แชร์

บทที่ 11 โรค (ลับ) ที่ไม่มีใครรู้

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-22 14:22:33

เช้าวันต่อมาไป๋เหมยเหม่ยก็รีบมาที่ร้านอาหารของตนเองตั้งแต่เช้า ร้านของนางเป็นเพียงร้านเล็กๆ ไม่ต้องจัดแจงสิ่งใดมากนักก็เปิดขายได้แล้ว

ไป๋เหมยเหม่ยให้ไป๋จินเซียงหาคนที่เขียนอักษรได้งดงามมาเขียนรายการเมนูอาหารให้กับนาง โชคดีที่ไป๋จินเซียงมีสหายเป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง เขาคัดอักษรได้งดงามยิ่งนัก ไป๋เหมยเหม่ยมองดูรายการอาหารของนาง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

หม้อไฟคนงาม

หม้อไฟ หมู เนื้อ กุ้ง สามารถนั่งกินได้คนละครึ่งชั่วยาม จ่ายเพียงสามสิบอีแปะต่อคน ภายในครึ่งชั่วยามนี้สามารถเติมอาหารและผักเพิ่มได้ไม่เกินสองครั้ง สั่งมาแล้วกินไม่หมดปรับสองเท่าของราคาอาหาร พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่เข้ามาก่อนห้าโต๊ะแรก รับฟรีผลไม้เชื่อมตามฤดูกาลและมันฝรั่งเส้นผัดพริกโต๊ะละหนึ่งที่

นางไม่ได้คิดจะขายในราคาที่แพงเกินไปนัก อยากให้ทุกคนจับต้องได้

“เฉียวเหลียน ระฆังใบเล็กที่ข้าสั่งเอาไว้ได้หรือยัง”

ไป๋เหมยเหม่ยหันไปถามเฉียวเหลียนคราหนึ่ง ไม่นานมานี้นางให้เฉียวเหลียนไปหาซื้อระฆังกระดิ่งใบเล็กมาสักสองใบ สาวใช้น้อยพยักหน้าก่อนจะเอ่ย

“ได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวสั่งให้คนแขวนมันเอาไว้ตรงที่คิดเงินของคุณหนู ว่าแต่คุณหนูจะนำมันมาทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเฉียวเหลียนเอ่ยถามเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะตอบ

“ครึ่งชั่วยามเมื่อใดข้าก็จะสั่นกระดิ่งเป็นการแจ้งเตือนว่าหมดเวลานั่งกินอย่างไรเล่า”

ไป๋เหมยเหม่ยนั้นกำลังสนุกสนานกับการเปิดร้านใหม่ นางสั่งให้เฉียวเหลียนพาลูกค้าเข้าไปทีละสิบโต๊ะ เพื่อจะได้กำหนดเวลาในการนั่งกินถูก ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็ทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย ต่างบอกว่าหยางเจ๋อหยวนและภรรยาของเขาทำเกินไป อีกทั้งยังติดใจรสชาติหม้อไฟที่ร้านของนางจึงพากันมาอุดหนุน แต่ทว่าข่าวลือที่ยังโหมกระหน่ำไม่หยุด นั่นก็คือเรื่องราวระหว่างจางเหยียนเหว่ยและไป๋เหมยเหม่ย

เพราะเหตุนี้เอง จางเหยียนเหว่ยจึงถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าวังหลวง 

ห้องทรงอักษร

“กลับเมืองหลวงมาหลายสิบวันแล้ว ใจคอเจ้าไม่คิดจะมาเยี่ยมเยือนข้าบ้างเลยหรือ”

จางเหยียนเหว่ยปรายตามองฮ่องเต้จางเหลียนไห่คราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

“ข้าไม่ชอบเข้าวังหลวงท่านก็รู้”

ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่งอย่างปลงไม่ตก ก่อนจะเอ่ย

"ได้ยินว่าเจ้ามีข่าวเล่าลือกับไป๋เหมยเหม่ย บุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋ อดีตฮูหยินน้อยของบุตรชายท่านราชครูหยางหรือ"

จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง เขาทิ้งกายลงนั่งตรงข้ามกับฮ่องเต้ ก่อนจะเอ่ยถาม

"เสด็จลุงนี่ช่างหูดียิ่งนักนะพ่ะย่ะค่ะ อยู่ในวังแท้ๆ แต่กลับรู้เรื่องของข้าได้"

ฮ่องเต้จ้องมองจางเหยียนเหว่ย ก่อนจะเอ่ย

"เจ้าเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ควรจะวางตัวให้ดี แม้นางจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวของสหายสนิทข้า แต่อย่างไรก็ไม่สมควร นางเคยเป็นภรรยาของหยางเจ๋อหยวน หากเจ้าข้องเกี่ยวกับนางมากเกินไปไม่ใช่เพียงจะไม่ส่งผลดีต่อเจ้า แต่ทว่าจะส่งผลเสียต่อนางด้วย สตรีในแคว้นของเรามีมากมายนัก คุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ย่อมมีให้เจ้าเลือกหลายตระกูล เจ้าอย่าข้องเกี่ยวกับนางให้เสียเกียรติอีกเลย นางเป็นสตรีหม้ายไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย!!!"

จางเหยียนเหว่ยเงยหน้าขึ้นไปมองเสด็จลุงของตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยัน

 “เป็นเชื้อพระวงศ์ควรจะวางตัวให้ดี ท่านกำลังสั่งสอนข้าหรือสั่งสอนตนเองกันแน่?"

ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่ได้ยินจางเหยียนเหว่ยย้อนถามเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้เอ่ยตอบอันใด จางเหยียนเหว่ยแค่นเสียงหัวเราะในลำคอคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ข้าจะชอบนางหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เสด็จลุงจะต้องเข้ามายุ่ง นางเป็นหม้ายแล้วเช่นไร ท่านก็รู้ว่าข้าแท้จริงแล้วเบื้องหลังก็ไม่ได้ดีไปกว่านางเลย"

"แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าคบหากับนาง ตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่งจวิ้นอ๋อง เจ้าไม่มีทางแต่งกับนางได้ แม้เจ้าจะไม่ใช่จวิ้นอ๋อง เจ้าก็แต่งไม่ได้!!!"

"ทำไมหรือ ที่ไม่ให้ข้ายุ่งกับนาง หรือเพราะท่านอยากเก็บนางเอาไว้ข้างกาย ไม่ดีกระมัง นางก็รุ่นลูกท่านแล้ว"

“จางเหยียนเหว่ย เจ้าอย่าเอ่ยวาจาเหลวไหล!!!”

“อย่ายุ่งเรื่องของข้า อย่าทำให้ระหว่างเราต้องแตกหักไปมากกว่านี้ ที่ข้ากลับมาที่เมืองหลวงเพราะต้องจัดการเรื่องครบรอบวันตายท่านพ่อท่านแม่ของข้า น้องชายและน้องสะใภ้ของท่านอย่างไรเล่า แท้จริงแล้วข้าไม่เคยอยากกลับมาเลยด้วยซ้ำ และไม่เคยอยากได้ตำแหน่งใดในราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย ตำแหน่งบัดซบที่แลกมาด้วยเรื่องราวน่ารังเกียจ ข้าไม่เคยต้องการมัน!!!”

"เหยียนเหว่ย!!! เหยียนเหว่ย เจ้าคนบัดซบผู้นี้คิดว่าข้าเอ็นดูเจ้ามากแล้วจะทำสิ่งใดก็ได้เช่นนั้นหรือ กลับมานะ!!!"

จางเหยียนเหว่ยไม่สนใจอีก เขาเดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ด้วยแววตาที่เรียบเฉย ระหว่างนั้นเขาได้พบกับ จางจิ้งเฉวียน พระโอรสเพียงองค์เดียวของฮ่องเต้ มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา จางจิ้งเฉวียนมีอายุสิบแปดปีเต็มแล้ว อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับไป๋เหมยเหม่ย อีกทั้งยังมีน้องสาวฝาแฝดนามว่าจางหนิงหนิงอีกด้วย สองคนนี้กำเนิดมาจากฮองเฮาองค์ปัจจุบัน

"ท่านพี่"

จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้จางจิ้งเฉวียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ถวายพระพรองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"

"ไม่ต้องมาเอ่ยวาจาห่างเหินกับข้าเช่นนี้เลย พูดจาปกติเถิด เราพี่น้องไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก"

จางจิ้งเฉวียนเอ่ยกับจางเหยียนเหว่ยอย่างสนิทสนม

"ท่านพี่ เสด็จพ่อเรียกท่านเข้าเฝ้าเรื่องที่ท่านมีข่าวคราวกับอดีตฮูหยินของหยางเจ๋อหยวน บุตรชายท่านราชครูใช่หรือไม่"

จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาจ้องมองจางจิ้งเฉวียน ก่่อนจะเอ่ย

"เจ้ารู้ได้เช่นไร"

"เอ่อ ข้าแอบออกไปเที่ยวนอกวังหลวงมา"

จางเหยียนเหว่ยใช้กำปั้นชกเข้าไปที่ท้องน้อยของจางจิ้งเฉวียนคราหนึ่งอย่างหยอกเย้า ก่อนจะเอ่ย

"เดี๋ยวนี้รู้จักหนีเที่ยวแล้วหรือ?"

"ข้าเติบโตแล้วย่อมต้องออกไปท่องเที่ยวบ้าง อยู่แต่ในวังหลวงเบื่อจะตาย ท่านไม่บอกเสด็จพ่อก็ไม่รู้ ในเมื่อท่านพี่กลับมาแล้ว คราวหลังเรานัดกันออกไปดีหรือไม่ ท่านพี่ ข้าได้ยินว่ามีร้านหม้อไฟเปิดใหม่ มีผู้คนแวะเวียนไปกินจนร้านแน่นขนัด เขาเล่าลือกันว่าเป็นร้านของสตรีหม้ายผู้งดงามที่ถูกสามีหย่า อดีตฮูหยินน้อยของบุตรชายท่านราชครูอย่างไรเล่า ข้าอยากไปลองลิ้มชิมรสแล้วดูหน้านางว่าจะงดงามสมคำเล่าลือหรือไม่ หลังจากกินอิ่มแล้ว เราไปดื่มสุราที่จวนอ๋องของท่านดีหรือไม่"

"ด้านนอกอันตราย เจ้าไม่ควรออกไป"

"โธ่ท่านพี่ ยามนี้ไร้สงครามแล้วมิใช่หรือ"

“เจ้าจะประมาทไม่ได้”

“ก็ได้ๆ ข้าเข้าใจแล้ว”

จางจิ้งเฉวียนอยู่สนทนากับจางเหยียนเหว่ยต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวจากไป จางเหยียนเหว่ยเองเมื่อออกจากวังหลวงก็มุ่งหน้าไปที่โรงน้ำชาของตนในทันที เมื่อเข้ามาถึงก็มองไปที่ร้านหม้อไฟของไป๋เหมยเหม่ย พบว่ายามนี้คนเข้าร้านนางไม่ขาดสาย เรื่องราวเมื่อวานนี้ไม่ได้ส่งผลต่อนางมากนัก เขาจ้องมองไป๋เหมยเหม่ยที่ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตน พร้อมกับยิ้มแย้มให้ลูกค้าคราหนึ่ง ก่อนจะละสายตาไปจากนางแล้วเดินตรงเข้าไปยังห้องใต้ดินที่อยู่ชั้นล่างสุดของโรงน้ำชาทันที

ห้องใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างเอาไว้นานมากแล้ว ยามที่เขายังวัยเยาว์รู้สึกทุกข์ใจหรือไม่สบายใจเขามักจะมาเก็บตัวอยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้คือสถานที่เดียวที่ทำให้เขาปลีกตัวหลบซ่อนตัวตนจากโลกภายนอกได้อย่างสงบใจ

ทุกคราที่ถูกท่านพ่อตีและท่านแม่ดุด่า เขาก็มักจะมาหลบอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้เพียงลำพัง

การที่เขาไม่ไปพบฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จลุงของตน ก็เพราะไม่อยากสะกิดรอยแผลเป็นในใจของตนให้อักเสบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้พบกันคล้ายว่าเรื่องราวในอดีตหนหลังจะหวนกลับมาอีกครา ทำให้โรคทางใจของเขามันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

จางเหยียนเหว่ยล้วงมือหยิบมีดสั้นในแขนเสื้อขึ้นมา ดวงตาของเขาเลื่อนลอยราวกับคนไร้สติ ก่อนจะจ้องมองมีดในมือของตนราวกับมันคือของเล่นชิ้นโปรด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   ตอนพิเศษ

    งานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ร่วมเดือนแล้ว ยามนี้จางเหยียนเหว่ยเข้ามาอยู่ที่จวนของไป๋เหมยเหม่ยอย่างเต็มตัวในฐานะบุตรเขยแล้ว เขาไม่ได้กลับไปพักที่โรงน้ำชาอีกเมื่อแต่งงานกันกิจการต่างๆ ของเขาก็ยกให้ไป๋เหมยเหม่ยทั้งหมด ไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นของตนเลยแม้แต่น้อย มีคราหนึ่งเขาออกเดินทางไปที่นอกเมืองหลวง พบสตรีน้อยนางหนึ่งมาบอกรักเขา บอกว่ายินดีจะเคียงคู่เป็นภรรยาของเขาไปชั่วชีวิต เขากลับตอบเพียงว่า“ขออภัยด้วย เงินข้าอยู่กับภรรยาหมดแล้ว ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเจ้าหรอก ลำพังตัวข้าเองยังต้องขอเงินนางเลย เจ้าไปหาสามีคนอื่นเถิด ข้าจนมากทุกวันนี้ยังอาศัยบ้านภรรยาอยู่เลย”สตรีน้อยนางนั้นรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางมองเขาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ไม่เสื่อมคลายจางเหยียนเหว่ยคร้านจะสนใจสิ่งใดอีก วันนี้เขาไปพบท่านแม่มาและนำยาบำรุงไปให้นาง หน้าตาท่านแม่ดูสดใสขึ้นมาก อีกทั้งยังบอกให้เขารีบมีหลานเร็วๆ จางเหยียนเหว่ยเพียงยิ้ม ก่อนจะรีบกลับจวนมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที ระหว่างนั้นเขาพบกับไป๋กู้ชวนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว ได้ยินว่าระยะหลังมานี้เขามักสนใจการทำอาหารเป็นอย่างมากในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากทักไป๋กู้ชวนอยู

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 44 บทส่งท้าย

    จางเหยียนเหว่ยเดินมาพร้อมกับไป๋เหมยเหม่ย ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้าก็พลันเห็นฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่กำลังเดินลงมาจากรถม้า ชายชราชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองคนทั้งสองด้วยแววตาที่วูบไหวจางเหยียนเหว่ยไม่เอ่ยสิ่งใด อีกทั้งยังไม่คิดจะบอกเรื่องราวของท่านแม่ให้คนผู้นี้ได้รับรู้ คนเช่นเขานี่คือการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว ให้เขาคิดว่าท่านแม่ตายไปแล้ว จมอยู่กับความทุกข์ใจของตนไปเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยฮ่องเต้จางเหลียนไห่เพิ่งกลับมาจากที่ฝังศพของหลัวหลินฮวา คิดจะแวะมาไหว้พระที่วัดไป๋หวา แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุตรชายของตนเข้า ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม"อาเหยียน"ฮ่องเต้จางเหลียนไห่เอ่ยเรียกบุตรชายตนอย่างอ่อนโยน จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่คิดว่าคนเช่นท่านจะเข้าวัดด้วย คิดจะมาสนทนาธรรมหรือสารภาพบาปกันเล่า"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกแขนเสื้อจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่งพลางส่งสายตาห้ามปรามเขา ฮ่องเต้จางเหลียนไห่คร้านจะใส่ใจคำพูดประชดประชันของลูกชายตน จึงเอ่ยตอบ"เจ้าจะแต่งงานแล้วนี่ ไม่คิดบอกข้าสักคำหรือ""ไม่จำเป็น ข้าจัดงานเองไ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 43 พบกันอีกครา

    เรือนหลังหนึ่งท้ายวัดไป๋หวายามนี้แม่นมหลัวกำลังพาจางเหยียนเหว่ยและไป๋เหมยเหม่ยมาที่เรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังวัดไป๋หวา เรือนหลังนี้ค่อนข้างเล็ก เขามองไปโดยรอบก่อนจะครุ่นคิดเหตุใดเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ามีเรือนเช่นนี้อยู่ในวัดไป๋หวาด้วย"พระชายาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มือสั่นเทาไม่น้อย เขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ยื่นมือไปเปิดประตูบานนั้นออก ความกลัวเริ่มปกคลุมในจิตใจ เขาเกรงว่าหากเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วพบกับท่านแม่ นางจะรังเกียจเขาหรือไม่ นางจะด่าทอทุบตีเขาหรือไม่ระหว่างทางที่มาแม่นมหลัวเล่าว่าในวันที่ท่านแม่ป่วยตายนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น ท่านแม่ให้แม่นมหลัวไปหายาชนิดหนึ่งมา ยานั้นหากกินเข้าไปแล้วจะหลับสนิท ไร้ลมหายใจราวกับตาย ต้องรีบใช้ยาแก้ภายในสองชั่วยาม มิเช่นนั้นจะตายจริงๆเขาเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่าเพราะเหตุใดแม่นมหลัวจึงเร่งให้นำศพของท่านแม่ไปฝัง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดตามความเป็นไปของท่านแม่อีก ไม่ได้รับรู้ว่าคนของท่านแม่แยกย้ายไปอยู่ที่ใดกันบ้างหลังจากนำศพไปฝัง แม่นมหลัวก็นำคนที่ไว้ใจได้มาขุดหลุมศพและช่วยท่า

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 42 แม่นมหลัว

    จางเหยียนเหว่ยที่กลับมาถึงเมืองหลวงก็รีบมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที เมื่อได้พบนางอีกคราเขาก็ปวดใจไม่น้อย คล้ายว่านางจะผอมลงไปมาก"เหมยเหม่ย""เหยียนเหยียน"เขารีบสั่งให้คนเปิดประตูคุกหลวงออก ก่อนจะรีบโผเข้าไปกอดนางทันที ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นว่าจางเหยียนเหว่ยกลับมาแล้วก็ดีใจจนร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กน้อย "ท่านกลับมาแล้ว ฮึก ข้ากลัวมากเลย มีแต่คนมารังแกข้า ฮือ"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดเหลือเกิน เขาไม่ได้บอกแผนการนี้กับนาง ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เพราะว่าอะไรน่ะหรือ ก็เพื่อความปลอดภัยของนาง หากนางยังอยู่สุขสบาย คนตระกูลฟ่านย่อมไม่มีทางตายใจจนโผล่หางตนออกมา อีกทั้งยังอาจส่งคนมาลอบสังหารและทำร้ายนางกับครอบครัวอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะนาง ก่อนจะเอ่ย"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้านะ"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผละออกจากเขาทันที จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้นางก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งโมโหทั้งดีใจในคราเดียวกัน"ท่านไม่บอกข้า!!! ข้าจะตีท่าน""ตีเลย ตีเลย ขอเพียงเจ้าหายโกรธข้าก็พอ"ไป๋เหมยเหม่ยยิ้ม

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 41 จุดจบฟ่านกุ้ยอิง

    วันคืนผ่านไปเช่นนี้คืนแล้วคืนเล่า ไป๋เหมยเหม่ยไม่อาจรับรู้ข่าวคราวจากภายนอกได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว จวบจนคืนหนึ่งที่ฟ่านเหลียนมาพบกับนาง เขาสั่งให้คนเปิดประตูห้องขังออก ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหานาง ฟ่านเหลียนจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ย"เป็นเช่นไรบ้างเล่าน้องเหมยเหม่ย รู้สำนึกแล้วหรือยัง หากว่าเจ้าเลือกข้าตั้งแต่วันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องพบจุดจบเช่นวันนี้ เมื่อใดที่หลักฐานว่าบิดาและพี่ชายเจ้ายอมมอบข้อมูลทางการทหารให้แคว้นเซียวชัดเจน เจ้าจะถูกประหารทั้งตระกูล เฮ้อ!!! น่าเสียดายความงามของเจ้ายิ่งนัก"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ทำราวกับไม่สนใจคำพูดของฟ่านเหลียน ฟ่านเหลียนที่เห็นว่านางยังคงเฉยชาก็เริ่มมีโทสะ เขายื่นมือไปบีบคอของนาง ก่อนจะเอ่ย"อย่าอวดเก่งให้มากนัก!! ข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้า หากเจ้ายอมเป็นของเล่นของข้าและจางหลิงหยาง ข้ารับรองว่าจะหาทางช่วยเจ้า เป็นเช่นไร ข้อเสนอดีหรือไม่ รีบตัดสินใจเสียสิ เจ้าจะได้บุรุษมาครอบครองทีเดียวสองคนเลยนะ ไม่ดีหรือ อ้อ หรือว่าเจ้าจะรอว่าที่สามีใหม่ที่เป็นถึงท่านอ๋องมาช่วย โอ้ว เขาจะมาทันหรือ ยามนี้จะตายอยู่ในสนามรบ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 40 ถูกจับ

    ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ด้านจางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบหันมามองไป๋เหมยเหม่ยในทันที"เรารีบไปดูกันเถิด"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนตระกูลไป๋พร้อมจางเหยียนเหว่ยในทันที เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้จวนตระกูลไป๋ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เหล่าทหารจากวังหลวงยามนี้กำลังบุกเข้าไปในจวน ก่อนจะจับตัวคนในจวนออกมาทั้งหมด"ท่านแม่ กู้ชวน!!!"ไป๋เหมยเหม่ยร้องเรียกไป๋ฮูหยินและไป๋กู้ชวนที่ยามนี้ถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนเหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนถูกกักบริเวณไม่สามารถออกไปที่ใดได้ จางเหยียนเหว่ยจ้องมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย"ผู้ใดสั่งให้เจ้าบุกมาจับคนเช่นนี้ คำสั่งฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ""ท่านอ๋องโปรดวางใจ หากการตรวจสอบพบว่าคนตระกูลไป๋บริสุทธิ์ ย่อมถูกปล่อยตัวในเร็ววัน"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงปรายตามองไปที่ด้านหน้าตนคราหนึ่ง พบว่าเป็นเสนาบดีฟ่านฉีนั่นเอง เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม"เสด็จลุงส่งท่านมาหรือ"เสนาบดีฟ่านฉียิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เป็นรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านอ๋องคิดจะขัด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status