เช้าวันเสาร์กัญญาวีร์ก็มารับกชณิชาที่หอพักจากนั้นก็พากันไปยังโมเดลลิ่งของพี่พลอยใสซึ่งเป็นโมเดลลิ่งที่เธอทั้งสองเคยทำงานตั้งตอนที่ยังเป็นนักศึกษา แต่พอเรียนจบเธอและกัญญาวีร์ก็ไม่ได้รับงานพริตตี้อีกเลย
เมื่อทั้งสองไปถึงพี่พลอยใสก็กำลังคุยธุระอยู่กับแขกคนอื่นอยู่ในห้องทำงาน หญิงสาวเลยนั่งรออยู่ด้านนอกซึ่งตอนนี้ก็มีพริตตี้หลายคนมานั่งเล่นอยู่ เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นโมเดลลิ่งที่คอยจัดหาพริ้ตตี้แล้วยังเป็นที่พักผ่อนสำหรับนักศึกษาที่ไม่รู้จะไปไหนในช่วงวันหยุดอีกด้วย
เสียงคุยกันอย่างสนุกสนานของเด็กสาววัยรุ่นทำให้กชณิชาอดนึกถึงอดีตของตนเองไม่ได้เธอมาทำงานเป็นพริตตี้ให้กับโมเดลลิ่งนี้นานถึงสามปีก่อนจะเลิกไปเมื่อหนึ่งปีก่อน รายได้ที่ตนเองได้จากงานนี้ก็พอให้ส่งเสียตนเองจนเรียนจบเพราะจะพึ่งพาแค่มารดาก็คงไม่ได้ท่านยังมีภาระรับผิดชอบกับครอบครัวใหม่อีกมาก
เมื่อแขกของพี่พลอยใสออกจากห้องไปแล้วกชณิชาก็ถามน้องที่นั่งอยู่หน้าห้องว่ามีใครจะเข้าพบพี่พลอยใสอีกไหม เมื่อทุกคนปฏิเสธทั้งสองคนจึงเคาะประตูและเปิดเข้าไป
“สวัสดีค่ะพี่พลอย/สวัสดีค่ะพี่พลอย” กัญญาวีร์และกชณิชายกมือไหว้พี่พลอยใสพร้อมกัน
“อ้าว กัญ เกรซ สวัสดีจ้ะ นึกยังไงมาหาพี่ได้ เงียบหายไปนานเลยนะ”
“พี่พลอยสบายดีมั้ยคะ” กัญญาวีถามก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน
“สบายดีจ้ะแล้วกัญกับเกรซล่ะ เป็นยังไงกันบ้างตอนนี้ทำงานกันแล้วใช่ไหม”
“ค่ะพี่พลอยเราสองคนเรียนจบและทำงานประจำแล้วค่ะ” กรณิชาตอบบ้าง
“พี่นึกเสียดายจริงๆ เลยนะทั้งสองคนทำงานได้ดีมากน่าจะแบ่งเวลามาช่วยงานพี่บ้าง”
“เกรซเห็นเด็กหน้าห้องของพี่พลอยก็เยอะแยะเลยนะคะ”
“เด็กของพี่เยอะก็จริงแต่หาเด็กที่ทำงานคล่องๆ ยากและบางคนก็มาทำเพราะอยากสนุกบางคนก็มาทำตามเพื่อน” พลอยใสทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะเด็กที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่
“พี่พลอยคะแล้วถ้าเกิดเกรซและกัญจะมาทำงานที่นี่ล่ะยังพอมีงานให้คนอายุมากทำไหมคะ”
“อายุมันเกี่ยวกันที่ไหนล่ะ เกรซกับน่ะหน้ายังเหมือนเด็กอายุสิบแปดอยู่เลยแล้วพูดเล่นหรือพูดจริงล่ะเรื่องจะมาทำงานที่นี่”
“เกรซพูดจริงค่ะพี่ตอนนี้ต้องการเงินด่วนมากๆ”
“ด่วนขนาดไหนกันล่ะ เดือนนี้พี่ก็คงไม่มีงานให้เราสองคนหรอกถ้าจะมีอีกทีก็น่าจะต้นเดือนหน้านะ”
“ต้นเดือนหน้าก็ได้ค่ะ”
“แล้วต้องการใช้เงินมากแค่ไหน ยืมพี่ไปก่อนก็ได้นะ” เพราะเด็กสองคนนี้สนิทสนมกับเธอมากพลอยใสจึงเสนอเงินให้ก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่พลอยเงินที่เกรซต้องใช้มันมากจริงๆ”
“แต่ถ้าพี่พลอยให้ยืมก็น่าสนใจดีนะเกรซ”
“แล้วมันเท่าไหร่กันและเกรซ”
“สองแสนค่ะพี่พลอย”
“อะไรนะเกรซ” พลอยใสจะตกใจกับจำนวนเงินที่ได้ยิน
“ทำไมมันมากมายขนาดนั้นล่ะ เกรซจะเอาเงินไปทำอะไร”
“พ่อเลี้ยงของเกรซเป็นหนี้เสี่ยที่บ่อนสองแสนแล้วต้องรีบเอาเงินไปคืนเสี่ยภายในหนึ่งเดือน”
“ตายล่ะ แล้วเกรซจะหาเงินได้สองแสนในหนึ่งเดือน ต่อให้รับงานทุกวันมันก็ไม่ได้หรอกนะ”
“ตอนนี้เกรซมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งค่ะคิดว่าทำงานแล้วได้เงินอีกสักก้อนรวมกับเงินเก็บแล้วจะไปคุยกับเจ้าของบ่อนจากนั้นจะขอผ่อนผันเขาค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่จะผ่อนหมดก่อนล่ะ พี่ก็มีเงินไม่เยอะด้วยสิ”
“เราสองคนก็เลยมาของานพี่ไงคะ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรเราสองคนรับหมดค่ะขอแค่เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็พอ”
“พี่จะรีบหางานให้ก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่พลอยเกรซก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว จะไปทำงานอย่างอื่นก็ไม่เคยทำมาก่อน”
“อันที่จริงมันก็พอมีงานที่ได้เงินเยอะนะ”
“งานอะไรคะพี่พลอย” กชณิชาตาโตตอนนี้ไม่ว่างานอะไรหญิงสาวก็จะต้องรับหมดเพราะกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะเอาเธอไปขายให้เสี่ยเจ้าของบ่อนจริงๆ
“พี่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงนะ งานแบบนี้บางคนเขาก็ไม่รับมันอาจจะเป็นงานที่เสียศักดิ์ศรีสักหน่อยนะ” พลอยใสรู้ว่าอดีตเด็กในสังกัดของเธอสองคนนี้ไม่เคยรับงานแบบนั้นเลยและก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
“พี่พลอยกำลังหมายถึงการส่งเด็กไปเอ็นเตอร์เทนใช่ไหมคะ”
“กัญเข้าใจถูกแล้วแหละ แต่มันไม่ใช่แค่การเอ็นเตอร์เทนการชงเหล้าอย่างเดียวมันพ่วงด้วยกันนอนกับแขก เราสองคนคงไม่เหมาะที่จะทำงานแบบนี้หรอกเพราะตอนนี้ก็มีงานทำกันหมดแล้ว”
“พี่พลอยคะงานแบบนี้เงินมันดีจริงเหรอคะ” กชณิชาถามด้วยความสนใจ
“จริงสิหน้าตาสวยๆ อย่างกัญและเกรซน่ะคงมีแขกยินดีจ่ายครั้งหนึ่งก็น่าจะหลักหมื่น”
“เกรซต้องออกไปกับแขกยี่สิบคนถึงจะได้เงินสองแสนใช่ไหมคะ”
“ก็ประมาณนั้นแต่มันก็ไม่แน่หรอกนะก็มีเด็กบางคนที่ลูกค้าเขาถูกใจและผูกปิ่นโตประจำเด็กพวกนั้นจะได้ค่าใช้จ่ายเดือนหนึ่งก็เหยียบห้าหมื่น”
“เดือนละห้าหมื่นก็ยังไม่พอใช้หนี้อยู่มีใครพอจะให้หนูสองแสนในครั้งเดียวเลยไหมคะ”
“เกรซอย่าบอกนะว่าจะทำงานแบบนั้น กัญว่าเราหาทางอื่นดีกว่า”
“หาทางอื่นแล้วเมื่อไหร่เราจะได้เงินล่ะ”
“อย่าเอาตัวเองไปแลกกับเงินเลยมันไม่คุ้มกันหรอกนะ”
“ถ้าเกรซไม่ทำวันหนึ่งพ่อเลี้ยงของก็ต้องพาไปส่งให้เสี่ยนั่นถึงตอนนั้นเกรซก็คงเลี่ยงไม่ได้ เกรซรู้ว่ากัญเป็นห่วงนะไม่อยากให้ไปทำงานแบบนั้น”
“เกรซพี่ว่าหนูลองคิดดูดีๆ ก่อนนะ หนูทำงานประจำแล้วการออกไปกับแขกถ้าเกิดฝ่ายบุคคลรู้พี่ว่าหนูอาจจะโดนให้ออก”
“ไม่มีใครรู้หรอกค่ะตอนอยู่ที่บริษัทเกรซไม่ได้แต่งตัวแบบนี้เกรซใส่แว่นกรอบดำแล้วก็รวบผมผูกโบใส่เน็ตเหมือนป้าแก่ๆ คนหนึ่ง”
“คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะรับงานแบบนั้น”
“เกรซอยากเอาเงินให้พ่อเลี้ยงแล้วจากนี้ก็จะจบกันสักที”
“แล้วพ่อของหนูจะไม่ไปสร้างหนี้ที่อื่นอีกเหรอ”
“ไม่แล้วค่ะ เพราะแม่กับเขาตกลงกันแล้วถ้าครั้งนี้เกรซช่วยเขาให้หนี้เขาจะหย่ากับแม่ค่ะ”
“ถ้าตัดสินใจดีแล้วพี่จะลองติดต่อดูให้ก็แล้วกันนะว่ามีใครสนใจไหมแต่มันคงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกถ้าได้เรื่องยังไงพี่จะไลน์ไปบอกก็แล้วกันนะ ทิ้งไลน์กับเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้พี่ด้วยนะ พี่ไม่รู้ว่ายังมีไลน์ของเราสองคนอยู่ไหม”
“ขอบคุณมากนะคะพี่พลอยเกรซคิดว่าคงได้รับข่าวดีนะคะ”
“พี่ก็ไม่กล้ารับปากเหมือนกันนะ จำนวนเงินมันเยอะมากๆ ไม่รู้ว่ามีใครเขาจะยอมจ่ายไหม”
“พี่พลอยค่ะ เกรซยังไม่เคยนอนกับใคร ถ้าเขายอมจ่ายเขาก็จะเป็นคนแรกของเกรซค่ะรับรองได้เลยว่าไม่ย้อมแมวขายแน่นอน”
เกือบสองเดือนแล้วที่ธามนิธิไม่ได้ข่าวคราวของกชณิชาเลย เขาไม่รู้จะไปตามหาเธอที่ไหนเพราะไม่รู้จักเพื่อนหรือครอบครัวของหญิงสาวเลย ในทุกวันจึงได้แต่หวังว่าจะบังเอิญเจอกับเธอที่ไหนสักแห่งชายหนุ่มไปยังร้านอาหารที่เคยพาหญิงสาวไปทาน บางครั้งก็ไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยพาเธอไปเดินซื้อของแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาธามนิธิไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับตัวหญิงสาวเลยสักนิดชายหนุ่มให้คุณสุจิตราติดต่อไปที่โมเดลลิ่งแต่ก็ทางโมเดลลิ่งก็บอกว่าหญิงสาวไม่ได้ติดต่อมาที่นี่นานแล้วชายหนุ่มได้เบอร์โทรศัพท์ของกัญญาวีร์มาจากโมเดลลิ่งเขาโทรไปถามเธอแต่กัญญาวีร์ก็บอกว่าเธอเองก็ไม่ได้เจอกับกชณิชานานแล้วเหมือนกันเขาไม่รู้เลยว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างเธอจะทำงานที่ไหน มีชีวิตที่สุขสบายดีหรือเปล่าและจะคิดถึงเขาบ้างไหม ส่วนตัวเขาเองนั้นไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงเธอวันนี้เขารู้สึกเซ็งสุดขีดเนื่องจากเพื่อนสนิทอย่างภากรและณัฐวิทย์ไม่ว่างทำให้เขาต้องออกมานั่งดื่มที่ผับแห่งนี้ตามลำพังธามนิธิเลือกที่จะนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์แทนการขึ้นไปนั่งบริเวณโซนวีไอพีชั้นสองอย่างเคยเพราะขึ้นไปนั่งบนนั้นคนเดียวก็รู้สึกเหงา ชายหนุ่มนั่งดื
ธามนิธิรู้เรื่องลาออกของกชณิชาก็ตกใจเป็นอย่างมากเขารีบโทรศัพท์มาคุยกับเธอทันทีเมื่อทราบเรื่อง“ผมว่าเราต้องคุยกันนะเกรซว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเกรซต้องลาออกด้วย”“คุณธามยังจะต้องถามเกรซอีกเหรอคะ คุณก็น่าจะรู้ว่าทำไมเกรซถึงต้องลาออก”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ”“คุณอย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องเลยนะคะ เกรซรู้หมดแล้วว่าคุณมีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า”“ผมขอโทษที่ไม่บอก ผมไม่คิดว่ายุ้ยจะกลับมาเร็วแบบนี้”“คุณรู้มาตลอดว่าคุณมีคู่หมั้นแต่คุณก็มาขอคบกับเกรซ เกรซคงเป็นแค่ผู้หญิงคั่นเวลาสำหรับคุณใช่มั้ยคะ”“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะเกรซ”“คุณธามไม่คิดแล้วทำไมถึงมาขอคบกับเกรซทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วล่ะคะ”“มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะเกรซ”“แล้วมันเป็นแบบไหนคะ”“ที่ผมบอกคุณว่าจะบอกทุกคนเรื่องของเราในงานปีใหม่ผมพูดจริงนะเกรซจากนั้นผมก็จะบอกคุณพ่อคุณแม่ให้ยกเลิกการหมั้นระหว่างผมกับยุ้ย”“แต่มันก็สายเกินไปแล้วค่ะคุณธาม ตอนนี้คุณสองคนกำลังจะแต่งงานกันแล้วจะให้เกรซทนทำงานอยู่ในบริษัทได้ยังไงคะ”“แล้วคุณจะไปทำงานที่ไหนล่ะเกรซ เอาอย่างนี้ดีมั๊ยคุณไม่ต้องทำงานเลยผมจะให้เงินเดือนคุณเอง ผมจะให้คุณอยู่ที่คอนโ
บ่ายนี้กชณิชาไม่มีสมาธิทำงานเลยสักนิดแต่เธอก็พยายามเคลียร์งานตรงหน้าให้เสร็จทันตามเวลาหญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามธามนิธิว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเลยสักครั้ง เมื่อวานชายหนุ่มเพิ่งพูดว่าจะบอกคนอื่นเรื่องที่คบกับเธอในงานปีใหม่ แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็มีเรื่องคู่หมั้นของเขามาให้เธอได้ยินกชณิชาอยากโทรศัพท์ไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่คิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบอย่างแน่นอนหญิงสาวเลยคิดจะไปดักรอเขาที่ลานจอดรถเมื่อถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็ไปยืนแอบอยู่ที่เสาต้นใหญ่ใกล้รถของธามนิธิและคิดว่าเมื่อเขามาถึงเธอจะเข้าไปถามเขาให้รู้เรื่อง หญิงสาวรอด้วยหัวใจที่เต้นแรงและหวังว่าเรื่องที่วนิดาได้ยินมามันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเธอยืนแอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ประมาณสิบนาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางลานจอดรถ ตอนนี้เหลือเพียงแค่รถของธามนิธิเพียงคันเดียวเท่านั้นเธอกำลังจะก้าวขาออกมาแต่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดเขามาเสียก่อน“พี่ธามคะคุณแม่บอกว่าวันเสาร์นี้เราต้องไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งด้วยกันนะคะพี่ธามว่างไหมคะ”“ไม่ว่างก็ต้องว่างนั่นแหละ แล้วยุ้ยล่ะโอเคไหมสำหรับงานแต่งงาน”“โอเคค่ะ สำหรับ
เพราะตนเองก็มีใจให้กับธามนิธิอยู่แล้วกชณิชาจึงใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นาน เพียงหนึ่งสัปดาห์ที่เธอเห็นถึงความพยายามของเขาที่ทั้งโทรศัพท์มาหาและตามรับส่ง หญิงสาวก็ยอมตกลงคบกับเขาการคบกันครั้งนี้ไม่มีเรื่องเงินหรือสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ทั้งสองก็ยังไม่บอกให้ใครรู้แม้กระทั่งคุณสุจิตราเลขาของชายหนุ่มเองก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับกชณิชาเลยเพราะเธอเองก็ชอบที่จะอยู่เงียบๆ แบบนี้หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าสถานะของตนเองกับธามนิธินั้นจะคบกันได้นานแค่ไหนเธอรู้แค่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากธามนิธิเอาใจเธอทุกอย่างและเธอเองก็ตามใจเขาในทุกๆเรื่องรวมถึงเรื่องบนเตียงซึ่งทั้งสองก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี เธอกับเขาใช้เวลาในทุกๆ วันด้วยกันอย่างมีความสุขตอนนี้กชณิชาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งเดิมแล้วโดยที่ธามนิธิก็ย้ายของใช้ของตนเองเข้ามาอยู่กับเธอด้วยหญิงสาวรู้ว่าเขาเองก็มีคอนโดมิเนียมอีกแห่งหนึ่งแต่เธอก็ไม่เคยถามหรืออยากจะไปที่นั่นเพราะเข้าใจดีว่าเขาก็อาจจะอยากมีโลกส่วนตัวเหมือนกับเธอที่ถึงแม้จะย้ายมาอยู่กับเขาได้เดือนกว่าแล้วแต่ก็ยังคงเช่าหอพักไว้อย่างเดิมและมักจะแวะไปทำความสะอาดอยู่บ่อยๆใ
ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ธามนิธิไม่ได้เจอกชณิชา เขาเว้นระยะเพราะคิดว่าถ้าห่างจากเธอแล้วความรู้สึกของตนเองจะชัดเจนขึ้นและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆตอนนี้เขารู้ใจตัวเองแล้วว่าความรู้สึกที่มีให้กับกชณิชานั้นมันมากกว่าคู่นอนและอาจจะเรียกว่ารักเลยก็ได้ ธามนิธิไม่อยากชักช้าอีกต่อไปเขาคิดว่าจากนี้จะจัดการทุกอย่างไปตามที่หัวใจตนเองต้องการชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหากชณิชาแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสายเขาจึงใช้โทรศัพท์ภายในโทรไปที่โต๊ะทำงานของเธอ“สวัสดีค่ะแผนกธุรการค่ะ” กชณิชารับสาย“เกรซผมเองอย่าเพิ่งวางสายนะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”“เกรซไม่มีเรื่องจะคุยอะไรกับคุณหรอกนะคะ”“แต่ผมมี”“คุณธามคะนี่มันเป็นเวลางานเกรซขอทำงานก่อนนะคะ” หญิงสาวกระซิบเพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมงานจะได้ยินว่าเธอคุยกับใคร“เกรซถ้าคุณไม่ยอมคุยกับผม ผมจะไปหาคุณที่แผนกนะ” ธามนิธิขู่เสียงเข้ม“อย่านะคะ” หญิงสาวตกใจเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาหาที่แผนกตามที่พูดจริงๆ“ถ้าไม่อยากให้ผมไปหาคุณที่แผนกเย็นนี้เจอกันหน่อยได้ไหม”“แต่.....”“ไม่มีแต่นะเกรซครั้งนี้ผมขอสั่งคุณในฐานะเจ้าของบริษัทก็แล้วกัน คุณไปเจอผมร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมที่เราเคยไปด้วยกัน
ธามนิธิรู้สึกโกรธและโมโหมากที่กชณิชาไม่ยอมทำตามข้อเสนอของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เธอยอมทำสัญญากับตนเองอีกครั้ง ครั้นจะไปบังคับเธอก็ไม่ใช่นิสัยของเขาหรือจะไปขอร้องเธอก็กลัวเสียศักดิ์ศรีวันนี้เขารู้สึกเบื่อๆ จริงออกมานั่งดื่มกับเพื่อนที่ผับประจำของพวกเขา“ว่าไงวะหายไปนานเลยวันนี้ไม่พาน้องเกรซมาด้วยเหรอ” ภากรทักทายเพื่อนเป็นคนแรก“จะพามาได้ยังไงล่ะตอนนี้หมดสัญญาแล้ว”“สามเดือนนี่ไวเหมือนกันนะ แล้วผู้หญิงคนต่อไปล่ะเป็นใครพามาให้เพื่อนรู้จักนะจะได้ไม่ทับทางกัน” ณัฐวิทย์พูดอย่างอารมณ์ดี เขารู้ว่าเพื่อนมักจะขาดผู้หญิงไม่ได้เมื่อคนเก่าครบสัญญาเขาก็จะหาคนใหม่มาทำสัญญาทันที“ตอนนี้เบื่อว่ะฉันยังไม่อยากได้ผู้หญิงคนใหม่”“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำว่าเบื่อออกมาจากปากนายนะธาม”“ก็มันเบื่อจริงนี่กร”“แต่ท่าทางนายเหมือนคนอกหักเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า” ภากรสังเกตว่าวันนี้เพื่อนของตนไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม“นิดหน่อยน่ะ”“มันเรื่องอะไรเหรอธาม ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้เลย”“นายว่าเกรซเป็นยังไงล่ะณัฐ”“เท่าที่ได้เจอกันสองสามครั้งฉันก็ว่าเธอเป็นคนน่ารักดีนะหรือที่ยังไม่ยอมมีคนใหม่เพราะเกิดต