เช้าวันไหมนิโคไลมารอรับพัณณ์ชิตาตามเวลานัด วันนี้เขาขับรถมาเองส่วนลูกน้องก็ให้ตามอยู่ห่างๆ เพราะกลัวว่าคุณหมอคนสวยจะอึดอัดที่คนของเขาล้อมหน้าล้อมหลัง
อีกอย่างเขาก็ไม่ต้องระวังตัวมากเหมือนกับอยู่รัสเซียเพราะที่นี่เขาก็แค่ประชาชนคนหนึ่งไม่ใช่นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล
“ปกติเช้าแบบนี้คุณทานอะไรก่อนไปทำงานไหม” เขาถามเมื่อเธอขึ้นมานั่งคู่กับเขาข้างที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ค่ะ”
“แล้วไม่หิวเหรอ”
“ฉันชินแล้วค่ะ เดี๋ยวราวน์คนไข้เสร็จก็มีของว่างและกาแฟที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้”
“วันนี้เลิกงานกี่โมง”
“ถ้าเลิกงานจริงๆ ก็ประมาณห้าโมงเย็นค่ะ จากนั้นก็ราวน์คนไข้ต่อ”
“ทางโรงพยาบาลให้น้องผมอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะไปรอที่นั่น ถ้าคุณตรวจเสร็จแล้วโทรบอกผมนะ แล้วก็เลิกบล็อกเบอร์ผมด้วย ถ้าผมตามหาคุณไม่เจอผมจะให้ทางโรงพยาบาลเป็นคนโทรตาม”
“อย่านะทำแบบนั้นนะ”
“ผมไม่ทำหรอกถ้าคุณทำตัวให้ติดต่อง่าย”
พัณณ์ชิตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยกเลิกการบล็อกเบอร์ของเขาเพราะถ้าเขาให้โรงพยาบาลติดต่อเรื่องคงจะวุ่นวายและตามมาด้วยคำถามอีกมาก
“ฉันยกเลิกแล้วนะ”
“ก็ดีครับ พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“คุณส่งฉันที่ลานจอดรถนะคะ ไม่ต้องส่งด้านหน้า”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็น ขี้เกียจตอบคำถาม”
“แต่ผมว่าจอดด้านหน้าเดินใกล้กว่านะ”
“ถ้ายังอยากรับส่งก็ทำตามที่ฉันบอก” เธอยอมนั่งรถมากับเขาก็เสี่ยงมากที่คนอื่นจะเห็นแล้วถ้าจอดที่หน้าประตูทางเข้ามีหวังต้องตอบคำถามให้วุ่นวายแน่
“เข้าใจแล้ว คุณกลัวว่าจะมีคนเอาไปฟ้องแฟนคุณใช่ไหมล่ะ”
“ฉันยังไม่มีแฟน”
“แล้วทำไมต้องกลัวคนอื่นเห็นล่ะ”
“อย่าลืมนะว่าคุณเป็นพี่ชายของคนไข้ที่ฉันดูแลอยู่ ฉันไม่อยากให้คนรู้ว่าฉันกับญาติของคนไข้สนิทสนมกันเพราะนั่นมันจะหมายถึงพวกคุณได้อภิสิทธิ์ในการนอนโรงพยาบาลต่อทั้งที่หายดีและพร้อมจะกลับบ้านได้แล้ว” พัณณ์ชิตาพยายามให้เหตุผล
“เหตุผลแค่นี้จริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ มีแค่นี้”
“โล่งใจไปหน่อย ผมนึกว่าคุณกลัวแฟนจะเห็น”
“ถึงฉันมีแฟนแล้วนั่งรถมากับคุณมันก็ไม่ใช่ปัญหานี่คะ ถ้าเขาจะงี่เง่าไม่ฟังเหตุผลว่าทำไมต้องนั่งรถมากับผู้ชายอื่น เขาก็ไม่เหมาะจะเป็นแฟนฉันหรอกค่ะ”
“ส่วนใหญ่ผู้ชายจะขี้หึง ถ้าเขามีแฟนสวยๆ อย่างคุณ”
“ขอบคุณนะคะที่ชมว่าฉันสวยแต่บางครั้งความขี้หึงกับความงี่เง่ามันก็มีเส้นบางๆ กั้นอยู่”
“เพราะคุณคิดแบบนี้หรือเปล่าเลยไม่มีแฟน”
“ชีวิตเรามีอะไรให้ทำอีกเยอะค่ะ การมีแฟนมันก็แค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด”
“ที่ผ่านมาเคยมีแฟนไหมครับ”
“มีสิ ฉันถึงรู้ไงว่าการมีแฟนมันน่าเบื่อ”
“ผู้ชายไม่น่าเบื่อทุกคนหรอกนะครับ”
“ฉันรู้แต่ที่เจอมาก็มีแต่หน่าเบื่อทั้งนั้น คุณก็เห็นนี่ว่างานฉันไม่ค่อยมีเวลาหาคนเข้าใจยาก เพราะฉะนั้นอยู่คนเดียวแบบนี้สบายกว่าเยอะค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าจะอยู่คนเดียวจนแก่”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่”
“คนที่ใช่ของคุณคือแบบไหนล่ะครับ”
“ง่ายๆ เลยค่ะ เข้าใจงานฉัน ไม่งี่เง่าแค่นั้นพอค่ะ”
“หน้าตาฐานะล่ะ”
“ฉันมีงาน มีเงินและมีอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ ส่วนหน้าตาไม่สำคัญเลย”
“แล้วอย่างผมล่ะ พอจะตรงสเปกคุณไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมละ”
“คุณหล่อเกินไปค่ะ”
“ไหนคุณว่าหน้าตาไม่สำคัญ”
“ค่ะ ฉันหมายถึงไม่ต้องหล่อหรือดูดีจนเกินไปค่ะ เพราะคนแบบนั้นย่อมมีผู้หญิงเข้าหาเยอะและฉันก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนที่จะเข้ามาแทรกกลางหรอกนะคะ”
“คุณไม่อยากทำตัวงี่เง่า”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้ามีใครสักคนแล้วต้องคอยหวาดระแวง คอยเป็นกังวลว่าลับหลังเขาจะไปกับใครจะอยู่กับใครมันคงหาความสุขได้ยากค่ะ คนเราถ้าจะคบกันต้องไว้ใจกันเชื่อใจกัน ให้อิสระแก่กันอย่างเต็มที่เพราะถ้ามีความรักให้กันจริงๆ ไม่ว่าใครก็จะเข้ามาแทรกตรงกลางไม่ได้”
“หายากนะครับคนแบบนั้น”
“ค่ะ ฉันรู้ว่ามันหายาก ฉันถึงไม่คิดจะหาไงคะ”
“จะรอให้เขาเข้ามาหาเองเหรอครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าเนื้อคู่ของคนเรามีอยู่จริงแล้วถึงเวลาเราก็หากันจนเจอเอง ดูเพ้อฝันใช่ไหมล่ะคะ” พัณณ์ชิตาหันมายิ้มให้กับเขา เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มออกมาจากข้างใน
“ไม่หรอกครับ มันเป็นความเชื่อของคุณนี่”
“ค่ะ ฉันเชื่ออย่างนั้น เอาล่ะถึงแล้วขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“อย่าลืมนะ เย็นนี้จะกลับตอนไหนโทรหาผมนะ”
“ค่ะ”
นิโคไลมองตามร่างระหงไปจนลับตา ไม่น่าเชื่อว่าเธอคนนี้จะยังไม่มีแฟน เพราะดูจากหน้าตาและอาชีพการงานแล้วไม่น่าจะโสดมาถึงตอนนี้ ทัศนคติการใช้ชีวิตคู่ของเธอก็ฟังดูน่าสนใจ ไม่หึงหวง เชื่อใจ ไม่งี่เง่า แต่ใครจะทำได้กันล่ะ ยิ่งเธอสวยมากขนาดนี้เป็นใครก็ต้องหึง แล้วถ้าเป็นเขาล่ะ จู่ๆ นิโคไลก็นึกถึงตัวเองขึ้นมายิ่งเห็นรอยยิ้มของเธอเมื่อครู่แล้วเขาก็เริ่มจะคิดมาก
อันที่จริงเขาก็สนใจเธออยู่ไม่น้อย ยิ่งได้พูดคุยกับเธอมันทำให้มุมมองบางอย่างของเขาเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ เธอสวยก็จริงแต่ไม่อ่อนหวาน ไม่ช่างเอาใจ ดูมั่นใจในตัวเองมาก มันต่างจากทุกคนที่เขาเคยเจอมา
แม้จะมองว่าพัณณ์ชิตาไม่เหมือนคนอื่นแต่เข้าก็ยังไม่เชื่อในความรักและยังไม่พร้อมที่จะจริงจังกับใคร แม้ว่าจะถูกใจเธอมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ถึงขั้นหยุดทุกอย่างที่เธอ
นิโคไลคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งขับรถมาถึงบ้านของตนเองซึ่งตอนนี้บิดามารดารอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
“ไปไหนมาแต่เช้าล่ะนิค”
“ออกไปขับรถเล่นมาครับมา”
“แปลกจัง ปกติลูกแม่จะไม่ค่อยตื่นเช้า”
“ช่วงนี้ผมนอนเร็วนี่ครับก็เลยตื่นเช้า” เขาแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆเพราะปกติแล้วเขามักจะออกไปดื่มจนดึกและตื่นสายจนไม่ค่อยได้ทานอาหารกับครอบครัว
“ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยเห็นแกออกไปเที่ยวกลางคืนเลย เบื่อแล้วเหรอ”
“นิดหน่อยครับพ่อ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนที่นี่เลยไม่รู้จะออกไปดื่มกับใคร ไปกับธนัทเขาก็ปล่อยให้ผมดื่มคนเดียว”
“สาวๆ ล่ะไม่มีบ้างเลยเหรอ มาอยู่ไทยก็เกือบเดือนแล้วนะ” วิกเตอร์รู้ว่าลูกชายเจ้าชู้และควงหญิงไปทั่ว แต่ช่วงหลังๆ มานี่เจ้าลูกชายไม่ค่อยมีข่าวควงใครให้ได้ยินเลย
“พ่ออยากได้สะใภ้คนไทยเหรอครับ”
“แน่สิ เมียพ่อเป็นคนไทย แกเห็นนี่ว่าแม่น่ารักมากแค่ไหน พ่อก็อยากให้แกได้เมียดีๆ น่ารักเหมือนแม่ไงล่ะ”
“ผมจะเก็บไว้พิจารณาแล้วกันนะครับพ่อ”
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง