แชร์

ตอนที่ 3 ค่ำคืนหนึ่ง [1]

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-25 22:16:31

ภาพบุรุษรูปร่างโดดเด่นประคองกันออกจากหอบุปผชาติมิอาจห้ามรั้งสายตาของผู้คนในหอเยว่เซียนที่จะไม่หันมาให้ความสนใจพวกเขาได้ จึงเป็นเหตุให้อวี้หลางต้องเร่งพาผู้เป็นนายรีบออกไปให้พ้นหอแห่งนี้โดยเร็วที่สุด และทันทีที่ก้าวออกพ้นชายคาของหอคณิกาขึ้นชื่อรถม้าของตำหนักฉือเหอก็มาจอดเทียบรับในทันที และด้วยเห็นท่าทางของผู้เป็นนายมิสู้ดีนักอวี้หลางจึงเปลี่ยนเป็นผู้ขับรถม้าเสียเองเหตุเพราะร้อนใจและเป็นห่วงผู้เป็นนาย แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังคงราบเรียบมิได้แสดงอารมณ์ออกมาแต่อย่างใด

“คุณหนูแย่แล้วเจ้าค่ะ ทำเช่นไรดีเจ้าคะ” เซิ่งเหม่ยรีบละล่ำละลักบอกผู้เป็นนายปากคอสั่นที่แผนการที่วางไว้นั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า

“เจ้า! เร่งไปบอกท่านพ่อให้ใช้แผนสำรอง เร็วเข้า!” อี้เหยาเดินออกจากหลังม่านไหมที่ใช้กำบังตน พร้อมเอ่ยสั่งสาวใช้ของตนให้เร่งไปหาผู้เป็นบิดา งานนี้นางจะพลาดมิได้หากวันนี้พลาดเกิดท่านอ๋องสืบหาที่มางานนี้นางจบแน่ ในเมื่อถอยมิได้เช่นนั้นก็เดินหน้าแผนต่อไปมิดีกว่าหรือ

“เจ้าค่ะ บ่าวจะเร่งไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เซิ่งเหม่ยรับคำก็เร่งรีบเดินออกไปในทันที สีหน้าเผยความร้อนรนในใจอย่างชัดเจน ส่วนซ่างกวนอี้เหยาผู้เป็นนายนั้นก็มิได้แตกต่างกันไปมากเท่าใดนัก

[จวนหนานจวิ้นอ๋อง]

ทันทีที่รถม้าจอดเทียบประตูจวนทหารยามที่เฝ้าประตูก็รีบเปิดประตูกว้างออกอย่างรู้หน้าที่

“ท่านอ๋อง นะนี่เกิดอันใดขึ้นกัน...อวี้หลาง!” เสี่ยวกงกงขันทีรับใช้ประจำตำหนักที่ฝ่าบาททรงประทานให้ผู้เป็นพระนัดดาหลานรักเร่งเดินตรงปรี่เข้ามาในทันทีที่เห็นท่าทางไม่ปกติของผู้เป็นนายเจ้าตำหนัก

“ยังไม่ต้องถาม เสี่ยวกงกงให้คนไปตามท่านหมอเร็วเข้า ท่านอ๋องถูกวางยา เอ่อ...” อวี้หลางเองมิอยากให้มีคนรู้เรื่องราวมากนักประโยคหลังจึงเลือกที่ป้องปากกระซิบเสี่ยวกงกงแทน

“ห๊ะ! ไป ๆ เจ้าพยุงท่านอ๋องเข้าไป เจ้า! ไปตามหมอหลวง ส่วนเจ้าไปตามคน! ให้พวกนางนำน้ำแข็งเข้าไปตำหนักฉือเหอ...เอ่อ เอามามากหน่อยนะ เร็วเข้า! ไปสิ” เสี่ยวกงกงเมื่อได้ยินก็ถึงกับตกใจอุทานเสียงดังออกมา ก่อนจะเร่งเอ่ยสั่งงานบ่าวรับใช้และนางกำนัลด้วยเสียงดังและปากคอนั้นสั่นไปหมด เป็นผู้ใดกันช่างอาจหาญยิ่งนัก โธ่! ท่านอ๋องนะท่านอ๋องพึ่งกลับมาแท้ ๆ ไม่รู้ไปต้องตาสตรีโฉดชั่วที่ใดเข้าถึงได้กล้าวางยาพระองค์เช่นนี้

หลังจากอวี้หลางประคองผู้เป็นนายเข้ามาในตำหนักอย่างทุลักทุเล ฝนฟ้าที่ก่อนหน้านี้มิได้มีเคล้าว่าจะตกมาก่อนก็สาดเทลงมาอย่างหนัก ยิ่งทำให้ผู้คนทั้งจวนใหญ่ต่างวิ่งเก็บข้าวของกันชุลมุน ไหนจะบรรดานางกำนัลบ่าวรับใช้ที่เร่งขนน้ำแข็งเข้าไปให้หนานจวิ้นอ๋องอย่างเร่งรีบอีก แม้จะนึกกลัวเสียงสายฟ้าฟาดลงมาเป็นระยะ ๆ จนพวกนางตัวสั่นระริกก็มิอาจเมินเฉยต่อคำสั่งของเสี่ยวกงกงไปได้

อีกฟากฝั่งหนึ่งของตัวตำหนักใหญ่ ตำหนักเซียนหรูตำหนักรองที่ปลูกติดสวนดอกเหม่ยงามสะพรั่ง บัดนี้ถูกสายฝนเทกระหน่ำลงใส่จนกิ่งเหม่ยโยกเอนไหวตามแรงลมอย่างน่ากลัว ด้วยเหตุนี้เว่ยฟางเฟยจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังสาวใช้คู่ใจนามซูหนิวปิดหน้าต่างที่เปิดไว้เพื่อรับลมลง

“คุณหนูด้านนอกฝนตกหนักเลยเจ้าค่ะ” ซูหนิวเดินสำรวจตำหนักพร้อมทั้งเอ่ยบอกคุณหนูของตนไปด้วย โดยมิทันได้สนใจมองว่าบัดนี้คุณหนูของนางนั้นได้ลุกเดินออกไปด้านหน้าห้องนอนเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอายดอกเหม่ยที่เคล้ากลิ่นไอฝนเสียแล้ว

กลิ่นที่นางชื่นชอบ ฟางเฟยยืนหลับตากางแขนรับละอองฝนนางสูดหายใจเข้าลึกเสียจนเต็มปอด และในขณะที่กำลังมองสายฝนสาดซัดกระหน่ำลงใส่กิ่งเหม่ยอยู่นั้น ในใจพลันเกิดนึกอาลัยความงามของมันอยู่มิน้อยที่ความงามต้องมาถูกพรากไปเพราะพายุฝน และในขณะที่นางกำลังมองสายฝนที่กระหน่ำตกโดยมิมีทีท่าว่าจะหยุดตกอยู่นั้น พลันสายตาก็หันไปเห็นตำหนักใหญ่ที่เวลานี้จุดไฟสว่างเสียทั่วทั้งตำหนัก อีกทั้งบรรดานางกำนัลและขันทีผู้ช่วยท่าทางกำลังเร่งรีบก้าวเดิน ในมือคนเหล่านั้นถือถังคนละใบทยอยเดินเข้าออกในตำหนักอย่างนึกประหลาดใจ

“ซูหนิว ตำหนักฉือเหอเกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน” ฟางเฟยเอ่ยถามสาวใช้คู่ใจอย่างใคร่รู้ แม้นางไม่อยากจะรู้ก็ตามทีด้วยเพราะนางรู้แจ้งแก่ใจดีว่าเจ้าของตำหนักรูปงามนั้นเกลียดชังหน้านางปานใด

“บ่าวกำลังจะไปถามอยู่พอดีเจ้าค่ะ เพียงแต่ฝนดันตกหนักลงมาเสียก่อน”

“ช่างเถอะ มิใช่...” ฟางเฟยยังเอ่ยมิทันได้จบคำเสียงกรีดร้องของนางกำนัลคนหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงนั้นดังจนนางได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแม้พายุฝนกำลังกระหน่ำ

กรี้ด!

“มีคนบุกรุก ๆ !” เสียงทหารคุ้มกันจวนตะโกนขึ้น พร้อมบรรดาองครักษ์เงาที่ออกมาจากที่ซ่อนในจวน เพียงไม่นานทั้งตำหนักใหญ่ก็เกิดการโกลาหลขึ้นจากบรรดาชายชุดดำที่บุกเข้ามากลุ่มใหญ่

“คุ้มกันท่านอ๋อง!” อวี้หลางที่ได้ยินก็รีบเร่งวิ่งออกไปเพื่อควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวาย ในใจเกิดความสงสัยเหตุใดถึงได้มีคนร้ายบุกจวนหนานจวิ้นอ๋องได้

“นะนี่มันเรื่องอันใดกันนี่ ระเร็วเข้าพวกเจ้าเร่งพาท่านอ๋องแช่น้ำเย็น เจ้าไปปิดประตู เจ้ามากับข้า!” เสี่ยวกงกงบัดนี้เหงื่อกาฬแตกพลั่ก เนื้อตัวแม้สั่นเทาแต่ก็พยายามสะกดกลั้นข่มความหวาดกลัวในใจ เขาพยายามควบคุมสติที่เหลือน้อยนิดเอ่ยสั่งกำชับบรรดานางกำนัลและบ่าวไพร่ให้ดูแลและปกป้องผู้เป็นนายอย่างสุดกำลัง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พระองค์ไร้ใจ ใยข้าต้องทน   ตอนที่ 102 วสันต์เคียงคู่ ยอดพธูคนงาม [2]

    ฟางเฟยเดินก้าวต่อขึ้นไปยังห้องส่วนตัวเพื่อตรวจบัญชีหลังไม่ได้มาสะสางนานเสียหลายวัน หลังจากมองหาผู้เป็นสามีและบิดามิพบนางนั่งสะสางบัญชีเพียงมินานก็มีมือใหญ่สอดเข้าโอบเอวนางจากด้านหลัง และกลิ่นนี้ท่าทางเช่นนี้นางรับรู้ได้ในทันทีว่าคือผู้ใด“ท่านอ๋อง” ฟางเฟยยิ้มอบอุ่นส่งให้ผู้เป็นสามีที่วันนี้การแต่งกายดูผิดแผกไปนัก อาภรณ์สีเรียบมองดูแล้วราวกับเป็นคุณชายตระกูลใหญ่สักตระกูลแต่ใบหน้าและท่าทางยังคงแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ออกมาโดยรอบ“วันนี้เป็นวันหยุดข้าและท่านพ่อตา วันนี้พวกเราจึงมาช่วยเจ้าหนึ่งวัน” เจิ้งหนานเอ่ยจบก็ประทับจุมพิตที่แก้มนุ่มของนางไปหนึ่งคราหนัก ๆ“อืม เช่นนั้นรึเจ้าคะ เช่นนั้นหอเยว่เซียนของข้านี้นับว่าไม่เหมือนผู้ใดจริง ๆ มีคนงานเป็นถึงหนานจวิ้นอ๋องและเจ้ากรมพระคลัง แถมอดีตขันทีใหญ่อย่างเสี่ยวกงกงด้วยหนึ่งคน ฮึ ๆ” ฟางเฟยเอ่ยพร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างขำขัน ก่อนจะพิงศีรษะเข้ากับแผ่นอกแกร่งของผู้เป็นสามีอย่างออดอ้อน สายตาก็ไล่อ่านบัญชีร้านไปพลาง ๆ“ก็เจ้านั้นวาสนาดีได้แต่งข้าเป็นสามีเช่นไรเล่า”“ท่านอ๋องเพคะ หวานจนเลี่ยนแล้ว” ฟางเฟยแกล้งเย้าสามีที่ระยะหลังมักป้อนคำหวานให้นางจนวัน

  • พระองค์ไร้ใจ ใยข้าต้องทน   ตอนที่ 101 วสันต์เคียงคู่ ยอดพธูคนงาม [1]

    เป็นเวลากว่าบ่ายคล้อยที่ฟางเฟยตื่นขึ้นมา วันนี้นางมิต้องไปเคารพผู้ใดเจิ้งหนานเมื่อคืนเขากำชับนางไว้ว่าอีกสักสองสามวันค่อยเข้าวังไปเคารพไทเฮาและฮองเฮา ด้วยพระองค์ฝากความมาถึงว่าไม่เร่งรีบอันใดจวนอ๋องอยู่นอกวังการเดินทางก็ลำบากอยู่ พระองค์ยังไม่อยากรบกวนเวลาของสามีภรรยาเท่าใดนัก อีกอย่างเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมากพิธีอะไรนัก“พระชายาตื่นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวกงกงเดินเข้ามารอท่าเตรียมรับใช้“แล้วเอ่อ...ท่านอ๋องเล่า” ฟางเฟยตื่นขึ้นมาก็ถามหาสามีเป็นอันดับแรก ส่วนซูหนิวนั้นนางรู้อยู่แล้วว่าคงไปดูแลหอบุปผชาติแทนนาง“เอ่อเข้าวังแต่เช้าตรู่พร้อมท่านเว่ยแล้วพ่ะย่ะค่ะ วันนี้พระองค์มีว่าราชการจึงฝากให้กระหม่อมดูแลพระชายาให้ดีพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวกงกงเอ่ยด้วบใบหน้าแสดงความปิติยินดี เขายิ้มกว้างกว่าทุกคราที่ฟางเฟยเคยพบเจอ ก่อนจะหันไปเรียกนางกำนัลที่รอรับใช้สองคนมาช่วยพยุงนางที่ยังรู้สึกเจ็บร้าวบริเวณกึ่งกลางกายขึ้นพร้อมทั้งปรนนิบัติอาบน้ำ‘ให้ตายเถิดข้ามิน่าเหิมเกริมกับท่านอ๋องเลยจริง ๆ ข้าประเมินกำลังเขาต่ำไปมากนัก’ ฟางเฟยคร่ำครวญในใจก่อนจะนิ่วหน้าพร้อมทั้งหลุดเสียงครางน้อย ๆ ยามที่น

  • พระองค์ไร้ใจ ใยข้าต้องทน   ตอนที่ 100 หวางเฟยของข้า [2]

    “อื้อ อะอ๊า ทะท่านอะอ๋อง อื้อ” ฟางเฟยบัดนี้ขยับสะโพกถูไถถ้ำบุปผาของตนเข้าบดเบียดกับหน้าขาแกร่งของเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์ที่กำลังจู่โจมนาง และยิ่งลิ้นหนาของเขาก้มลงดูดดึงแลบีบเคล้นปถุนถันคู่งามของตนอย่างหิวกระหายประหนึ่งทารกแล้วนั้นนางยิ่งทวีอารมณ์ปรารถนาในตัวเขารุนแรงยิ่งขึ้น นางนึกขัดใจเล็กน้อยที่วันนี้เขาไม่จู่โจมนางในทันทีกลับอิดออดไปเสียเช่นนั้นจนเมื่อนางใกล้เข้าใกล้จุดสูงสุดเวลานี้นายหญิงแห่งหอเยว่เซียนจึงเลือกเอาหนึ่งในวิชาสอนสตรีและกระบวนท่าในตำราร้อยบุตรขึ้นมาปรนนิบัติผู้เป็นสามีแทน ในเมื่อเป็นสามีภรรยากับแล้วก็ย่อมเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนั้นวันนี้นางจะให้เขาเป็นฝ่ายร้องขอ ในเมื่อเขาวันนี้ต้องการกลั่นแกล้งนางเช่นนั้นนางจะให้บทลงโทษแก่สามีรูปงานเองในวันนี้“อึก ๆ” เจิ้งหนานเวลานี้ตาเบิกกว้างเมื่อหวางเฟยตัวน้อยพลิกตัวขึ้นนั่งควบกดทับบนแท่งหยกแกร่งของตนแม้ยังไม่สอดใส่แต่เวลานี้เจิ้งหนานนั้นหัวใจแกร่งแทบทะลุออกมายังภายนอกอกแกร่งเข้าเสียแล้ว“ท่านอ๋อง...อะอื้ม...ท่านพี่...” ฟางเฟยก้มเอ่ยประชิดริมฝีปากหนาอย่างยั่วเย้า สะโพกนั้นก็หมุนควงคลึงแท่งหยกของเขาไปมาอย่างช้ำชองตามวิ

  • พระองค์ไร้ใจ ใยข้าต้องทน   ตอนที่ 99 หวางเฟยของข้า [1]

    เช้าวันนี้นับเป็นวันที่ฤกษ์ดีและเป็นมงคลที่สุดในรอบหลายปีของจวนหนานอ๋อง ทั่วทั้งจวนประดับตกแต่งด้วยผ้าและข้าวของสีแดงทั้งจวนใหญ่แลถนนหนทางและด้านหน้าหอเยว่เซียนนั้นเต็มไปด้วยกระดาษสีแดงเขียนอักษรมงคลและคำอวยพร ฟางเฟยสวมใส่ชุดสีแดงปักลวดลายมงคลตระการตา ชุดนี้ไทเฮาประทานให้กับหลานสะใภ้หลวงเช่นนางด้วยพระองค์เอง ซึ่งหลังจากวันนั้นที่กลับไปไทเฮาก็ส่งช่างหลวงมาที่จวนมาวัดตัวนางละไม่นานชุดแต่งงานนี้ก็ถูกนางกำนัลประจำกองภูษานำมาส่งให้ในอีกสามวันต่อมา ร่างบางถูกพาเดินไปตามทางเดินศีรษะนั้นมีผ้าสีแดงปกคลุมอยู่ ด้วยความที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นอาศัยอยู่ในจวนเดียวกันการรับตัวเจ้าสาวจึงเป็นเพียงการเดินข้ามตำหนักเท่านั้น แต่หนานจวิ้นอ๋องหลานรักไทเฮาและพระราชนัดดามีชื่อในฮ่องเต้เหยียนโจวแต่งพระชายยาทั้งทีจะให้น้อยหน้าได้เฉกเช่นใด ฉะนั้นแม้ไม่มีเกี้ยวแปดคนหามมาส่งเจ้าสาวแต่กลับเป็นสินสมรสพระราชทานจากวังหลวงทั้งจากฝ่าบาทและไทเฮาประทานมาให้คนทั้งคู่แทน ลือกันว่าหัวขบวนถึงจวนหนานอ๋องแล้วแต่ท้ายขบวนนั้นกลับพึ่งออกห่างจากกำแพงพระราชวังพียงไม่กี่จั้ง นับว่าเป็นงานมงคลที่จัดได้ยิ่งใหญ่และสมฐานะแลพระเกียรติอยู่ม

  • พระองค์ไร้ใจ ใยข้าต้องทน   ตอนที่ 98 พ่อตาบุตรเขย [2]

    หลังไทเฮากลับไปค่ำคืนนี้นางตั้งใจจะเอ่ยบางอย่างกับหนานจวิ้นอ๋องวันนี้จึงตั้งใจอาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำก่อนจะนอนพักสายตารอเขากลับมาที่ตำหนักของตน“หืม หอมยิ่งนักข้าชักเสพติดเจ้าเสียแล้วกระมัง เหตุใดวันนี้นอนเร็วนักเล่า” เจิ้งหนานที่อาบน้ำเรียบร้อยก็ตรงเข้าไปก้มใบหน้าคมเข้มที่มีไรหนวดเคราขึ้นจาง ๆ อิงแอบซุกซบกับฟางเฟยที่นอนหลับตานิ่งบนเตียงในทันที ก่อนเปลี่ยนเป็นตวัดให้นางนอนหนุนแขนแกร่งของตนแทน“อื้อ ท่านอ๋องมาแล้วหรือ ข้ามีเรื่องหนึ่งจะพูดคุยกับพระองค์เสียหน่อยเพคะ”“อืม เจ้าว่ามาเถอะ” เจิ้งหนานนอนหลับตานิ่งแต่มือหนายังคงลูบหลังนางเล่นไปมา“หากว่าพวกเรากราบไหว้เพียงฟ้าดินได้รึไม่” ฟางเฟยเอ่ยเสียงอู้อี้ใต้อ้อมแขนแกร่งเจิ้งหนานพอได้ยินฟางเฟยเอ่ยเช่นนั้นก็ถึงกลับชะงัก เขานิ่งพินิจความคิดของนางเพียงครู่ ก่อนจะบอกกล่าวถึงเหตุผลที่กระทำพิธีเรียบง่ายเช่นนางว่าไม่ได้“แต่หากว่าพระองค์แต่งข้าเป็นพระชายาแล้วเช่นนั้นข้าจะสามารถดูแลหอเยว่เซียนได้อีกรึไม่ เช่นนั้นจะไม่เสื่อมเสียไปถึงพระองค์หรอกหรือ รึไม่เช่นนั้นพวกขุนนางที่ยืนคนละฝ่ายกับพระองค์จะไม่...อื้อ” ฟางเฟยยังเอ่ยมิจบก็ถูกหนานจวิ้นอ๋องจุมพิตปิด

  • พระองค์ไร้ใจ ใยข้าต้องทน   ตอนที่ 97 พ่อตาบุตรเขย [1]

    ฟางเฟยเวลานี้นั่งดื่มชาชมดอกบัวในเก๋งหลังใหญ่ ในมือบางนั้นถือม้วนราชโองการจากฝ่าบาทอยู่ในมือด้วยจิตใจล่องลอย หากแต่ใบหน้านั้นกลับสว่างวาบมุมปากแต้มประดับยิ้มน้อย ๆ“เอ๊ะ คุณหนูดูนั่นสิเจ้าคะ” ซูหนิวชี้ให้ดูสองบุรุษที่เดินเคียงข้างตามกันไปด้วยท่าทีพูดคุยหยอกล้อกันไปตลอดทางเดินให้ผู้เป็นนายได้มองชัด ๆ“นะนั่นท่านพ่อนี่ แล้วก็ท่านอ๋อง…” ฟางเฟยเห็นภาพบุรุษที่เริ่มซึมซับเข้ามาในใจนางขึ้นทุกวันก็พลันเกิดความอุ่นวาบขึ้นมาใจและนางมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะตัดสินใจแน่ชัดว่าต่อไปจะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด‘ในเมื่อพระองค์ใส่ใจข้าและพิสูจน์ชัดแล้วว่ามิได้ไร้ใจ อีกทั้งเป็นที่พักพิงให้ข้าได้ยามข้ามีภัย นี่ก็เพียงพอแล้วกระมัง’ ฟางเฟยเมื่อคิดตกดีแล้วพลันถอนหายใจออกมาอย่างนึกปลงในใจ เอาเถิดในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ย่อมไม่กลัวผลลัพธ์“แม่นางเว่ย ๆ แฮ่ก ๆ” เสี่ยวกงกงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหานางถึงด้านในเก๋งหลังใหญ่ ขันทีวัยกลางคนมีสีหน้าแตกตื่น ก่อนเขาจะยืนหอบหายใจเพียงครู่ก็ละล่ำละลักเอ่ยกับนาง“ทะไทเฮาเสด็จขะขอรับ แฮ่ก ๆ เกรงว่าพระองค์จะตั้งใจมาพบท่านกระมัง ทะท่านรีบไปเถิด”“ฮ่ะห๊ะ ทะไทเฮาเสด็จมาเช่นนั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status