สำหรับฉีอิงนั้น จูบถือเป็นเรื่องปกติของคู่รักที่จะกระทำมันอยู่แล้ว นางมาจากโลกเสรีในอนาคต การตอบสนองของภรรยา ทำให้ซือถงคำรามอยู่ในลำคอ ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะก้มลงดูดเม้าริมฝีปากล่างอย่างหิวกระหาย มือหนาข้างหนึ่ง ยังคงนวดเฟ้นเต้างามสลับใช้นิ้วโป้ง บี้ยังเม็ดบัวสีหวานนั่นอย่างเมามัน
ฉีอิงสะท้านไปทั้งกายด้วยความรัญจวน จากการปลุกเร้าอารมณ์ของสามี เรียวขางามกวัดรัดขาแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ทั้งยังแอ่นกายส่วนล่าง ขึ้นบดเบียดกับแท่งหยกที่กำลังขึงขัน แนบชิดตัวนางอยู่ในตอนนี้
ชายหนุ่มยังลงอ้อยอิ่งอยู่ที่ลำคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนลงสู่อกอวบอิ่มอีกครั้ง ทว่าครานี้ ชายหนุ่มหาได้หยุดอยู่ยังสองเต้าเต่งตึงไม่ จมูกคมเลื่อนเลยผ่านลงจนถึงสะดือเล็กน่ารักของนาง ก่อนจะตวัดลิ้นสาก หยอกเย้ามันอยู่นาน ทำให้ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน มือบางทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนแน่น
เสียงครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกเล้าโลมจากปลายลิ้นร้ายกาจของชายหนุ่ม มือหน้าจับต้นขางามของภรรยา แยกออกเพื่อให้เขาได้มองเห็นดอกไม้งามที่อวบอูมด้านล่าง ก่อนที่ปลายลิ้นของเขาจะตวัด ยังกลีบอ่อนด้านนอกจนเปียกชื้น นิ้วเรียวกรีดแทรกกลีบดอกไม้
เพื่อเปิดออกเผยให้เห็นปลายเกสรด้านใน ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดชิมยังเกสรงาม ที่มีน้ำหวานเยิ้มออกมาให้เปียกชุ่ม
“อ๊า! ท่านพี่ อ๊ะ!”
ฉีอิงไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้อีก เมื่อความรัญจวนเข้าครอบงำ ทั่วทั้งร่างกาย และจิตใจของนางแล้วในตอนนี้ มือหนาซ้อนเข้าใต้สะโพกงอนงาม ก่อนจะดันมันขึ้นมา เพื่อให้ดอกไม้ของภรรยา เด่นชัดมากขึ้น เสียงกรีดร้องด้วยความสุขของนาง เสมือนรางวัลแห่งชัยชนะ
ชายหนุ่มดูดกลืนน้ำหวานที่ไหลออกมามิขาดสาย พร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วแกร่งคอยกระตุ้นสลับกับปลายลิ้นสาก ที่คอยตวัดวน จนในที่สุด ร่างบางของฉีอิงได้กระตุกเกร็ง พร้อมปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขออกมามากมาย
ชายหนุ่มยังคงอ้อยอิ่งดูดซับดอกไม้ของภรรยาอยู่นาน ก่อนจะเคลื่อนกายลุกขึ้นระหว่างเรียวขางาม ซือถงโน้มกายลงจูบหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนมาขบเม้มยังติ่งหูงาม
“เจ้าพร้อมสำหรับพี่แล้ว”
ฉีอิงร้อนวูบไปทั้งกาย เมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แท่งหยกอันใหญ่โต จ่อยังปากถ้ำน้ำหวานอันเล็กแคบของนาง มือบางเกาะกุมยังเอวสอบของสามี เมื่อรับรู้ถึงการรุกราน
ซือถงถึงกับเหงื่อซึม เมื่อทางเข้านั้นเสียดสีจน แท่งหยกของเขารับรู้ได้ถึงการบีบรัดของช่องทาง ก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจ ผลักดันแท่งหยกเข้าไปในคราวเดียว เสียงกรีดร้องได้หายไป เมื่อชายหนุ่มก้มลงดูดกลืนเสียงนั้นของภรรยาจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มไม่คิดรั้งรออะไรอีกแล้ว เอวสอบขยับโยกด้วยความรัญจวน ที่เขาอัดอั้นมานาน มันเจ็บร้าวตั้งแต่ก่อนที่เขา จะนำพานางสู่ความหฤหรรษ์ในครั้งแรกแล้ว
ฉีอิง เปลี่ยนจากความเจ็บปวดในคราแรก กลายเป็นความต้องการอยากที่มากขึ้น นิ้วเล็กจิกลงบนเนื้อแน่นของชายหนุ่ม เป็นการบอกที่ไม่ต้องเอ่ยออกมา ว่านางต้องการให้สามี เพิ่มความดุดันให้แก่นางมากขึ้นอีก
แม่ทัพหนุ่มขยับโยกตามคำขอของภรรยา เสียงครวญครางดังประสานกันในยามค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย ภายนอกเหน็บหนาว ทว่าภายในห้องนอนนั้น เต็มไปด้วยไฟแห่งปรารถนา
ชายหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อเขาไม่อาจต้านทานความหฤหรรษ์ได้อีกต่อไป ชายหนุ่มคำรามก้อง
เมื่อสายธารอุ่น ๆ ไหลเข้าสู่เส้นทางแห่งความรัญจวน ร่างสูงใหญ่ซบลงยังซอกคอบขาวเนียนของภรรยา ที่อ่อนระทวยอยู่ใต้ร่าง ด้วยความอิ่มเอม จากการปรนเปรอของแม่ทัพหนุ่ม ซือถงพลิกร่างหนาลงนอนเคียงข้างภรรยา ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมกายของทั้งคู่ วงแขนแกร่งโอบกอดนางอย่างถนอม ก่อนที่ทั้งคู่จะหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย
ยามเช้ามาเยือน ทว่าสองร่างยังคงโอบกอดกันอยู่บนเตียง แอด! เสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมฝีเท้ารีบร้อน ทำให้แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปม เพราะต่อให้มีเรื่องสำคัญอันใด ทุกคนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาภายในห้องนี้ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
เขามั่นใจว่าทุกคนรู้ ว่าเมื่อคืนเขานอนอยู่กับภรรยา ยิ่งไม่สมควรที่จะเข้ามาโดยเด็ดขาด ชายหนุ่มมองผ่านม่านเตียงไปยังผู้ที่เข้ามา ร่างบางในชุดเกินสาวใช้ของเสี่ยวเตี๋ย กำลังมองมาที่เตียงด้วยสายตาที่เขาไม่ชอบใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขานิ่งเฉยเพราะนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด จึงยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด ที่อาจทำร้ายจิตใจของภรรยา
ด้วยการแต่งงานอันจำใจ ทำให้ฉีอิงนั้นมิได้มีความสุขนักในจวนแห่งนี้ เขาจึงไม่คิดหักหายน้ำใจนาง โดยการลงโทษคนของนาง
ทว่าวันนี้เหมือนเสี่ยวเตี๋ยจะถึงจุดสิ้นสุด ที่จะอยู่ใกล้สายตาของเขาแล้ว ข่าวเลวร้ายที่หลุดออกไปภายนอกจวนนั้น หาใช่ใครอื่นไกลไม่ ก็คนที่กำลังยืนกำหมัดหายใจหอบแรง ด้วยโทสะนั่นอย่างไรเล่า
ชายหนุ่มที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน อยู่ในตอนนี้ ก้มมองภรรยาตัวน้อย ที่ยังคงหลับตาพริ้ม ทว่ามุมปากอวบอิ่มยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาอดใจไม่ได้ ที่จะก้มลงประทับจูบอ่อนหวาน ลงยังความร้ายกาจนั่นของนาง
ฉีอิงขยับกายเล็กน้อย บดเบียดกับอกแกร่งของสามี นี่คือความตั้งใจของนาง ที่จะแสดงให้แก่สาวใช้ ที่คิดจะช่วงชิงของผู้เป็นนาย คำพูดหรือจะเจ็บปวดเท่าการกระทำ ชีวิตเก่าก็เพราะความไว้ใจจึงทำให้นางต้องตาย
ชีวิตนี้นางจะวางทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น นั่นคืออยู่เป็นเพียงหนึ่งเดียวของสามี กับก้าวจากไปอยู่เพียงลำพังกับความร่ำรวย ผู้ใดจะกล่าวหาว่านางเห็นแก่ตัวก็ตามแต่ สตรีในใต้หล้านี้ มีผู้ใดบ้างมิอย่างเป็นเพียงหนึ่งเดียวในใจบุรุษบ้าง
“เหนื่อยหรือยัง ใต้เท้ากวง” คำถามจากคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ทำให้ใต้เท้ากวงกระชับอาวุธในมือแน่น ต้าเว่ยองครักษ์ที่เขาคิดว่าซื้อตัวเอาไว้ได้แล้ว ไยจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ “เจ้าไม่กลัวว่าหนิงจิ่นเอ๋อร์จะขุ่นเคืองรึอย่างไร” “หึๆ แล้วนางจะทำอันใดข้าได้ แต่ถ้าไม่เป็นการรบกวนใต้เท้ามากจนเกินไป ข้าฝากถามนางหน่อยก็แล้วกัน ว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อหมากที่วางไว้ไม่เป็นอย่างที่คิด” “เจ้าเป็นใครกันแน่” “ข้าเหยียบแผ่นดินของผู้ใด คนนั้นก็คือนายแท้จริงของข้า” “องครักษ์เงาเยี่ยงนั้นรึ!” “ตามแต่ใต้เท้าสะดวกเรียก” ใต้เท้ากวงขบกรามแน่น เมื่อสิ่งที่เขาคาดเดาเป็นความจริง องครักษ์เงาจะมีเพื่อปกป้องฮ่องเต้ และผู้สืบบัลลังก์เท่านั้น ขนาดองค์รัชทายาท ยังไม่มีองครักษ์เคียงกายแม้แต่คนเดียว “หลักแหลมนักตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!” ใต้เท้ากวงสบถเบาๆ อย่างแค้นเคียงฮ่องเต้ ที่ส่งองค์ชายเก้าเดินทางราวคนไร้แผ่นดิน ทั้งยังมีสวี่อ๋องตามติดมิห่าง และในสายตาของทุกคน ต่างเห็นชัดว่าต้าเว่ย คือองครักษ์คนสนิทของสวี่อ๋อง ทว่า
“หึๆ เจ้าเห็นไหมว่าเขาสร้างเจ้ามา เพื่อให้เหนือกว่าข้าและลูกคนอื่นๆ คำพูดของข้าเจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าข้าหมายถึงใครในพวกเจ้าสามคน” “ผิดแล้วเสด็จพี่ เป็นท่านเองต่างหากที่ยอมรับมันด้วยตนเอง ข้าแค่ตอบส่งเดชไปอย่างนั้น หากมิใช่ท่านย่อมไม่ต่อความกับข้า จริงไหม! พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทหยวนขบกรามแน่น นี่อย่างไร! ที่ทำให้เขาชิงชังบิดา เพราะเขาคือบุตรชายของสตรีที่ไม่ทรงรัก ถึงได้เลือกที่จะฝึกฝนโอรสที่เกิดจากคนรักให้มาแทนที่เขา “ข้าคือโอรสของฮองเฮา เจ้าควรเจียมตัวเอาไว้บ้าง” “การที่ท่านแม่ของข้าถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮา ข้าคิดว่าเสด็จพี่น่าจะทรงรู้ดีว่าทำไม หากจะนับตามฐานะอันแท้จริง มารดาของข้าคือฮองเฮาคนแรก และเป็นหนึ่งเดียวในใจของเสด็จพ่อ” “เจ้ารู้มาตลอด ว่าท่านพ่อคิดจะคืนตำแหน่งที่ข้าครอบครองให้แก่เจ้าสินะ! เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้คิดฝัน ฆ่าพวกมันให้หมด!” หยวนเช่ออยากบอกพี่ชายเหลือเกิน ว่าเขาไม่รู้อะไรเลย แค่ไม่อยากให้ใครหมิ่นถึงมารดาก็เท่านั้น สิ้นคำสั่งคนร้ายได้กรูเข้าหาทั้งสาม ทว่ามันไม่ง่ายดายอย่างที่คิด เมื่อมีทหารจากกองทัพ
“ลิลลี่ระวัง!” ร่างงามหมุนกายได้อย่างว่องไว ฉึก! หนิงจิ่นเอ๋อร์ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อร่างของนาง มีมีดสั้นปักคาอยู่กลางอก และคนลงมือคือมารดาของนางเอง “เพื่อสกุลหนิงเจ้าต้องรู้จักการเสียสละ!” คำพูดที่ไร้เยื่อใยของมารดา ทำให้สองแก้มอาบไปด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูราวทำนบแตก เสมือนใจของนางที่แหลกสลาย เมื่อรู้ตัวว่าไร้ค่าเยี่ยงที่จ้าวหลันถิงเคยว่าไว้ เหตุใดต้องเป็นนางเล่าที่เสียสละเพียงลำพังจ้าวหลันถิง กระชับอาวุธในมือ ก่อนจะพุ่งเข้าหาคนของหมู่บ้านหนิงที่ยังตกตะลึง กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ นางจึงเลือกจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน หาไม่แล้ว! นางคือรายต่อไปที่ต้องตาย ส่วนท่านหญิงฮวา ได้เคลื่อนกายมายืนขวางทางของหนิงฮูหยินเอาไว้ แววตาอันแข็งกร้าวของหญิงสาว เหมือนกับใครบางคนที่คุ้นเคยยิ่งนัก ในความรู้สึกของหนิงฮูหยิน “เจ้าเหมือนคนที่ข้าเคยรู้จัก” “แล้ว!” “แต่นิสัยไยแตกต่างกันนักเล่า” “หน้าเหมือน! ทำไมนิสัยต้องเหมือนกันด้วย ขนาดฝาแฝดยังแตกต่างเลย” คำพูดเยี่ยงคนที่ม
เส้นทางลับ หญิงสาวทั้งสองเดินตามเส้นทางนั้นไปอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะมองเห็นผนังหินที่อยู่สุดทางเดิน ฮวาหลิวหลีขยับกลไกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ “เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง ว่าเจ้าเป็นใคร!” “ข้าฮวาหลิวหลี ธิดาของฮวาอ๋อง” “ไยท่านหญิงฮวาจึงได้รู้เส้นทาง ทั้งยังรู้เรื่องของข้าเล่า” “สวี่อ๋องมิได้แจ้งท่านในจดหมายหรอกหรือ” “ท่านรู้!” “ตอนแรกก็ไม่หรอก! แต่ก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่ ท่านพ่อของข้ากับสวี่อ๋อง ได้หารือกันเพื่อป้องกันสิ่งไม่คาดคิด และมันก็เป็นจริงอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ส่วนเรื่องต้าเว่ย! เขามิเคยแปรพรรค แค่ไหลไปตามน้ำก็เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ รอพบสวี่อ๋องท่านก็ถามเขาเองแล้วกันนะ ไปกันเถอะ!” “ที่ใด!” “ข้าไม่ได้ลวงท่านหรอกนะ...ระวัง!” เคร้ง! ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเดิน ลูกธนูก็พุ่งเข้าหาทั้งคู่ ฮวาหลิวหลียกดาบต้านรับเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะคว้าแขนของจ้าวหลันถิงวิ่งตรงเข้าไปในป่า “เร็ว! คนในหมู่บ้านหนิง แม้แต่เด็กก็มากด้วยฝีมือ”
“เฝ้านางเอาไว้ให้ดี”“เจ้าค่ะ”เสียงประติดลงไปครู่หนึ่ง ร่างบนเตียงแสร้งพลิกตัว ก่อนจะเปิดเปลือกตาเพียงเล็กน้อย เพื่อดูว่ามีใครอยู่ในห้องหรือไม่ คนพวกนี้กำลังคิดไม่ซื่ออย่างที่นางกังวลจริงๆ ขนาดต้าเว่ยยังพลาดพลั้ง แต่เอ๊ะ! เขามีฝีมือระดับนั้นจะพลาดได้อย่างไรกันหญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแผ่วเบา กลิ่นนี้นางจดจำได้ เพราะมันคือยาที่นางเพิ่งใช้กับต้าเว่ย เขาเข้ามาที่นี่ได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ!“นางดื่มยาแล้วใช่ไหม”“เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะหลบหนีไปช่วยเจ้าได้”“หากข้าไม่เห็นนางเข้าเสียก่อน ก็คงแสร้งสิ้นสติไม่ทัน แต่จะเก่งกาจแค่ไหนก็สู้ยาของท่านกวงไม่ได้ เจ้าเฝ้านางให้ดี ข้าจะออกไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”“ทำไมไม่กำจัดนางเสีย!”“นางคือตัวประกัน ที่จะทำให้องค์รัชทายาทชีอันยอมสิโรราบ”“ทำไมเขาถึงจะยอมเสียงเพื่อนาง”“ชีอันแสร้งไม่ใยดีนาง ก็เพราะไม่อยากให้หยวนใช้นางต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อเรารู้แล้วว่านางสำคัญ นายท่านจึงเลือกเก็บนางเอาไว้ แต่ต้องกำจัดสามีของนางทิ้งก่อน อย่าถามให้มากความ ที่ข้าบอกไปก็เกินพอแล้ว”ลมหายใจอันสม่ำเสมอของคนบ
“พระชายาไม่มีสาวใช้หรือเจ้าคะ” ยังคงเป็นหญิงสาวคนเดิมที่เอ่ยถาม“ท่านอ๋องมิได้ให้ติดตามมา”จ้าวหลันถิงสบถอยู่ภายในใจ ว่าจะสอดรู้เรื่องของนางไปทำไม นางเข้าใจนะ! ว่าสามีนั้นรูปงาม เป็นที่ต้องตาของสตรีมากมาย แต่พวกนางรักเขาจริงหรือ รึ! แค่ว่าเขาคือท่านอ๋อง ลองเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา หญิงสาวมากหน้าหลายตาเหล่านี้ คงไม่แม้แต่จะชายตามอง“ไยท่านอ๋องไม่รู้ใส่ใจพระชายาเช่นนี้นะ!”“ท่านอ๋องคิดเสมอว่าการที่ให้พระชายารออยู่ที่นี่ ย่อมจะทำให้นางปลอดภัยและสบายใจ อีกทั้งองค์รัชทายาทแห่งชีอันก็ทรงวางพระทัย ว่าพระขนิษฐาจะสำราญกับการได้ออกมาท่องเที่ยวนอกจวน”คำบอกเล่าเดียวของต้าเว่ย สยบทุกคำถามได้อย่างราบคราบ นี่กระมังที่ท่านอ๋องเบื่อหน่ายอิสตรี พวกนางไม่รู้ว่าไปสรรหาคำถามจากที่ใดมาเจรจาได้ทั้งวัน ชนิดที่เรียกว่านกแก้วยังต้องสิโรราบให้กับพวกนางการสนทนาเริ่มเป็นเรื่องโดยทั่วไป ก่อนที่จะมีหญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาขอแรงขององครักษ์หนุ่ม ให้ไปชั่วยกหม้อแกงในครัวออกมาที่ลานด้านหน้า“ข้าอยู่ได้”จ้าวหลันถิงบอกแก่ต้าเว่ย ก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นส่งกล่องไม้ในมือให้แก่นายสาว แล้วถือกระบี่เดินตามหญิงชราไป จ้าวหลันถิงร