[ณัฏฐ์ ]
ผมเลือกร้านกาแฟร้านหรูร้านนึง ที่บรรยากาศสบายสบาย สามารถนั่งนานนานโดยไม่โดนไล่ออกจากร้าน ก็แน่ล่ะ ราคากาแฟของร้านนี้ เบาซะเมื่อไหร่
ผมเดินเข้าไปสั่งกาแฟ แล้วเลือกนั่งที่โต๊ะชุดเล็ก โดยเลือกนั่งหันหน้าเข้าในร้าน ระหว่างที่ผมกำลังจิบกาแฟ นิ้วมือเรียวเรียวของผมก็ปัดไอแพด สายตาก็อ่านอีเมล์ไป อ่านไปได้สักพัก ผมก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วสายตาของผมก็ต้องสะดุดกับโต๊ะโต๊ะหนึ่ง ที่มีผู้ชาย 3 คนนั่งคุยกันอยู่ ดูแล้วน่าจะมาคุยงานกัน
คนคนนึงแต่งตัวแต่งตัวสไตล์หนุ่มออฟฟิศ อีก 2 คนแต่งตัวด้วยชุดยูนิฟอร์มเดียวกัน ซึ่งคนนึงอายุน่าจะประมาณ 35 ผิวคล้ำ ร่างท้วม ส่วนอีกคน ผมคิดว่าน่าจะรุ่นเดียวกับผม หรือไม่ก็ต่างกันสักปีสองปี คนนี้ดูหน้าตาสะอาดสะอ้าน ผิวขาว หน้าตี๋ตี๋ ใส่แว่นกรอบบาง สีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึก แต่ดูรวมรวมแล้วถือว่าเป็นบุคคลน่ามองมาก
ผมเองก็เผลอตัวเสียมารยาทมองเค้าอยู่นาน จนเจ้าตัวน่าจะรู้สึกตัว หันหน้ามองมาทางผม ทำคิ้วขมวดเล็กน้อย เหมือนเชิงสงสัยว่า มองอะไรเค้า ผมก็เผลอตัวยิ้มให้เขาด้วยความอัธยาศัยดีของผม แต่สิ่งที่ผมได้รับคือ เขาทำหน้านิ่ง แล้วหันไปสนใจกับผู้ร่วมโต๊ะต่อ โดยไม่ไยดีกับรอยยิ้มของผมเลย
คนอะไร ประหลาดดีแท้ ยิ้มให้ ก็ไม่รับยิ้ม ไม่ยิ้มตอบด้วย
เอ๊ะ.. แล้วผมจะไปสนใจเค้าทำไมล่ะเนี่ย ถ้าเป็นสาวสาวก็ว่าไปอย่าง ฮึ..
[นาวิน]
วันนี้ผมกับพี่ศุภโชคหัวหน้าผม มีนัดไปคุยงานกับลูกค้า ปกติเราจะนัดกันที่บริษัทของลูกค้า แต่ลูกค้าคนนี้ออกจะติสต์หน่อย ชอบให้นัดคุยงานนอกสถานที่ เราจึงเลือกนัดคุยกันที่ร้านกาแฟ ร้านหรูใกล้ออฟฟิศคุณลูกค้า
มาถึงร้านเราก็สั่งกาแฟมาคนละแก้ว แล้วเลือกนั่งโต๊ะมุมด้านในสุดของร้าน ข้างข้างโต๊ะมีกระถางต้นไม้ตกแต่งวางไว้ ทำให้ช่วยพลางสายตาจากผู้คนในร้านได้บ้าง จะได้มีสมาธิ ในการคุย คุยเสร็จจะได้รีบกลับ เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติ ขืนเลิกช้า มีหวังได้ติดอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงแน่นอน
ตัวผมอ่ะ ไม่ค่อยชอบสถานที่ที่มีคนเยอะๆ เท่าไหร่ แต่พี่ศุภโชคนี่สิ ชอบลากผมไปไหนมาไหนด้วยตลอด
ระหว่างนั่งคุยงานกัน ผมก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่พุ่งตรงมาที่ผม มันดึงให้ผมต้องเงยหน้ามองไปยังแหล่งที่มาของพลังงานนั้น
แล้วผมก็เจอกับ ดวงตากลมโต ของคนร่างบาง ในครั้งแรกดูเหมือนมีอาการตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สดใส ดูเป็นมิตร
อะไรกันคนคนนี้อยู่ดีดี ก็มาจ้องมองผม มายิ้มให้ผม เขายังสติดีอยู่หรือไม่นะ แต่ดูรวมรวมก็เป็นคนที่ดูดีมีเสน่ห์คนนึง
เฮ้ย.. บ้าไปแล้ว ผมเนี่ยนะ จะมองว่า ผู้ชายคนนึงมีเสน่ห์ได้ยังไงกัน
แล้วเสียงผู้ร่วมโต๊ะก็ดึงผมออกจากภวังค์ เข้าร่วมสนทนาต่อ
...
....
“ขอบคุณมากครับ คุณเกรียงไกร ผมจะรีบแก้ไขแล้วส่งมาให้ตรวจสอบอีกครั้งนะครับ”
พี่ศุภโชคกล่าวขึ้นหลังจากจบการคุยงาน ผมยิ้มให้ลูกค้าตามมารยาทนิดนึง
“คุณศุภโชคกับคุณนาวิน จะไปไหนต่อมั้ยครับ อย่าบอกนะ ว่าต้องกลับเข้าบริษัทอีก”
คุณเกรียงไกรถามผมกับพี่โชค
“เดี๋ยวต้องกลับเอารถไปคืนที่บริษัทครับ วันนี้เอารถบริษัทมา ต้องรีบหนีออกก่อน ก่อนที่จะติดแงกบนถนนครับ”
พี่ศุภโชคตอบ แล้วร่ำลาคุณลูกค้า ก่อนจะแยกย้ายจากกัน
ผมเองก็เผลอมองไปที่โต๊ะที่เคยมีแรงดึงดูด ซึ่งตอนนี้มีแต่ว่างเปล่า
แต่เอ๊ะ.. มีอะไรบางอย่าง ตกอยู่ที่เก้าอี้ คาดว่าเจ้าตัวคงทำหล่นไว้โดยไม่รู้ตัว ผมควรจะปล่อยทิ้งไว้ หรือเก็บไปฝากที่พนักงานของร้านดี
ผมเดินเข้าไปหยิบแล้วนิ้วมือของผมก็เผลอเคาะที่หน้าจอไปสองครั้ง รูปใบหน้าด้านข้างของเจ้าของเครื่องก็โชว์ขึ้น ผิวหน้าเนียน สันกรามและจมูกมองดูชัด ถือว่าเป็นโครงหน้าที่เพอร์เฟคจริงจริง
“ขอบคุณครับ .. ผมทำตกไว้เอง ผมนี่แย่จริงจริงเลย”
ณัฎฐ์วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาที่ร้านกาแฟร้านเดิม เพราะจะเช็คโทรศัพท์แต่เขาดันกลับหาโทรศัพท์ไม่เจอ
.. เพี้ยงขอให้ยังอยู่ด้วยเถอะ ผมยังไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่ในตอนนี้
ณัฏฐ์ยื่นมือเข้าไปเพื่อรับโทรศัพท์คืนจากหนุ่มตี๋ที่เขาเผลอจ้องมองไปก่อนหน้านี้ พร้อมยิ้มให้เขา ใช่แล้วเขายังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉย เขาคนนั้นก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม แล้วไม่พูดสักคำ
“ผมชื่อณัฏฐ์ นะครับ แล้วคุณผู้มีบุญคุณของผมชื่อไรครับ”
ผมเอ่ยแนะนำตัว แล้วถามชื่อเขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่ผ่านมาเห็นแล้วจะนำไปฝากที่พนักงานแล้วคุณก็มาพอดี”
เขาตอบผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ที่สำคัญ ไม่บอกชื่อด้วย
“นี่นามบัตรผมนะครับ ถ้ามีโอกาสครั้งหน้า ผมจะได้ขอเลี้ยงกาแฟคุณสักแก้วนะครับ.
"... เอ่อแล้วจะไม่บอกชื่อให้ผมทราบจริงจริงหรือครับ”
ผมยังไม่ละความพยายามที่จะถามชื่อเค้า
“นาวินครับ”
เค้ารับนามบัตรผมไป แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเบาเบา เหมือนกลัวดอกพิกุลทองจะร่วงออกมายังงั้นแหละ
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ คุณนาวิน ผมติดกาแฟคุณไว้ 1 แก้วนะครับ อย่าลืมเซฟเบอร์ผม แอดไลน์ผมมานะครับ”
แล้วก็เค้าก็เดินออกจากร้านไป คนคนนี้ดูลึกลับจัง ทำให้ผมอยากรู้จักคนคนนี้ขึ้นไปอีก เบอร์ของเขาก็ไม่มีแล้วจะไปรู้จักเค้าได้ยังไง
ตื๊ด ตื๊ด .. เสียงโทรศัพท์ของผม ดังขึ้น
“ณัฏฐ์ วันจันทร์นายมีนัดที่ไหนมั้ย เข้ามาคุยกันที่ออฟฟิศหน่อย”
เสียงพี่บารมีดังมาตามปลายสาย
“ได้ครับพี่บอมบ์ กี่โมงดีครับ”
“10 โมงก็ได้”
“ครับ .. เจอกันครับ”
*** ใช่แล้วเจอกันครับ ...ผมอยากเจอคุณอีกครั้งนะ "คุณนาวินหน้านิ่ง"***
ณัฏฐ์ที่ตอนนี้ประคองสติแทบไม่อยู่ ทั้งเสียวซ่านที่ยอดอกกำลังถูกนาวินทั้งเลีย ดูด และขบกัด แถมยังเสียวแทบขาดใจจากการถูกนาวินเด้งเอวรัวใส่แบบไม่ยั้ง เรียกว่าเสียวทั้งบน เสียวทั้งล้าง สะท้านไปทั้งตัวขนทั่วร่างลุกกราวตั้งชัน พร้อมกันนั้นเจ้าณัฏฐ์น้อยของเขาที่แกว่งถูลอนหน้าท้องแข็งของนาวิน ก็เริ่มปวดหนึบเตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อย“นาวิน เราใกล้แล้ว อ๊ะ อื้อ..”“จะเสร็จแล้วหรือคะที่รัก ปล่อยออกมาบนตัวผมเลย อืมมมมม”นาวินพูดบอกคนรักและครางเสียงต่ำในลำคอ มองหน้าหวานตรงหน้าที่ตอนนี้ ดูจะเซ็กซี่ เร่าร้อน ยั่วยวนใจ และชักชวนอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ออกมา ซึ่งมันก็ทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหวเช่นกันนาวินยังคงพาคนรักสำรวจไปทั่วห้อง ในท่าที่เกาะเกี่ยวกันท่าเดิม และเอวของเขาก็ทำหน้าที่ไม่หยุด จน ยิ่งณัฏฐ์ครางกระเส่าเสียงดังเท่าไหร่ นาวินก็เร่งความเร็วขึ้นเท่านั้น จนทั้งคู่สุขสมปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน หน้าท้องแข็งแกร่งแน่นเป็นลอนของนาวินเปื้อนไปด้วยคราบรักของณัฏฐ์ และช่องทางรักด้านหลังของณัฏฐ์ก็ถูกอัดแน่นไปด้วยความรักอุ่นๆ ของนาวิน เสียงครางลั่นด้วยควา
นาวินปล่อยให้ความเป็นตัวเขาอยู่นิ่งๆ ในตัวคนพี่ แล้วก้มลงจูบที่ท้ายทอยไล่มาตามแผ่นหลัง มืออีกข้างลูบไล้เขี่ยที่ยอดอก เพื่อช่วยให้คนพี่ได้ผ่อนคลาย“ไปต่อเลยมั้ย"“อืม”"งั้นผมขยับนะครับ”ณัฏฐ์เม้มปากพยักหน้ารับนาวินเริ่มขยับช้าสลับเร็ว เน้นย้ำตรงจุดที่ทำให้คนตัวเล็กร้องเสียงดัง“ผมอยากได้ยินเสียงพี่เรียกชื่อผมดังๆ”เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้น“อ่าาาาาา นาวินนนนน”“ผมรักพี่นะ”ณัฏฐ์ได้ยินคำบอกรักเท่านั้นแล้วแหละ เสียงที่เจ้าตัวออมไว้ตั้งแต่ต้น คราวนี้ไม่ต้องออมกันแล้ว เขาครางชื่อคนรักออกมาเสียงดังลั่น ดังจนกลัวว่าจะเล็ดลอดออกไปสู่ภายนอก“นาวิน นาวิน เราจะเสร็จแล้ว แรงอีก แรงอีกนิดนะอ่าาา”นาวินเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝัน และเมื่อได้ยินเสียงคนรักสั่งให้เขาเร่ง เขาก็เร่งจังหวะทันทีอย่างไม่รีรอจนเสียงของเขาทั้งสองที่กระทบกันนั้นดังแข่งกับเสียงครางหวานเสียงชื่อเขาไม่ยอมหยุด“พร้อมกันนะคะ ที่รัก”นาวินบอกคนรักแล้วกดเข้าไป
ณัฏฐ์เผลอปล่อยเสียงครางแผ่วเบาออกมา ยิ่งทำให้นาวินได้ใจ เขาพรมจูบขบกัดทำรอยไปที่หน้าอกของณัฏฐ์ เรียวลิ้นเขาสัมผัสกับตุ่มไตสีชมพู เขาดูดดึงและระรัวลิ้นจนตุ่มไตนั้นเริ่มแข็งชูชัน ส่งผลให้ร่างบางตรงหน้าบิดเร้าไปมา เขาไม่ปล่อยคนพี่ให้อยู่เป็นสุขได้แน่แน่ มืออีกข้างที่กดสะโพกเริ่มเคลื่อนไหวถูไถไปมาตามรอยแยกของเจ้าลูกพีช พร้อมกับขยับสะโพกเขาเข้าหา ทำให้ณัฏฐ์รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังแข็งขันดันอยู่ใต้สะโพกเขาทุกสัมผัสของนาวินนั้นทำให้ณัฏฐ์นั้นถึงกับมีอารมณ์เสียวซ่านปั่นป่วนไปทั่วทั้งตัว จะเรียกว่าตอนนี้มีผีเสื้อนับฝูงมาโบยบินตรงช่วงกลางลำตัวเขาก็ไม่เชิง ไหนจะโดนลิ้นชื้นแฉะระรัวที่ยอดอก ไหนจะถูกนิ้วมือกดถูไปตามร่องรอยแยกทางด้านหลัง ไหนจะถูกส่วนนั้นของนาวินดันเสียดสีอย่างจงใจใต้ร่างเขา จนเริ่มทนไม่ไหวร้องครางเสียงหวานออกมา“อ่าาาาาาาา”นาวินเหลือบเห็นจังหวะที่คนพี่อารมณ์พุ่งสูงสุด เชิดหน้าขึ้นและมือน้อยๆ ก็มาหยุมที่หัวเขา พร้อมกับครางเสียงหวานออกมา“เรียกชื่อผมสิครับพี่ณัฏฐ์”“อือออ นาาาวิน”ภาพสวยงามตรงหน้าทำเอานาวินอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงดูดดื่มซ้ำร
“ดีครับพี่ เร็วอีกนิดนะครับ”ลูกชายเขาเริ่มขยายตัวขึ้น แล้วมือน้อยก็หยุด นาวินลืมตามองคนตรงหน้าที่เงยหน้ามาสบตาหวานให้เขาพอดี“เอาคืนผมเหรอ”“ยังไงต่อดีนะ พอแค่นี้ดีมั้ยนะ”คนหน้าหวานเอียงคอมองแล้วหัวเราะคิก เอาคืนคนตรงหน้าที่ชอบแกล้งเขาตอนทำให้เขา“ที่รักครับ ผมยอมทุกอย่างแล้ว ทำต่อทีนะ”“ฮึ ถ้าแค่นี้ก็ไปทำต่อเองละกัน”ณัฏฐ์ได้ทีแกล้งกลับพร้อมเอานิ้วมือถูและกดตรงปลายย้ำย้ำอีกครั้ง คราวนี้ทำเอานาวินสะดุ้งร้องครางดังลั่น“อ๊ะ…ซี้ดดดดดด เสียวมากค่ะ เมียจ๋า ผัวยอมทุกอย่างแล้ว อยากแตกจะแย่แล้ว อย่าแกล้งกันเลยนะคะ”นาวินทนไม่ไหวอ้อนกลับไปบ้าง ซึ่งถ้าเอาจริงๆ แล้วเขาสามารถจับคนตรงหน้ากดกระแทกหนักๆ ก็ได้เลย แต่เขาก็ไม่ทำเพราะเขาอยากตามใจ อยากอยู่ในเกมส์ อยากรู้ว่าคนตรงหน้าจะจัดการอย่างไรกับเขา จึงปล่อยตัวปล่อยใจให้ถูกแกล้งไปณัฏฐ์ที่ได้ยินนาวินครางมาแบบนั้นก็ถึงกับเขินหน้าแดง เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกว่า “เมีย” แล้วส่งตาหวานให้“ต่อแบบไหนดีนะ นาวินอยากได้แบบไหน แบบนี้ดีมั้ย”และสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในหัวนาวินว่าค
นาวินถึงกับถอนหายใจแรง ตอนนี้สติสัมปชัญญะของเขาอาจจะเหลือไม่เต็มร้อย สาเหตุไม่ใช่เพราะเขาเมาเหล้าแต่เป็นเพราะเขากำลังเมามือน้อยๆ ของคนพี่ที่ซุกซนเมื่อกี้อยู่ต่างหากล่ะ สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือ เร่งเหยียบคันเร่งให้ถึงคอนโดให้เร็วที่สุด ก่อนที่เจ้าลูกชายของเขาจะถูกปลุกให้ตื่น“ยังไม่ถึงอีกเหรอนาวิน เราไม่อยากรอแล้วนะ”ณัฏฐ์สงบนิ่งได้ไม่นาน เขาก็เอี้ยวตัวเข้าไปกอดคนน้องที่กำลังเร่งทำความเร็วอยู่หลังพวงมาลัย เขากดจูบไปที่ต้นคอขาวของนาวินแล้วเอื้อมมือไปลูบไล้ที่แผ่นอกหนาๆ แน่นๆ ของคนน้องอย่างเอาใจ“พี่ณัฏฐ์..อย่าซนสิครับ”“ก็เราไม่อยากรอแล้วนี่นา”“อีกสิบนาทีก็ถึงแล้วนะครับคนดี ไม่ซนนะ พอถึงห้องผมจะตามใจพี่ทั้งคืนเลย”นาวินใช้ความพยายามเต็มที่ที่จะหลอกล่อไม่ให้หวานใจมาก่อกวนเขา เพราะเขาเองก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะมีความอดทนอดกลั้นไม่ให้อารมณ์พุ่งพล่านไปกว่านี้ได้อีกนานแค่ไหน นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังขับรถอยู่นะ จะจัดหนักจัดเต็มให้เลย‘เดี๋ยวเถอะนะ รอให้ถึงห้องก่อนละกัน ผมจะไม่เบาให้พี่เลย อยากยั่วดีนัก’นาวินคิดในใจแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มท
เกรียงไกรพูดจบลุกออกจากโต๊ะเดินตรงไปยังเป้าหมายในทันที เขาหยุดอยู่ข้างๆ คนหน้าสวยและพยายามที่จะตีเนียนเข้าไปโยก ไปขยับตัวเบียดร่างบางที่แลดูยั่วยวนตรงหน้า พอสบโอกาสก็เอามือแตะสะโพกกลมมนนั้นหวังจะดึงเข้ามาแนบชิดกับช่วงกลางกายของเขา แต่ณัฏฐ์ก็รู้ทัน หาจังหวะเบี่ยงตัวหลบออกมาได้ทันท่วงที และก็เป็นโชคดีของณัฏฐ์ที่บทเพลงที่กำลังบรรเลงเปลี่ยนจังหวะพอดี เขาจึงถือโอกาสนี้เดินกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วก็เจอกับสายตาของนาวินที่กำลังจ้องมองเขากับเกรียงไกรด้วยตาเขม็ง จนณัฏฐ์ต้องส่งสายตาอ้อนวอนว่า ‘ใจเย็นก่อน’เมื่อทุกคนถึงโต๊ะ มอสหนึ่งในสามหนุ่มรุ่นน้องก็พูดขึ้นว่า“พี่ณัฏฐ์สุดยอดเลยอ่ะ เต้นก็เก่ง ดื่มก็เก่งมากเลยครับ ผมขอคารวะฝากตัวเป็นศิษย์น้องเลยครับ”แล้วมอสก็ทำท่าทางคารวะอย่างจริงจังเกรียงไกรได้ยินก็พูดขึ้นมาว่า“ไปสนิทกันตอนไหนนี่ พึ่งจะเจอกัน ไม่ทันไรนายก็ไปเรียกคุณณัฏฐ์เขาว่าพี่แล้วซะงั้น”“ก็พี่ณัฏฐ์บอกพวกผมเองอ่ะ ว่าเรียกพี่ก็ได้ จะได้ดูไม่ห่างเหินจะได้สนิทกันเร็ว จริงมั้ยครับพี่ณัฏฐ์”เด็กหนุ่