Share

บทที่ 4 สามีโดยบังเอิญ

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
ถูซินเยว่ลูบท้องแล้วมองไปที่โต๊ะ บนโต๊ะไม้เก่ามีชามวางอยู่สองใบ ในชามเต็มไปด้วยโจ๊กผักกาด และมีเศษไข่ตีแตกลอยอยู่ข้างบน ดวงตาของเธอเป็นประกาย เลียแผลบที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว

นางหยูยิ้ม "ซินเยว่ ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าก็นั่งลงกินด้วยกันเถอะ"

ดวงตาของถูซินเยว่เป็นประกายขึ้นอีกครั้ง มองดูนางหยูด้วยความซาบซึ้ง คิดไม่ถึงว่านางหยูที่ดูขี้ระแวดระวังจะมีจิตใจดีงามเช่นนี้ที่ตระเตรียมอาหารไว้ให้เธอด้วย เธอรีบหยิบชามขึ้นมา เนื่องจากมีซูจื่อหังอยู่ข้าง ๆ เธอจึงเคลื่อนไหวด้วยความสงบเสงี่ยมกว่าเดิมมาก

นางหยูเห็นว่าเธอเป็นคนสติไม่ดี จึงไม่ได้คำนึงถึงถูซินเยว่ขณะที่พูดคุยกับซูจื่อหัง เธอเช็ดมือด้วยผ้ากันเปื้อนมันเยิ้ม ใบหน้าเศร้าหมอง "จื่อหัง อย่าหาว่าแม่พูดมากเลยนะ แต่แม่ว่าเรื่องแต่งงานระหว่างเจ้ากับหมิงซวนคงเป็นไปไม่ได้แล้ว หมิงซวนพักอยู่บ้านตระกูลเหลียงแล้วทั้งคืน ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง ซินเยว่ในสภาพนี้ ตระกูลเหลียงเองก็รังเกียจมานาน ได้ตัวหมิงซวนไปดูท่าว่าก็คงกำลังดีใจกันอยู่ มีแต่เจ้านี่แหละที่น่าสงสาร..."

ถูซินเยว่หูผึ่ง

ซูจื่อหังเงยหน้าขึ้นสีหน้าเรียบเฉย "ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ลูกไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งงานในตอนนี้"

"ไม่ได้นะ!" นางหยูส่ายหน้าแล้วพูดว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะเดินทางไปสอบที่เมืองหลวงแล้ว หากไม่รีบแต่งงานตอนนี้ ต่อไปอายุมากขึ้นจะทำยังไง?" ในขณะที่เธอพูดเช่นนั้นก็เหลือบมองถูซินเยว่ด้วยความลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ถูซินเยว่รีบเงยหน้าขึ้นแสยะยิ้มโง่ ๆ ให้อีกฝ่าย นางหยูชะงัก ถอนหายใจอย่างจนปัญญา "ถ้าซินเยว่ไม่ใช่คนสติไม่สมประกอบ การแต่งงานครั้งนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี..."

ทุกคนในบ้านตระกูลถูล้วนเหลี่ยมจัด แต่ลูกชายคนที่สี่ของตระกูลถูกลับเป็นคนซื่อสัตย์ ได้เกี่ยวดองกับครอบครัวแบบนี้ก็ไม่เสียหาย อีกอย่าง ซินเยว่ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีแบบนี้ดูก็รู้ว่าจะให้กำเนิดบุตรได้ง่าย แรงก็เยอะ น่าเสียดายที่สติไม่ดี

นางหยูถอนหายใจอีกครั้ง

ถูซินเยว่ถือชามข้าวอย่างกระอักกระอ่วนแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองหน้าซูจื่อหัง

สีหน้าของซูจื่อหังยังคงเรียบเฉย กินข้าวต้มด้วยท่าทีสงบ ทั้ง ๆ ที่ก็กินข้าวหม้อเดียวกันอยู่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างถูซินเยว่กลับรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายสามารถกินมันได้อย่างสง่างาม

พวกคนมีความรู้นี่มันช่างแตกต่างจริง ๆ เธอถอนหายใจอยู่ในใจ

จู่ ๆ ซูจื่อหังก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ทันใดนั้นถูซินเยว่ก็ทำเหมือนตัวเองเป็นหัวขโมยที่ถูกจับได้ รีบฝังหัวตัวเองลงในชามข้าวต้มอย่างเชื่อฟัง ดีที่หน้าของเธอมีชาดสีแดงแต้มเป็นดวงอยู่ จึงดูไม่ออกว่าเธอหน้าแดง

“ลูกไม่รีบร้อนเรื่องแต่งงาน แค่นำเงินสินสอดทองหมั้นกลับมาก็พอแล้ว" เงินทองของหมั้นนี้ เป็นเงินเก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พ่อของซูจื่อหังทิ้งไว้ให้ นางหยูเองก็ประหยัดกินประหยัดใช้ และได้ออมเพิ่มไว้บ้าง รวมทั้งหมดเป็นเงินสามสิบตำลึง เงินจำนวนนี้ต้องเอากลับคืนมาให้ได้

หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเช้าแล้ว นางหยูและซูจื่อหังก็นั่งอยู่ที่ลานบ้านหลังจากเสร็จสิ้นการสนทนา รอข่าวของซูเฟิ่งอี๋และซูซุ่นลี่ที่ไปบ้านตระกูลถูแต่เช้า

นางหยูกลัวว่าถูซินเยว่จะเดินเพ่นพ่านไปทั่ว จึงตักเอาเมล็ดแตงโมมาหนึ่งกำมือให้เธอนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้อง ถูซินเยว่กอบเอาเมล็ดแตงโมไว้ในมือ พยักหน้าอย่างแข็งขันให้กับนางหยู เธอเพิ่งจะย้อนอดีตมา ที่ที่คุ้นเคยที่สุดที่แรกก็คือบ้านตระกูลซู เธอไม่มีทางเพ่นพ่านไปไหนแน่นอน

ห้องของซูจื่อหังทั้งมีขนาดเล็กและทรุดโทรม เดิมทีน่าจะเป็นห้องเก็บของ แต่ถูกรื้อออกและทำเป็นห้องนอน โชคดีที่แม้ว่าห้องจะทรุดโทรม แต่ซูจื่อหังเป็นคนรักษาความสะอาด ไม่เพียงแต่สิ่งของต่าง ๆ จะจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเท่านั้น แม้แต่เครื่องนอนก็ยังมีกลิ่นสบู่หอมโชยออกมา

ถูซินเยว่ฟุบอยู่ข้างเตียง กำลังจะผล็อยหลับในไม่ช้า...

สิ่งที่ปลุกให้เธอตื่นจากภวัง ก็คือเสียงแหลมที่กำลังก่นด่า

"นี่เจ้าหมายความว่าอะไรกันแน่ เจ้ากำลังบอกว่าข้าจงใจก่อปัญหาและปล่อยให้เมียของจื่อหังหนีไปอย่างงั้นรึ?"

"ท่านพี่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น คือว่า คือว่าบ้านตระกูลถูจะให้ซินเยว่เป็นภรรยาของจื่อหังได้อย่างไร แล้ว เงินสินสอดทองหมั้น..."

"สินสอดทองหมั้นอะไรกัน ในเมื่อได้นางสติไม่ดีไปเป็นเมียแล้ว ยังจะมาเอาสินสอดทองหมั้นคืนอีกอย่างงั้นรึ?" ประตูถูกเปิดออกดังโครม ซูเฟิ่งอี๋พุ่งปราดเข้ามาในห้องด้วยความโมโห ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงกระชากเอาถูซินเยว่ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาจนนิ้วมือเกือบจะจิ้มเข้าไปในรูจมูกของเธอแล้ว

"เห็นหรือยัง ต่อไปนี้นางก็คือเมียของจื่อหัง อย่าได้พูดถึงเรื่องยกเลิกการแต่งงานอะไรนี่อีก นางอ้วนเผละก้นใหญ่นี่ต้องเป็นแม่พันธุ์ดีแน่นอน จื่อหังต่อไปก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ก็ให้มันจบแค่นี้!"

ก้นใหญ่เป็นแม่พันธุ์ดี เห็นเธอเป็นหมูหรือไง?

เดิมทีถูซินเยว่นอนสะลึมสะลืออยู่ แต่ตอนนี้เธอไม่มีความง่วงหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย เธอมองดูซูเฟิ่งอี๋ที่ไขมันกระเพื่อมบนใบหน้า ทันใดนั้นก็อ้าปากขึ้นราวกับคนประสาทเสียแล้วพุ่งเข้าใส่นิ้วมือที่กำลังจะจิ้มเข้าไปในรูจมูกของตน กัดเข้าเต็มแรง

ด่าฉันนักเหรอ!

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือดก็ดังก้องไปทั่วฟ้า

ซูเฟิ่งอี๋ผลักถูซินเยว่ออกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต กรีดร้องโหยหวน เมื่อยกนิ้วขึ้นดูก็พบว่าถูกถูซินเยว่กัดจนเลือดไหลนองอย่างน่ากลัว

"เจ้า เจ้ามันนังหมูโง่ นังสารเลวไร้สมองสมควรถูกสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น วันนี้ข้าจะข้าเจ้าให้ตาย!" นางหยิบม้านั่งข้าง ๆ ขึ้นมา ย่างสามขุมเข้าใส่ถูซินเยว่

ถูซินเยว่ก็ตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าซูเฟิ่งอี๋จะแรงเยอะขนาดนี้ เธอไม่สามารถใช้มือเปล่าเอาชนะซูเฟิ่งอี๋ที่มีม้านั่งอยู่ในมือได้ จึงรีบวิ่งผลุนออกไปข้างนอก

นางหยูสีหน้าหดหู่ แม่เฒ่าของบ้านตระกูลซูยืนมองเหตุการณ์ที่ใต้ต้นพุทราอย่างไม่รู้สึกรู้สา ซูซุ่นลี่ก็อุ้มแม่ไก่แก่ขาดสารอาหารที่ตระกูลถูยัดเยียดมาให้ซึ่งไม่รู้ว่าต้องการอะไร มีเพียงซู่จื่อหังเท่านั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งหิน มองดูเธอวิ่งออกจากห้องด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์

เมื่อสบตากัน ไม่รู้ว่าถูซินเยว่จู่ ๆ ก็คิดอะไรอยู่ รีบวิ่งไปซ่อนอยู่หลังซูจื่อหัง

ซูเฟิ่งอี๋วิ่งตามมาด้วยความโกรธ

"จื่อหัง เจ้าถอยไป" ซูจื่อหังเป็นผู้มีการศึกษาเพียงคนเดียวในครอบครัว โดยปกติแล้วทุกคนจะยอมฟังเขาทุกเรื่อง ดังนั้นม้านั่งตัวนั้นคงไม่มีทางขึ้นไปทักทายบนตัวเขาได้

ซูจื่อหังยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก นางหยูก็เดินเข้ามาขวางพวกเขาเอาไว้ พร้อมกับกล่าวว่า "ท่านพี่ ซินเยว่ทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองอีกล่ะ?"

"ยังจะมาถามอีกหรือว่าทำอะไรให้ข้าขุ่นเคือง? เจ้าดูนิ้วข้าสิว่าถูกนังสารเลวนี่กัดจนเป็นสภาพไหน" ซูเฟิ่งอี๋ถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างแรง หากไม่ใช่ว่านางหยูหลบทัน ก้อนเสมหะเหนียวก็คงตกใส่เท้าของนางไปแล้ว

"ท่านพี่ ท่านก็รู้ดีว่าซินเยว่สติไม่ดี เพิ่งจะมาอยู่บ้านเราได้แค่วันเดียว ก็ทำให้ท่านบาดเจ็บแล้ว ต่อไปหานางต้องอยู่กับจื่อหัง..." ไม่ใช่ว่านางหยูไม่ชอบถูซินเยว่ เพียงแต่ว่าเดิมทีครอบครัวของพวกเขาก็ยากจนอยู่แล้ว และพวกเขาไม่อยากให้จื่อหังได้ภรรยาสติไม่ดีที่เอาแต่กินทั้งวัน ไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่รู้ว่าถูซินเยว่ไม่เพียงแต่สติไม่ดี แถมยังเจ้าอารมณ์อีกต่างหาก หากวันไหนเกิดอาละวาดทุบตีจื่อหังขึ้นมา ด้วยความแข็งแรงของนาง ใครก็หยุดนางไม่อยู่

เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต น้ำตาของนางหยูก็ไหลลงมา

ซูเฟิ่งอี๋ถูกจี้ใจดำ และไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ถูซินเยว่กัดนางอีกต่อไป ด่าส่งแล้วจึงเดินเข้าห้องของตัวเองไป

ถูซินเยว่หลบอยู่หลังซูจื่อหังก็โผล่หน้าออกมา เห็นตอนที่ซูเฟิ่งอี๋เดินอยู่นั้นจงใจใช้สองมือปิดบังเอวไว้ ดวงตาอ้วนพีที่หยีลงจนเห็นเป็นเส้นฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

นางหยูไม่กล้าตามซูเฟิ่งอี๋ไป ทำได้แค่หันไปหาแม่เฒ่าตระกูลซูเพื่อขอความช่วยเหลือ

"ท่านแม่ ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับเรื่องนี้นะ จื่อหังเขา…"

"หุบปาก!" แม่เฒ่าของตระกูลซูมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ยันไม้เท้ากำลังจะเดินกลับห้อง

นางหยูยืนลังเลอยู่ครึ่งนาที ในเมื่อไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเข้าไปถามว่าเรื่องนี้ยังพอมีทางที่จะแก้ไขหรือไม่ โดยไม่คาดคิดเท้าของนางเหยีบลงบนที่ว่าง กลิ้งหลุน ๆ ลงไปตามทางลาดจากทางเข้าลานบ้าน ตกลงไปที่คันนาด้านล่าง

"ท่านแม่!" ซูจื่อหังหน้าถอดสีทันที รีบลุกขึ้นวิ่งไปยังคันนา แม่เฒ่าตระกูลซูก็บังเอิญหันมาเห็นนางหยูที่นอนนิ่งอยู่บนคันนาพอดี สบถออกมาสองคำ "ตัวซวย!"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status