“เราเป็นแฟนกันนะ”
เธอพูดเสียงเบา ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มสองแก้ม
‘ให้ตายสิ…เขาคงไม่รู้หรอกว่า ต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดออกมาได้’
แต่เขากลับ... เงียบ!?
เธอเริ่มเม้มปากแน่นขึ้น เหลือบมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา ทำท่าทางสบายเกินหน้าเกินตา
“ผมว่า... ขอเวลาคิดก่อนจะได้ไหม?”
เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีสีหน้าอะไรทั้งนั้น
“ห๊ะ?” เธอเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ‘นี่เขากำลังแกล้งเรารึเปล่าเนี่ย?’
“ผมอยากแน่ใจว่าผมกำลังจะรักผู้หญิงธรรมดา... ไม่ใช่ดีไซเนอร์เพิ่งได้รางวัลระดับโลกมา”
เขาเริ่มวางมาดขรึม ‘จะเอาคืนบ้าง ใครบอกให้เขารอมาได้ตั้ง 6 เดือน’
“โอเคค่ะ... ฉันให้เวลาคุณคิด...” เธอลุกขึ้น ยกคางนิด ๆ อย่างวางฟอร์ม
“แต่ให้ได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น!”
“หืมม?” เขาเลิกคิ้ว
“ถ้าครบสามนาทีแล้วคุณยังไม่ตอบ ฉันจะถือว่าไม่ตกลง... แล้วฉันจะขอคืนกำไลด้วย”
ว่าแล้วเธอก็แกล้งยื่นมือไปจับข้อมือเขา ทำท่าจะถอดกำไลออก
“เฮ้ย! ไม่เอาน่า!” เขารีบดึงข้อมือหลบ
“ห้ามเอาคืนนะ ให้แล้วก็ต้องให้เลยสิครับ”
“เวลาเดินนะคะ เหลือสองนาทีห้าสิบแปดวินาทีแล้ว”
เธอทำหน้าเฉยเหมือนไม่แคร์ ทั้งที่ใจเต้นตึกตักเหมือนจะระเบิดออกมา
เขาจับแขนเธอรวบเอาไว้ แล้วดึงให้นั่งลงบนตัก
“ผมให้คุณคิดตั้งหกเดือน คุณให้ผมแค่สามนาที... ไม่แฟร์เลยนะ”
“ก็มันคนละเรื่องกันนี่” เธอบ่นเบา ๆ
“เหลือสองนาทีห้าสิบวินาทีแล้วนะ... หรือจะไม่ตกลง?” เธอหันไปสบตาเขาแบบจริงจัง
“ถ้าอย่างนั้น...” เขากำลังจะพูด แต่ไม่ทันจบ เธอก็โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกัน
“รับไปแล้ว... ปฏิเสธไม่ได้แล้วนะคะ” ไม่ทันตั้งตัว... ปากอิ่มก็กดเบา ๆ ลงบนริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบาและหวานละมุน
“อื้ม... ยังไม่ครบสามนาทีเลย” เขาพึมพำเสียงอู้อี้ระหว่างจูบ แต่เธอถอยออกก่อนที่เขาจะจูบตอบ
“หมดเวลาแล้วค่ะ”
เธอยิ้มตาหยี พลางลุกจากตักเขา ‘เอาคืนบ้างให้รู้ซะบ้าง’
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งคุณที่รถ” ว่าแล้วก็หยิบกล่องเล็ก ๆ อีกกล่อง แล้วยื่นให้เขา
“นี่ค่ะ รับไปด้วยนะ”
เขารับกล่องมาเปิดดู เป็นกำไลอีกชิ้นที่มีดีไซน์เดียวกันกับของเขา แต่ไซส์เล็กกว่า
“กำไลคู่?” เขาถามสั้น ๆ
“ใช่ค่ะ ก็... เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วฉันจะเก็บไว้ทำไม”
เธอพูดเสียงเบา ยิ้มบาง ๆ ด้วยท่าทีขี้เล่น
“เผื่อคุณ... ได้ใช้มันกับคนที่คุณรัก”
เขานิ่ง แล้วเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาแน่นิ่ง
‘รับเร็วขนาดนี้... คงมีคนในใจแล้วสินะ แล้วที่ผ่านมาตามจีบเราทำไม’
ข้าวหอมคิดในใจ ขณะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
“ว้าย...” ร่างบางถูกมือหนาดึงกลับลงมานั่งบนตักอีกครั้ง แขนแกร่งโอบเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับหนี
“ผมเจอคนที่เหมาะสมแล้ว... และไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆหรอก”
คำพูดของเขานุ่มนวล แต่หนักแน่น ราวกับรู้ทันทุกความคิดของเธอ เขาค่อย ๆ หยิบกำไลวงเล็กขึ้นมาสวมลงบนข้อมือของเธออย่างเบามือ
ก่อนที่เธอจะทันพูดอะไร
จุ๊ฟ~ ริมฝีปากของเขาก็ทาบลงมาบนปากของเธอแผ่วเบา ราวกับจะปิดทุกคำถามและความไม่มั่นใจ
จ๊วฟ~ สัมผัสนั้นค่อย ๆ ละเมียดละไม กลายเป็นจูบที่ลึกซึ้งและอ่อนหวาน จนเธอเผลอเผยอปากตอบรับโดยไม่รู้ตัว ลิ้นร้อนของเขาล้วงลึกเข้าไปในโพรงปาก กวาดชิมความหอมหวานที่เขาโหยหามานานแสนนาน มือหนาโอบกระชับร่างบางที่ยิ่งแนบชิดเข้าไปอีก ข้าวหอมค่อย ๆ พลิกตัวขึ้นนั่งคร่อมตักเขาอย่างไม่รู้ตัว แขนเรียวโอบรอบคอแกร่งไว้ ราวกับต้องการยึดเหนี่ยวบางสิ่งบางอย่างที่กำลังสั่นไหวอยู่ในใจ มือของเขาลูบไล้เอวบาง ไล่ขึ้นจนสัมผัสเข้ากับทรวงอกอิ่ม ร่างบางสะท้านด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
“อื้อ…” เสียงครางเบา ๆ หลุดออกมาจากปากอิ่ม เมื่อริมฝีปากร้อนลากผ่านหลังใบหู ลมหายใจของเขาอุ่นจัดเกินต้าน
“ไดออน…” เธอกระซิบเสียงเบา ราวกับกำลังละลายอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ริมฝีปากหยุดลงที่ไหล่ขาว... หยุดอยู่แค่ตรงนั้น เหมือนเวลาในโลกนี้หยุดนิ่ง เหลือเพียงลมหายใจของสองคนที่ถักทอใกล้กัน
แต่แล้ว...
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด—! เสียงปลดล็อครหัสดังขึ้นถี่ ๆ ก่อนประตูใหญ่จะเปิดออกอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
แกร๊ก! เธอสะดุ้งเฮือก รีบผละตัวออกจากอ้อมแขนเขาอย่างรวดเร็ว มือไม้ลนลานจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่
ไดออนหันขวับไปยังประตูด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ และสิ่งที่เห็นตรงหน้า...ทำให้เขา และเธอ... แทบลืมหายใจ!
ค่ำคืนงานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังพิธีแต่งงานที่มิลาน สวนดาดฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยไฟประดับสีอุ่น แสงจากโคมไฟระย้าสะท้อนแก้วแชมเปญบนโต๊ะกลม เสียงดนตรีแจ๊สคลอเบา ๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะของแขกผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุขข้าวหอมในชุดเดรสผ้าซาตินสีงาช้าง สะบัดชายกระโปรงเบา ๆ เดินออกมายังระเบียงที่ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยและเทียนหอม ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าเบา ๆ พร้อมกลิ่นดอกมะลิจากกระถางใกล้ตัวเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ข้อความใหม่เพิ่งถูกส่งเข้ามาไม่กี่นาที“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานของน้อง...แต่เจี่ยเจียสัญญาว่า จะกลับไปมองรอยยิ้มที่สดใสของเธอในเร็วๆนี้นะ”ข้าวหอมอ่านจบก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาเริ่มรื้นน้ำใส ๆ โดยไม่รู้ตัว เธอยิ้มบาง ๆ เหมือนต้องการซ่อนความรู้สึกไว้เพียงคนเดียว‘เจี่ยเจีย’ — สวีอิงหราน พี่สาวต่างแม่ของเธอ ผู้หญิงที่เคยทำให้เธอร้องไห้มากที่สุด…แต่ก็เป็นคนเดียวที่พร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอที่สุดเช่นกันเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่วงแขนอบอุ่นจะโอบเอวเธอไว้แน่น กลิ่นโคโลญจ์อ่อน ๆ แบบเฉพาะของเขาแตะจมูกในทันที“พี่สาว...ส่งข้อความมาเหรอ?”เสียงทุ้มนุ่มของไดออนกระซิบถามเบา ๆ ใ
[เช้าวันต่อมา]แสงแดดยามเช้าเกลี่ยตัวบนผ้าห่มสีอุ่น อากาศในห้องไม่ได้หนาว แต่หัวใจสองดวงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น…ร้อนกว่าอะไรทั้งหมดข้าวหอมค่อย ๆ ลืมตา เปลือกตาเธอกะพริบช้า ๆ รับกับแสงธรรมชาติที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาอย่างนุ่มนวล เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากคนที่อยู่ข้างหลัง วงแขนแข็งแรงที่กอดเธอไว้แน่นไม่ปล่อย ผิวของเขาแนบชิดหลังเธออย่างไม่มีช่องว่าง เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หัวใจเธอสงบราวกับบทเพลงกล่อมนอนเธอยิ้มบาง ๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันขยับได้เต็มที่ เสียงทุ้มแหบจากด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา"อย่าขยับสิคะ..."เสียงนั้นทำให้เธอชะงัก หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเขินอาย “ข้าวจะปลุกเฮีย…”"เมื่อคืนเฮียยังไม่พอเลย..."คำพูดที่ดังเบาข้างหูทำให้ใบหน้าข้าวหอมแดงก่ำ เธอพยายามขยับหนีด้วยความเขิน แต่ยิ่งเธอขยับ วงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น"เฮีย…" เธอเรียกเสียงเบา"ข้าวเจ็บนะคะ..."เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ดังจากลำคอของเขา กึ่งเอ็นดูกึ่งขี้เล่น เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างหูเธออย่างนุ่มนวลแต่ลึกซึ้ง"แล้วเมื่อคืนร้องทำไมคะ..."คำถามที่ไม่มีเจตนาเย้าแหย่ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
[หน้าห้องพักโรงแรม ที่จัดเป็นเรือนหอชั่วคราว– มิลาน เวลา 20:45 น.]ไดออนเปิดประตูห้องพักหรูบนชั้นดาดฟ้า ข้าวหอมในชุดเดรสยาวหลังเปลี่ยนออกจากชุดเจ้าสาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง“คืนนี้…” เธอพูดเสียงเบา“ไม่ต้องมีอะไรหวานมากก็ได้นะคะ แค่เราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”ไดออนยิ้มบาง“ถ้าเฮียบอกว่าเตรียมเทียน หอม กลีบกุหลาบ และไวน์ไว้หมดแล้วล่ะ…”“เฮีย—!” ข้าวหอมเขินจนหูแดง แต่ยังไม่ทันได้ดุจริง ๆ —ตึง! ตึง! ตึง!เสียงเคาะประตูดังลั่น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วโหวกเหวกคุ้นหู“เปิดเร็ว! เพื่อนเจ้าสาวขอเข้าตรวจห้อง!”“แค่มาเช็คว่าไม่มีพิธีแปลก ๆ แบบคล้องประตูอะไรเท่านั้นเอง!”“เฮียไดออนซ่อนกุหลาบใต้เตียงรึเปล่า เราขอดู!”ข้าวหอมเบิกตากว้าง ไดออนถอนหายใจแล้วหันไปกระซิบ“…ดวงใจกับมินยงมาแน่”ประตูเปิดออก —ดวงใจ, มินยง, และ คิมโฮ ยืนถือกล่องของขวัญ กับไวน์คนละขวด เดินเข้ามาแบบไม่รอเชิญ“อ๊ะ! บรรยากาศดีอยู่นะ” ดวงใจ หันไปรอบ ๆ“เฮียจัดได้มินิมอล ไม่เว่อร์นะ…ไม่เหมือนตอนขอแต่งงาน!”คิมโฮ ยกไวน์ขึ้นมา“เราเอาแชมเปญมาฉลองให้คืนแรกครับ!”“เฮียไดออน คนป๊อปปูลาร์อันดับหนึ่ง…ผู้ไม่เคยเป็นสามีใครมาก่อน!”ข้าวหอมเอามื
[โบสถ์หินเก่ากลางมิลาน – เวลา 11:11 น.]ไม่มีพรมแดง ไม่มีสื่อ ไม่มีเวทีระดับโลก มีแค่ห้องโถงแคบ ๆ ที่ประดับด้วยดอกลาเวนเดอร์แห้งบนแท่นไม้เรียงราย ผ้าม่านสีขาวบางปลิวเบา ๆ ตามแรงลมจากช่องหน้าต่าง เสียงเปียโนบรรเลงคลอด้วยท่วงทำนองเรียบง่าย แต่ทุกโน้ตชัดเจนราวกับสะท้อนอารมณ์ของวันพิเศษนี้หน้าประตูโบสถ์ —“ข้าวหอม…อย่าพึ่งเดินเข้าพิธีนะยะ!!”เสียงแหลมตื่นของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาก่อนตัวจะปรากฏ ดวงใจในชุดเดรสโทนชมพูนู้ดวิ่งจ้ำพรวดมาด้วยรองเท้าส้นสูง กระแทกพื้นหินตึก ๆ จนแขกบางคนหันมามองเธอพุ่งเข้าประตูโดยไม่ทันชะลอ—โครม!“ว้าย!”ร่างของเธอกระแทกเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงในสูทดำสนิทเต็มแรง จนถุงของฝากในมือกระเด็นหล่นพื้น ขนมกล่องเล็ก ๆ กลิ้งออกมาอย่างอนาถ“ขอโทษค่ะ! ขอโทษจริง ๆ!” ดวงใจรีบย่อตัวลงเก็บของก่อนจะเงยหน้าขึ้น…แล้วก็ชะงักใบหน้าที่เธอเห็นคือ คริส — หนุ่มมาดนิ่งแห่ง BBOOM Entertainment ผู้มีออร่าระยะห่างแบบคนที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงง่ายเขาแค่ก้มเก็บของให้เธออย่างนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงต่ำ เรียบ ไม่เร่งเร้า“...รีบเหรอ”“ค่ะ รีบ…แต่ตอนนี้รีบเขินมากกว่า…” ดวงใจหลบสายตาทันที เสียงเธอเบา
[หน้าห้องพักผู้ป่วย – เวลา 10:10 น. วันถัดมา]เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วที่แค่ได้ยินก็น่าปวดหัว“เปิดเร็วๆ แม่หญิงฟ่านเฉียน! นี่ข้าหอบของกินมาจากร้านดังนะยะ!”ไดออนสะดุ้งเฮือกจากที่กำลังหั่นแอปเปิล ข้าวหอมที่นั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงถึงกับยิ้มกลั้นหัวเราะ“เสียงแบบนี้…ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร”ประตูเปิดออก—ปรากฏร่าง เพื่อนสาวตัวแสบประจำแก๊ง Rice Design Group ใส่แว่นกันแดดตัวใหญ่ กระเป๋าสะพายสองใบ มือหิ้วถุงอาหารเกือบสิบถุงเหมือนจะมาปิกนิก“แก๊สสส! ยัยข้าว! ทำไมโทรหาแกไม่ได้เลยยะ!”เพื่อนเดินเข้ามาจุ๊บหน้าผากข้าวหอมแรงจนเธอเซไปข้าง“แม่! แกผอมไปนะ ห้ามอดข้าวอดน้ำเข้าใจมั้ย ช่วงนี้แฟนดารากำลังแรง อย่าเพิ่งอกหัก!”ไดออนสำลักน้ำอยู่ข้างเตียง ข้าวหอมหัวเราะกลั้นเสียง“ไม่มีอกหักค่ะ…แค่หัวใจบวมนิดหน่อย”“ว้ายยยยยยย!!!” เสียงเพื่อนแสบลากยาว “นี่ยังกล้าเล่นมุกอีกเหรอ!?”เธอวางถุงอาหารลงจนเต็มโต๊ะ “พวกเราเป็นห่วงจะตายห่า คิดว่าแกไปติดเกาะหรือโดนลักพาตัวไป!”ข้าวหอมกับไดออนสบตากันเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร…แค่ยิ้มจาง ๆ ที่มีความหมายเกินคำอธิบาย[อีกมุม – โทรศัพท์ของข้าวหอมสั่นเบา ๆ]เธอหย
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นสองครั้ง ไดออนที่ยังยืนอยู่ใกล้เตียงข้าวหอม หันไปมอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างเงียบ ๆชายหนุ่มหน้าตาอ่อนโยนในเสื้อคลุมสีเทาเรียบ เดินเข้ามาหน้าตามีแววกังวล — แต่เมื่อก้าวพ้นประตูมาเพียงไม่ก้าวเดียว เขาก็ชะงักดวงตาของเขามองตรงไปที่เตียง เห็นร่างของข้าวหอมนอนพิงหมอนอยู่ เส้นผมยุ่งนิดหน่อยจากการนอนนาน แต่ใบหน้าอ่อนแรงนั้นกำลังยิ้มให้เขา“เก๊อ…เกอ…” เสียงเธอเบาเหมือนสายลม กระซิบแผ่วราวกับกลัวมันจะหายไปสวีเฉียนเกอไม่พูดอะไรในทันที แววตาเขาไหววูบ เหมือนภาพในอดีตไหลย้อนกลับมาพร้อมกัน — เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยจับชายเสื้อเขาไว้แน่นในคืนที่ฝนตกแต่ที่ทำให้เขาชะงักจริง ๆ…ไม่ใช่แค่ข้าวหอมเขาหันไปมองผู้หญิงอีกคนที่นั่งหันหลังให้ข้างเตียง — ผมยาวรวบหลวมๆและไหล่ผอมบางนั้น ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างประหลาด แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างกลับเต้นแรงขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้สาเหตุ“…คุณคือ…” เขาถามออกมาเบา ๆ ด้วยความลังเลหญิงสาวคนนั้นค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆทันทีที่สายตาทั้งสองสบกัน — แม้จะไม่เหมือนในความทรงจำแม้จะไม่มีรอยยิ้มแบบที่เขาเคยจำได้แต่ดวงตาคู่นั้น…แวว