ์ด้วยความแม่นยำ ส่งไปยังมือซ้ายที่แบรออยู่จากนั้นมือซ้ายของเขาก็จับแน่นตรงข้อมือเทียมของแขนพลังปราณนั้น ตามด้วยมือขวาที่ตามมาประกบเหมือนพนมมือ แล้วพลันพุ่งลอดผ่านใต้แขนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้าวพร้อมกับก็หมุนสะโพก หมุนเอว บิดลำตัวทั้งร่างด้วยจังหวะที่แม่นยำราวสายน้ำหมุนวน!แขนเทียมที่เชื่อมต่อกับร่างต้นถูกบิดจนผิดรูป เขาหมุนต่ออีกรอบ สองรอบ สามรอบ ด้วยท่าเท้าปทุมยาตรา ข้อมือ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 46 : เขาตื่นขึ้น

    เปลวเพลิงที่ลามเลียผนังโรงเตี๊ยมค่อย ๆ ถูกควบคุมลงจนดับไปในที่สุด ผู้คนของสำนักคุ้มภัยเทียนเฟิงต่างหอบเหนื่อย หลังระดมสาดน้ำดับไฟจนสำเร็จ เหลือเพียงกลุ่มควันลอยเอื่อย ๆ และกลิ่นไหม้ที่ตลบอบอวลในอากาศ และเมื่อควบคุมเปลวเพลิงได้สำเร็จ พวกเขาจึงได้มีโอกาสหันไปมอง การปะทะกันที่ดุเดือดซึ่งเกิดขึ้นที่ลานกว้าง ห่างจากตัวอาคารออกไปไกลพอสมควรอวี้เซี่ยหงยืนนิ่งแผ่นหลังของนางมีแขนพลังปราณสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ยักษ์สี่เส้นงอกออกมา ราวกับแขนปีศาจแหวกมิติออกมาจากโลกปีศาต แขนเทียมสองในสี่กำลัง รวบคออวี้ไป๋เฉินและจ้าวหยางที่ไม่ได้สติเอาไว้แน่น ทั้งคู่สิ้นสติไปแล้ว จึง ไม่อาจขัดขืนได้อีก และกำลังจะกลายเป็นเหยื่อของนางโดยสมบูรณ์ตรงนั้นเอง เฉินอี้ยืนหอบหายใจอยู่ไม่ไกล เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เลือดไหลอาบข้างแก้ม ใจเขาเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกจากการพยายามฝืนร่างกายก่อนหน้านี้เขาพยายามทุกทางแล้วที่จะหยุดนาง เมื่อครู่ตอนนางสะบัดแขนยักษ์ยาวแปดวามาโจมตี เขาก็ใช้กระบวนท่าฝ่ามือเคลื่อนปทุม ปัดเบี่ยงแรง หลบ และผลักใส่แขนเทียมยักษ์ข้างนั้นอย่างแม่นยำ แต่การผลักของเขาก็ทำให้แขนขยับไปเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลต่อร่างต้นแต่อ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 45 : เขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง

    กลิ่นไม้ที่ถูกเผาไหม้โชยตลบไปทั่วหน้าโรงเตี๊ยม พร้อมกับเสียงเปลวไฟที่แตกดังเปรี๊ยะ ๆ ไม่หยุด ทำให้จ้าวหยางรู้สึกปราหลาดใจ เขารีบสั่งการให้คนในสังกัดไปดูที่มาของกลิ่นควัน ก่อนจะพบว่ามีธนูเพลิงปักอยู่ที่ผนังด้านหน้าของอาคารโรงเตี๊ยมนับสิบ และไกลออกไปที่ลานกว้าง อวี้ไป๋เฉินนอนนิ่ง โดยมีอวี้เซี่ยหงเอาเท้าเขี่ยร่างของเขาอย่างเหยียดหยันคนจากสำนักรีบวิ่งมารายงานภาพที่เห็นให้จ้าวหยาง เขาชะงักไปพริบตาหนึ่ง ก่อนตั้งสติรีบสั่งการทันที“ไฟไหม้! เราโดนธนูไฟโจมตี!” เขาตะโกนก้อง ลมปราณในร่างแผ่พุ่งออกมาหุ้มกาย เข้าสู่สภาพเตรียมปะทะทันที ก่อนจะสั่งการคนในสังกัด“หน่วยห้า พาคนบาดเจ็บที่ไม่ได้สติทั้งหมดไปที่ลานหลังโรงเตี๊ยม! หน่วยสี่รีบช่วยกันเอาน้ำออกไปดับไฟเร็ว! ข้าจะออกไปจัดการพวกที่โจมตีพวกเรา!”ดวงตาของจ้าวหยางลุกวาบด้วยโทสะ เขาคว้าพลองเหล็กคู่ใจ วิ่งออกไปหน้าโรงเตี๊ยมทันที“กล้าลอบโจมตีผู้ที่ข้าจะคุ้มกันงั้นรึ? ถึงเป็นน้องสาวก็ไม่มีข้ออ้าง!” จ้าวหยางพุ่งเข้าหาเซี่ยหงที่ยืนอยู่ไกลออกไป หวดไม้พลองเต็มข้อในแนวนอน หมายฟาดศีรษะของนาง ทว่าอวี้เซี่ยหงยิ้กลับยิ้มบาง ๆ ก่อนสะบัดแขน ปราณสีม่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status