หน้าหลัก / โรแมนติก / วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม / ตอนที่ 4 เรื่องของคนในครอบครัว 

แชร์

ตอนที่ 4 เรื่องของคนในครอบครัว 

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-17 19:00:02

หนึ่งเดือนผ่านไป ฉันเริ่มชินกับชีวิตในร่างใหม่แล้ว ทั้งงานบ้านที่ต้องทำในฐานะคนรับใช้ และงานที่โรงสีซึ่งฉันต้องรับบทเป็นที่ปรึกษาลับ ๆ ของคุณพิชิต ชีวิตประจำวันของฉันแบ่งเป็นสองแบบชัดเจน กลางวันเป็นสาวใช้ กลางคืนเป็นคนแก้ปัญหาธุรกิจ ฟังดูเท่ดีใช่ไหม? ไม่เลย... เพราะเงินเดือนที่ได้ช่างห่างไกลกับความยุติธรรมเหลือเกิน

ฉันพยายามกล่อมแม่ให้ลาออกแล้วออกไปใช้ชีวิตกันสองแม่ลูก แต่อย่างที่คาดไว้ แม่ดุฉันเสียยกใหญ่ แถมยืนยันหนักแน่นว่าจะอยู่รับใช้บ้านนี้ไปจนตาย ไม่เพียงแค่นั้น แม่ยังสั่งให้ฉันตั้งใจทำงานเพื่อช่วยเหลือโรงสีอีกต่างหาก

ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมแม่ถึงผูกพันกับที่นี่นัก? บ้านหลังนี้ไม่ได้ให้อะไรแม่เลย นอกจากภาระและคำสั่งสารพัด แต่ถึงจะไม่เข้าใจ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการปล่อยให้แม่ทำตามที่ต้องการ… อย่างน้อยก็ตอนนี้

แต่ฉันน่ะเหรอ? ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ตลอดไปแน่ ถ้าหาข้อมูลได้มากพอและมีโอกาสเหมาะเมื่อไหร่… ฉันจะออกไปจากที่นี่ทันที

ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าเหมือนที่เคยทำตอนเป็นอลิสา ร่างกายใหม่นี้บอบบางกว่าที่เคย แต่หลังจากซ้อมมาเป็นเดือน ฉันก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว ฉันออกไปวิ่งรอบสวนเป็นรอบที่สิบ เหงื่อไหลซึมตามขมับและแผ่นหลัง หัวใจเต้นเร็วแต่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากนัก ความอึดทนเพิ่มขึ้นชัดเจน

"วี พักก่อนไหม?"

เสียงอร เพื่อนคนใช้รุ่นเดียวกันดังมาจากระเบียงหลังบ้าน เธอทำงานที่นี่มานานกว่าสี่ปีแล้ว และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าคุยกับฉันอย่างสนิทสนม ปกติก็ไม่ค่อยมีคนคุยกับวราลีอยู่แล้วเพราะกลัวโดนหางเลขจากพลอยไพลิน บางคนที่อายุใกล้เคียงกันก็จับกลุ่มคอยให้ท้ายคุณหนูใหญ่ของบ้าน รวมหัวกันรังแกวราลีทั้งตอนที่พลอยไพลินเห็นและไม่เห็น ราวกับพวกหมาน้อยประจบที่พอเจ้านายลูบหัวทีเดียวก็ทำท่าระริกระรี้ เห่าแข่งกันเอาหน้า หวังจะได้เป็นตัวที่โดนชมบ้าง

แต่หลังจากที่ฉันตื่นมาในร่างนี้น่ะเหรอ

ข่าวลือในบ้านก็เริ่มหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ ว่าวราลีคนเก่าที่เคยเงียบเชียบ ขี้กลัว และทำได้แค่ก้มหน้ารับคำด่า กลับกลายเป็นคนที่ ‘ไม่เหมือนเดิม’ อีกต่อไป

แต่บางคนก็ยังไม่เลิกดูแคลน

มีสาวใช้อยู่สองคน พวกเธอชอบเกาะกลุ่มเดินตามหลังพลอยไพลินเหมือนลูกไล่ประจบเจ้านาย พอได้รับคำชมหน่อยก็ยิ้มแป้นเหมือนจะบินได้ พอเจ้านายคิ้วขมวดหน่อยก็รีบพนมมือแทบจะกราบลงไปบนพื้น พวกเธอไม่เคยมีความเห็นเป็นของตัวเอง

ครั้งหนึ่งที่พวกเธอพยายามจะแกล้งฉันด้วยการสาดน้ำซักล้างจากกะละมัง หนึ่งในนั้นถือกะละมังทำท่าสะดุดและหวังจะสาดน้ำมาที่ฉัน...แบบจงใจให้เป็นอุบัติเหตุ

แต่น่าเสียดาย...วราลีคนใหม่ไม่โง่ขนาดจะยืนรอให้โดน

ก่อนที่น้ำจะกระทบตัวฉัน ฉันคว้าข้อมือของสาวใช้อีกคนแล้วหมุนตัวหลบ ให้ตัวเธอพุ่งเข้ารับน้ำเต็ม ๆ แทน

ซ่า!

เสียงน้ำกระแทกตัวดังสนั่น พร้อมเสียงกรีดร้องของสาวใช้ที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า

ฉันยิ้มเย็น พลางปัดหยดน้ำบนแขนที่กระเด็นมาเล็กน้อย

หรืออีกครั้ง...ในตอนพวกเธอกำลังทำปากเบี้ยวใส่ฉันเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อนินทา แต่พอฉันปรายตามองกลับไปนิดเดียว สายตาเฉียบคมที่ได้มาจากชีวิตสายลับทำให้เธอสะดุ้งเบา ๆ แล้วเงียบเสียงไปเอง

“มีอะไรก็มาพูดต่อหน้า…ฉันไม่ชอบคนเก่งแต่นินทาลับหลัง” ฉันพูดเสียงเรียบ โดยไม่ได้แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองตรง ๆ

พวกเธอหุบปากสนิทอย่างรวดเร็ว

จากที่เคยคิดว่าฉันคนใช้หัวอ่อน พอเห็นฉันเอาจริงขึ้นมานิดหน่อย ก็หางตกแทบไม่ทัน

หลังจากวันนั้น คนในบ้านก็ยิ่งซุบซิบกันว่าฉันอาจจะโดนผีสิงหรือเปล่า เพราะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า ทำให้ไม่มีใครกล้ายุ่งหรือหาเรื่อง ฉันได้แต่หัวเราะกับข่าวลือ

ก็ฉันนี่แหละ...ผีตัวนั้น

“อีกรอบเดียว!" ฉันตะโกนตอบอร พยายามกดเสียงหอบเอาไว้ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ดูหมดแรงต่อหน้าคนอื่น

อรส่ายหัว แต่ก็รออยู่ตรงนั้นจนฉันวิ่งครบตามที่ตั้งใจ พอฉันเดินมาหยุดที่หน้าเธอ อรก็ยื่นขวดน้ำให้ ฉันรับมาดื่มพลางยิ้มบาง ๆ ให้

“เธอเปลี่ยนไปจริง ๆ นะ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ดูเป็นคนละคนเลย"

ฉันกะพริบตาสองสามที ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "สงสัยจะผีเข้าน่ะ"

"ตลกละ!" อรทำหน้าเอือม "แต่ฉันว่าฉันชอบเธอตอนนี้นะ...ดูสดใสแล้วก็เข้มแข็งขึ้นเยอะเลย"

“เมื่อก่อนฉันดูอมทุกข์มากเลยเหรอ”

“อืม…วันๆ เห็นเธอตั้งใจทำแต่งาน ก็ไม่วายถูกคุณหนูแล้วก็พวกนั้นชอบมาหาเรื่องเธออยู่เรื่อย น้าแพรวก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันเองก็อยากช่วย…แต่ฉันก็…” เธอเงียบไป

“ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ เธอเองก็คงลำบากใจ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ สบายมาก” ฉันบีบไหล่เธอเพื่อย้ำว่าอรไม่ได้ทำผิดเลย แค่เธอกล้าคุยกับฉันในขณะที่คนอื่นไม่กล้า นั่นก็นับว่าเธอกล้าหาญมากแล้ว

ทุกเช้า ฉันมักแอบไปที่โรงรถเก่าหลังวิ่งเสร็จ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครใช้แล้ว และฉันก็ถือโอกาสยึดมุมหนึ่งไว้เป็นที่ซ้อม กระสอบทรายเก่าๆ ถูกแขวนไว้พร้อมอุปกรณ์ที่ประยุกต์จากของในบ้าน ฉันต้องรักษาทักษะการต่อสู้เอาไว้ แม้ว่าร่างกายจะไม่แข็งแกร่งเท่าเมื่อก่อน แต่ความว่องไวและการทรงตัวยังเป็นสิ่งที่ฉันพอจะใช้ได้

"วันนี้ลองอะไรใหม่ๆ ดีกว่า" ฉันพึมพำกับตัวเอง ขณะพันผ้าที่มือ ก่อนจะเริ่มออกหมัดใส่กระสอบทราย การชกของฉันแม่นยำและรวดเร็ว สลับกับการเตะและหลบหลีก ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงประตูลั่นเบา ๆ ฉันหยุดชะงัก หันไปเห็นอรยืนตาโตอยู่หน้าประตู

"ว้าว..." อรอุทาน "เธอเก่งจัง! เรียนมาจากไหนเหรอ?"

"ก็... หัดเอง" ฉันตอบพลางคลี่ผ้าพันมือออก "อย่าบอกใครนะ"

"ไม่บอกหรอก" อรยิ้ม "แต่สอนฉันบ้างได้ไหม? ฉันอยากป้องกันตัวเองเหมือนกัน"

ฉันมองเธออย่างประเมิน อรตัวเล็ก ท่าทางขี้กลัว แต่แววตามีความมุ่งมั่น

"ได้ แต่ต้องตั้งใจนะ" ฉันพยักหน้า "เริ่มจากการทรงตัวก่อน"

หลังจากฝึกเสร็จ เราแยกย้ายกัน ฉันคิดว่าจะเข้าไปที่โรงสีเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมหน่อย แต่เพียงแค่ก้าวขาเข้าบ้าน เสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นจากระเบียงชั้นบน

“ไปหาฉันที่ห้องรับแขกชั้นบน ตามแม่แกมาด้วย” คุณพิชิตสั่ง ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นไปทันที ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะไปตามแม่และขึ้นไปที่ชั้นสอง

ภายในห้องมีเพียงพิชิตนั่งอยู่ที่โซฟา ไม่นาน คุณนายทับทิมและพลอยไพลินก็ตามเข้ามา เมื่อเห็นฉันกับแม่ สีหน้าของพลอยไพลินก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที

"ฉันมีเรื่องจะบอกกับทุกคน เกี่ยวกับสถานะของบริษัทและบ้านเรา" 

น้ำเสียงของคุณพิชิตหนักอึ้ง ท่ามกลางความเงียบในห้องรับแขก

"แล้วทำไมต้องเรียกอีสองแม่ลูกนี้เข้ามาด้วยคะพ่อ" พลอยไพลินปรายตามองฉันกับแม่อย่างรังเกียจ น้ำเสียงแฝงแววรังเกียจไม่ปิดบัง

คุณพิชิตไม่สนใจคำถามนั้น เขาถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อ

"สถานการณ์โรงสีของเรานั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก แม้จะพ้นวิกฤตมาได้แต่ก็ยังต้องการเงินทุนสำรอง และเราไม่มีเงินทุนสำรองนั้น"

"แล้วเราจะทำยังไงดีคะ" คุณนายทับทิมถาม มือบางกำผ้าเช็ดหน้าลายดอกแน่น สีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"วันนี้ฉันไปหาคุณหญิงสมศรี ทรัพย์ไพศาลอนันต์มา" คุณพิชิตหยุดชั่วครู่ ราวกับกำลังชั่งใจว่าควรพูดต่อดีหรือเปล่า

"ทรัพย์ไพศาลอนันต์...ตระกูลของเพื่อนคุณปู่น่ะหรือคะ เขาช่วยเราไหมคะ?" ท่าทางของพลอยไพลินดูร้อนใจไม่ต่างจากมารดาของเธอ

"อืม โชคดีที่คุณปู่ของลูกเคยช่วยเหลือคุณเฉลิม สามีคุณหญิงสมศรีให้พ้นจากวิกฤตการเงินในอดีต คุณหญิงสมศรียินดีช่วยเรื่องเงินทุนโรงสีของเรา แต่..."

คำว่า 'แต่' ทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

"แต่...แต่อะไรคะคุณ?" คุณทับทิมถามเสียงสั่น

"แต่คุณหญิงมีเงื่อนไข ทางเราเองก็ต้องทำตามสัญญาที่คุณพ่อเคยให้ไว้ในอดีตเช่นกัน นั่นคือ...ลูกสาวของพาณิชย์วงศ์ต้องแต่งงานกับคนจากตระกูลทรัพย์ไพศาลอนันต์ หมายความว่า พลอยไพลิน...”

“ลูกต้องแต่งงานกับหลานชายคนเล็กของคุณหญิง...ภูริ"

ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมาเจอพล็อตโบราณอย่างการแต่งงานตามสัญญาของผู้ใหญ่ในยุคนี้

"อะไรนะคะ!! แต่งงาน!?” พลอยไพลินร้องลั่น “นี่มันสมัยไหนแล้วคะพ่อ ยังมีการแต่งงานการเมืองอีกเหรอคะ หนูไม่แต่งนะคะ หนูจำได้ว่าเคยเจอพี่ภูตอนเด็กๆ อ้วนก็อ้วน! ขี้แย ขี้ขลาด แล้วก็ไม่เคยออกสื่อเลยจนทุกวันนี้ ไม่รู้น่าเกลียดกว่าเดิมหรือเปล่าถึงไม่มีรูปออกมาเลย คุณแม่คะ หนูไม่แต่งงานนะ กรี๊ดดด!" เสียงกรีดร้องของน้องสาวทำเอาหูฉันแทบอื้อ คุณทับทิมต้องเข้าไปกอดปลอบ

"เงียบนะพลอย!" พิชิตตวาดเสียงดัง "หัดดูซะบ้างว่าตอนนี้บ้านวิกฤติแค่ไหนแล้ว งานการก็ไม่ทำได้แต่ถลุงเงินไปวันๆ แค่แต่งงานช่วยครอบครัวแกต้องทำได้!"

"ไม่ค่ะ! รวยแค่ไหนแต่น่าเกลียดหนูก็ไม่แต่ง หนูไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก!" พลอยไพลินว่าพลางปาดน้ำตา หน้าตาบูดเบี้ยว ไม่เหลือเค้าความเป็นลูกผู้ดี

"นั่นสิคะ มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอคะคุณ เป็นหนี้บุญคุณเราแต่กลับตั้งเงื่อนไขนู่นนี่ ลูกเราก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก โพรไฟล์ก็ไม่ขี้เหร่ ควรจะได้สามีที่คู่ควรกว่านี้นะคะ!" คุณทับทิมเสริมขึ้น พลางลูบหลังลูกสาวปลอบประโลม

"…นี่ถือว่าท่านใจดีมากแล้วนะที่แค่ยื่นเงื่อนไขแค่การแต่งงาน ก่อนหน้าฉันไปขอหยิบยืมเงินท่านตั้งหลายครั้งท่านยังไม่คิดทวงคืน" พิชิตพูดเสียงอ้อมแอ้มในลำคอ

ฉันหันไปมองหน้าคุณทับทิมและพลอยไพลินที่ตกใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ และไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก จากที่ดูมา คุณพิชิตบริหารไม่เก่งแถมยังไม่คิดจ้างคนที่ทำได้มาบริหาร หากก่อนหน้านี้ไม่มีวราลีสักคน โรงสีคงล้มละลายไปนานแล้ว

"ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับภูริ แต่ง ๆ ไปก่อน สักสามสี่ปีหย่าก็ไม่สาย" พิชิตย้ำเสียงเข้ม

"ตอนนั้นลูกก็กลายเป็นแม่ม่ายไม่มีใครเอาน่ะสิคะ ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วเหรอคะคุณ?”

"คุณพ่อมีลูกอีกคนนึงนี่คะ" พลอยไพลินปาดน้ำตาก่อนจะปรายตามาทางฉันที่ยืนอยู่มุมห้อง

"อะไรนะ?" พิชิตงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก

"ก็ให้นังวราลีไปแต่งงานแทน แค่เป็นลูกสาวของพานิชวงศ์ก็พอแล้วนี่คะ"

…อ่า เข้าใจคิดแฮะ

"แกจะบ้าเหรอ! มันไม่มีตัวตนในบ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นลูกฉัน!" หากเป็นวราลีคนเก่าได้ยินประโยคนี้ คงราวกับมีดพันเล่มแทงทั่วร่าง แต่ในตอนนี้ ฉันแค่รับฟังอย่างรู้สึกสมเพชเท่านั้น ในหัวเริ่มคิดถึงประโยชน์ถ้าหากฉันเป็นคนที่ต้องแต่งงานในครั้งนี้

"ยิ่งดีเลยสิคะ ให้มันสวมรอยเป็นหนูไป ทำให้แนบเนียนหน่อยก็ไม่มีใครจับได้หรอกค่ะ"

"แต่คุณหนูคะ ดิฉันว่าไม่..." แม่เอ่ยขึ้นมาหวังจะค้านแต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงของคุณทับทิม

"แกเงียบไปเลยนะนังแพรว!" ทับทิมตวาดเสียงเข้ม "นี่เป็นเรื่องของคนในครอบครัวเรา"

‘เรื่องของครอบครัวเรา’ แต่ดันมีชื่อฉันเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วนี่สิ...

ฉันกุมมือแม่แน่น ส่ายหัวเบา ๆ พยายามสื่อว่า ไม่เป็นไร ฉันจัดการได้

"พ่อว่า..." คุณพิชิตเอ่ยขึ้นช้า ๆ "มันคงไม่เหมาะ"

"ทำไมจะไม่เหมาะคะ!" พลอยไพลินแทรกขึ้น น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม "มันก็เป็นลูกพ่อเหมือนกัน ทำตัวเหมือนกาฝากในบ้านมาเป็นยี่สิบปี ตอบแทนแค่นี้มันยังน้อยไปค่ะ!”

ฉันถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรหรอก แค่รู้สึกเบื่อกับความคิดของคนพวกนี้เท่านั้น

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งประมุขของบ้านพาณิชย์วงศ์ถอนหายใจและเอ่ยขึ้นมา

“ทุกคนออกไป ส่วนแก...วราลี แกอยู่ก่อน”

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ฉันยังคงยืนนิ่ง รอให้บิดาเอ่ยสิ่งที่เขาต้องการจะพูด

“แกทำได้ไหม?”

“ดิฉันเลือกได้ด้วยเหรอคะ?” ฉันไม่ได้ประชด แต่หมายความตามนั้นจริงๆ

“เฮ้อ...แกเป็นคนเสนอให้หาเงินทุนเองนะ ฉันก็หามาแล้วนี่ไง”

…ก็ใช่ ฉันเคยเสนอให้หาเงินทุนเพิ่ม แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะขายลูกสาวแลกกับเงินแบบนี้

“ค่ะ ดิฉันจะแต่งงานกับคุณภูริ...” ฉันเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะจ้องตาคุณพิชิต

"แต่ดิฉันมีเงื่อนไข"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 2 ครั้งหนึ่งเคยเจอกัน

    เลือดอุ่น ๆ ไหลผ่านแผลที่หน้าท้อง เปื้อนเสื้อพรางจนไม่รู้ว่าสีจริงของมันเป็นสีอะไรกันแน่อลิสากัดฟันแน่น พิงตัวกับโขดหินในป่ารก หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ“บ้าเอ๊ย…ล่อพวกเราเข้าไปตายชัด ๆ”เสียงปืนที่เคยดังสนั่นเมื่อชั่วโมงก่อนยังดังก้องอยู่ในหัวเธอจำภาพตอนที่ลูกทีมคนหนึ่งล้มทั้งยืนได้ชัด คำสั่งล่าถอยถูกขัดจังหวะด้วยระเบิดแรงสูง และหลังจากนั้น...ก็ไม่มีเสียงของใครอีกเลย นอกจากลมหายใจตัวเอง ตอนนี้เธอหนีมาไกลหลายกิโลเมตรจากจุดที่ปะทะครั้งสุดท้ายอลิสาขยับตัวอีกนิด ร่างกายประท้วงทันทีด้วยความเจ็บและเหนื่อยล้าเธอแตะวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านในเสื้อ...ไร้สัญญาณไม่มีเสียงตอบ ไม่มีอะไรนอกจากเสียงของลมกับนก“ฉันต้องไม่ตายที่นี่…ฉันจะไม่ตายในป่าเงียบ ๆ แบบนี้แน่”เธอเริ่มคลานต่อ มือจับปืนไว้แน่นข้างตัว ทุกย่างก้าวคือการต่อรองกับความอดทน ภาพรอบตัวเริ่มเบลอจากเลือดที่เสียไป แต่สัญชาตญาณยังผลักให้เธอไปข้างหน้าจนกระทั่ง...เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นกร๊อบ...กร๊อบ...เสียงกิ่งไม้หัก เสียงเท้าเดินบนพื้นใบไม้ชื้น เสียงนั้นเบา แต่ไม่เบาพอจะรอดหูของเธอไปได้ อลิสากระชับปืน ปรับทิศสายตาดึงพลังเฮือกสุดท้ายให้

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 1 ความอดทนของสามี

    ช่วงนี้ภูริรู้ตัวว่า…เขากำลังเข้าสู่โหมด ‘กลั้นใจ’ เต็มรูปแบบเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา พูดกันตรง ๆ เลยว่าเขาก็หื่น แต่หื่นแบบ รักมาก หลงมาก มองเมียทีไรก็อยากกระโจนใส่ทุกครั้งแต่ใช่ว่าวราลีจะไม่รู้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหันมามองเขาตอนเช้าแล้วพูดเสียงอ่อนว่า“พี่ภูคนดีคนเดิมหายไปไหน…”พร้อมทำตาแป๋ว ๆ นอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายืนใส่กางเกงนอนอยู่ข้างหน้า…“ทำไมเหลือแต่คนหื่น…”แค่คำนั้นคำเดียว ทำเอาเขารู้สึกเหมือนหมาตัวโต ๆ ที่โดนตีหัวเบา ๆ ด้วยไม้เรียวเมียตั้งแต่นั้นมา เขาก็พยายาม ‘เป็นคนดีคนเดิม’ ไม่รุก ไม่ปล้ำ ไม่ซุกซนยามดึกแม้จะนอนเตียงเดียวกันทุกคืน…แม้จะได้เห็นเธอใส่ชุดนอนสายเดี่ยวตัวหลวมที่ชอบหล่นจากไหล่ แม้จะมีบางคืนที่เธอเอาขามากอดเขาทั้งตัว…แต่เขาก็อดทนคืนแรก…เขาหันหลังให้คืนที่สอง…เขาเปิดพอดแคสต์วิธีฝึกสมาธิก่อนนอนคืนที่สาม…เขาสวดบทภาวนาขอพรจากจักรวาลให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้แต่แล้วก็…คืนนี้...เขาเห็นวราลีก้มลงหยิบของจากพื้น โดยที่เสื้อยืดคอกว้างเผยให้เห็นเนินอกอิ่มเต็มตา เสี้ยววินาทีนั้นเขาเหมือนโดนตบหน้าโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งขอพรไป“อดทนไว้ภูริ…อดทนเพื

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   บทส่งท้าย

    เสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบาดังคลอภายในโบสถ์หินอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้โทนขาวครีมและเขียวอ่อน สะอาดตาและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แสงแดดจากหน้าต่างกระจกสีที่สูงจรดเพดานสาดลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับพระเจ้ากำลังอวยพรฉันยืนอยู่หลังประตูไม้ของโบสถ์ ลมหายใจตื่นเต้นจนต้องกลั้นเอาไว้ มือแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา ที่วันนี้มารับหน้าที่จูงฉันเข้าไปในโบสถ์“พร้อมไหม” เขาถามเสียงเบาฉันพยักหน้า กลั้นยิ้มอย่างเกร็งนิด ๆ“พร้อมค่ะ”ประตูโบสถ์เปิดออก เสียงเปียโนท่อนแรกของ Canon in D ดังขึ้นทุกสายตาหันมามองฉันในชุดเจ้าสาวสีงาช้างที่ตัดเข้ารูปอย่างสง่างาม ผ้าคลุมยาวลากพื้นพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินคุณหญิงสมศรียิ้มกว้างสุดหัวใจ น้ำตาคลอจนต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดบ่อยครั้ง แต่ไม่วายหันไปกระซิบกับนาลันว่า“สวยเหมือนย่าตอนสาว ๆ เลยใช่ไหมล่ะ”นาลันหัวเราะเบา ๆ ยกนิ้วโป้งให้ฉันแทนคำชม ข้าง ๆ เธอ ภาวินท์และชนกันต์ยกกล้องขึ้นถ่ายช็อตสำคัญไม่หยุด ส่วนพลอยไพลินที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างแม่ฉัน ก็ยิ้มบา

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 46 ฤกษ์ดี

    แสงเจิดจ้าระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์หรูหราขนาดใหญ่ภายห้องโถงใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวกลางใจเมืองดูจะแพ้แสงแฟลชจากเหล่ากล้องสื่อมวลชนที่เข้าประจำการตั้งแต่เช้า ด้านหน้าตึกแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทั้งสื่อ นักข่าว แขกผู้มีเกียรติ และหุ้นส่วนธุรกิจจากทั่วเอเชียที่ต่างเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของ ‘ภูริ ทรัพย์ไพศาลอนันต์’ข่าวการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของ TP กรุ๊ป ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านภายในตระกูล แต่คือ ‘เหตุการณ์ระดับชาติ’ สำหรับวงการธุรกิจสื่อทุกแขนงถ่ายทอดสด บรรยายตื่นเต้นราวกับกำลังดูฟุตบอลนัดชิง พาดหัวข่าวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งคำว่า‘ทายาทหมื่นล้านเปิดตัวอย่างสง่างาม’‘ภูริ ผู้นำอาณาจักรทรัพย์ไพศาลอนันต์สู่อนาคตใหม่’หรือแม้แต่ ‘จับตา! ยุคใหม่ของ TP กรุ๊ปจะไปทางไหนเมื่ออยู่ภายใต้ผู้นำคนใหม่’แต่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของตึก…โลกทั้งใบของภูริกลับเงียบงัน มีเพียงเสียงสูดหายใจลึก ๆ ของเขา กับมือเล็ก ๆ ที่กำลังช่วยจัดปกสูทให้เข้าที่“แน่ใจเหรอครับว่าพี่ไม่ดูต

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 45 ยิ้มกว้าง

    เสียงเครื่องวัดชีพจรเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องสีขาวสะอาดตาฉันรู้สึกถึงความเย็นของผ้าปูเตียง และกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยเข้าจมูกเมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานโรงพยาบาล และแสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดผ้าม่าน“ฟื้นแล้วเหรอครับ ลูกพี่”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างเตียง ก่อนที่ใบหน้าของชนกันต์จะโผล่เข้ามาในสายตาฉันพยายามยันตัวขึ้น เขารีบช่วยประคองทันที“ใจเย็นครับ เพิ่งได้สติไม่ถึงชั่วโมงเอง”ฉันยิ้มบาง พลางหลุบตาลง“…เรา…ชนะแล้วเหรอ?”ชนกันต์พยักหน้า“ครับ พวกผมเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดหลังเสียงปืนนัดสุดท้าย ฝ่ายเราเข้าควบคุมโกดังได้หมดแล้ว พวกของจงเหวินที่เหลือถูกจับเรียบ พร้อมของกลางเป็นอาวุธเถื่อนล็อตใหญ่…ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยล่ะครับ”ฉันถอนหายใจยาว ความโล่งอกแล่นวาบไปทั่วร่างแม้จะยังอ่อนแรง“แล้ว…ภูริล่ะ?”ชนกันต์ยิ้ม“ห้องตรงข้ามนี้เองครับ พักฟื้นอยู่เหมือนกัน ผมว่าจะไปเยี่ย

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 44 ปิดฉาก

    สายตาฉันเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันนอนตะแคงอยู่ข้างถนน ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร...คันนั้นยังดูใช้งานได้ฉันกัดฟันแน่น ฝืนพาร่างตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยถลอกลุกขึ้นยืน มือขวากำปืนไว้แน่น ส่วนมือซ้ายลากขาเปื้อนเลือดค่อย ๆ พาตัวเองไปยังมอเตอร์ไซค์“ฟื้นตัวให้ไวนะ…ฉันยังต้องลุยต่อ” ฉันบ่นกับตัวเอง ขณะยกรถขึ้นและลองบิดเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามเบา ๆ ขึ้นมาทันทีราวกับตอบรับฉันคว้าหมวกกันน็อกเก่า ๆ ใบหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างเบาะ สวมมันอย่างรวดเร็ว แล้วบิดคันเร่งออกตัว บนถนนที่เริ่มว่างเปล่า เป้าหมายของฉันคือ...ลินามือข้างหนึ่งของฉันล้วงเครื่องมือสื่อสาร พยายามติดต่อหาชนกันต์ด้วยเสียงหอบแฮก[ลูกพี่!?] ในที่สุดชนกันต์ก็ตอบกลับมาเสียที ฉันถอนหายใจโล่ง“กันต์…พวกมันได้ตัวพี่ภูไปแล้ว!” ฉันเร่งเสียง “ฉันติดเครื่องติดตามไว้ในเสื้อเขา ส่งพิกัดที่ได้มาให้ฉันด่วน!”[เวรเอ๊ย! พวกมันรู้ได้ยังไง!?] เขาสบถ [เดี๋ยวส่งพิกัดให้ภายในสิบวินาที]ฉันตัดสายไป แล้วเร่งเครื่องอย่างเต็มแรงฝ่าเส้นทางสลับซ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status