เกวลินสอดนิ้วไปในกลุ่มผมนุ่มมือและแอ่นอกส่งเข้าปากเขาอย่างลืมตัว ลิ้นร้อนปรนเปรอทั้งซ้ายขวา สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวอย่างดุดันและถี่กระชั้น เขาผละจากทรวกอกแล้วใช้แขนสองข้างหยัดกายขึ้นเหนือร่าง เหงื่อไหลอาบร่างทั้งทีแอร์เย็นฉ่ำแต่ไม่ได้ช่วยลดความเร่าร้อนลงได้เลย เขาซอยรัวแรงแล้วเปลี่ยนจังหวะเป็นบดเบียดเสียดลึกราวกับอยากยืดเวลาเสียวซ่านให้นานขึ้นอีก มันทั้งทรมานและสุขสมในเวลาเดียวกัน เขาโน้มหน้าลงใกล้ใบหู ตวัดลิ้นดูดติ่งหูดุจไข่มุกเม็ดงาม เธอสั่นสะท้านกับการหยอกล้อของเขา
“ขอเปลี่ยนท่านะครับ” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอกค่อยๆถอนแก่นกายออก ร่องรักรัดแน่นจนเขาต้องซูดปาก เขาจับร่างอ่อนนุ่มพลิกคว่ำ จับสะโพกเธอขึ้นแล้ว ตบแก้มก้มเบาๆ ก่อนกดท่อนเอ็นเข้าไปอีกครั้ง เธอยื่นมือไปยึดหัวเตียงไว้เพื่อทรงตัวรับแรงกระแทกจากด้านหลัง เสียงเขาครางอย่างพอใจขณะเริ่มโยกเอวอีกรอบ เข้าสุดออกสุดทำเอาหญิงสาวสะบัดหน้าไปมาแล้วเอี้ยวตัวหันไปมอง
“ให้ตาย! แน่นชะมัด”
“ลึก...ลึกจัง..เสียว...เสียวจังค่ะ”
“รอบนี้เสร็จพร้อมกันนะ”
ร่างเล็กถูกกระแทกจนสั่นไหว เธอครางจนหมดเสียงปล่อยให้เขาโยกเอวรัวแรงส่งความเสียดเสียวให้หญิงสาว ความเสียวซ่านถาโถมโหมกระหน่ำจนเธอหวีดร้องและร่างเกร็งกระตุก ร่องรักบีบรัดลำเอ็นแน่นจนชายหนุ่มไม่อาจต้านทานได้อีก เขาแหงนหน้าคำรามและปลดปล่อยอีกครั้ง
ชายหนุ่มถอนตัวตนออกมาอย่างช้าๆ แต่หญิงสาวหมดเรี่ยวแรงทรงตัวฟุบลงไปกับที่นอน เขาจัดการถอดปราการที่ห่อหุ้มแก่นกายทิ้งแล้วค่อยๆ พลิกตัวให้เธอนอนหงายจัดท่าให้นอนอย่างสบายแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่าที่เริ่มปรับลมหายใจเป็นปกติ ใช้ปลายนิ้วไล้โครงหน้าของเธอเบาๆ แต่หญิงสาวยู่จมูกเหมือนไม่พอใจที่ถูกรบกวน
“ไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ ถ้าทำอีกรอบต้องเรียกรถพยาบาลแล้ว”
คราวนี้อิทธิพลหัวเราะออกมาแล้วจูบหน้าผากของเธออย่างเอ็นดู
“เรียกรถพยาบาลทำไม หมออยู่ที่นี่ทั้งคน”.
…..
หญิงสาวค่อยๆ ไขประตูเข้าบ้านอย่างเบามือที่สุด ขนาดรถยนต์ยังไม่กล้าเอาเข้ามาจอดในบ้านเพราะกลัวพี่ชายตื่น เกวลินต้องจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วทำตัวเป็นตีนแมวย่องเข้าบ้านตัวเอง เธอเพ่งมองไปทางนาฬิกาเรือนเก่าที่ติดพนังห้องแล้วก็ถอนหายโล่งอก มาถึงบ้านก่อนตีห้า เพราะปกติการันต์จะตื่นไปจ่ายตลาดตอนเช้ามืด
“กะทิ”
“ว้าย!”
หญิงสาวร้องออกมาแล้วรีบยกมือขึ้นปิดปาก พอเห็นชัดว่าคนทักคือวายุก็ถอนหายใจอีกรอบแล้วยกมือขึ้นลูบอกเบาๆ
“ตกใจหมดเลย นึกว่าพี่ตะโก้ตื่นแล้ว”
“ยังหรอก” วายุส่ายหน้าไปมา
“แล้วพี่วายุเพิ่งตื่นหรือยังไม่ได้นอนค่ะ” เธอยิ้มประจบพยายามทำตัวปกติสุดชีวิต
“พี่เป็นห่วง เห็นกะทิยังไม่กลับมาเสียที ปกติไม่เคยกลับผิดเวลาขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรค่ะ เพื่อนอกหักเลยอยู่คุยกันเพลินไปหน่อย” เธอโบกมือไปมา
“พี่ไม่ได้ ...เอ่อ...หมายถึงไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกะทิ พี่แค่เป็นห่วง”
“กะทิเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ” เธอคิดว่าเรื่องที่ ‘เสียตัว’ ไม่ต้องให้ใครรู้จะดีที่สุด
วายุทำงานกลางคืน เรื่องบางเรื่องแค่ได้ ‘กลิ่น’ เขาก็รู้ว่าน้องสาวของคนรักไปทำอะไรมา แต่เกวลินเป็นเด็กดีมาตลอด เขาไม่เคยเห็นเธอทำตัวเหลวไหลเลยสักครั้ง สองพี่น้องคู่นี้แม้พูดจาเหมือนทะเลาะกันตลอดเวลาแต่ก็รักใคร่กันมาก การันต์เองก็รักเกวลินมาก เท่าที่การันต์เล่าให้ฟังคือช่วยแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่เกวลินยังแบเบาะ เปลี่ยนผ้าอ้อมชงนม เข้าโรงเรียนก็เป็นคนไปส่งน้องด้วยตัวเอง
เขาถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว เธอเรียนจบและอายุยี่สิบสองแล้ว เรื่องแบบนี้...เขาคงทำได้แค่เป็นห่วงเท่านั้น
“ถ้ามีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ”
“ค่ะ” เกวลินยิ้มรับแต่ออกจะแปลกใจเล็กๆ กับประโยคของเขา “กะทิขึ้นห้องก่อนนะคะ”
วายุพยักหน้ารับมองร่างเล็กก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน เขาเองก็แค่คนมาอาศัย ก็ได้แต่หวังว่าจะคอยดูแลเท่าที่ทำได้
เกวลินเข้ามาในห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงขนาด5ฟุต ยกมือขึ้นกายหน้าผากพลางถอนหายใจเบาๆ ดีที่กลับเข้ามาบ้านทันก่อนที่การันต์ตื่นไปจ่ายตลาด แต่สายตาของวายุบอกได้ชัดว่าเขาพอจะรู้ว่าเธอไปทำอะไรมา แต่ที่น่าปวดหัวมากกว่าคือเรื่องที่ทำให้เธอแทบเผ่นออกมาจากคอนโดหมออิฐ
หลังจากถูกคุณหมอจับกินไปสองรอบ เธอถึงกับยอมยกธงขาวและเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็จำได้ว่าไม่ใช่ห้องของตัวเอง พลิกตัวไปมาเห็นนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างเตียงนอนบอกเวลาเกือบตีสี่แล้วทำให้ผวาขึ้นอย่างตกใจ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งก็ปวดหน่วงที่ท้องน้อยจนเผลอครางออกมา
“เป็นอะไรไป เจ็บเหรอ” เสียงคุณหมอหนุ่มถามพลางยันตัวขึ้นนั่ง
เธอเอี้ยวตัวหันไปมองเห็นเขาเสียผมยุ่งๆ ท่าทางงัวเงียดูเซ็กซี่ขยี้ใจ ตอนนี้คงสางเมาแล้ว และเธอไม่มีเวลาอิดออดอยู่บนเตียงเขา
“ต้องกลับแล้วค่ะ” ถึงจะหน่วงๆ ท้องน้อยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับขยับตัวไม่ได้
“กี่โมงแล้ว” เขาถามแต่หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง “คุณรีบกลับเหรอ”
‘คุณ’
เกวลินสะดุดคำเรียกของเขาไปเล็กน้อย ตอนนัวเนียอยู่ด้วยกันเรียกพี่อย่างนั้น น้องอย่างนี้ แต่พอกลับสู่สภาวะปกติ ความห่างเหินก็เข้ามาแทนที แต่เธอมีสิทธิไปน้อยใจอะไรเล่า ก็เลือกให้ตัวเองต้องมาอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้เองนี่
“ค่ะ...พี่ชายต้องใช้รถยนต์ไปจ่ายตลาด กะทิต้องรีบกลับแล้ว”
เธอตอบแล้วยันกายขึ้นจากเตียง สูดลมหายใจข่มความปวดหน่วงที่เกิดขึ้น แข็งขาแทบไม่มีแรง ไม่เอาน่า ถึงเธอจะไม่ใช่คนชอบออกกำลังกายแต่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนี้นี่นะ เกวลินกัดฟันเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่หล่นอยู่บนพื้นมาสวมใส่โดยไม่หันไปมองเจ้าของห้อง กลัวสายตาของเขาตัดสินว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน กระโดดขึ้นเตียงเขาอย่างง่ายดายแบบนี้ หรือบางทีเขาก็คงชินกับผู้หญิงง่ายๆ แบบเธอก็ได้
“ขับรถไหวเหรอ”
“ไหวค่ะ สบายมาก” เธอปนหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกปั่นป่วนในใจ ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแต่หาผ้ารัดผมไม่เจอ เธอก้มๆ เงยๆ หาบนพื้นห้อง ไม่อยากทิ้งอะไรไว้กลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าเธอ ‘อ่อย’ ให้เขาคิดถึง
“กลับก่อนนะคะ” เธอหันมาบอกเจ้าของห้อง แต่ก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเขาลุกขึ้นเดินมาใกล้ ยังดีที่เขาใส่กางเกงบ๊อกเซอร์แล้ว แต่หน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ทำให้เธอหายใจติดขัดได้เหมือนกัน แต่เขาเดินมาพร้อมกระเป๋าเงิน
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอที่เฝ้ามองเขาอยู่ไกลๆ ค่อยติดตามข่าวของเขาเสมอ แม้มีโอกาสได้ใกล้ชิดก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกข้างในออกไป จนวันนี้...เขาอยู่ตรงหน้าและบอกรักเธอ “คนดี ร้องไห้ทำไมครับ” เขายิ้มแล้วจูบซับหยดน้ำตาให้ “ไม่รู้ค่ะ สงสัยไม่สบายแน่เลย” คราวนี้เกวลินหัวเราะทั้งน้ำตา จริงสินะ เวลาแบบนี้ต้องยิ้มดีใจต่างหากล่ะ “อื้ม...ไม่สบายเหรอ งั้นหมอตรวจให้นะครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม มือไม้เริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่โหยหาย “พี่อิฐ! คนกำลังซึ้ง” เธอตีมือเขาแต่กลับหัวเราะร่วนจนกระทั่งเขาอุ้มเธอมาที่เตียงเล็กของเธอเอง “ก็กะทิไม่สบาย พี่จะทำให้สบายตัวไงครับ” ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียติ่งหูทำให้หญิงสาวหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาแล้วกระซิบเสียงหวาน “กะทิรักพี่อิฐค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยภาษากาย เขาขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลจนคนใต้ร่างได้แต่ครวญครางเรียกร้องให้เขาเติมเต็มความปรารถนาที่เอ่อล้น สองร่างแนบชิดกลายเป็นหนึ่งผสานเสียงลมหายใจและหัวใจสองดวงเต้นไปพร
“อยู่บ้านคนเดียวล็อกบ้านดีๆ ล่ะ” การันต์ย้ำกับน้องสาว “ทำเหมือนจะไปหลายวัน” เกวลินแลบลิ้นใส่ “ไปเถอะค่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะคะ” การันต์พยักหน้าแล้วเดินไปที่รถพร้อมวายุ เกวลินรอจนรถออกไปแล้วจึงเดินเข้ามาในบ้าน เกวลินเดินไปหยิบน้ำผลไม้ในตู้เย็นรินใส่แก้ว ยังไม่ทันยกขึ้นดื่มก็ได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน เธอวางแก้วลงแล้วเดินมาที่ประตู “ลืมอะไรหรือคะพี่ตะโก้” เธอถามทันทีที่เปิดประตูออก ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ใช่พี่ชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าคงลืมของจึงกลับมา “ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิดประตู ถ้าเป็นโจรขึ้นมาจะทำยังไง” คนตัวสูงดุแล้วเดินเข้าไปราวกับเป็นบ้านของตัวเองเสียงล็อกประตูทำให้เกวลินได้สติ เธอไม่คิดว่าเขาจะมายืนตรงหน้าอย่างนี้ “พี่...พี่อิฐ” “ก็พี่ไง หรือรอใครอยู่” อิทธิพลขมวดคิ้วแล้วกวาดตามอง “ตะโก้กับวายุไม่อยู่เหรอ” “ค่ะ...ออกไปข้างนอก...” “ดี...พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เดี๋ยวนะคะ ขอกะทิทำใจก่อน” “ทำใจอะไร” อิทธิพลขมวดคิ้ว “พี่อิฐมาบอกเลิกกะท
เกวลินโผล่หน้ามาดู แค่พี่ชายพยักหน้าให้เธอก็ผลุบกลับเข้าไปในครัว รินน้ำดื่มสองแก้วแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง แต่เธอคิดว่าคงไม่เหมาะจะนั่งฟังด้วยจึงหลบไปด้านหลัง ได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังวายุที่ยืนหน้าซีดอยู่ และเป็นการันต์ที่กระตุกมือให้วายุนั่งลงข้างเขา “ลูก...ดูสบายดีนะ” คนเป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมสบายดี” วายุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่สองมือบีบกันแน่น การได้พบแม่ไม่ได้ทำให้เขากังวลได้เท่ากับเห็นพ่อมาอยู่ตรงหน้าด้วย เขากลัวว่าพ่อจะทำร้ายคนที่บ้านนี้ ซึ่งเขาไม่ยอมให้มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นเด็ดขาด “พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” “วันนี้พ่อเห็นแกไปออกบูธก็เลยให้คนตามดู” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงอ่อนล้า “ทำไมครับ อยากเห็นว่าผมจะใช้ชีวิตเหลวแหลกอย่างที่พ่อประณามไว้หรือเปล่านะเหรอ” น้ำเสียงวายุก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน “เปล่าๆ....พ่อ...พ่ออยากให้แกกลับบ้าน” ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนตรงหน้าทำให้วายุนิ่งงันไป เขาย้ายสายตาไปมองมารดาที่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “กลับบ้านเ
‘ใครเป็นฝ่ายทักกันก่อนเล่า’ เกวลินขมวดคิ้วแล้วฉีกยิ้มทักทาย “ว่าไง”“ว่าไง?” เอมอรแอบเบ้ปากในใจ “ก็ไม่มีอะไร แค่จำได้ว่าเธอออกจากโรงเรียนกลางเทอมนี่ ได้ยินว่าท้องเลยหนีตามผู้ชายไป แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ป่านนี้ลูกคนโตแล้วสินะ มีอะไรให้เพื่อนอย่างฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะ”แม้เอมอรไม่ได้ใช้น้ำเสียงดังอะไรนัก แต่ถ้อยคำของเธอทำให้คนที่ได้ยินถึงกับนิ่งไป นั้นหมายถึงคุณเกริกและคุณลาวัลย์ที่อดปรายตามองทางเกวลินไม่ได้ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกอ้าปากจะโต้เถียงแต่กลับเป็นการันต์ที่ทนไม่ไหวชิงพูดออกไปก่อน“ท้องอะไร หนีตามผู้ชายอะไร” การันต์พูดเสียงดังอย่าไม่อายใครและไม่มีอะไรให้อายด้วย “ยัยกะทิออกจากโรงเรียนตอนม.5ก็จริง แต่เพราะมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ก็ไปสอบกศน.จนได้วุฒิม.ปลายไง รู้จักไหม การศึกษานอกโรงเรียนนะ แล้วถ้ายัยกะทิเรียนไม่จบม.ปลายมันจะเอาวุฒิที่ไหนไปเรียนมหาวิทยาลัยจนได้เกียรตินิยมอันดับสองเล่า! คิดจะปั้นเรื่องใส่ความคนอื่นก็ช่วยให้มันใกล้เคียงกับความจริงหน่อยเซ่!”“ตะโก้!ใจเย็นๆ” วายุรั้งแขนการันต์ไว้เพราะกลัวว่าคนรักจะเข้าไปตบตีอีกฝ่าย ถึงยังไงคู่กรณีก็เป็นผู้หญิง ทำอะไรไปก็
การันต์สบตากับวายุแล้วปลดหน้ากากอนามัยออก ทั้งที่เขาบอกกับวายุไม่ต้องมาช่วยก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็เป็นห่วงน้องสาวของเขาที่ยังเจ็บขาอยู่จึงมาช่วยงาน ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่พาวายุเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว วายุดึงปลดหน้ากากอนามัยออกแล้วเอียงตัวไปทางการันต์เล็กน้อย มองผิวเผินเหมือนเพื่อนถ่ายรูปคู่กัน มีเพียงแววตาที่มองกันนั้นแตกต่างจากคำว่า ‘เพื่อน’โอ๊ย! พี่ชายเธอตัวใหญ่ยักษ์แต่พี่วายุก็ไม่ได้ตัวเล็กแต่เพราะสูงโปร่งเลยดูบอบบางไปเลย เกวลินกดบันทึกภาพรัวๆ นานๆ จะมีรูปถ่ายคู่กันนอกบ้านที แอบดีใจที่พี่ชายได้เจอคนรู้ใจที่เข้าอกเข้าใจกันดี ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวแอบถอนหายใจ บางทีเธอก็คิดว่าตัวเองฝันไปที่ได้คบกับอิทธิพล เขาดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง จนบางทีเธอก็คิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะยืนเคียงข้าง แต่เพราะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขายามที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เธอคิดได้ว่า...ขอแค่ทำให้เขามีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว“หนูกะทิอยู่นี่เอง”เสียงทักจากด้านหลังทำให้เกวลินหันไปส่งยิ้มพร้อมยกมือไหว้ทันที “สวัสดีค่ะคุณลาวัลย์ คุณเกริก”“เรียกเสียห่างเหินเชียว” คุณเกริกหัวเร
“จะดีเหรอคะ นานๆ เลี้ยงทีก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเลี้ยงบ่อยนักหรอก เดี๋ยวกะทินิสัยเสียเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมา พี่อิฐจะลำบากเอานะ” ตั้งแต่เคยมีแฟนมาก็มีคนนี้ที่บ่นว่าเขาเลี้ยงเธอบ่อยเกินไป อิทธิพลไม่รู้จะทำยังไงดี บางทีทำตัวก็เป็นเด็ก แต่บางครั้งก็เป็นคนมีเหตุผล “ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ พี่ชายกะทิบอกให้พี่ไปกินข้าวเย็นที่ร้านได้ กะทิจะได้ไม่ต้องออกมาส่งข้าวให้พี่กิน นี่พี่ก็ประหยัดมื้อเย็นไปอีกหนึ่งมื้อเชียวนะ” เกวลินคิดตามแล้วก็พยักหน้ารับ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่รู้ผิดว่าตัวเองเอาเปรียบเขามากไป “พี่ถามอะไรหน่อยสิ” “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพลางยกน้ำขึ้นดื่ม “พี่เห็นที่บ้านมีผู้ชายอีกคน ...คนนั้นใครเหรอ” “อ้อ!พี่วายุค่ะ” “แล้ว?” “เอ่อ...” เกวลินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะรังเกียจที่พี่ชายเธอเป็นเกย์ แต่อีกใจก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังทำไม พูดไปตรงๆ ดีกว่า “พี่วายุ...เป็นแฟนของพี่ตะโก้ค่ะ” “แฟน?” “อื้ม... ก็แฟนแบบเราสองคนนี้ไง”