“ท่านแม่ทัพ สายแล้วนะเจ้าคะ”
ในที่สุดเสี่ยวเตี๋ยก็นำตัวเองขึ้นบนแท่นประหาร ฉีอิงลอบยิ้มอยู่กับอกของสามี เสียงงัวเงียเหมือนลูกแมวของนาง เป็นการบอกแก่สามีว่าต้องลงดาบเสียที
“บังอาจ! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไร จึงเข้ามาในห้องนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันเสี่ยวเตี๋ย เพียงบ่าวไยหาญกล้าทำเช่นนี้กัน”
ตึก! เสี่ยวเตี๋ยรีบคุกเข่าลงในทันที พร้อมเสียงสะอื้นไห้ปานใจจะขาด ทว่าฉีอิงยังคงนอนหลับตานิ่ง ขยับตัวเพียงเล็กน้อย ยิ่งเป็นการเพิ่มโทสะให้แก่ชายหนุ่ม
“ท่านแม่ทัพ เสี่ยวเตี๋ยเพียงเป็นห่วงท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” เสี่ยวเตี๋ยละล้ำละลักพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
“ไม่ผิดที่บ่าวจะห่วงใยในตัวนาย แต่เจ้ากลับมิเป็นเช่นนั้น ฮูหยินของข้าคือนายของเจ้า แต่เจ้ากลับบังอาจรบกวนยามหลับของนาง ทั้งยังรุกล้ำเข้ามาในเวลาส่วนของนายเช่นนี้ เจ้าลองบอกข้ามาสิ ว่ามันเหมาะสมหรือไม่”
เสี่ยวเตี๋ยถึงกับหนาวสะท้านไปทั้งกาย นางรู้ชะตาตนเองแล้วในตอนนี้ ว่าอย่างไรเสียก็คงถูกลงทัณฑ์จากแม่ทัพหนุ่มอย่างแน่นอน นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนแห่งนี้ นางมิเคยเห็นท่านแม่ทัพ เอ่ยวาจามีโทสะถึงเพียงนี้สักครั้ง
“ฮูหยิน ชะ...”
“ออกไป!”
สาวใช้ยังมิทันเอ่ยได้จบประโยค เพียงเรียกหานายหญิง ก็ถูกแม่ทัพหนุ่มไล่ในทันที แม้จะมีม่านบางสีขาวขวางกั้นคนบนเตียงอยู่ นางก็รู้ได้เป็นอย่างดี
ว่าสองร่างที่กำลังแนบชิดนั้น ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกาย ความคลั่งแค้นภายในใจลุกโซน ทว่านางมิอาจทำสิ่งใดได้ นอกจากรีบลนลานออกจากห้องไป
เพียงก้าวพ้นประตูออกมา หญิงสาวก็ต้องพบกับสายตาดูแคลนของพ่อบ้านชรากับเสี่ยวเจี้ยน
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ เสี่ยวเตี๋ย”
พ่อบ้านชราเอ่ยถามสาวใช้ของฮูหยิน เขารู้มาตลอดว่า เพราะสิ่งใดที่ทำให้ชีวิตการแต่งงานของผู้เป็นนาย ไม่ลงเอยเสียที ส่วนหนึ่งคืออดีตของท่านแม่ทัพ กับอีกสิ่งคือถูกขัดขวางอยู่เนือง ๆ
วันนี้เห็นทีชะตาของเสี่ยวเตี๋ยคงหมดลงแล้ว เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเห็นในสิ่งที่เปลี่ยนไปของฮูหยิน ชัดเจนยิ่งนัก
“ข้ามิได้ทำสิ่งใดเจ้าค่ะ” เสี่ยวเตี๋ยรีบปฏิเสธในทันที พร้อมส่งแววตาน่าสงสาร เพื่อขอความเห็นใจจากคนทั้งสอง
“แล้วเจ้าเข้าไปในห้องของฮูหยินด้วยเหตุใด ในเมื่อฮูหยินมิได้เรียกใช้เจ้าแม้แต่น้อย”
พ่อบ้านชราเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาที่มองสาวใช้ของนายหญิง ไร้ซึ่งความเห็นใจใด ๆ ทว่าเขารู้สึกรังเกียจเสียมากกว่า
“ข้า...เอ่อ...ข้าไปดูฮูหยินในยามเช้า เช่นทุกวันเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเตี๋ยยังคงหาข้อแก้ตัว แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้า มิได้คิดเช่นที่นางเอ่ย แต่จะให้พูดออกมาได้อย่างไร ว่านางหึงหวงในตัวท่านแม่ทัพ หากทำเช่นนั้น เท่ากับนางหันคมดาบเข้าเฉือดคอตนเอง
“ข้าว่าเจ้ารอฟังผลของความทะเยอทะยาน ในสิ่งที่เจ้ามิควรอาจเอื้อมจะดีกว่าเสี่ยวเตี๋ย”
พ่อบ้านชรา หันไปหาเสี่ยวเจี้ยน ก่อนจะพยักหน้าให้แก่หญิงสาว ทั้งคู่จากไปโดยทิ้งคำพูดให้เสี่ยวเตี๋ยได้คิด หากจะโทษผู้ใดก็ควรเป็นตัวของนางเอง ที่ใฝ่สูงจนนำภัยมาสู่ตน
ระหว่างสาวใช้และภรรยา มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าแม่ทัพหนุ่มจะเลือกผู้ใด จะรักกันหรือไม่นั้น มิสำคัญเท่าฐานะที่มีมาแต่เดิม หากเป็นบุรุษบ้านอื่น อาจมิใช่เรื่องยาก ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงหรืออนุ แต่มิใช่กับท่านแม่ทัพจ้านซือถงผู้นี้
จะเดินหมากต้องดูคู่ต่อสู้ มิใช่คิดเพียงว่าตนเองเก่งกาจ แล้วจะคว้าชัยมาไว้ในมืออย่างง่ายดาย น่าเสียดายแทนสาวใช้ผู้นี้นัก มีนายดีแต่มิรู้คุณ เมื่อล้ำเส้นก็ย่อมต้องถูกกำจัด
ฮูหยินในท่านแม่ทัพนั้น มิใช่สตรีไร้หัวอ่อนเช่นในอดีตแล้ว นางมิต้องลงดาบด้วยมือ แต่ผลักมือของคนที่เหนือกว่าลงดาบแทนเสีย
ยามสายของวันนั้น ข่าวการสั่งขายสาวใช้ของฮูหยินในท่านแม่ทัพจ้านซือถง กระจายไปทั้งในและนอกจวน โดยมีคำสั่งห้ามมิให้เสี่ยวเตี๋ย เข้าใกล้ฮูหยิน แม้แต่คำเอ่ยลาก็ไม่ให้กล่าว คำสั่งของท่านแม่ทัพ ทำให้ทุกคนต่างมองฮูหยินเสียใหม่แล้วในตอนนี้
ฉีอิง ยังคงนั่งอ้อยอิ่งอยู่บนเตียง ซึ่งนางได้ร่วมกินมื้อเช้ากับสามี ก่อนที่เขาจะสั่งให้นางกลับขึ้นเตียง เพื่อนอนพักผ่อนต่อ โดยก่อนจะไปทำงาน แม่ทัพหนุ่มยังส่งมื้อของหวานตบท้ายให้แก่นาง จนล้าไปทั้งกาย เหมือนเขาตั้งใจวางยานาง มิให้ออกไปนอกห้องได้เลยนั่นเอง
เมื่อคิดตรงนี้ ใบหน้างามก็พลันเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง มิว่าจะเมื่อคืนหรืออีกครั้งหลังมื้อเช้า มันทำให้เลือดในกายสูบฉีด จนร้อนฉ่าไปทั้งร่าง
นับตั้งแต่วันที่นางพบเขาอยู่กับหลิวหลิง นางก็เริ่มแผนการยั่วประสาทสามี ซึ่งมันจะได้ผลกับบางคนเท่านั้น ซึ่งแม่ทัพจ้านซือถงนั้น คือความเสี่ยงที่นางต้องลองดู
นางมองเมินเขาเสมอยามพบหน้า นางไม่เฉียดใกล้ในยามที่เขาสนใจ แรก ๆ เขาคงแค่แปลกใจ ทว่าพอนานไปเขาเริ่มจับผิด จนเทียวมาหานางแทบทุกวัน แม้จะยังไม่มีเรื่องระหว่างสามีภรรยาเกิดขึ้น แต่ใจบุรุษที่ถูกมองข้าม จากที่เคยได้รับการใส่ใจมาตลอด
หมับ! หลิวไท้ซาน คว้าจับข้อมือของคน ที่มาจากเบื้องหลังของเขา การต่อสู้เกิดขึ้นในทันที สิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจก็คือ ไยคนที่หลับอยู่บนเตียง หาได้รับรู้ถึงการต่อสู้ของเขา และผู้บุรุกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดวิสัยของอวี้เหยา ผู้เก่งกาจเรื่องการต่อสู้“ท่านพี่ ข้าเหนื่อยแล้วนะเจ้าคะ ท่านจะหยุดมือได้หรือยังเจ้าคะ”ชายหนุ่มถึงกับชะงักค้าง เมื่อคนร้ายที่เขาคิดนั้น กลับมีน้ำเสียงเหมือนกับภรรยาของตนเอง“น้องหญิง เป็นเจ้าจริงหรือ”หลิวไท้ซานยังคงไม่วางใจ เพราะมันอาจเป็นหลุมพรางก็เป็นได้ ก่อนที่แสงสว่างเกิดขึ้น ด้วยแท่งไฟในมือของอีกฝ่าย ใบหน้างามของภรรยาปรากขึ้นชัดเจนในสายตา หลิวไท้ซานก้าวยาว ๆ เข้ารวบกอดภรรยาเอาไว้แน่นอวี้เหยา แทบจะนำแท่งไฟหลบจากสามีไม่ทันเลยทีเดียว เสียงลมหายใจของเขา ทำให้นางอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของพระชายานี่มันไม่สวยงาม อย่างที่คนภายนอกคิดเลยสักนิด ภัยมีอยู่รอบตัว นางเข้าใจแล้วว่าทำไม ท่านปู่ของนางจึงไม่อยากเกี่ยวดอง กับเชื้อพระวงศ์“แล้วบนเตียงนั่นเล่า มันคือสิ่งใดกัน” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“พอดีมีสตรีใจกล้า ลอบมาปีนเตียงของท่านพี่ นางคงศึกษาเรื่องของเ
เมื่อหลายปีก่อน อวี้เหยาในวันสิบขวบ นางเป็นเด็กหญิงที่สดใส และเพียบพร้อมทั้งความงามและทรัพย์สมบัติ จึงทำให้เขาและบุตรชายต้องพานางร่วมงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้งทว่าวันนั้นมีงานเลี้ยงในตอนกลางวัน อวี้เหยาบอกว่าเจ็บป่วยมาก มิอาจติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ นางจึงนอนพักผ่อนอยู่ในจวน และนี่คือแผนการเด็ก ๆ ที่เขารู้ทันหลานสาว แต่เป็นเรื่องที่เขาพอใจเช่นกัน เขายินดีให้นางไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า ยังดีกว่าต้องไปแสร้งมีความสุขในงานเลี้ยง ที่ผู้คนสวมหน้ากากเข้าหากันในวันนั้นเขาได้ให้พ่อบ้านของจวน คอยติดตามดูแลหลานสาวอยู่ห่าง ๆ เพราะนางกับสหายทั้งหมด ได้พากันออกไปวิ่งเล่นยังทุ่งหญ้า ที่มีลำธารตื้น ๆ ไหลผ่าน เด็กน้องทั้งห้าหาได้รู้ไม่ว่า วันนั้นหนึ่งในพวกเขา จะได้พบเจอ กับคนที่จะเปลี่ยนชีวิตไปตลอดการพ่อบ้านในในตอนนั้น ยังอยู่ในวันหนุ่มฉกรรจ์ ถึงกับมีใบหน้าซีดเผือด เมื่อคุณหนูของตนเอง กำลังตกอยู่กลางวงล้อมของคนแปลกหน้า เขารู้ได้ในทันทีว่านั่นคือมือสังหาร แล้วผู้เป็นเจ้านายตัวน้อย ไปยุ่งเรื่องของผู้ใดเข้ากันคนดูแลของคุณชายและคุณหนูทั้งห้า ต่างกระชับอาวุธในมือ พุ่งเข้าปกป้องผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ผู้ใ
เพียงรถม้าหยุดลง เสียงถกเถียงกันจากด้านนอก ก็ทำให้อวี้เหยาลืมตัว พุ่งพรวดออกไปในทันที ‘ตาเฒ่าอวี้ตามมาถึงนี้จนได้’“เหยาเหยาหลานรัก ไยเจ้าใจดำอำมหิตถึงเพียงนี้”เสียงโอดครวญของชายชรา ทำให้ชายหนุ่มที่เร่งตามภรรยาลงมาดูเหตุการณ์ ได้แต่ยืนขมวดคิ้วจนเป็นปม ด้วยความสงสัย ก่อนจะได้รับคำตอบจากองครักษ์ ที่ก้าวเข้ามากระซิบบอก ว่าชายชราที่มาเยือนคือผู้ใด“อวี้เหยา คารวะท่านปู่”อวี้เหยารีบย่อกายอย่างงดงาม ซึ่งเป็นสิ่งแปลกตา สำหรับอวี้จ้าน ก่อนที่ชายชรา จะมองเลยไปยังชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว“ฮึ! เป็นข้าสินะ ที่ต้องคุกเข่าให้แก่เขา”หลิวไท้ซาน รู้ได้ในคำพูดเหน็บแหนมของชายชรา ชายหนุ่มรีบขยับไปยืนเคียงภรรยาตน“หลิวไท้ซาน คารวะท่านปู่”ชายหนุ่มรีบประสานมือ ทำความเคารพปู่ของภรรยา ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำให้เขากลายเป็นที่ครหา แม้ว่าเขาจะมียศที่สูงกว่า แต่ด้วยฐานะของเขย ย่อมต้องอ่อนน้อมต่อครอบครัวของภรรยา“ฮ่า ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ หลานเขยของข้า ไหน ๆ เจ้าบอกปู่สิ ว่าร่วมหอกันมาหลายเดือน มีข่าวดีให้ปู่บ้างรึยัง”อวี้จ้าน ก้าวเข้าประชิดหลานเขย พร้อมตบหนัก ๆ ลงบนบ่ากว้าง และตามด้วยคำถาม ที่ทำให้สอ
เวลาเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแต่งงานของท่านอ๋องหลิวไท้ซาน กับพระชายาอวี้เหยา ดูจะสงบสุขราบรื่นยิ่งนักในสายตาของผู้อื่น ความไร้สามารถของนาง ทำให้ผู้ปองร้ายพึงพอใจเป็นอย่างมาก ด้วยหวังใช้นาง ในการทำลายพระสวามีตลาดเมืองเอิ้นหยาง ท่านอ๋องหนุ่มได้พาพระชายา ออกมาเดินเที่ยวชมตลาด ซึ่งเขาจะทำเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ปึ๊ก!“อุ๊ย! ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเดินไม่ระวัง”เสียงหวานเอ่ยขึ้น เมื่อชนเข้ากับร่างหนาของชายหนุ่มในชุดสีดำ โดยมือของเขา ยังคงโอบเอวหญิงสาวอีกนาง เอาไว้แนบอกแกร่งอย่างทะนุถนอม“แม่นางเจ็บทีใดหรือไม่ คราวหลังให้ระวังสักหน่อย ดีที่ภรรยาของข้ามิล้มลงไปบาดเจ็บ มิเช่นนั้นข้าคงไม่ยินดีที่จะอภัยให้แก่ความสะเพร่าของแม่นางเป็นแน่”หญิงสาวถึงกับใบหน้าซีดเผือด นางคิดว่าในขณะที่ชนกับอีกฝ่ายอย่างแรง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของเขา จะต้องเป็นนางอย่างแน่นอน ทว่ามันกลับมิเป็นเช่นนั้นเมื่อตัวนางใกล้จะถูกตัวเขานั้น ชายหนุ่มตรงหน้าได้ยกแขนขึ้นขวางกั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าคนที่อยู่ห่างออกไป คิดเพียงว่านางชนเข้ากับแผ่นอกของเขาซ้ำร้ายชายหนุ่มผู้นี้ ยังไม่คิดจะช่วยรั้งตัวนางเอาไว้ ไม่ให้ล้มลงสู่พื้น ทว่าเขากลับไ
“พี่จะถนอมเจ้า”เอ่ยจบใบหน้าหล่อเหลา ได้โน้มลงชิดแก้มงาม ก่อนจะเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ความชำนาญในเรื่องระหว่างชายหญิง ทำให้ใช้เวลาไม่นาน ภรรยาคนงามก็ยินยอมตอบสนองตอบเขา แม้จะเหมือนทารกหัดเดิน ทว่ามันกลับกระตุ้นความต้องการ ของเขาได้เป็นอย่างดี“อื้อ! อ๊ะ!”เสียงที่ออกมาจากเรียวปากงามนั้น บอกได้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นของภรรยา มือหนาของชายหนุ่ม ปลดเปลื้องอาภรณ์ของเขาและนางออกจนสิ้น มือหยาบกร้านกอบกุมสองเต้างาม ที่อวดโฉมต่อหน้าเขาอยู่ในเวลานี้ เสมือนการเชิญชวนให้ลิ้มลองปลายลิ้นสาก ตวัดยังยอดปทุมถันชมพู ที่กำลังแข็งชันรับลิ้นของเขา ก่อนจะขบกัดเพียงเบา ๆ แล้วดูดกลืนอย่างหิวกระหาย ชายหนุ่มใช้เวลาหยอกเย้ากับเต้างามสองข้างอยู่นานใบหน้าคมได้เลื่อนต่ำลงยังหน้าท้องแบนราบ ที่บัดนี้กำลังแดงก่ำไปด้วยความรัญจวนในกามอารมณ์ ชายหนุ่มจูบซับไปตามผิวอ่อนนุ่มอย่างถนอม มือหนาลูบไล้ตามเรียวขางามของภรรยา จนมาหยุดอยู่ยังดอกบัวงามของหญิงสาวอ๊ะ! อวี้เหยาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อนิ้วเรียวของสามี แหวกกลีบบอบบางนั้นเบา ๆ ก่อนจะไปโดนกับปลายเกสร ที่ซ่อนอยู่ภายในกลีบบัว ชายหนุ่มยังมิคิดล่วงล้ำเข้าสู่ถ้ำน้ำหว
ภายในห้องหอ อ๋องหนุ่มค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะขยับมานั่งข้าง ๆ หญิงสาว ชายหนุ่มเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกอย่างอ่อนโยนอวี้เหยาสบตาสามีของตนเอง ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ว่านางรู้สึกเช่นไร ใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มให้งดงาม ก้มลงน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกเก้อเขิน เมื่อต้องสบตากับสามี ที่เอาแต่จ้องนางตามิกระพริบ ‘ข้างามมาก เรื่องนี้ไม่ต้องบอก หึ ๆ’หากความคิดของหญิงสาว มีผู้อื่นล่วงรู้ ก็คงอยากจะกัดลิ้นตนเองให้พูดไม่ได้เสีย การเข้าข้างตนเองนั้น หาผู้ใดเกินคนเช่นอวี้เหยาไม่ นี่คือคำพูดของเหล่าสหายรักทั้งสี่ ที่ตอนนี้กำลังแอบซุ่มอยู่กับหัวหน้าพ่อบ้าน เพื่อคอยฟังเรื่องราวภายในห้องหอของสหายรัก“หิวหรือไม่ มาเถอะพี่จะช่วยเจ้าจัดการกับสิ่งเหล่านี้”ชายหนุ่มวางมือบนเครื่องประดับ ที่ดูมากมายบนผมของภรรยา เขาซึ้งในน้ำใจของนางนัก ที่ยอมทนให้สิ่งเหล่านี้อยู่บนกาย จากมือที่เขาสัมผัสในคราแรก บอกได้เป็นอย่างดีว่า นางมิได้ชื่นชอบกับเครื่องประดับพวกนี้เลยสักนิด สตรีที่จับอาวุธ มักจะแต่งกายให้สะดวกในการต่อสู้สองสามีภรรยา ช่วยกันจัดการกับเครื่องประดับ และชุดเจ้าสาวที่ดูจะหลายชั้นและหนักอึ