ทั้งสองบอกเล่าเรื่องที่จำเป็นต้องขึ้นเขาให้บิดามารดาฟัง ก่อนที่จางเหลี่ยงจะนำขวดยาออกมาส่งให้บิดาได้ดื่ม จางเทียนมองดูบุตรทั้งสองด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
"หยานเออร์ ลำบากเจ้าแล้ว" เพราะตนบุตรสาวจึงต้องทำตามคำสั่งของสิ่งใดก็ไม่รู้เพื่อได้ยามารักษาตน
"ลำบากอันใดกันท่านพ่อ เรื่องเพียงเท่านี้ ข้าทำได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ" ซินหยานมองไปที่จางเทียนอย่างจริงใจ
ซินหยานไม่คิดว่าครอบครัวที่นางเพิ่งจะพบเจอจะมอบความรักความห่วงใยให้นางอย่างแท้จริง ในภพก่อนนนางพบเจอแต่คนที่เขามาหาผลประโยชน์กับนางเท่านั้น
เมื่อเห็นสายตาของความห่วงใย ความกังวลจากคนทั้งสามในครอบครัว ซินหยานอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ นางคิดเพียงว่าหากช่วยให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวจางดีขึ้นนางจะออกไปใช้ชีวิตของนางเอง
แต่ในยามนี้ความคิดทั้งหมดได้หยุดลง กลายเป็นว่านางเริ่มจะหวงแหนความรัก ความหวังดีที่ทั้งสามคนในครอบครัวมอบให้นางแล้ว
"ท่านพ่อ ท่านกินยาเถิดเจ้าค่ะ" ซินหยานเร่งให้จางเทียนดื่มยาลงไป
จางเทียนยกยาขึ้นดื่มท่ามกลางสายตาของภรรยาและบุตรทั้งสองที่มองมาอย่างมีความหวัง เมื่อยาลงสู่คอของจางเทียน ร่างกายของเขาก็ร้อนรุ่มทันที ก่อนที่ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บจะเจ็บปวดจนเขาทนไม่ไหวล้มลงไปนอนดิ้นอยู่บนเตียง
"ท่านพี่/ท่านพ่อ/ท่านพ่อ" ทั้งสามร้องเรียกอย่างตกใจ
'เชาชื่อ ทำไมถึงเป็นแบบนี้' ซินหยานสื่อสารกับเชาชื่อ
'ท่านรอดูก่อนเถิดขอรับ' เชาชื่อตอบกลับอย่างเหนื่อยหน่าย
เพียงไม่นานจางเทียนก็หยุดดิ้น ความเจ็บปวดทุเลาลง ก่อนที่เขาจะรับน้ำจากชุยเหมยมาดื่มอย่างกระหาย เมื่อความเจ็บปวดหายไปสิ้นจางเทียนก็ลองลุกขึ้นยืน
จางเหลี่ยงจะเข้าไปประคองแต่ถูกซินหยานดึงรั้งไว้เสียก่อน นางอยากให้บิดาลองเดินด้วยตนเอง
"ข้าเดินได้แล้ว" จางเทียนลงน้ำหนักตัวไปที่เท้าทั้งสองข้าง เขาไม่จำเป็นต้องให้บุตรชายหรือภรรยาประคองเดินอีกแล้ว
ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เคยมีก็หายไปราวกับปาฏิหาริย์ ชุยเหมยปิดปากแน่น พร้อมทั้งหลั่งน้ำตาออกมา หากนางไม่เห็นด้วยตาของตนเองว่าสามีสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งนางก็ไม่อาจเชื่อได้
เพราะท่านหมอที่รักษาสามีหลายท่านบอกเหมือนกันว่าสามีนางไม่อาจกลับมาเดินปกติได้อีกแล้ว ไม่รู้ว่านางจะขอบคุณสวรรค์หรือบุตรสาวดี ที่ทำให้เกิดเรื่องดีๆ เช่นนี้ในครอบครัว
"หยานเออร์" จางเทียนดึงซินหนายเข้ามาสวมกอด
ซินหยานในยามนี้ตกตะลึงจนตัวแข็งไปเสียแล้ว ทั้งสามต่างเดินเข้ามากอดกันแน่น คนที่อยู่ตรงกลางอย่างซินหยานทำสิ่งใดไม่ถูกไม่รู้ว่าควรกอดตอบหรือไม่
"หยานเออร์" ชุยเหมยเขย่าเรียกบุตรสาว เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของนาง ทั้งสามก็ตกใจจนเอ่ยถามแข่งกันว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
"ข้าร้องไห้หรือเจ้าคะ" ซินหยานลูบไปที่ใบหน้าของนางอย่างไม่อยากเชื่อ
นางถึงกับร้องไห้ เพียงแค่ถูกคนในครอบครัวกอด หรือจะเป็นเพราะนางที่โหยหาความรักมาตลอดตั้งแต่เด็ก เมื่อถูกคนที่ได้ชื่อว่าครอบครัวมอบความรักที่แท้จริงให้เลยเกิดอาการเช่นนี้
ซินหยานใช้เวลาอยู่นานกว่านางจะทำความเข้าใจกับความรู้สึกของนางได้ ทุกคนก็ไม่ได้เร่งนางต่างมองนางด้วยความเป็นห่วงแทน
"ซินหยาน ข้ามีของจะมอบให้ท่าน" เชาชื่อที่ปาดน้ำตาเงียบๆ ก็เอ่ยขึ้น
เพราะเขาก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันว่านักฆ่าที่ไม่เคยหลั่งน้ำตาเช่นซินหยานจะหลั่งน้ำตากับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้
"สิ่งใด" ซินหยานเก็บความดีใจไว้เอ่ยถามเสียงเรียบ
"ระบบร้านค้า เปิดโซนอาหารให้ท่านนำออกมาใช้ด้านนอกได้จำกัดวันละสองครั้ง"
"ครั้งละเท่าใดก้ได้ หรือจำกัดจำนวน" ซินหยานเอ่ยถามทันที
"หึ เท่าใดก็ได้ขอรับ" เชาชื่อส่งเสียงขึ้นจมูก เขาไม่น่าอินกับความรักของคนในครอบครัวเลย จนต้องยอมเปิดโซนอาหารให้โดยไม่ต้องให้ซินหยานทำภารกิจ
"แล้วนำมาเก็บไว้ในช่องเก็บของก่อนได้หรือไม่"
"เหอะ ไม่ได้ขอรับ" ท่านจะขอมากเกินไปแล้ว
"แล้วถ้าข้าอยากได้ช่องเก็บของส่วนตัวเหมือนในนิยายเล่า"
"ท่านก็ต้องทำภารกิจ"
"ทำเลยได้หรือไม่" ซินหยานจะขนอาหารในระบบของเชาชื่อมาเก็บไว้กับตัวเสียให้หมด
"ได้ ขอรับ ท่านต้องนำของป่าไปขายในเมืองเสียก่อน ข้าจะมอบช่องเก็บของส่วนตัวให้ท่านขนาด 4x4 เมตรขอรับ"
"เล็กถึงเพียงนี้"
"ท่านจะเอาหรือไม่"
"เอา" ซินหยานขอให้เชาชื่อนำอาหารออกมาจากระบบให้นางมากมาย เพื่อนำมาทำอาหารเย็นเลี้ยงฉลองกันภายในครอบครัว
ทั้งสามเมื่อเห็นอาหารสด ผัก ผลไม้ กองอยู่เบื้องหน้าก็ตกใจถอยหลังไปเสียหลายก้าว บุตรสาวของตนช่างทำเรื่องให้ประหลาดใจอยู่หลายหนเสียจริง
เมื่อตั้งสติได้แล้ว ทั้งหมดต่างก็ช่วยกันนำของที่ได้มาไปเก็บเข้าที่ ของสดจางเหลี่ยงก็นำไปแช่น้ำไว้เพื่อคงความสดใหม่ ข้าวสาร อาหารแห้งก็แบ่งไปเก็บไว้ทั้งสามห้อง
ป้องกันสายตาของคนที่มาพบที่เรือนจะไม่ได้ถูกสงสัยมากนัก มื้อเย็นของทั้งสี่คนก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ชุยเหมยยิ่งได้เครื่องปรุงรสที่หลากหลายนางก็ลงมือทำอาหารเสียมากมายจนโต๊ะอาหารแทบจะไม่พอวาง
แต่ทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในท้องของทั้งสี่คน เมื่อทานอาหารเสร็จ ซินหยานเก็บกวาดจานชามไปล้างเสียเอง ซินหยานต้องอาบน้ำอย่างน้อยวันละสองครั้ง นางก็เริ่มบ่นกับเชาชื่ออีกครั้งเรื่องห้องน้ำ ที่ไม่สะดวกสบาย ต้องขับถ่ายลงหลุมอย่างลำบาก
พอเข้าห้องนอนนางก็บ่นเรื่องเตียงผ้าห่ม จนเชาชื่อปิดระบบเพราะทนฟังเสียงนางบ่นไม่ไหว
ฝูเหิงอาบน้ำขัดตัวอย่างเร่งรีบ เมื่อสำรวจจากร่างกายว่าแทบไม่หลงเหลือกลิ่นสุราแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ“หึหึ” เขาหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นซูหนี่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่เตียงนอนฝูเหิงเดินเข้าไปนั่งข้างซูหนี่ก่อนที่จะยกตัวนางขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดนางไว้จากด้านหลัง“เป็นอันใดไปหรือ” ฝูเหิงก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากตัวซูหนี่ที่ซอกคอของนางอย่างโหยหา“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ” ซูหนี่เอ่ยตอบเสียงสั่นฝูเหิงคิดว่านางคงกลัวจึงได้จับใบหน้าของซูหนี่ให้หันมาสบตาเขา ก่อนจะจรดหน้าผากของเขาเข้ากับของซูหนี่“หนี่เออร์ อย่าได้กลัว ข้าสัญญาว่าจะทะนุถนอมเจ้าอย่างดี” ฝูเหิงเอ่ยเสียงเบาราวกับกำลังปลอบประโลมนางหัวใจของซูหนี่เต้นระรัว เมื่อเห็นสายตาของฝูเหิงที่จ้องมองมาที่นางอย่างเร่าร้อน นางสั่นสะท้อนเล็กน้อยอย่างตื่นตัว เมื่อลมหายใจร้อนๆ ของฝูเหิงเป่ารดต้นคอของนางซูหนี่แทบอ่อนระทวย เมื่อถูกลิ้นร้อนของฝูเหิงไล้เลียและดูดดึงที่ซอกคอของนาง ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นกับนาง แต่ก็ปล่อยไปตามการสัมผัสของเขาฝูเหิงที่เพียงได้กลิ่นกายของนางความเร่าร้อนก็พุ่งสูงขึ้นภายใน แต่เขาจำต้องควบคุมสติไว้เพื่อไม่ให้นางตื่นกลัวสายตาขอ
ซินหยานยืนมองตำหนักอ๋องที่ประดับไปด้วยผ้าแดงของงานมงคลอย่างยินดี นางไม่เคยคิดว่าในชีวิตของนางจะมีครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้ และในตอนนี้บุตรสาวเพียงคนเดียวของนางก็กำลังจะออกเรือนแล้วตอนนี้ซูหนี่นางโดนซงมามากับฝูมามาจัดการขัดเนื้อตัวของนางอยู่ แม้ว่าผิวพรรณของนางจะผุดผ่องไปไม่ได้มากกว่านี้แล้วก็ตามซินหยานเดินเข้าไปดูบุตรสาวที่แช่อยู่ในบ่อน้ำวิเศษของนางแล้วก็ได้แต่ถอนหยาใจ ไม่ต่างกับตัวนางในครั้งนั้นที่โดนจับขัดสีฉวีวรรณเช่นนี้ซินหยานนางยังช่วยชีวิตซูหนี่ด้วยการพานางกลับเรือนเพื่อพูดคุยตามประสาแม่ลูกก่อนที่จะออกเรือนในวันพรุ่งนี้“หนี่เออร์ นี่คือสิ่งที่มารดาทุกคนต้องสั่งสอนบุตรสาวก่อนออกเรือน” ซินหยานนางหยิบตำราวสันต์มาเปิดออกให้ซูหนี่ได้ดู"ท่านแม่" ซูหนี่ร้องอยากตกใจ เพราะสิ่งที่มารดาให้นางได้ดูนางเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก“มิใช่เรื่องน่าอาย มาแม่จะดูเป็นเพื่อนเจ้า” ซินหยานตบไปที่หลังมือของซูหนี่เบาๆเมื่อเห็นบุตรสาวทำท่าทางเขินอายยามที่นางเปิดไปแต่ละหน้าและอธิบายไปด้วย ซินหยานนางก็หัวเราะออกมาเบาๆนี่คือเรื่องที่ในภพนี้ยังไม่เปิดกว้าง จึงทำให้สตรีต่างเขินอายไม่กล้าพูดหรือแสดงออกมาก
ซินหยานนางยังให้ซูหนี่นำน้ำวิเศษใส่ไหจำนวนมากทิ้งไว้ที่จวนท่านแม่ทัพ ก่อนจะบอกกับจ้าวฟางหรงให้ไว้ใช้ในการเกษตรเช่นไร เพื่อให้ทหารและชาวบ้านเมืองเป่ยโจวที่หาผักสดกินได้ยาก ได้มีผักกินตลอดทั้งปีจ้าวฟางหรงก็กล่าวขอบคุณหยางอ๋องและซูหนี่ที่เมตตาต่อทหารและชาวเมืองมากเช่นนี้ เขารีบไปจัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และทิ้งคนที่ไว้ใจได้ให้จัดการเรื่องการเพพาะปลูกต่อเพราะเขาต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกับหยางอ๋องและซินหยาน เพื่อจัดการเรื่องของมงคลของฝูเหิงกับซูหนี่ขบวนเดินทางของหยางอ๋องที่กลับเมืองหลวงก็มีผู้ติดตามกลับไปด้วยมากกว่าเดิม ทำให้พวกเขาไม่อาจเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในมิติได้ตลอดเวลาเช่นเดิมเพียงแต่จะเข้าไปก็ต่อเมื่อแยกย้ายกันกลับห้องพักผ่อนแล้ว เพราะขบวนเดินทางมีคนมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้กว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงก็ล่วงเข้าเดือนที่สามของการเดินทางแล้วจ้าวฟางหรงก็ส่งคนมาให้จัดการจวนตระกูลจ้าวในเมืองหลวงไว้ก่อนแล้วฮ่องเต้ ฮองเฮาเมื่อรู้ว่าบุตรชายกับหลานทั้งสี่กลับมาถึงเมืองหลวงก็เรียกตัวเข้าวังทันทีทุกพระองค์ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแคว้นหานต่างก็ลอบตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนทะลุ
เชาชื่อนำยาลบความทรงจำมาส่งให้หยางอ๋อง เขาได้ทำกการปรุงยาขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับหานอี้สุ่ยโดยเฉพาะเชาชื่อต้องการให้หานอี้สุ่ยลืมเรื่องที่เขารู้เรื่องระเบิดและก่อนที่จะรู้จักกับซูหนี่ ความทรงจำของหานอี้สุ่ยจึงหยุดอยู่ในวันที่เขาลอบเข้าแคว้นเซี่ยเพื่อสืบเรื่องในแคว้นเท่านั้นก่อนที่จะพาตัวหานอี้สุ่ยออกจากมิติ ฝูเหิงทำลายเอ็นข้อมือข้างขวาของเขาทิ้งเสีย หากสวรรค์ยังเขาข้างหานอี้สุ่ยก็คงส่งหมอเทวดามารักษาเขา แต่หากไม่เขาก็ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตซูหนี่พาซีฮันและฝูเหิงออกมาจากมิติ เพื่อให้เขาพาหานอี้สุ่ยไปโยนทิ้งไว้ข้างวังหลวงเมื่อเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมด ทุกคนก็เห็นตรงกันเรื่องที่ต้องเดินทางกลับแคว้นเซี่ย ชีวิตของหานอี้สุ่ยและฟ่านหลี่อิงหลังจากนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องข้องเกี่ยวอีกแล้วในตอนที่ออกจากแคว้นหาน ซูหนี่นางต้องเดินทางอยู่ภายในรถม้ากับฝูเหิงเช่นตอนขามา แต่ในครั้งนี้มีหยางอ๋องที่ปลอมตัวออกมาอยู่ด้วย เพราะเขาไม่ยินยอมที่จะให้บุตรีอยู่เพียงลำพังกับฝูเหิงฝูเหิงที่คิดว่ามีโอกาสใกล้ชิดกับซูหนี่ในรถม้าก็มีสีหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัด สืออียังทำหน้าที่บังคับรถม้าเช่นเดิม ทุกคนที
หานอี้สุ่ยทรุดตัวนั่งลงอย่างสิ้นแรง เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน จะมีเรื่องอันใดที่ทำให้นางหลงลืมไปได้เช่นนี้ ตอนที่พบนางก็ไม่เห็นว่านางจะบาดเจ็บที่ใดฟ่านหลี่อิงถูกหานอี้สุ่ยส่งตัวไปคุมขังไว้ในคุกใต้ดิน เขายังไม่เชื่อนางเสียทั้งหมด ในเมื่อเขาทำตามที่รับปากนางไว้แล้ว แต่นางกลับไม่ยอมบอกวิธีทำระเบิด เช่นนั้นเขาก็จะทรมมานจนกว่านางจะพูดฟ่านหลี่อิงไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงถูกกระทำเช่นนี้ นางถูกนางกำนัลลากตัวไปไว้ในคุกใต้ดิน พร้อมทั้งหวดแส้ลงที่ร่างกายของนาง“หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ เพคะ” เสียงที่เอ่ยออกมาของนางแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเปิ่นกงอดทนกับเจ้ามากเพียงใด หากยังไม่ยอมพูดอีก เปิ่นกงจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย” หานอี้สุ่ยดึงผมของฟ่านหลี่อิงขึ้น เพื่อให้เงยหน้ามาสบตากับเขาฟ่านหลี่อิงร่ำไห้อย่างหวาดกลัว นางได้แต่ร้องบอกว่านนางไม่รู้ นางจำสิ่งใดไม่ได้ แต่เหมือนจะเป็นการเพิ่มโทสะให้หานอี้สุ่ยมากขึ้น เขาลงแส้ไปที่ร่างกายของนางนับครั้งไม่ถ้วนฟ่านหลี่อิงหมดสติลง เพราะทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวหานอี้สุ่ยเดินออกจากคุกใต้ดินไปอย่างไม่สบอารมณ์ เขาแทบไม่เคยคิดไว้เลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้
ไม่ต่างจากหานอี้สุ่ย เขาก็คิดเช่นนั้น เพราะเหลือเวลาอีกเพียงสามวันจะถึงวันงานแต่งจึงต้องส่งนางกลับไปที่จวนตระกูลฟ่านเพื่อเตรียมตัวเสียก่อน เขาจึงไม่ได้สอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้นถึงถามไปนางก็ตอบได้เพียงจำไม่ได้เท่านั้น ทหารและนางกำนัลในตำหนักต่างก็ตอบไม่ได้ว่าผู้ใดเป็นคนพาตัวฟ่านหลี่อิงออกไปจากตำหนักเพราะตอนที่ถูกทำร้าย พวกเขาต่างไม่เห็นใบหน้าของผู้ร้ายฟ่านหลี่อิงที่อยู่ภายในเรือนตระกูลฟ่าน นางจำไม่ได้ว่านางเข้าไปอยู่ในวังหลวงได้อย่างไร และเหตุใดนางถึงได้มีวาสนาถึงขั้นได้แต่งเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทนายท่านฟ่านกับฮูหยินฟ่านก็ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของบุตรสาว เพราะพวกเขาได้แต่ต้อนรับแขกที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีและเตรียมงานมงคลจนหัวหมุนสองวันต่อมา ฟ่านหลี่อิงก็ถูกปลุกมาให้เตรียมตัว เพื่อเข้าพิธีแต่งงาน งานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมส่งเจ้าสาวมากมายจนแน่นเต็มเรือนพวกเขาล้วนอิจฉาตระกูลฟ่านที่เป็นเพียงคหบดีเท่านั้น แต่บุตรีกลับมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาขององค์รัชทายาท และต่อไปนางก็จะได้นั่งตำแหน่งฮองเฮาในอนาคต เช่นนี้แล้วผู้ใดจะไม่มาร่วมยินดีได้เล่าฟ่านหลี่อิงเดินเข้าไปก