共有

บทที่ 12

作者: หูเทียนเสี่ยว
ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

นางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัว

ในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์

แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”

แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิม

เนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”

ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่ไทเฮา

ตามชื่อ ผู้ทดลองยาคือผู้ให้ยาโดยใช้พลังทางจิตวิญญาณ รวมไปถึงใช้เลือดเป็นตัวนำยา ผู้ทดลองยาบางคนถึงกับต้องทานยาจำนวนมาก หรือถูกของมีพิษกัดกิน ซึ่งบุคคลธรรมดาแบกรับการทดลองนี้ไม่ไหว

ร่างกายที่แข็งแกร่งของจั๋วซือหรานสามารถทนได้

แต่เนื่องจากจั๋วซือหรานเพิ่งได้รับโทษเก้าแส้ของตระกูลมา ให้นางมาเป็นผู้ทดลองยาอีกครั้งจะทำลายร่างกายของนางเสียหายอย่างแน่นอน

ตราบใดที่จั๋วซือหรานไม่ยอม จั๋วหรูซินจะเสนอตัวมาเป็นผูืทดลองยา แต่ร่างกายของนางทนไม่ไหวอย่างแน่นอน ต้องใช้เวลาบำรุงรักษาร่างกาย และอาการของไทเฮาก็ทนได้ไม่นานขนาดนั้น

เท่ากับว่า จั๋วหรูซิได้ชื่อเสียงโดยไม่ได้ทุ่มแรงใด ๆ หากมองในแง่นี้ นับว่านี่เป็นสถานการณ์ที่มีแต่ชัยชนะอย่างแน่นอน

ทุกคนมองดูนาง

จั๋วหรูซินถามอย่างกระตือรือร้นว่า "น้องสาวจิ่วเป็นคนที่มีความสามารถ ซึ่งควรออกแรงหน่อย ดังนั้นเจ้าคงไม่รังเกียจที่จะทุ่มแรงเล็กน้อยเพื่อแบ่งปันความกังวลของฮองเฮาใช่ไหม"

จั๋วซือหรานกระพริบตาเล็กน้อย โอ้ แท้จริงแล้ว เป็นแบบนี้เองหรือ ขุดหลุมพรางรอนางอยู่นี่เอง

“ข้าแค่ทุ่มแรงนิดเดียวเพียวเท่านั้น เหตุใดพี่สาวลิ่วถึงตื่นเต้นมากมายขนาดนี้ล่ะ”

ต้องบอกว่า แผนของคุณท่านจั๋วลิ่วและผู้อาวุโสสามดีเสียจริง

แต่พวกเขาพลาดไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ การที่มีนางอยู่ เพราะนางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม

นางมาจากอีกโลกหนึ่ง และนางเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการต่อสู้โบราณและฝีมือทางการแพทย์ที่ลึกลับ

“ทำไมข้าต้องเป็นผู้ทดลองยาถึงจะบรรเทาความกังวลของฮองเฮาได้ล่ะ” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ข้ารักษาไทเฮาให้ได้ไม่ได้หรือ”

“พูดจาไร้ยางอาย” จั๋วหรูซินตะโกน “เจ้าคิดว่าหมอหลวงในวังทั้งหมดเป็นเพียงของตกแต่งเหรอ พวกเขายังรักษาไม่ได้ เจ้ากล้าพูดเกินตัวเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวที่จะทำให้ครอบครัวของเราอับอายหรือ”

“อย่ายั่วข้าโมโหสิ พี่ลิ่ว”จั๋วซือหรานกล่าวต่อ “หมอหลวงทำไม่ได้ ข้าทำไม่ได้เช่นกันหรือใช่ เจ้าพยายามใส่ความข้าขนาดนี้ หากข้ารักษาให้หายดีได้ คำพูดของเจ้าในตอนนี้จะไม่น่าอับอายมากเลยหรือ”

“หรือขอรับ” มีเสียงหนึ่งดังก้องจากประตูห้องโถง “ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูจิ่วจะมีความสามารถเช่นนี้”

คนรับใช้ที่ประตูส่งสารว่า "ท่านชายเหยียนฉีมาถึงแล้วขอรับ ท่านอ๋องเหยียนเฟิงมาถึงแล้วขอรับ"

ชายร่างสูงทั้งสองเดินมาจากประตู

เฟิงเหยียนแต่งกายด้วยชุดสีดำเหมือนเดิม ใบหน้าอันงดงามของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ในทางกลับกัน ใบหน้าของเหยียนฉีเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาทำท่าเคารพแก่ฮองเฮาจากที่ไกล ๆ "เหยียนฉีมาสายโปรดฮ่องเฮาอย่าโกรธ จะตำหนิกระหม่อมมิได้นะ เป็นความผิดของอ๋องเฟิงทั้งนั้นพะยะคะ”

เหยียนส่ายผลักหน้าที่ด้วยน้ำเสียงที่ช้า ๆ "เขาขาเป๋"

ทุกคนรู้ดีว่า นอ๋องเฟิงได้รับบาดเจ็บที่ขาระหว่างการฝึกซ้อมประจำตระกูล และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องมองขายาวอันเหยียดตรงนั้น

ราชสำนักมีกำลังน้อย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องเคารพตระกูลใหญ่ทั้งห้า

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้มาเยือนยังเป็นบุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเฟิง ผู้กล้าหาญและเก่งในการต่อสู้ และมีบุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเหยียน ผู้เก่งด้านการแพทย์ด้วย

ฮองเฮายิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าวว่า "ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงดื่มชาและพูดคุยเท่านั้น มันไม่สำคัญว่า เจ้าจะมาก่อนเวลาหรือมาสาย"

“แค่ไม่คิดว่าจะตามทันเรื่องนี้” เหยียนฉีมองจั๋วซือหรานด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูจั๋วจิ่ว ผู้ดูแลหมอหลวงในวังเป็นอาสามของข้านะ เจ้ากล้ามากเลยนะ หากเจ้ารักษาไม่ได้ล่ะ”

“หากข้ารักษาได้ล่ะ” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและยิ้ม ดวงตาของนางเป็นประกาย “เช่นนั้น โปรดฮองเฮาเป็นพยานด้วยเพคะ”

ฮองเฮา "โอ้ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นพยานในเรื่องใด"

“หากหม่อมฉันรักษาอาการป่วยของไทเฮาได้ หม่อมฉันขอประทารพระราชโองกรการหมั้นเพคะ” จั๋วซือหรานกล่าว

ฮองเฮาถาม"ถ้าหากเจ้ารักษาไม่หายล่ะ"

จั๋วซือหรานยืนขึ้น เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้อยู่บนที่สูง แต่มันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความภาคภูมิใจของนาง

นางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันก็จะเป็นผู้ทดลองยาให้ไทเฮาก็ไม่เสียหายอะไร"

“เช่นนั้น พวกเจ้าทุกคนตามข้าไปที่ตำหนักหย่งโซ่วด้วยกันและเป็นพยานร่วมกับข้า” ฮองเฮากล่าว

จั๋วหรูซินไม่คาดคิดถึงสิ่งนี้ นางรีบเดินไปหาจั๋วซือหราน แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ"

จั๋วซือหรานมองนางอย่างเย็นชา "นี่เป็นเรื่องที่เจ้าตั้งใจก่อมามิใช่หรือ ข้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าไม่พอใจหรือ"

“แต่ข้าไม่ได้ให้เจ้าโอ้อวดว่า เจ้าสามารถรักษาความเจ็บป่วยของไทเฮาได้ ท่านชายของตระกูลเหยียนอยู่ในงานด้วย เจ้าพูดอย่างนั้นไม่กล้วจะเดือดร้อนภายหลังหรือ” จั๋วหรูซินกัดฟันพูด

จั๋วซือหราน "ข้าจะเดือดร้อนหรือไม่ ไม่รบกวนเจ้าเป็นห่วง"

“เจ้าพูดเกินความสามารถ เพื่อต้องการขอพระราชโองการการหมั้นระหว่างเจ้ากับท่านอ๋องเฟิงเหยียน หากเจ้าทำให้ตระูลอับอาย เหล่าผู้อาวุโสจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” จั๋วหรูซินพูดอย่างเคร่งขรึม นางคิดว่าตัวเองมองแผนการของจั๋วซือหรานออก

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานยิ้ม นางเบาเสียงลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย "เฟิงเหยียนและข้ารักกัน สายใยรักของเราผูกกัน ทำไมเราต้องมีพระราชโองการการหมั้นล่ะ เจ้าไปกังวลเรื่องของเจ้าเองเสียดีกว่า”

หัวใจของจั๋วหรูซินเต้นรัว "หมาย หมายถึงอะไร"

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสดใสจนเห็นฟันขาวเล็ก ๆ ของนาง “พี่ลิ่ว ลืมไปหรือ คู่รักของพี่ลิ่ว ฉินตวนหยาง ข้าเหลือไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษนะ”

จั๋วซือหรานไม่ใช่คนบริสุทธิ์ จั๋วหรูซินกล้าหาผู้ชายชั่ว ๆ เช่นนี้ให้นาง นางก็จะโยนเขากลับไปหาจั๋วหรูซินอย่างแน่นอน

จั๋วหรูซิน: "เจ้า"

จั๋วซือหรานไม่สนใจนางและไม่มองนาง นางเดินจากไปอย่างสง่างาม

จั๋วหรูซินหวาดกลัวเล็กน้อย แต่นางรีบสงบอารมณ์ทันที นางเยาะเย้ยในใจว่า นางกำลังคิดอะไรอยู่ จั๋วซือหรานจะรักษาโรคของไทเฮาได้อย่างไร นางไปเป็นตัวตลกมากกว่า

จั๋วหรูซินเร่งฝีเท้าและมุ่งหน้าไปยังตำหนักหย่งโซ่ว

ไม่ไกลจากด้านหลังของพวกนาง เหยียนฉีมองไปยังชายที่สวมชุดสีดำ เวลานี้ สีหน้าของชายพูดนี้ไร้ความรู้สึก เหยียนฉียิ้มอย่างขำขันว่า "คนสองคนรักกัน มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และผูกพันกันตลอดชีวิตที่เหลือ เจ้าและจั๋วจิ่วมาถึงจุดนี้แล้วหรือ "

ด้วยทักษะของพวกเขา พวกเขาสามารถได้ยินการคุยระหว่างจั๋วซือหรานและจั๋วหรูซินได้อย่างชัดเจน

เฟิงเหยียนขมวดคิ้วและเหลือบมองเหยียนฉีอย่างเย็นชา “หากเจ้ามีเวลามาก ก็ไปรักษาสมองของตัวเองเถิด ชื่อเสียงของตระกูลตัวเองจะถูกคนทำลายอยู่แล้ว ยังมีเวลาแกล้งข้าอีกหรือ”

เหยียนฉีสะดุ้ง จากนั้นโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "แม้ว่าความสามารถของคุณอาสามของข้าจะไม่ได้สูงที่สุดในบรรดาตระกูล แต่ก็ยังเก่งพอ เขายังรักษาความเจ็บป่วยของไทเฮาไม่ได้...เจ้าเชื่อความสามารถของจั๋วจิ่วขนาดนี้เลยหรือ”
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1401

    ชิ่งหมิงได้ยินคำนี้ สายตาก็ชะงักไปตอนที่เงยหน้าขึ้นมองปันอวิ๋น ก็ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไร ดูสงบนิ่งมาก "ฝีมือก็ดีขึ้นมากจริงๆ เพียงแต่ว่า...ข้ากับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากมายนัก"ปันอวิ๋นไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เขาโบกไม้โบกมือ "ไม่เป็นไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้มีพ่อที่ดีกันนักหรอก"จั๋วซือหรานขมวดคิ้วมองเขา "เจ้ามองออกตั้งแต่เมื่อไรกัน?""ข้าไม่ได้ตาบอดนะ เหล่าจวงเองก็แอบมองจวงชิ่งหมิงอยู่ตลอด ทั้งสองคนสกุลจวงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นในแววตาของเหล่าจวงกับจวงชิ่งหมิงก็คล้ายคลึงกันด้วย แค่มองเฉยๆ อาจไม่รู้สึก แต่ถ้าสองคนอยู่ในภาพเดียวกัน ก็จะสัมผัสได้เลย"ปันอวิ๋นบางครั้งดูแล้วก้เหมือนเป็นคนขี้เกียจที่เหมือนไม่ใส่ใจกับอะไรเลยแต่อันที่จริง เขาเป็นคนละเอียดอ่อนและเฉียบแหลมมากมีหลายเรื่อง ที่แม้เขาจะไม่พูด แต่อันที่จริงในใจก็รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างปันอวิ๋นเอ่ยต่อ "ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบฟังคราวหลังจะไม่พูดอีก"แต่เขาคิดๆ จากนั้นก็เสริมมาอีกคำหนึ่ง "น่าจะเพราะว่า ข้ากับเฟิงเหยียนแต่ก่อนรู้ว่าตนเองต้องแบกภาระโชคชะตาแบบไหนไว้ ดังนั้นจึงค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับตนเอง จะพูดถึงยังไงก็ได้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1400

    ถึงยังไงการทำงานในโรงคณิกา บ่อยครั้งที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแม่เล้ากลอกตาไปมา "ทั้งสามท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญแบบใดหรือ? เคาะประตูดีดีก็พอนี่นา ไม่เห็นต้องพังประตูใหญ่แบบนี้..."นางจ้องปันอวิ๋นไม่วางตา "แขกท่านนี้ต้องการจะฟังดนตรี หรือจะค้างคืนกันล่ะ? ต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่ม?"ปันอวิ๋นฟังครึ่งประโยคแรก ก็ขมวดคิ้วแล้ว พอได้ยินครึ่งประโยคหลังก็หนักเลย "อะไรนะ?"แม่เล้าเห็นความเย็นชาในสายตาเขา ก็รู้สึกสันหลังวาบ สั่นเทาไปทั้งตัวจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ปันอวิ๋นหน้าตาดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นความงามเฉพาะตัวด้วย บุคลิกเย้ายวนชวนหลงใหลแต่กำเนิดนั่น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่มกันแน่...จั๋วซือหรานกระแอมแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า "...แค่ก พวกเรามากินข้าวน่ะ พวกเจ้าที่นี่มีกับข้าวและสุราอะไรที่อร่อยก็ยกมาให้หมดเลย"หลังจากที่แม่เล้าได้ยิน เดิมทียังคิดจะถามอยู่ว่าพวกเขาต้องการแม่นางหรือชายหนุ่มไหม แต่ก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมือนว่าตนเองเบื่อชีวิตแล้วก็เลยอ้าปากพะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1399

    ทั้งซื่อหนานล้วนเป็นขอบเขตขั้วอำนาจของเนี่ยคุน ดังนั้นข่าวของบ่อนพนัน ไม่นานนักก็ส่งไปถึงหูของเนี่ยคุนแล้วเขาโมโหจนแทบกระอักเลือด!ใครจะคิดว่าหญิงสาวคนนี้ เอาจวนของเขาไปแล้วก็ยังไม่พอตอนนี้ยังคิดจะทำลายกิจการของเขาอีก!เนี่ยคุนทำได้แค่รีบกำชับออกไป "หญิงสาวคนนี้น่าจะจงใจเล่นงานข้า เร็ว กำชับออกไป ให้โรงคณิกาทางนั้นวันนี้ปิดประตูไม่รับแขก จะได้ไม่ให้นังมารร้ายนั่นพอเบื่อบ่อนพนันแล้วหันไปเล่นทางโรงคณิกาต่อ"คนใช้รู้สึกว่าเนี่ยคุนจะคิดมากเกินไป "ท่านเจ้าเมือง คงไม่หรอกกระมัง? นางเป็นหญิงสาวนะ จะไปโรงคณิกาทำไมกัน..."นั่นมันที่ที่ชายหนุ่มไปเล่นกับหญิงสาวนะ!เนี่ยคุนหัวเราะเย็นชา "นางเป็นโหว ขนาดบ่อนพนันยังไปได้ ยังมีเรื่องอะไรที่นางไม่กล้าทำอีกกัน...?"ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า หญิงสาวคนนี้บินได้!เนี่ยคุนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วยซ้ำ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานก็พาปันอวิ๋นกับชิ่งหมิงมาอยู่หน้าประตูโรงคณิกาอย่างสบายอารมณ์"เจ้ามาจริงๆ ด้วยแฮะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว จมูกก็ย่นลง เหมือนได้กลิ่นเครื่องประทินเข้มข้นลอยออกมาจากในโรงคณิกา"เจ้าเด็กนี่ยังเด็กอยู่เลยนะ" ป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1398

    "ได้"จั๋วซือหรานมองเขา ถามขึ้นว่า "ถ้างั้น ใครจะมาเขย่าล่ะ?"ผู้ดูแลเอ่ยขึ้น "ข้า ข้าเอง ข้าเขย่าเอง...ข้าเขย่าเสร็จจะปล่อยมือทันที ไม่มีโอกาสทำอะไรแน่นอน!"จั๋วซือหรานพยักหน้ายิ้มๆ "ได้ได้ งั้นเจ้าเขย่าเลย"ผู้ดูแลให้คนเอากระบอกเขย่าลูกเต๋ามาด้านในมีลูกเต๋าไม้สามลูกวิธีการก็เหมือนกับกติกาในชาติที่แล้วของจั๋วซือหราน เป็นวิธีเล่นที่ง่ายที่สุดจริงๆจั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจที่จะเล่นกับเขาสักตา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเขามือสะอาดจริง ชนะก็ชนะแพ้ก็แพ้ นางก็ไม่ใช่จะเล่นไม่ได้แต่ใครจะรู้ ว่าก็ยังมีวิะีการโกงอยู่จริงๆคนผู้นี้น่าจะรู้สึกว่าตัวเขามั่นในใจในแรงควบคุมลูกเต๋าเป็นพิเศษ ดังนั้นพริบตาที่นางตอบตกลงให้เขามาเขย่าลูกเต๋า บนหน้าเขาก็มีสีหน้าถอนใจโล่งออกมาอย่างชัดเจนมันชัดเสียจนทำให้จั๋วซือหรานมองข้ามไปไม่ได้เลยจั๋วซือหรานดูท่าทางเขย่าลูกเต๋าของเขา น่าจะเป็นท่าทางบวกกับการสร้างขึ้นเป็นพิเศษของลูกเต๋า ดังั้นพอรวมกับการเคลื่อนไหวที่พิเศษของเขา สามารถหมุนไปตามที่เขาคิดได้และสามารถทำให้เขาได้แต้มที่เขาต้องการแม้จั๋วจะไม่ได้ดูล้ำสมัยเหมือนพวกอุปกรณ์การพนันที่จั๋วซือหรานรู้ในชาติ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1397

    น่าจะเพราะกลุ่มของหญิงสาวคนนี้ พอเข้ามาถึงก็มีแรงคุกคามมหาศาลกระทั่งท่าทีของผู้ดูแลที่มีต่อพวกเขาก็ยังหวาดหวั่นมากเขาเป็นแค่คนแจกไพ่ แน่นอนว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ก็ไม่กล้ามองสายตาของผู้ดูแลด้วย จึงทำได้แค่เปิดไพ่อย่างว่าง่ายไปจั๋วซือหรานจึงชนะสองตาของผู้ดูแลดำเมี่ยมไปแล้ว ถ้าปล่อยให้นางชนะต่อไป...แล้วยังมีสหายที่เก่งกาจเรื่องพนันของนางกวาดเรียบที่โต๊ะอื่นด้วยแบบนี้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้พวกนางไม่เอาชีวิตเขา หลัจากนี้เนี่ยคุนก็เล่นเขาตายอยู่ดีดังนั้นสีหน้าผู้ดูแลจึงบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากมากมองออกว่าค่อนข้างลำบากใจแล้วจั๋วซือหรานยืนขึ้นมา เดินไปทางโต๊ะของปันอวิ๋น บอกกับเขาว่า "เอาล่ะ พอจบตาของเจ้าแล้ว พวกเราก็พอเถอะ"ปันอวิ๋นมองตั๋วทองบนมือจั๋วซือหราน ตาก็เป็นประกาย "ถ้างั้นข้าก็ชนะแล้วสิ?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "ได้ได้ ข้ายอมแพ้แล้ว"เดิมทีนางก็ไม่คิดจะเอาชนะปันอวิ๋นอยู่แล้ว ก็แค่ให้เขาได้เป็นพ่อทูนหัวอย่างสมใจอยากก็เท่านั้นเห็นท่าทางนี้ของเขา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่คิดมีลูกหลานสืบทอดอะไรแล้วเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1396

    "เอาล่ะไม่พูดแล้ว ข้าต้องรีบหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวปันอวิ๋นได้ชนะพอดี เขาดูแล้วก็ไม่ใช่พวกเคี้ยวง่ายด้วยนี่สิ"ไม่นานนักบรรยากาศในบ่อนพนันก็ผิดปกติไปแล้วโต๊ะที่ปันอวิ๋นอยู่ อารมณ์ของทุกคนก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว...ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตางดงามคนนี้ทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงราวกับมีเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ไม่แพ้เลยสักตาเดียว?ส่วนหญิงสาวที่อยู่อีกโต๊ะคนนั้นเองก็สุดยอดมาก...ไม่แพ้เลยสักครั้งเดียวเหมือนกันแต่พวกเขาก็ดูเป็นแค่นักพนันเท่านั้น...มาขลุกอยู่แต่ในบ่อนพนันคับแคบแบบนี้ ไม่ได้เข้าใจและไม่คิดจะไปทำความเข้าใจโลกภายนอกเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง...ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ตัวตนฐานะของจั๋วซือหรานกับปันอวิ๋นและคนอีกหลายคนก็ไม่ค่อยจะรู้ ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน สังหารคนที่ประตูเมืองไปแล้วเท่าไร...และผู้ดูแลบ่อนพนันที่ถูกตั๋วทองทำให้เคลิ้มก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้ก็คลายลงมาจากสภาพนั้นแล้วเสียใจ ตอนนี้คือความสำนึกเสียใจขีดสุดเขารีบตรงไปข้างโต๊ะของจั๋วซือหราน เอ่ยอย่างอ้อนวอนว่า "แม่นาง เอ่อไม่ใช่สิ ใต้เท้า...ใต้เท้า! กิจการของเราเล็กๆ มีทุนน้อย ไม่ทราบว่าท่าน..."เขาชูตั๋วทองขึ้นมาสองใบ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status