ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่มีนาเข้ามาดูแลนฤดล ตอนนี้เธอสามารถทำแผลให้กับเขาได้โดยไม่ต้องให้พยาบาลคอยสอนแล้ว ถึงแม้จะทำช้าไปบ้างเพราะกลัวว่าเขาเจ็บ แต่นฤดลก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเห็นถึงความตั้งใจของหญิงสาว
“คุณดลค่ะ บ่ายนี้มีนาขอไปเอาของที่บ้านนะคะ”
“แล้วเธอไม่อยู่ตอนฉันทำกายภาพเหรอ แล้วฉันจะจับมือใคร” เพราะทุกครั้งที่นักกายภาพบำบัดเข้ามาบริหารร่างกายเขามักจะจับมือเธอไว้เสมอ ทั้งที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่นฤดลก็อุ่นใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยให้กำลังใจเขา
“จับมือพี่พยาบาลไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวขากลับมีนาจะซื้อขนมมาฝาก”
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ”
“แล้วคุณดลอยากกินอะไรล่ะคะ”
“อยากกินราดหน้าฝีมือป้าแข ไปเอาที่บ้านให้หน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ คุณดลบอกป้าแขทำไว้รอได้เลยนะคะ เดี๋ยวมีนาไปเอาให้เอง ไม่น่าจะเกินห้าโมงเย็น”
“แล้วจะไปยังไง”
“นั่งรถเมล์ไปค่ะ”
“ฉันว่ามันไม่สะดวกเลย เธอนั่งรถแท็กซี่ไปดีกว่าไหม ถ้านั่งรถเมล์แล้วต้องเดินเข้าซอยไปอีก บ้านฉันไม่ได้อยู่ต้นซอยนะ”
“แต่ที่ปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์นะคะ มีนานั่งเข้าไปก็ได้ค่ะ คุณดลไม่ต้องเป็นห่วงแค่นี้สบายมาก”
“ฉันเป็นห่วงเธอที่ไหนกันล่ะ ฉันกลัวว่าราดหน้าจะเย็นต่างหาก” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ ทั้งที่จริงเขาก็ห่วงเธอนั่นแหละ เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาก็มีแค่มีนาที่อยู่เป็นเพื่อน เนื่องจากครอบครัวต่างก็งานยุ่งด้วยกันทุกคน
“ฉันว่าเธอนั่งแท็กซี่กลับไปที่ร้าน พอจัดการธุระของเธอเสร็จก็โทรมาบอก ฉันจะให้น้าชัยมารีบที่ร้านดีไหม”
“ก็ได้ค่ะ”
“เอาค่าแท็กซี่ไปด้วยสิมีนา”
“เงินคุณดลยังเหลือค่ะ มีนาไปก่อนนะคะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็โทรบอกนะคะ”
มีนานั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านจากนั้นเตรียมของใช้เพิ่มสำหรับช่วงที่ตัวเองเป็นรอบเดือน พอออกมาจากห้องก็เห็นน้ากิตติศักดิ์ก็มายืนอยู่ที่หน้าห้อง
“มีนา จะไปโรงพยาบาลอีกแล้วเหรอ”
“ค่ะ น้าศักดิ์”
“น้าไม่อยากให้มีนาไปเลย” เขาพูดพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้จนมีนาถอยหลังชนกับประตูห้อง
“มีนารีบค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“จะรีบไปไหน น้ายังไม่หายคิดถึงมีนาเลยนะ” กิตติศักดิ์ก้มใบหน้าเขามาใกล้จนมีนารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างแก้ม เธอเอามือดันแผงอกขาไว้
“ไม่ต้องกลัว น้าไม่ทำอะไรรีนาหรอก ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ รู้ไหมน้าชอบกลิ่นตัวหนูมากเลยนะ”
“แต่มีนาไม่ชอบ น้าถอยไปนะคะ ถ้าไม่ถอยมีนาจะเรียกให้แม่ช่วย”
“น้าไม่ได้ทำอะไรมีนาสักหน่อย ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เองทำเป็นห่วงตัวไปได้” กิตติศักดิ์พูดจบก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ทิ้งให้มีนายืนตัวสั่นอยู่หน้าประตู
หญิงสาวแขนขาอ่อนแรงจนต้องมานั่งพักบนโซฟา เพราะถ้าลงไปข้างล่างตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเวลาเจอหน้าเขาอีกครั้งเธอจะทำตัวเป็นปกติได้ไหม มีนาคิดว่าเรื่องที่คุณดลฤดีชวนไปอยู่ที่บ้านเธอคงจะตอบตกลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ให้คำตอบเพราะกลัวว่าตัวเองกับนฤดลจะเข้ากันไม่ได้
แต่พอเจอกับท่าทางที่กิตติศักดิ์ทำกับเธอเมื่อครู่ มันก็ทำให้หญิงสาวตัดสินใจได้ไม่อยาก
ขณะที่กำลังนั่งเครียดอยู่นฤดลก็โทรเข้ามาถามว่าเธอเก็บของเสร็จหรือยังเพราะตอนนี้ป้าแขเตรียมราดหน้าให้เขาเสร็จแล้ว
“คุณดลบอกน้าชัยให้มารับได้เลยค่ะ มีนาเตรียมของใช้เสร็จแล้ว”
“เธออย่าเพิ่งกินข้าวมานะ ฉันให้ป้าแขทำมาเผื่อแล้ว”
“ค่ะ มีนายังไม่ได้กินข้าว” มีนาอยากทานข้าวฝีมือมารดาก่อนไปโรงพยาบาลแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
หญิงสาวรีบลงมารอข้างล่าง ซึ่งตอนนี้หน้าร้านมีลูกค้านั่งทานอยู่เพียงสองคนเท่านั้น
“แม่คะ แม่รู้แล้วใช่ไหมคะว่าคุณฤดีชวนมีนาไปอยู่ที่บ้าน”
“จ้ะ คุณฤดีบอกแม่แล้ว มีนาล่ะคิดว่ายังไง อยากไปอยู่ที่นั่นไหม”
“แม่ไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะถ้ามีนาจะออกไปอยู่ที่นั่น”
“ไม่ว่าหรอกจ้ะ แต่มีนาอย่าเข้าไปอยู่เฉยๆ นะลูก ช่วยงานในบ้าน ช่วยดูแลคุณดล”
“แล้วถ้าคุณดลหายดีแล้ว มีนาอยู่ต่อได้ไหมคะ แต่วันหยุดมีนาจะมาช่วยแม่ที่ร้าน”
“หนูไปอยู่ที่นั่น ไปช่วยงานคุณท่านดีกว่าจ้ะ ที่ร้านแม่กับน้าศักดิ์ช่วยกันได้ มีนาไม่ต้องห่วงแม่หรอกลูก”
“มีนารู้สึกเหมือนตัวเองอกตัญญูยังไงก็ไม่รู้ค่ะแม่”
“ใช่ที่ไหนล่ะ ที่หนูไปอยู่ที่บ้านคุณท่านก็เพื่อตอบแทนคุณท่าน ให้ท่านได้เรียกใช้งาน เด็กในบ้านคุณฤดีไม่มีใครเรียนสูงสักคน มีนาไปอยู่ก็อาจจะช่วยงานท่านได้บ้าง”
“แม่จะไม้น้อยใจใช่ไหมคะ”
“แม่น้อยใจได้ยังไง มีนาไม่ได้ทิ้งแม่ไปสักหน่อยเวลามาเรียนก็มากินข้าวที่ร้านได้นี่ลูก”
“ขอบคุณนะคะแม่ที่ให้มีนาออกไปอยู่ที่บ้านคุณท่าน เดี๋ยวมีนาจะบอกคุณฤดีค่ะว่ามีนาตกลง”
“แล้วจะเอาอะไรไปบ้างก็บอกแม่นะ ถ้าแม่ว่างแม่จะช่วยจัดให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ มีนาไม่มีของเยอะอะไร ก็แค่หนังสือกับเสื้อผ้าเท่านั้นเอง รอให้คุณดลออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยมาเก็บก็ได้ค่ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ นั่นรถน้าชัยมาแล้ว”
“มีนาไปก่อนนะคะ รักแม่นะคะ” มีนากอดมารดาแน่น
“แม่ก็รักหนูจะ”
พอรถของน้าชัยลับตาไปแล้วมุกดาก็ถอนหายใจอย่างหนัก เธอดีใจที่ลูกสาวตัดสินใจออกไปอยู่บ้านคุณท่านเพราะอย่างน้อยที่นั่นก็ยังปลอดภัยกว่าที่ร้าน ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกิตติศักดิ์ก็ยังคนเป็นสามีภรรยากันอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหน เพราะเธอได้ยินเขาคุยกับเพื่อนว่าอยากไปหางานทำแถวภาคอีสาน
ถ้าหากกิตติศักดิ์ออกไปหางานทำจริงๆ มุกดาก็จะดีใจมาก เพราะเธอเองก็อยากจะให้เขาออกไปจากชีวิต แต่ก็ไม่กล้าพูดกับเขาตรงๆ เพราะไม่อยากทะเลาะกัน แต่ถ้ากิตติศักดิ์เลือกที่จะออกไปอยู่ที่อื่นมันก็จะดีกับตัวเธอ ถึงแม้จะต้องกลับมาเป็นโสดอีกครั้งแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเพราะก่อนหน้าที่จะเจอกับกิตติศักดิ์เธอก็อยู่เป็นโสดมานานหลายปี
“คุณดลอะไรนั่นเขายังไม่หายอีกเหรอ มีนาถึงต้องกลับไปที่โรงพยาบาลอีก”
“ยังจ้ะ ศักดิ์มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ก็แค่แปลกใจว่าเขาก็มีเงินเยอะแยะทำไมจะต้องให้มีนาไปดูแลขาด้วย ปิดเทอมทั้งทีแทนที่จะได้พักอยู่บ้าน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ให้มีนาไปอยู่ที่โรงพยาบาลก็ดีเหมือนกัน”
“มันจะดียังไง เธอไม่ห่วงลูกเลยเหรอ”
“ก็เพราะห่วงน่ะสิ ฉันถึงให้ลูกออกไปอยู่ที่อื่น แถวนี้พวกเสือพวกตะเข้มันเยอะ มีนาโตขึ้นมากแล้ว ไม่ใช่เด็กอย่างแต่ก่อน”
“ฉันว่าเธอระแวงมากไปหรือเปล่า แถวนี้ก็คนรู้จักกันทั้งนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย”
“ก็คนรู้จักบางทีก็ไว้ใจไม่ได้ ไม่เห็นข่าวในทีวีหรือไง ส่วนใหญ่ก็เกิดจากคนรู้จักทั้งนั้น”
“ฉันก็อยู่ทั้งคน ใครจะมาทำอะไรมีนาได้”
“ฉันรู้ แต่มีนาเองก็อยากไปดูแลเขา เพราะครอบครัวเขามีบุญคุณ” พูดจบมุกดาก็เดินไปต้อนรับลูกค้าโดยไม่ได้หันมามองว่าตอนนี้กิตติศักดิ์มีหน้าผิดหวังมากแค่ไหน
“ไม่ค่ะ ยังไงพิมพ์ก็ไม่หย่า”“แต่ผมไม่อยากยื้ออีกต่อไปแล้วนะ คุณไม่มีความสุข ผมก็ไม่มีความสุข”“คุณจะรีบหย่าแล้วไปหาเด็กนั่นเหรอคะ เราคุยกันแล้วนี่ดลว่าเราจะแต่งงานกันสองปี ถึงตอนนั้นคุณค่อยมาคุยเรื่องหย่าดีกว่าไหมคะ”“ถ้าคุณไม่ยอมหย่าผมจะฟ้องหย่า”“คิดดีแล้วเหรอคะดล คุณจะเอาความสุขส่วนตัวมาแลกกับชื่อเสียงของครอบครัวเหรอคะ”“คุณคงคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแต่บางครั้งไพ่มันก็เปลี่ยนได้นะพิมพ์”“หมายความว่ายังไงคะ”“ผมมีหลักฐานที่จะฟ้องหย่าคุณได้ ถ้าคุณไม่ยอมจบแบบเงียบๆ”“ถ้าคุณคิดว่ามันคุ้มกับชื่อเสียงก็เอาสิคะ ถ้าคุณฟ้องหย่าพิมพ์ก็จะบอกเรื่องของคุณให้ทุกคนรู้ พิมพ์คงได้รับความเห็นใจมากๆ ใครจะคิดล่ะคะว่าคุณนฤดลที่แสนจะเพอร์เฟกต์จะมีอีหนูซ่อนไว้”“เรื่องแบบนี้ผู้ชายก็มีกันทั้งนั้น แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณก็หนีสามีไปแต่งงานละ มันจะน่าสนใจกว่าไหม”“ดลหมายถึงอะไร” พิมพ์ปภัสเริ่มร้อนตัว“เรื่องที่คุณพาผู้ชายเข้ามาที่บ้าน ผมไม่ว่าอะไรเลยเพราะมันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ที่คุณควงกันไปเที่ยวต่างประเทศแล้วไปแต่งงานที่นู่น คุณคิดเหรอว่ามันเป็นความลับ”“ดลพูดเรื่องอะไรคะ” พิมพ์ปภัสคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจ
ดลฤดีกลับมาถึงเมืองไทยก็รีบเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับมารดาทันทีโดยที่ยังไม่ทันจะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ“เรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีนาเป็นอะไร” คุณดวงกมลถามลูกสาวขณะที่ถูกเร่งให้เดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดาซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องนั้นไปรดน้ำกล้วยไม้อยู่ที่เรือนเพาะชำ“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีนาค่ะ มีนาสบายดีทุกอย่างไม่มีปัญหา”“แล้วมันเรื่องด่วนอะไรกันล่ะ”“แม่นั่งก่อนนะคะ”พอให้มารดานั่งและหายาดมมาไว้ใกล้ตัวแล้วก็รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมา ทั้งเรื่องที่โรงแรมและเรื่องที่ร้านอาหารในเวกัส“ตาฝาดไปหรือเปล่าลูก เมื่อวานแม่ยังคุยกับน้องอยู่เลย น้องบอกว่าออกมาทานข้าวกับเมียเขา”“แต่ฤดีมีรูปนะคะ นี่ค่ะ” เธอส่งทั้งรูปทั้งคลิปให้มารดาดูซึ่งทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ก็ชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พิมพ์ปภัส“แม่ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยัยไง ตอนแต่งงานก็เห็นว่ารักกันดี นี่ลูกชายแม่กำลังโดนหลอกใช่ไหม” หญิงสูงวัยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า“ฤดีว่าแม่ลองเรียกน้องเข้ามาที่บ้านดีไหม”“แม่ไม่อยากเห็นน้องต้องเสียใจอีกเลย เวรกรรมอะไรกันนะถึงได้มาเจอเรื่องแบบนี้”“แม่ไม่อยากให้น้องรู
มีนาเดินทางมาถึงอเมริกาได้หลายวันแล้ว หญิงสาวเข้าพักที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสอนภาษา ส่วนดลฤดีนั้นพักที่โรงแรมใกล้ๆ เพราะอยากให้มีนาลองใช้ชีวิตคนเดียวระหว่างนี้เธอกับสามีก็ไปดูงานที่โรงเรียนซึ่งใช้เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอน ก่อนที่จะพากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ“พี่วัฒน์คะ”“ครับ”“ฤดีว่าเห็นคนรู้จักนะคะ แต่พี่อย่าเพิ่งหันไปนะคะ นั่งนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวค่ะ”“ให้พี่นั่งนิ่งแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนรู้จักของเราไหม” ธนวัฒน์ถามภรรยาอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าเขาไม่หันไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนที่ตนเองรู้จักไหม“เชื่อฤดีนะคะ นั่งอยู่แบบนี้ก่อน” ดลฤดีบอกสามีจากนั้นเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนกำลังถ่ายรูปของธนวัฒน์ แต่ทว่าเธอกำลังซูมกล้องไปไกลกว่านั้นหญิงสาวนึกขอบคุณโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่สามารถซูมได้มากจนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เธอเห็นนั้นใช่คนที่เธอรู้จักไหมดลฤดีกดถ่ายรูป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินหายเข้าไปในลิฟต์“พี่วัฒน์ดูนี่นะคะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีดูภาพที่ตนเองถ่ายไว้“นี่มันน้องพิมพ์นี่ครับ ผมไม่รู้เลยว่าเธอมาเที่ยว
นฤดลแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอยากคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานานเกินครึ่งปีนั้นจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อมีนาลดน้อยลงแต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะเขายังรักและคิดถึงเธออาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อลองเปรียบเทียบกับครั้งที่ตัวเองตามหาพิมพ์ปภัสไม่เจอมันต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ตนเองแต่งงานไปแล้วและควรมีความสุขกับคนรักที่รอคอย แต่ในทุกๆ วันในใจของเขายังคงนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองมีความสุขกับมีนาอยู่ตลอด“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนมีนารอก่อนนะ”“ค่ะพี่ฤดี” มีนานั่งรอดลฤดีที่ห้องรับแขกขณะที่คนอื่นก็ต่างก็กลับห้องของตัวเองไปกันหมดแล้ว“มีนาสบายดีไหม” ในที่สุดเขาก็เปิดปากถาม“ค่ะ คุณดลล่ะคะ”“พี่สบายดี” เขายังแทนตัวเองเหมือนเดิมขณะที่อีกคนนั้นเปลี่ยนสรรพนามไป“แม่บอกว่าปิดเทอมใหญ่มีนาจะไปเรียนภาษาเหรอ” เขาพยายามจะชวนเธอคุย อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านของตนเองมันไม่ได้น่าเกลียดอะไรถ้าจะพูดคุยกันบ้าง“ค่ะ”“มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”“ขอบคุณค่ะ”“มีนายังโกรธพี่อยู่เหรอ”“เปล่าค่ะ”“แต่เหมือนมีนาไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ” เพราะการถามคำตอบคำแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวท
ทางด้านมีนาที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 3 หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจใครอื่น แม้จะมีคนเข้ามาจีบแต่มีนาก็ปิดตายหัวใจ เธอทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักและวางแผนเอาไว้แล้วว่าถ้าเรียนจบจะเข้าไปช่วยคุณดลฤดีทำงานที่โรงเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่นฤดลบริหาร แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานในเมื่ออีกคนแต่งงานไปแล้วเรื่องราวของเธอกับเขาก็จบลงไปด้วย ไม่มีการติดต่อไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ทางไลน์หรือทางข้อความ เขาและเธอทำเหมือนอยู่กันคนละโลก แม้จะเจอกันก็แค่ทักทายตามมารยาทเท่านั้นใช่ว่ามีนาจะไม่เสียใจที่ถูกเขาหลอก แต่ชีวิตของเธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าต่อ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องราวที่ผิดหวังในอดีตเธอก็คงหาความสุขให้กับตนเองไม่ได้ แม้จะรักเขามากแค่ไหน แต่ถ้ามันเจ็บเธอก็ต้องยอมตัดใจ หญิงสาวคิดได้แล้วว่าการอยู่โดยไม่มีคนรักมันไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิดมีนายังคงไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนั้นอยู่ตลอด เพราะเธอรักและเคารพทุกคนที่นั่น อีกอย่างตอนนี้นฤดลก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกับภรรยาแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้เจอเขาบ่อยนัก“เรื่องฝึกงานมีนาตัดสินใจหรือยังว่าจะฝึกที่ไหน อาจารย์ว่ายังไงบ้าง” ดลฤดีถามขณ
งานแต่งงานของนฤดลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชมเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก “ดลคะ ยิ้มหน่อยสิคะ แขกมากันเยอะแล้วนะ” พิมพ์ปภัสบอกเจ้าบ่าวที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง “ผมจะยิ้มก็ต่อเมื่อผมอยากยิ้ม คุณอย่ามาบังคับผม แค่เรื่องแต่งงานมันก็มากเกินไปแล้ว” “แต่วันนี้วันแต่งงานของเรานะคะ” “ผมว่ามันเป็นงานของคุณคนเดียวต่างหากล่ะ” นฤดลพูดพลางทำหน้าเบื่อโลกยิ่งกว่าเดิม “ดลคะ เราแต่งงานกันแล้วนะ พิมพ์ว่าดลเลิกคิดที่จะกลับไปหาเด็กมีนานั่นได้แล้ว” “ผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น ผมก็แค่เบื่อที่จะต้องปั้นหน้าว่ามีความสุข” ที่เขาทำหน้าเบื่อก็เพราะไม่คิดว่างานแต่งของตนจะจัดใหญ่แบบนี้ “อดทนอีกนิดสิคะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาเข้าหอแล้ว พิมพ์รับรองว่าดลจะมีความสุขและลืมผู้หญิงทุกคนอย่างแน่นอน” พิมพ์ปภัสกล่าวอย่างมั่นใจ เธอจะต้องทำให้นฤดลลืมผู้หญิงที่ชื่อมีนาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถึงกำหนดที่เขากับเธอตกลงกันไว้ “ผมบอกเหรอครับว่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ” “ดลค่ะ คุณเป็นผู้ชายนะ จะอดทนได้แค่ไหนกั