พลอยลลินณ์มาทำงานก่อนเจ้านายเหมือนทุกวัน ขณะที่เข้าในลิฟต์ก็เจอกับเพื่อนร่วมงานอยู่หลายคน เธอยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรจนกระทั่งภายในลิฟต์เหลือแค่ตนเองกับชลธรพนักงานฝ่ายไอทีซึ่งเธอกับเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี
“พี่ธรมาเช้าเหมือนกันนะคะ”
“แต่ก็ไม่เช้าทุกวันเหมือนมัดหมี่หรอก เมื่อวานกว่าจะเลิกประชุมก็ดึกเช้านี้ก็ยังมาแต่เช้า”
“พี่ก็เหมือนกันแหละค่ะ ถ้าการประชุมไม่มีพี่อยู่ด้วยพวกเราแย่”
ในการประชุมใหญ่มักจะติดขัดอยู่บ้างเพราะผู้บริหารระดับสูงบางคนก็ไม่ค่อยถนัดใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีจึงต้องรออยู่หน้าห้องจนกว่าการประชุมจะจบลง เมื่อคืนชลธรก็อยู่รอจบการประชุมจบเหมือนอย่างทุกครั้ง
“แต่มันก็ดีกับคนโสดอย่างเรานะ”
“ดียังไงคะ” หญิงสาวเดินตามเขาออกมานอกลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ตัวเองทำงาน
“เราเลิกงานดึกได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรออยู่ที่บ้าน”
“ข้อนี้มัดหมี่เห็นด้วยค่ะ อีกข้อที่พี่ธรลืมพูดก็คือเงินโอทีที่จะเข้ากระเป๋าเราด้วยนะคะ”
“นั่นเป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลย”
พลอยลลินณ์และชลธรหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันจากนั้นทั้งสองก็แยกไปทำงาน
โต๊ะทำงานของหญิงสาวตั้งอยู่หน้าห้องของภาคิน ข้างๆ กันเป็นของพี่สุรีย์ผู้ช่วยเรื่องเอกสารซึ่งทำงานที่นี่มาก่อนเธอหลายปี
เธอนั่งทำงานไม่ทำงานไปได้ไม่นานพี่สุรีย์ก็ขึ้นมาพร้อมกับกล่องอาหารว่างของเจ้านาย ที่หญิงสาวรุ่นพี่แวะเอามาจากร้านที่อยู่ข้างๆ ตึก
“สวัสดีค่ะพี่สุ” พลอยลลินณ์ยกมือไหวรุ่นพี่ก่อนจะลุกไปช่วยถือของแล้วเอาไปเก็บที่ห้องพักเบรกที่ด้านในสุด เธอดูนาฬิกาเมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงเจ้านายจึงจะมาทำงานเลยยังไม่ชงกาแฟให้เขา
“มัดหมี่มาชงกาแฟให้บอสเหรอ”
“เปล่าจ้ะ เราเอาของว่างมาเก็บ แล้วฝ้ายล่ะคงไม่มาชงกาแฟคุณสุวิจักขณ์แต่เช้าหรอกนะ เขาคงยังไม่มาทำงาน” เพราะรู้นิสัยของคุณสุวิจักขณ์ว่ากว่าจะเข้างานก็เกือบจะถึงเวลาพักเที่ยงพลอยลลินณ์เลยอดถามไม่ได้
“เดาผิดแล้วแหละมัดหมี่ วันนี้คุณสุวิจักขณ์เข้ามาบริษัทก่อนที่ฝ้ายจะมาอีกนะ” ฝ้ายหรือพรนภาเลขาของคุณสุวิจักขณ์ตอบอีกฝ่าย
“โอ้โหเป็นไปได้ยังไงนี่ปกติเขาไม่เคยมาเวลานี้”
“ฝ้ายเองก็แปลกใจเหมือนกันช่วงนี้เขามาบริษัทแต่เช้าแล้วยังดูอารมณ์ดีกว่าปกติด้วยนะ”
“เหมือนได้เจ้านายใหม่เลยนะ” พลอยลลินณ์เคยได้ยินมาคุณสุวิจักขณ์มักจะหงุดหงิดใส่ลูกน้องอยู่บ่อยๆ
“ฝ้ายก็คิดเหมือนมัดหมี่นั่นแหละ ตอนกลางวันเขาก็สั่งอาหารมาเลี้ยงลูกน้องบางครั้งก็ยังให้เงินพวกฝ้ายไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็นอีกไม่รู้ว่าไปรวยมาจากไหน”
คำพูดของพรนภาสะกิดใจพลอยลลินณ์เพราะคิดว่าที่เขาอารมณ์ดีแบบนั้นอาจจะมาจากเรื่องเธอและภาคินสงสัยเมื่อคืนก็เป็นได้
“ฝ้ายไปก่อนนะ มีอะไรเดี๋ยวจะมาเม้าท์ต่อ”
“จ้ะ”
เมื่อฝ้ายเดินออกไปแล้วพลอยลลินณ์ก็คิดหนักเธอไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้จะให้เจ้านายของตนเองฟังหรือเปล่า ขณะกำลังลังเลอยู่นั้นพี่สุรีย์เดินมาตาม
“บอสมาแล้วนะมัดหมี่”
“มาเร็วจัง” พลอยลลินณ์รีบชงกาแฟและจัดแซนด์วิชใส่จานก่อนจะนำไปให้กับเจ้านายเหมือนกับทุกวัน
“กาแฟมาแล้วบอสค่ะบอส” พลอยลลินณ์วางกาแฟและของว่างลงบนหน้าบอสหนุ่มจากนั้นก็หยิบแฟ้มเอกสารและเตรียมจะเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวสิมัดหมี่ผมมีเรื่องให้คุณช่วยหน่อย”
“จะให้มัดหมี่ทำอะไรคะ”
“ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นแล้วก็จองที่พักให้ผมกับว่านด้วยนะ”
“บอสจะไปเมืองไหนแล้วเดินทางเมื่อไหร่คะ"
“วันมะรืน ค้างที่นั่นสามคืนผม ส่วนไปเมืองไหนคุณลองโทรถามว่านอีกทีก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
“อ้อแล้วยังไงเย็นนี้ช่วยจองร้านอาหารที่บรรยากาศดีๆ ให้หน่อยนะ”
“ได้ค่ะให้มัดหมี่เตรียมดอกไม้ให้คุณว่านด้วยไหมคะ”
“ผมไม่ได้จะไปกับว่านแล้วก็ห้ามบอกว่าเรื่องนี้กับว่าน ส่วนเรื่องดอกไม้คุณก็เตรียมให้ช่อหนึ่งก็ดีเหมือนกัน”
“ขอโทษนะคะบอส มัดหมี่ต้องถามว่าบอสจะไปกับใครอายุเท่าไหร่จะได้เตรียมดอกไม้ถูกค่ะ”
“ผมจะไปกับผู้หญิงที่แม่แนะนำให้น่ะ อายุก็คงรุ่นราวคราวเดียวกับคุณละมั้ง ยังไงฝากมัดหมี่ช่วยจัดการให้หน่อยได้ไหม"
“ได้ค่ะบอส เดี๋ยวมัดหมี่จะจัดการให้ค่ะ” พลอยลลิลณ์รับปากบอสหนุ่มก่อนจะออกมาจากห้องและจัดการตามที่เขาสั่ง หญิงสาวรู้สึกว่าบอสของตนเองแปลกไป เพราะปกติแล้วภาคินจะคบผู้หญิงทีละคน แต่ครั้งนี้เขาพาผู้หญิงคนหนึ่งไปทานอาหารเย็นแต่กลับจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวไปเที่ยวกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
พลอยลลินณ์ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้เลยเธอรู้สึกผิดหวังกับเจ้านายหนุ่มเป็นอย่างมาก ที่เห็นเขาคบผู้หญิงทีละสองคนแบบนี้ แต่ในเมื่อเธอเป็นลูกน้องเธอก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย หวังก็แต่ว่าเรื่องนี้คุณว่านจะไม่รู้และมาอาละวาดถึงที่บริษัท เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่จะอยู่รับหน้าไม่ใช่บอสหนุ่มแต่มันเป็นตัวเธอเองที่ต้องคอยตามแก้ปัญหาให้
งานแต่งงานของพลอยลลินณ์และภาคินผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภาคินเนื่องจากเรือนหอยังสร้างไม่เสร็จ แต่พลอยลลินณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเพราะบิดามารดาของเขาก็ดีกับเธอทุกอย่างเธอคิดเคยว่าการแต่งงานกับเขามันคือการแต่งงานเพื่อขัดดอกแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนภาคินบอกให้หญิงสาวอย่าคิดมากเรื่องที่เธอเป็นหนี้เขาเพราะชายหนุ่มตั้งใจแล้วว่าจะให้พลอยลลินณ์ขัดดอกไปจนกว่าจะไม่มีลมหายใจ“ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มัดหมี่ขัดดอกหมดเลยเหรอคะพี่คิน” สรรพนามที่หญิงสาวใช้เรียกชายหนุ่มเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานเพราะขอร้องแหละเธอก็รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้มันดูเป็นครอบครัวมากกว่าเรียกว่าบอสอย่างเคย“ไม่มีทางหรอกยังไงมัดหมี่ก็ต้องอยู่กับพี่แบบนี้ไปตลอด”“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมัดหมี่ถูกล็อตเตอร์รี่แล้วเอาเงินมาใช้หนี้พี่คินได้หมดล่ะคะ”“เงินที่เอามาใช้กับเงินที่เอาไปมันคนละส่วนกัน”“พี่คินขี้โกงแบบนี้มัดหมี่ฟ้องเอาได้นะคะ”“จะไปฟ้องที่ไหนล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแบบนี้พี่ว่าศาลก็ต้องยกฟ้อง”“แบบนี้มัดหมี่คงต้องขัดดอกไ
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วภาคินและพลอยลลินณ์ก็ไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าอีกคนละนิดหน่อยจากนั้นก็เข้าพักที่วิลลาที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันออกไปไหว้พระและนั่งชมวิวทะเลระหว่างทานอาหารที่ร้านริมทะเล “มัดหมี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงเงียบไป” “เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่คิดอะไรเพลินๆ” “ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ มัดหมี่แค่กำลังคิดว่าเรามากินข้าวร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้นั่งมองทะเลแบบนี้เลย” “นั่นสินะ แต่ก่อนเราสองคนแต่ทำงานจนลืมมองสิ่งรอบตัวว่ามันสวยงามมากแค่ไหน แล้วมัดหมี่ชอบที่นี่ไหม” “ชอบค่ะ” พลอยลลินณ์ชอบทะเลมากแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมองแบบนี้บ่อยนัก “เราไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีไหม” “มัดหมี่ก็อยากไปนะคะ แต่ตอนนี้ตารางงานของบอสแน่นมากจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ” “เราไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์กันไหมส่วนญี่ปุ่นก็ค่อยไปช่วงที่หิมะตก” เดิมทีทั้งสองคนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแต่พอเขารู้ว่าพลอยลลินณ์ชอบทะเลก็เลยลองถามเธอดูเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี
ภาคินขับรถไปส่งเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งจากนั้นเขารีบมาที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนี้พลอยลลินณ์ยังนอนหลับอยู่บนเตียง “ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” ภาคินกล่าวขอบคุณพยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนพลอยลลินณ์ขณะที่เขาออกไปจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอ “ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอข้างนอกถ้าคนไข้ตื่นหรือคุณต้องการความช่วยเหลือก็กดปุ่มฉุกเฉินตรงนี้นะคะ”“ได้ครับขอบคุณครับ”เมื่อพยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้วภาคินก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ พลอยลลินณ์“มัดหมี่ผมขอโทษนะ ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณเรื่องก็คงไม่เกิด”เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณสุวิจักขณ์ร่วมมือกับวาริสาแล้ววางแผนทำร้ายพลอยลลินณ์แบบนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ที่เขาตามมาช่วยได้ทันภาคินรู้ดีว่าสาเหตุมันน่าจะมาจากที่เขาและพลอยลลินณ์จับได้ว่าคุณสุวิจักขณ์ลักลอบเปลี่ยนสเปกสินค้าและต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทหลายล้าน แต่ภาคินไม่คิดเลยว่าวาริสาจะร่วมมือกับเขาด้วยชายหนุ่มจับมือหญิงสาวแน่นและสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้พลอยลลินณ์คลาดสายตาอีกเป็นอันขาด เขารู้แล้วว่าตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รักจนยอมแลกได้ทุกอย่า
ขับรถมาได้สักระยะภาคินก็ได้รับสายจากตำรวจท้องที่ซึ่งแจ้งว่าตอนนี้พวกเขามารออยู่บ้านพักของคุณสุวิจักขณ์แล้วแต่รถตู้สีดำที่ชายหนุ่มแจ้งยังมาไม่ถึงเมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็อุ่นใจขึ้นแต่เขาก็ยังรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอยู่ดี ระยะเวลาชั่วโมงกว่าบนรถเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและทรมานใจเป็นอย่างมากภาคินไม่รู้เลยว่าพลอยลลินณ์จะเป็นยังไงบ้างและคนร้ายจะพาเธอไปยังบ้านพักที่ตามตนเองคิดไว้หรือเปล่าแต่เท่าที่เคยรู้มาคุณสุวิจักขณ์มีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณสุวิจักขณ์ภาคินก็ต้องแปลกใจเพราะรถของคนร้ายน่าจะมาถึงที่นี่แล้วแต่ทั้งบ้านกับว่างเปล่ามีเพียงรถของตำรวจที่จอดซุ่มอยู่ไกลๆ เท่านั้น“คุณภาคินใช่ไหมครับ” ตำรวจรายหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นเขาจอดรถลงที่หน้าบ้าน“ใช่ครับคุณตำรวจ นี่พวกมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่แล้วนะ คุณลองดูพิกัดในมือถืออีกทีสิ”ภาคินรีบร้อนและคิดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังนี้เขาจึงลืมเรื่องพิกัดมือถือไปจนสนิท และตอนนี้พิกัดหายไปแล้วแต่จุดสุดท้ายที่จับสัญญาณได้ก็ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่“สัญญาณหายไปแล้วหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าพ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะปราง” น้ำฝนถามหลังจากที่ได้ฟังมะปรางเล่าเรื่องของพลอยลลินณ์“นั่นสิฝน นิวว่าเราไปขอดูกล้องจากร้านดีไหม”“หรือเราจะแจ้งตำรวจ” เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้น“ปรางสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี”“แต่เราว่าต้องบอกแฟนของมัดหมี่ก่อนดีไหม มีใครในนี้ติดต่อแฟนของมันมีบ้างได้ไหมเราต้องบอกเขาให้รู้เรื่อง”“เดี๋ยวปรางจะไปขอดูกล้องวงจรปิดนะ คนที่เหลือลองหาทางติดต่อคุณภาคินดูนะ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนั้นน่าจะติดต่อได้ไม่ยาก”“เดี๋ยวนิวจะลองถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเลขาผู้บริหารดูเผื่อเขาจะมีคอนแทคของคุณภาคินบ้างมะปรางรีบไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ” นิวรีบบอกจากนั้นตัวเองก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานเป็นเลขาเหมือนกับพลอยลลินณ์มะปรางกับน้ำฝนไปขอทางร้านดูกล้องวงจรแต่โดยให้เหตุผลที่ว่าเพื่อนของเธอถูกจับตัวไป ทางร้านก็รีบอำนวยความสะดวกเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วทางร้านจะมีความผิดไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าพลอยลลินณ์เดินไปกับวาริสาและเธอก็ขึ้นไปบนรถตู้จากนั้นวาริสาก็ปิดประตูรถก่อนที่รถจะถูกขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถ มะปรางถ่ายรูปทะเบียนรถพร้อมทั้งข
ภาคินและพลอยลลินณ์กลับมาถึงเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งสองคนยังทำตัวเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแต่พอได้อยู่กันตามลำพังแล้วภาคินก็จะกลายร่างเป็นผู้ชายอบอุ่นขณะที่พลอยลลินณ์ก็จะกลายเป็นคนช่างอ้อน “อีกตั้งสองเดือนเลยนะมัดหมี่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมว่าเราไม่ต้องรอฤกษ์ดีไหม” ภาคินบ่นหลังจากที่มารดาของเขาเป็นคนไปหาฤกษ์แต่งงานมาให้ “มัดหมี่ว่าเร็วไปด้วยซ้ำนะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีเลย” “เรารู้จักกันมาสามปีกว่าแล้วนะมัดหมี่ ผมว่าเวลามันนานมาก” “บอสจะนับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันไม่ได้นะคะ เราต้องนับวันที่เราตกลงคบกันสิคะถึงจะถูก” “ก็ผมจะนับแบบนี้” “เฮ้อ...มัดหมี่อยากให้ลูกน้องในบริษัทเห็นบอสเวลาที่งอแงเป็นเด็กแบบนี้จัง” “อยู่ต่อหน้าลูกน้องผมต้องวางมาดกันหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับมัดหมี่ผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด” ภาคินพูดขณะที่กอดเธอไว้อย่างหลวมๆ แล้วเกยปลายคงบนไหล่มน “แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหมคะ” “ก็กอดจนกว่าจะหมดเวลาพัก” ตั้งแต่ประกาศเรื่องแต่งงานออกไปเวลาทานอาหารกลางวันพล