“เรื่องค่ายสำหรับประชาชนก็ต้องแล้วแต่คนครับ พวกเราเองก็มีบ้านในค่ายเหล่านั้นไว้ใช้พักผ่อนเวลาที่กลับจากภารกิจ เพราะมีการลาดตระเวนแน่นหนา สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนเรื่องราวภายในค่ายส่วนใหญ่ ปัญหาก็จะอยู่ในหน่วยงาน ไม่ค่อยมีอะไรที่ประชาชนรับรู้หรอก เหมือนคลื่นใต้น้ำมากกว่า” ทีโออธิบายเมื่อเห็นว่าคนที่พวกเขาช่วยเอาไว้กำลังมีสีหน้าคิดไม่ตก “แต่การอยู่ในค่ายขอแค่ทำงานก็สามารถรับแต้มคะแนนเพื่อแลกอาหารกินได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ” เหมาะสำหรับผู้คนที่ยังต้องการใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นและไม่ต้องการออกไปฆ่าซอมบี้หรือรับภารกิจแบบพวกเขา
“ขอบคุณมากเลยนะครับ” เฉินเฟิงค้อมศีรษะให้กลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้า
“ไม่เป็นไรครับ เป็นข้อมูลที่พวกคุณควรรู้เอาไว้อยู่แล้ว” โจเซฟยกมือทั้งสองข้างกอดอก
“เอ่อ งั้นเชิญพวกคุณสำรวจกันต่อเลยครับ” ถึงจะพูดไปคุยไป แต่สายตาก็ไม่ได้กวาดมองกระสอบน้ำตาลเลย มัวแต่มองหน้าคุยกัน
“คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอครับ” นิโคลัสเห็นคนตัวเล็กกว่ากำลังสนใจกระสอบน้ำตาลก็เอ่ยชวนคุย
“เปล่าครับ ผมข้ามมาจากอีกฝั่งของภูเขา” เฉินเฟิงยกมือชี้ทิศทางประกอบคำพูด ทั้งที่ในโกดังไม่มีหน้าต่างให้เห็นว่าภูเขาลูกไหน
“คุณมีพลังพิเศษสินะครับ” โจเซฟเอ่ยถาม พลางมองสำรวจสมาชิกชั่วคราว
“ครับ ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองว่องไวแล้วก็อึดมากขึ้น กำลังกายก็มีเพิ่มมากกว่าเดิมประมาณหนึ่ง” เฉินเฟิงบอกเพียงครึ่งเดียว เขาไม่รู้ว่าในเวลานี้มีคนใช้พลังพฤกษาอย่างเขาได้มากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ว่าถ้าบอกออกไปแล้วจะส่งผลกระทบกับตัวเองหรือเปล่า ดังนั้นเซฟได้ก็ต้องเซฟ
“คงเป็นสายเสริมพลังกาย” ทีโอมองประเมินรูปร่างโปร่ง แม้จะดูเหมือนว่ามีส่วนสูงถึง 180 เซนติเมตร แต่ก็ค่อนข้างตัวบางกว่าคนในทีมของเขา “ว่าแต่เราแนะนำตัวกันไปหรือยังนะ”
“...”
ทุกคนนิ่งอึ้งไป นี่พวกเขาคุยกันอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยที่ไม่รู้จักชื่อกัน?
“เอ่อ ผมชื่อเฉินเฟิงครับ เป็นลูกครึ่งประเทศ T กับ C”
“ผมโจเซฟ เป็นหัวหน้าทีม คนที่คุณคุยด้วยชื่อทีโอ ผู้หญิงเขากวางตรงนั้นชื่อหงส์ ผู้ชายหูสุนัขชื่อว่าตุ่น ส่วนหมอนี่ชื่อนิโคลัส เป็นแพทย์ประจำกลุ่มของเรา”
“สวัสดีครับ ผมนิโคลัส ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มยื่นมือไปทักทายคนตรงหน้า แต่การกระทำนั้นเรียกให้สี่คนที่เหลือตาโตอ้าปากค้าง
หงส์ถึงกับต้องขยี้ตาว่าเธอไม่ได้พาคนอื่นมาร่วมทีม หมอนี่ยังใช่นิโคลัสที่พวกเธอรู้จักอยู่หรือเปล่า แพทย์สนามที่แทบจะเย็บปากคนไข้เพราะแหกปากดังลั่นกับทำเด็กร้องไห้คนนั้นเนี่ยนะ จะทักทายคนแปลกหน้าด้วยรอยยิ้ม ไหนจะยื่นมือไปทักทายอีก
ตาฝาดแน่ เธอต้องตาฝาดแน่ ๆ
“สวัสดีครับ” เฉินเฟิงยื่นมือไปจับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จะเลี่ยงก็ดูจะเสียมารยาท คนกลุ่มนี้ให้ข้อมูลเขามาตั้งเยอะ อีกอย่างพวกเขาไม่ใช่ทหารจริง จะไม่ช่วยเขาเลยก็ได้ด้วยซ้ำ
นิโคลัสจับมือที่นุ่มนิ่มนั่นอย่างเบามือ พยายามใช้กำลังให้น้อยที่สุด กลัวจะเผลอทำให้เจ็บ
“แนะนำกันเสร็จแล้วก็ไปต่อเถอะ” โจเซฟเอ่ยเตือน เดี๋ยวตะวันจะตกดินเสียก่อน
เฉินเฟิงพยักหน้า เผลอยกมือกระชับฮู้ดโดยไม่รู้ตัว การกระทำเหล่านี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของนิโคลัส เขามั่นใจว่าอีกคนคงมีการกลายพันธุ์บางอย่างเหมือนพวกเขา แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ปิดบังนัก แม้แต่เส้นผมก็แทบไม่ปล่อยให้ออกมาสูดอากาศด้านนอก
มีแต่ดวงตาสีแดงที่เขาเผลอสบตอนจับมือกันนั่นแหละ ที่ทำให้รู้ว่าร่างกายของคนตรงหน้ามีการเปลี่ยนแปลง
แพทย์ทหารหนุ่มสัญชาติประเทศ A ยอมรับว่าสนใจชายหนุ่มลึกลับคนนี้มาก เขาเห็นตั้งแต่ที่เจ้าตัวพยายามฆ่าซอมบี้เพียงลำพัง พอฆ่าได้ก็หันไปอาเจียน ทั้งที่อยู่ในสภาวะอ่อนแอแต่ก็ยังคงระแวดระวังตัวเสมอ
เหมือนพวกสัตว์กินพืชตัวเล็ก
แม้จะไม่มีพิษสงแต่เปอร์เซ็นต์การเอาตัวรอดกลับสูงจนน่าตกใจ
“ว่าแต่ทำไมในเมืองถึงจัดตั้งฐานกันเร็วนักล่ะครับ เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเอง” เฉินเฟิงสงสัย เขาเพิ่งได้เจอกับซอมบี้เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ในเมืองกลับมีการจัดตั้งฐานพักพิงกันแล้ว รับมือกันเร็วมาก
“ที่นี่เพิ่งเจอเหรอครับ ในเมืองเราเจอซอมบี้เป็นเดือนแล้วล่ะ” ทีโออธิบาย เขายังจำวันที่ตนเองมาเดินเล่นในห้างแล้วเห็นคนโดนกัดต่อหน้าต่อตาได้อยู่เลย กว่าจะหายตกใจแล้วหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคาดาดฟ้าห้างสรรพสินค้าได้ก็แทบหืดขึ้นคอ แถมยังเจอเรื่องสะเทือนใจที่ยากจะลืมด้วย
“นานขนาดนั้นเลย!” แต่แถวนี้กลับไม่มีข่าวเลยเนี่ยนะ!! พวกคนใหญ่คนโตคิดว่าคนในชนบทเข้าถึงข่าวสารได้มากนักหรือไง แล้วอะไรคือการบอกห้ามออกจากบ้านโดยไม่แจ้งว่าเหตุเกิดจากอะไร ในสมองพลันนึกถึงระยะหลังที่โทรทัศน์เองก็ไม่ได้ออกอากาศรายการสดให้ได้ดูอีก มีแต่รายการที่อัดไว้เท่านั้น บวกกับชาวบ้านนอกจากดูละครแล้วก็ไม่ได้สนใจข่าวสารบ้านเมืองนัก จึงไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกที่ตรงไหน
คนที่ถูกติ๊กผ่านด้วยปากกาสีน้ำเงินคือคนธรรมดา แต่ถ้าถูกติ๊กช่องผ่านด้วยปากกาสีแดงหมายความว่าเป็นคนที่องค์กรนั้นทำการโคลนนิ่งมาแทนที่คนเก่าที่ต้องแบ่งแยกสีก็เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตเกินไป ถ้าหนอนบ่อนไส้ตกรอบกันหมด พวกองค์กรนั้นต้องบุกโจมตีพวกเขาอีก ดังนั้นจึงต้องคละ ๆ กันไป แต่คนที่ถูกติ๊กด้วยปากกาสีน้ำเงินจะถูกพิจารณาคัดเลือกไปเป็นหนึ่งในกองกำลังพิเศษเมื่อครบกำหนดการฝึกฝนร่างกายส่วนพวกหนอนก็ปล่อยให้ทำงานจิปาถะในค่าย หรือไม่ก็พาไปทำภารกิจแล้วถือโอกาสเก็บกวาดเสียตรงนั้น กลับมาก็ค่อยแจ้งว่าตายในหน้าที่แผนการนี้ถูกคิดอย่างรอบคอบโดยท่านนายพลอธิและโจเซฟ ต้องทำให้พวกมันตายใจให้มากที่สุด งานเบื้องหลังจะได้ราบรื่นนอกจากงานคัดเลือกทหารประจำการแล้ว สำนักงานภารกิจยังออกภารกิจใหม่ให้กับผู้ที่มีพลังพิเศษสายโลหะและพลังกายโดยเฉพาะ นั่นก็คือการก่อสร้างเส้นทางรถไฟมิตรภาพเชื่อม 5 ประเทศเข้าด้วยกันหลังจากประกาศภารกิจนี้ไปได้ไม่นานก็มีคนหลั่งไหลเข้ามาสมัครเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนต่างชาติที่ติดอยู่ภายในประเทศไม่สามารถหาทางกลับบ้านตนเองได้ ถือโอกาสติดสอยห้อยตามกลับประเทศบ้านเกิด ต่อให้ไปเป็นกรรมกรขน
…“เชิญนั่งเลยครับ” เมื่อเข้าประตูห้องสอบสัมภาษณ์ก็ได้พบกับชายแปลกหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน“...? ” เขาเป็นกระบอกเสียงซุบซิบนินทามาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งค่าย มั่นใจว่าต่อให้ไม่รู้จักมักจี่ก็จำหน้าคนในค่ายได้เกือบหมดแต่กับชายตรงหน้า… ทั้งที่มีหนวดโค้งเป็นเอกลักษณ์แท้ ๆ ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นเลยล่ะ?“มีอะไรติดหน้าผมเหรอครับ” วิทย์เกิดอาการร้อนตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนที่เข้ามาใหม่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แมว แถมตั้งแต่เข้ามาก็จ้องหน้าเขาไม่เลิกหรือว่าคนคนนี้จะเป็นหนอนบ่อนไส้!! แล้วเริ่มระแคะระคายว่าเขาไม่ใช่คนในค่ายนี้!!ฉิบหายแล้ว!“เปล่าครับ ผมคิดว่าคงจำคนผิดเฉย ๆ ขอโทษที่เสียมารยาทด้วยครับ” ชายหนุ่มโค้งศีรษะ รอกระทั่งเจ้าหน้าที่อนุญาตถึงยอมไปนั่งเก้าอี้สำหรับสัมภาษณ์ปากบอกว่าจำคนผิด แต่แมวหนุ่มก็ยังคลางแคลงใจไม่หาย“ครับ งั้นเรามาสัมภาษณ์กันเลยดีกว่า” วิทย์รู้ดีว่าตนเป็นประเภทโกหกไม่เก่ง ทางเดียวที่จะรอดได้ก็คือเบี่ยงไปเรื่องอื่น“จากที่ผมอ่านใบสมัครที่คุณกรอกมา เหตุผลที่เข้ากองทัพเป็นเพราะอยากแข็งแกร่งขึ้น ถูกไหมครับ” วิทย์ถามพลางแสร้งเงยหน้าสบตากับผู้เข้าสมัคร และทันทีที่อีกฝ่ายต้องสบต
“ในการสร้างทางรถไฟครั้งนี้จะต้องเป็นที่จับตามองของคนในองค์กรนั้นแน่ ผมเลยคิดว่าในระหว่างที่ความสนใจถูกเบี่ยงไปทางอื่น พวกเรามาเตรียมกองกำลังให้พร้อมสำหรับการโต้กลับกันดีกว่า”“คุณก็จะเข้าร่วมด้วยเหรอ” โจเซฟเลิกคิ้วมองไปที่ชาวต่างชาติคนเดียวในกลุ่ม“แน่นอนสิ เรื่องสนุกแบบนี้ผมไม่พลาดหรอก” คนติดเล่นยิ้มหัวเราะ“คุณนี่นะ เพลา ๆ เรื่องเล่นบ้างเถอะ” อดีตลูกจ้างชั่วคราวส่ายหัว ตอนเขารับงานของอีกฝ่ายก็ปวดหัวไม่หาย รู้ว่ามีฝีมือพอตัว แต่นายจ้างไม่ควรมาอยู่แนวหน้าหรือเปล่า?“...”“อะแฮ่ม เรื่องการโต้กลับผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ ลูกทีมของผมเองก็คงอยากตั๊นหน้านายท่านใจแทบขาดเหมือนกัน” โดยเฉพาะคนที่สูญเสียครอบครัวไป“แล้วจะใช้ที่ไหนฝึกซ้อมกันล่ะครับ จำนวนคนที่ต้องหาเพิ่มอีก” มีแค่พวกเขาไม่กี่คนน่ะ ไปไม่รอดหรอกนะ ถ้าฐานบัญชาการของพวกมันอยู่ที่ทะเลจริงละก็ อยากบอกว่าปลาพวกนั้นน่ากลัวจนขนหัวลุกเลยล่ะ“นั่นแหละเป็นเรื่องที่พวกเรากำลังเครียดกันอยู่ เลยอยากมาขอคำปรึกษาว่าคุณพอจะมีที่ดี ๆ ในใจบ้างหรือเปล่า” ให้ฝึกซ้อมที่ค่ายก็กลัวว่าจะถูกจับตามอง“จะบอกว่ามีก็มีนะครับ” โจเซฟนึกถึงหมู่บ้านด้วงสาคู เขาเพิ่งไ
เขาโชคดีมากที่ชาล็อตไม่ใช่กระต่ายธรรมดาทั่วไป หลังจากรักษาตัวได้ไม่กี่วันอาการบาดเจ็บก็หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็แลกมากับการกินอาหารในปริมาณมาก“มีความเป็นไปได้สูง เอบอกว่าตอนที่หมอนั่นถูกฉีดยาก็มีสีหน้าดีใจมาก” นายพลอธิพูดเสริม“แล้วคนที่มารับข่าวล่ะ”“พอฉีดยาให้เสร็จก็กางปีกบินไปเลย” เอประเมินตนเองแล้วว่าไม่สามารถไล่ตามต่อได้จึงกลับมารายงานแทน“แล้วเรื่องคริสตัลสีเขียวล่ะ” ยามาโมโตะที่นั่งนิ่งมานานถามสิงหาบ้าง ในวันนั้นพวกเขาเห็นกับตาว่ามนุษย์ค้างคาวกลืนคริสตัลสีเขียวลงไป จากนั้นไม่นานจากที่เสียเปรียบก็มีพละกำลังมากขึ้นอย่างน่าตกใจตอนที่ฟังเรื่องการต่อสู้ของยามาโมโตะกับมนุษย์ค้างคาว โจเซฟหวนนึกไปถึงคริสตัลสีเขียวที่นิโคลัสมีไว้ในครอบครอง อีกฝ่ายเองก็ไม่รู้วิธีใช้มันเช่นกัน ได้แต่เก็บไว้ก่อน“ได้ความแล้วครับ คริสตัลสีเขียวเป็นคริสตัลที่จะเกิดขึ้นเฉพาะมนุษย์กลายพันธุ์ที่กลายเป็นซอมบี้” สิงหาหยิบคริสตัลออกมาจากกระเป๋าในอกเสื้อ “ซอมบี้ทั่วไปจะให้คริสตัลสีใส คริสตัลสีเหลืองจะช่วยในการเลื่อนระดับพลัง ส่วนสีเขียวจะช่วยเพิ่มพลังให้เกินขีดจำกัดในระยะสั้น” อันที่จริงในตลาดมีการขายสิ่งนี้อยู่บ้าง
พวกเขาไม่ได้เร่งจัดการเรื่องหนอนบ่อนไส้ในทันทีตามคำแนะนำของนายพลอธิ แต่จะคอยจับตามองอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้งานบางส่วนที่เป็นความลับก็ต้องเติมแต่งข้อมูลเสียใหม่ ไม่ให้ถูกเข้าถึงได้อย่างง่ายดายเกินไปนักส่วนเชลยในห้องสอบสวนก็พบว่ากลายเป็นศพไปแล้วในเช้าวันถัดมา ซึ่งดูจากสภาพแล้วอาจกลายเป็นซอมบี้ในอีกไม่นานเมื่อสิงหาเก็บตัวอย่างของมนุษย์ค้างคาวเรียบร้อยก็กำจัดทิ้งพร้อมกับเผาในคราวเดียวกัน ไม่ยอมให้กลายเป็นซอมบี้เพิ่มปัญหาเด็ดขาดท่านนายพลแสร้งทำสีหน้าเจ็บใจ ทั้งยังระบายเรื่องที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยจากมนุษย์ค้างคาวกับเลขาฯ คนสนิท พอสบโอกาสหนอนบ่อนไส้ก็รีบออกไปนอกค่ายแล้วทำงานของตนเองอย่างแข็งขันด้วยการติดต่อกับคนที่คาดว่าน่าจะคอยรับข้อมูลเหล่านี้ไปแจ้งให้นายท่านของพวกมันทราบส่วนคนที่รับหน้าที่สะกดรอยตามไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเอ ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านนายพลนั่นเอง ด้วยความที่ชายหนุ่มเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หมาป่า ย่อมมีประสาทการฟังที่ดีเยี่ยม ไม่ต้องติดตามในระยะใกล้ก็สามารถตามไปโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวได้การทำงานภายใต้ความรู้สึกที่ว่า กำลังถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา ช่างเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่
“เอ่อ ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ห้ามคุณยามาโมโตะไว้ไม่ทัน” เลขาฯ หนุ่มมีสีหน้าไม่ดีนักราวกับว่าตนทำงานผิดพลาด ทั้งที่ไม่ได้ยื้อหัวหน้าหนุ่มแห่งค่ายประเทศ L อย่างจริงจังมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพื่อใช้เป็นข้ออ้างเข้ามาภายในห้องสอบสวนเพื่อตรวจดูว่า W01 ถูกสอบสวนไปหรือยัง แล้วเรื่องที่ตนเป็นหนอนบ่อนไส้ถูกแพร่งพรายออกไปหรือไม่“ไม่เป็นไร จริงสิ ช่วยลิสต์รายการอาวุธที่เสียหายด้วยนะ จะได้ให้ช่างประจำกองทัพตรวจดูอีกที” นายพลอธิไม่อยากเห็นหน้าเลขาฯ คนนี้นานนัก เขายังทำใจไม่ได้ที่ลูกน้องคนสนิทเปลี่ยนไปถ้าเป็นการโคลนนิ่งเขาก็ยินดีแก้แค้นแทนให้ แต่ถ้าเป็นการหักหลัง… เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าคนพวกนั้นยื่นข้อเสนออะไร ถึงทำให้ลูกน้องที่อยู่ข้างกายเขานับสิบปียอมสวามิภักดิ์ด้วย“ผมจะรีบจัดการให้ครับ” เมื่อเห็นว่าคนเป็นนายยังสั่งงานเหมือนเดิม ตุ้มถ่วงในใจถึงเบาบางลงและรีบออกจากห้องไปปฏิบัติหน้าที่ของตนตามคำสั่ง“ลูกน้องคุณนี่กระตือรือร้นดีนะ” ยามาโมโตะเอ่ยทีเล่นทีจริง “ผมว่าคุณน่าจะตรวจสอบเขาสักหน่อยนะ ตอนที่ผมถามเรื่องมาที่ห้องนี้เขาก็ทำเป็นห้าม แต่ก็ยอมบอกทางให้” แถมยังพาตัวเองเข้ามาพร้อมเขาอีก หากเป็นคนอื่นถ้ากล