“นี่เธอ…ไม่ได้ฉีดน้ำหอมที่ฉันให้เหรอ?” 00! เพิ่งจะพักหายใจได้ไม่นาน ใจฉันก็กลับต้องมาหายวาบไปอีกครั้ง
จริงด้วยสินะ! ฉัน…เกือบลืมหน้าที่อีกอย่างหนึ่งของฉันเลย นอกจากเป็นของเล่นของเขา เป็นลูกไก่ในกำมือ ฉัน…ยังต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเกวลิน ผู้หญิงที่เขาชอบมากที่สุดอีกด้วย เขามักจะให้ฉันทำตัวตามเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ใกล้กับเขา ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แม้กระทั่งน้ำหอม ทุกอย่างจะต้องเหมือนกับเกวลิน เขาสั่งให้ฉันทำตัวให้เหมือนกับเกวลินทุกอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่เขากำลังอารมณ์เสียอย่างตอนนี้ เมื่อไรก็ตามที่เขาอารมณ์เสียแล้วมาเจอฉันที่อยู่ในสภาพที่เป็นตัวของตัวเอง ในสภาพที่ไม่เหมือนกับเกวลิน มันจะยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียหนักเข้าไปอีก และเมื่อไรก็ตามที่เป็นแบบนั้น มันคือ…หายนะที่สุดในชีวิตของฉัน! ซึ่งช่วงเวลาที่ว่านั่น…ก็คือตอนนี้ไงล่ะ! “อะ…เอยเพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ ก็เลยลืม…” ฉันเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะความกลัวที่มันก่อเกิดขึ้นมาในใจ อีกทั้งฉันยังรู้สึกหนักหัวขึ้นมาดื้อๆ เช่นเดียวกันกับสติของฉันตอนนี้ที่มันเริ่มเลือนลางลงอย่างห้ามไม่อยู่จริงๆ หมับ!! สีหน้าแววตาของทิวเขาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธฉันมากเลยล่ะ คิ้วที่ขมวดกันเป็นปม ดวงตากลมที่จ้องเขม็งมาที่ฉันราวกับกำลังคาดโทษ ไหนจะความเจ็บปวดรวดร้าวที่ก่อเกิดขึ้นมาไปทั่วทั้งแขน เพราะแรงบีบมหาศาลจากเขา มันทำให้ฉันรับรู้ขึ้นมาได้ว่า…ฉันคงไม่รอดแล้วแน่ๆ “ฉันบอกแล้วใช่มั้ย? ว่าเวลาอยู่กับฉันให้ฉีดน้ำหอมนั่นอยู่ตลอด แล้วไอ้เสื้อยืดนี่มันอะไรฮ่ะ?! ทำไมไม่ใส่เสื้อที่ฉันซื้อให้!!” “โอ้ย! ฮึก! ทิว อะ…เอยขอโทษ คราวหลังเอยจะไม่ลืมอีกแล้ว ทิว…ปล่อยเอยก่อนได้มั้ย? ฮึก!” ฉันอ้อนวอนออกมาพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความกลัว และความเจ็บจากแรงบีบที่แขนปะปนกันไป ทำยังไงดี? เขาโกรธฉันแล้ว ฉันจะทำยังไงดี?!! “หึ! ตั้งใจทำแบบนี้ เพราะอยากโดนฉันลงโทษสินะ เจ้าเอย!!” อะไรนะ? ลงโทษเหรอ? อย่าบอกนะ…ว่าเขาจะพาฉันไปที่ห้องนั่นอีกอ่ะ?! “00!! ฮึก! ไม่นะ เอยขอโทษทิว! เอยขอโทษ!! ฮึก! เอยสัญญาว่าคราวหลังเอยจะไม่ทำอีกนะ ฮึก! อย่าทำอะไรเอยเลยนะ ฮือออ เอยขอร้องล่ะ!!” ฉันทั้งร้องอ้อนวอน ทั้งพยายามรั้งมือที่ฉุดกระชากลากฉันเดินตามเขาไปให้หยุดซะที ฉันกลัวจริงๆนะ ฉันไม่อยากเข้าห้องนั้นอีกแล้ว ฉันกลัว!! กริ๊ก!! เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาพร้อมกับใจที่มันหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อทิวเขาเอื้อมอีกข้างของตัวเองลงไปปลดเข็มขัดกางเกงของเขาออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เข็มขัดหนังเส้นหนาแบบนั้น ถ้าเอามามัดไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้าง…มันต้องเจ็บกว่าครั้งก่อนแน่ๆ หมับ!! เป็นอย่างที่ฉันคิดไม่มีผิด เขาเอาเข็มขัดที่ปลดออกมามัดเอาไว้ที่ข้อมือของฉันไว้แน่น และมันก็…เจ็บจริงๆด้วย เจ็บกว่าที่ฉันคาดเดาไว้ตั้งเยอะ “อะฮึก! ทิว…เอยขอร้องนะ เอยกลัว~ ฮึกๆ เอยไม่อยากเข้าห้องนั้นอีกแล้วอ่ะ จะให้เอยทำอะไรเอยก็ยอมหมดเลยนะ ฮึก! แต่อย่าพาเอยเข้าไปห้องนั้นเลยนะทิว เอยขอร้องล่ะ!” “แน่ใจเหรอ? ว่าจะทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง” “อื้อ! ฮึก ทุกอย่างเลย! อะไรก็ได็ ขอแค่ทิวไม่พาเอยเข้าไปในห้องนั้น เอยยอมทุกอย่าง ฮึก” “หึ! ถ้าฉันบอกว่าฉัน…อยากมีอะไรกับเธอล่ะ? เธอจะยอมฉันรึเปล่าเอย?” สิ้นคำพูดของเขาใจฉันก็หล่นวูบลงไปเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ นี่มัน…มากเกินไป ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะล่วงเกิน หรือทำร้ายฉันมากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นมีอะไรกันหรอกนะ แม้จะมีหลายครั้งที่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่เกือบเอาตัวไม่รอด แต่ก็รอดผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่วันนี้…ฉันจะหนีรอดไปอีกได้มั้ยนะ? ฉันจะทำยังไงดี? นี่มัน…มากเกินไปจริงๆ “ฮือออ ทิว! อย่าทำแบบนี้เลยนะ เอยขอร้อง อย่าทำอะไรเอยเลยนะทิว ฮึกๆ” “ถ้าไม่ยอม…ก็ต้องโดนขังอยู่ในห้องนั้นแทนแล้วล่ะ!” ภาพความทรงจำเมื่อครั้งก่อนตอนที่ฉันโดนขังอยู่ในห้องนั้นมันย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ฉันต้องอยู่ในห้องนั่นทั้งวันทั้งคืน มันทั้งมืด ทั้งแคบ ทั้งอึดอัดจนฉันหายใจไม่ออกเลย มัน…น่ากลัวเกินไป ฉันไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้นอีกแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น…ตัวเลือกอีกข้อมันก็น่ากลัวไม่ต่างกันเลยสักนิด! ต่อให้ฉันเลือกแบบไหน มันก็ไม่มีตัวเลือกไหนที่ดีกับตัวฉันเลยสักนิด แล้วแบบนี้…ฉันจะทำยังไงดีนะ? ถ้าต้องเลือกสิ่งที่น่ากลัวแบบนี้ สู้ฆ่าฉันให้ตายไปเลยดีกว่า แต่ถ้าฉันตาย…แล้วแม่ล่ะ? แม่ฉันจะอยู่ยังไงต่อไป? นี่มัน…ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ให้ฉันแล้วจริงๆเหรอ? “อะฮึก! ถ้าเอยยอมมีอะไรกับทิว ฮึก! ทิวจะไม่ขังเอยไว้ในห้องนั้นอีกแล้วจริงๆใช่มั้ย?” ฟึ่บ!! ทิวเขายกยิ้มมุมปากขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน แล้วยกมือขึ้นมาลูบลงบนหัวฉันอย่างเยือกเย็น “หึ! ก็แล้วแต่ว่าเธอ จะทำให้ฉันหายโกรธได้รึเปล่านั่นแหละ เจ้าเอย~” แปลว่าต่อให้ฉันยอมมีอะไรกับเขา ก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าเขาจะไม่ขังฉันไว้ในห้องนั้นอีกสินะ ถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันจะยอมไปทำไมล่ะ? “ฮึก! ถ้างั้น…ขังเอยเถอะ” “อะไรนะ?” “ขังเอยไว้ในห้องนั้น อย่างที่ทิวตั้งใจไว้ตามเดิมเถอะ ฮึก!” ถึงห้องนั้นมันจะน่ากลัวมากแค่ไหนก็ตาม แต่อย่างน้อย…แค่ทนหลับตาเดี๋ยวตื่นมาอีกเช้าก็จะได้ออกมาแล้วล่ะ แต่ถ้าฉันเลือกมีอะไรกับเขา…โดยที่ตัวฉันไม่ได้เต็มใจ นั่นมันน่ากลัวกว่าอีก น่ากลัวจนฉันคิดว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ฉันคงจะไม่มีวันลืมมันไปได้ตลอดชีวิตแน่ๆ “โธ่เว้ย!! ทำไมเธอโง่อย่างนี้ฮ่ะเจ้าเอย!? เกวเขาไม่ได้โง่แบบเธอซะหน่อย!!” ทิวเขาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว พลางคว้าแขนฉันเขย่าไปมาอย่างแรงจนฉันเจ็บไปหมดทั้งตัว “ก็เอยไม่ใช่เกวนี่! ฮึก! เอยโง่ของเอยแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว! ฮึก! จะให้เอยฉลาดเหมือนเกวได้ยังไง!? ทิวจะให้เอยเป็นเหมือนเกวได้ยังไง? ฮึกๆ!!” ฉันพรั่งพรูคำพูดพร้อมกับน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สามปี…สามปีที่ฉันต้องทนอยู่เป็นเหมือนตัวแทนของเกวลิน เพราะคำสั่งที่เลี่ยงไม่ได้ของเขา ความจริง…แค่การแต่งตัวแต่งหน้าตามใครสักคนมันคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก แต่การทำแบบนั้นมันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าฉันไม่ต้องมาเจ็บปวดเพราะความรู้สึกที่เผลอใจไปให้เขา ฉันเจ็บปวดใจทุกครั้งที่เขามองฉันเป็นแค่ตัวแทนของเกวลิน ฉันเองก็ไม่ได้อยากเผลอใจไปให้เขาหรอก แต่ฉันก็ทำไปแล้ว ฉันชอบเขาไปแล้ว มันคงจะดีกว่านี้…ถ้าฉันไม่ชอบเขา ฉันคงจะทำตามคำสั่งของเขาได้ง่ายกว่านี้ ถ้าฉันไม่เผลอใจไปชอบเขา และมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเขา…มองฉันเป็นเจ้าเอย ไม่ใช่เกวลิน! “หึ! ได้!” หมับ!! ทิวเขาลากฉันให้เดินตามเขาไป ฝ่ามือหนาของเขาที่บีบแขนฉันเอาไว้แน่นจนปวดร้าวไปหมดทั้งแขน สีหน้าของเขาก่อนหน้านี้ที่แสดงออกว่าโกรธเอามากๆ และห้องที่เขากำลังจะพาฉันไปขังไว้ ทุกอย่างมันคือบทลงโทษ! กึก! ถึงแล้วสินะ! ห้องที่เขาใช้ลงโทษฉัน ข้างในห้องนั้น…มองอะไรไม่เห็นเลยสักนิด มันมืดไปหมดเลย ทั้งมืด ทั้งน่ากลัว มัน…น่ากลัวจริงๆนะ “เธอเป็นคนเลือกเองนะเอย” “ฮึกๆ! เอยอยากรู้…ฮึก! เอยทำอะไรผิดนักหนาเหรอทิว? ฮึกๆ ทำไมทิวต้องทำกับเอยขนาดนี้ด้วย!?” พลั่ก!! ทิวเขาจ้องเขม็งมาที่ฉัน เขาไม่ได้ให้คำตอบฉัน แต่กลับผลักร่างของฉันให้เข้ามาในห้องที่น่ากลัวนี่ซะก่อน “เพราะเธอ…ไม่เชื่อฟังคำสั่งฉันยังไงล่ะ เจ้าเอย!” “เอย…เอยกลัว ทิว! ฮือออ” “อยู่ในนั้นไปจนกว่าฉันจะหายโกรธล่ะกัน” ปัง!!! เสียงประตูถูกปิดลงจากนอกห้อง ความมืดมิดคลืบคลานเข้ามาอีกครั้ง ในนี้ไม่มีแสงใดๆเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่นิดเดียว มันมืด…มืดจนมองอะไรไม่เห็นเลย ทั้งแคบ ทั้งเหม็น ทั้งอึดอัดไปหมด “ฮึกๆฮืออออ!!” ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งพิงผนังกอดเข่าตัวเองไว้แน่น ทำไมคราวนี้มันถึงได้น่ากลัวกว่าครั้งก่อนเยอะเลย ฉันต้องทำยังไง…ถึงจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดจากเขาได้สักที…[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ