 LOGIN
LOGIN'เกวลิน' หญิงสาววัย22ปี สาวหน้าหวานผิวขาวสมกับชื่อเล่น 'กะทิ' เพิ่งเรียนจบและยังไม่มีงานทำจึงช่วยงานพี่ชาย ‘ตะโก้’หรือ การันต์ ที่ดูแลกิจการร้านอาหารต่อจากแม่ที่เสียชีวิตไปห้าปีแล้ว ส่วนพ่อนั้นทอดทิ้งทั้งสามคนไปตั้งแต่การันต์อายุได้เพียง 10 ขวบ ‘หมออิฐ’ หรือ ‘นายแพทย์อิทธิพล’ หมอหนุ่มวัย 34 ปี หน้าตาก็ไม่ได้แย่ ฐานะการเงินและการงานก็ดีเลิศ แต่กลับอกหักซ้ำซากจจน่าสงสาร (กระซิกๆ) เกวลินเคยพบหมออิฐตั้งแต่เธออยู่ ม.5 ในตอนนั้นหมออิฐมาที่โรงเรียนในฐานะศิษย์เก่า เขามาพูดแนะแนวเรื่องการสอบเข้าคณะแพทย์ เกวลินชอบเขามาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะสอบคณะแพทย์ เธอเรียนคณะบริหาร ช่วยงานที่บ้านซึ่งเป็นร้านอาหาร ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่หมออิฐทำงานอยู่ เขาไม่รู้จักเธอ แต่เธอรู้จักเขาและมีความสุขดีกับการแอบรักข้างเดียว หญิงสาวขับมอเตอร์ไซค์ส่งอาหารให้หมอ-พยาบาลที่โทรสั่งเป็นประจำ และแล้วกามเทพก็ทำงานให้เธอต้องมาใกล้ชิดกับคนที่แอบรักเข้าจนได้!
View MoreTo you, my heir,
If you are hearing me, then you have crossed the threshold and the wards have recognized you. That means my fire lives in you. You may not feel it yet, but it is there, waiting. I have been waiting for you.
I do not know how much of our truth has survived beyond these walls, so I will tell you myself. Not the way history will twist it, but as it truly happened.
The mortal kingdoms grew too fast. They took the land in smoke and iron, and the great races fell back into the shadows. Wolves hid in the deep forests and mountains. Vampires locked their doors beneath the earth. Witches and wizards vanished behind illusions. My kind, the dragons, slipped into the veils between realms. Six clans. Six elements. Six prides too old and too stubborn to bend.
Retreat should have saved us. Instead, it starved us of trust. Old grudges sharpened until they cut open the future. I saw it coming. So did three others. Cillian Hawthorne. Selene Nerezza. Alaric Everley.
We built Obscura Arcanum together. Not for crowns. Not for thrones. For knowledge. For peace. For the hope that if our kind learned together, they might one day stand together. And for a time… it worked. Wolves sparred beside witches. Vampires debated mages over blood-wine. Dragons taught flame and sky to those willing to listen. I let myself believe it could last.
My own kin proved me wrong. They feared the mingling of magic. They called me traitor. The first blood spilled was quiet, hidden behind accidents, but I felt every death. When I would not yield, they brought the war into these halls.
I fought until my wings bled. I saw students die before they could cast their last spell. I felt the air shake with the roar of my kind turning against me. When I knew we would not win, I sealed myself inside this house and went to the Ember Reliquary.
It is more than fire. It is memory. I gave it my last breath, my last spark, my last hope. I left a prophecy for the one who would come after me. For you.
The bloodlines were never meant to stand apart.
If I could not stop the war, then it must be you who ends it. Rise from the ashes of six. Find the heirs of my dearest friends, the ones who stood beside me when the world began to break. With them, fulfill the prophecy. Restore what was lost.
You are the future of Aurelian House. You are the future of the dragons. And the ember remembers.
I will be with you, always.
Seraphine Aurelian
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอที่เฝ้ามองเขาอยู่ไกลๆ ค่อยติดตามข่าวของเขาเสมอ แม้มีโอกาสได้ใกล้ชิดก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกข้างในออกไป จนวันนี้...เขาอยู่ตรงหน้าและบอกรักเธอ “คนดี ร้องไห้ทำไมครับ” เขายิ้มแล้วจูบซับหยดน้ำตาให้ “ไม่รู้ค่ะ สงสัยไม่สบายแน่เลย” คราวนี้เกวลินหัวเราะทั้งน้ำตา จริงสินะ เวลาแบบนี้ต้องยิ้มดีใจต่างหากล่ะ “อื้ม...ไม่สบายเหรอ งั้นหมอตรวจให้นะครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม มือไม้เริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่โหยหาย “พี่อิฐ! คนกำลังซึ้ง” เธอตีมือเขาแต่กลับหัวเราะร่วนจนกระทั่งเขาอุ้มเธอมาที่เตียงเล็กของเธอเอง “ก็กะทิไม่สบาย พี่จะทำให้สบายตัวไงครับ” ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียติ่งหูทำให้หญิงสาวหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาแล้วกระซิบเสียงหวาน “กะทิรักพี่อิฐค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยภาษากาย เขาขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลจนคนใต้ร่างได้แต่ครวญครางเรียกร้องให้เขาเติมเต็มความปรารถนาที่เอ่อล้น สองร่างแนบชิดกลายเป็นหนึ่งผสานเสียงลมหายใจและหัวใจสองดวงเต้นไปพร
“อยู่บ้านคนเดียวล็อกบ้านดีๆ ล่ะ” การันต์ย้ำกับน้องสาว “ทำเหมือนจะไปหลายวัน” เกวลินแลบลิ้นใส่ “ไปเถอะค่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะคะ” การันต์พยักหน้าแล้วเดินไปที่รถพร้อมวายุ เกวลินรอจนรถออกไปแล้วจึงเดินเข้ามาในบ้าน เกวลินเดินไปหยิบน้ำผลไม้ในตู้เย็นรินใส่แก้ว ยังไม่ทันยกขึ้นดื่มก็ได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน เธอวางแก้วลงแล้วเดินมาที่ประตู “ลืมอะไรหรือคะพี่ตะโก้” เธอถามทันทีที่เปิดประตูออก ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ใช่พี่ชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าคงลืมของจึงกลับมา “ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิดประตู ถ้าเป็นโจรขึ้นมาจะทำยังไง” คนตัวสูงดุแล้วเดินเข้าไปราวกับเป็นบ้านของตัวเองเสียงล็อกประตูทำให้เกวลินได้สติ เธอไม่คิดว่าเขาจะมายืนตรงหน้าอย่างนี้ “พี่...พี่อิฐ” “ก็พี่ไง หรือรอใครอยู่” อิทธิพลขมวดคิ้วแล้วกวาดตามอง “ตะโก้กับวายุไม่อยู่เหรอ” “ค่ะ...ออกไปข้างนอก...” “ดี...พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เดี๋ยวนะคะ ขอกะทิทำใจก่อน” “ทำใจอะไร” อิทธิพลขมวดคิ้ว “พี่อิฐมาบอกเลิกกะท
เกวลินโผล่หน้ามาดู แค่พี่ชายพยักหน้าให้เธอก็ผลุบกลับเข้าไปในครัว รินน้ำดื่มสองแก้วแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง แต่เธอคิดว่าคงไม่เหมาะจะนั่งฟังด้วยจึงหลบไปด้านหลัง ได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังวายุที่ยืนหน้าซีดอยู่ และเป็นการันต์ที่กระตุกมือให้วายุนั่งลงข้างเขา “ลูก...ดูสบายดีนะ” คนเป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมสบายดี” วายุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่สองมือบีบกันแน่น การได้พบแม่ไม่ได้ทำให้เขากังวลได้เท่ากับเห็นพ่อมาอยู่ตรงหน้าด้วย เขากลัวว่าพ่อจะทำร้ายคนที่บ้านนี้ ซึ่งเขาไม่ยอมให้มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นเด็ดขาด “พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” “วันนี้พ่อเห็นแกไปออกบูธก็เลยให้คนตามดู” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงอ่อนล้า “ทำไมครับ อยากเห็นว่าผมจะใช้ชีวิตเหลวแหลกอย่างที่พ่อประณามไว้หรือเปล่านะเหรอ” น้ำเสียงวายุก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน “เปล่าๆ....พ่อ...พ่ออยากให้แกกลับบ้าน” ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนตรงหน้าทำให้วายุนิ่งงันไป เขาย้ายสายตาไปมองมารดาที่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “กลับบ้านเ
‘ใครเป็นฝ่ายทักกันก่อนเล่า’ เกวลินขมวดคิ้วแล้วฉีกยิ้มทักทาย “ว่าไง”“ว่าไง?” เอมอรแอบเบ้ปากในใจ “ก็ไม่มีอะไร แค่จำได้ว่าเธอออกจากโรงเรียนกลางเทอมนี่ ได้ยินว่าท้องเลยหนีตามผู้ชายไป แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ป่านนี้ลูกคนโตแล้วสินะ มีอะไรให้เพื่อนอย่างฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะ”แม้เอมอรไม่ได้ใช้น้ำเสียงดังอะไรนัก แต่ถ้อยคำของเธอทำให้คนที่ได้ยินถึงกับนิ่งไป นั้นหมายถึงคุณเกริกและคุณลาวัลย์ที่อดปรายตามองทางเกวลินไม่ได้ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกอ้าปากจะโต้เถียงแต่กลับเป็นการันต์ที่ทนไม่ไหวชิงพูดออกไปก่อน“ท้องอะไร หนีตามผู้ชายอะไร” การันต์พูดเสียงดังอย่าไม่อายใครและไม่มีอะไรให้อายด้วย “ยัยกะทิออกจากโรงเรียนตอนม.5ก็จริง แต่เพราะมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ก็ไปสอบกศน.จนได้วุฒิม.ปลายไง รู้จักไหม การศึกษานอกโรงเรียนนะ แล้วถ้ายัยกะทิเรียนไม่จบม.ปลายมันจะเอาวุฒิที่ไหนไปเรียนมหาวิทยาลัยจนได้เกียรตินิยมอันดับสองเล่า! คิดจะปั้นเรื่องใส่ความคนอื่นก็ช่วยให้มันใกล้เคียงกับความจริงหน่อยเซ่!”“ตะโก้!ใจเย็นๆ” วายุรั้งแขนการันต์ไว้เพราะกลัวว่าคนรักจะเข้าไปตบตีอีกฝ่าย ถึงยังไงคู่กรณีก็เป็นผู้หญิง ทำอะไรไปก็
การันต์สบตากับวายุแล้วปลดหน้ากากอนามัยออก ทั้งที่เขาบอกกับวายุไม่ต้องมาช่วยก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็เป็นห่วงน้องสาวของเขาที่ยังเจ็บขาอยู่จึงมาช่วยงาน ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่พาวายุเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว วายุดึงปลดหน้ากากอนามัยออกแล้วเอียงตัวไปทางการันต์เล็กน้อย มองผิวเผินเหมือนเพื่อนถ่ายรูปคู่กัน มีเพียงแววตาที่มองกันนั้นแตกต่างจากคำว่า ‘เพื่อน’โอ๊ย! พี่ชายเธอตัวใหญ่ยักษ์แต่พี่วายุก็ไม่ได้ตัวเล็กแต่เพราะสูงโปร่งเลยดูบอบบางไปเลย เกวลินกดบันทึกภาพรัวๆ นานๆ จะมีรูปถ่ายคู่กันนอกบ้านที แอบดีใจที่พี่ชายได้เจอคนรู้ใจที่เข้าอกเข้าใจกันดี ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวแอบถอนหายใจ บางทีเธอก็คิดว่าตัวเองฝันไปที่ได้คบกับอิทธิพล เขาดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง จนบางทีเธอก็คิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะยืนเคียงข้าง แต่เพราะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขายามที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เธอคิดได้ว่า...ขอแค่ทำให้เขามีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว“หนูกะทิอยู่นี่เอง”เสียงทักจากด้านหลังทำให้เกวลินหันไปส่งยิ้มพร้อมยกมือไหว้ทันที “สวัสดีค่ะคุณลาวัลย์ คุณเกริก”“เรียกเสียห่างเหินเชียว” คุณเกริกหัวเร
“จะดีเหรอคะ นานๆ เลี้ยงทีก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเลี้ยงบ่อยนักหรอก เดี๋ยวกะทินิสัยเสียเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมา พี่อิฐจะลำบากเอานะ” ตั้งแต่เคยมีแฟนมาก็มีคนนี้ที่บ่นว่าเขาเลี้ยงเธอบ่อยเกินไป อิทธิพลไม่รู้จะทำยังไงดี บางทีทำตัวก็เป็นเด็ก แต่บางครั้งก็เป็นคนมีเหตุผล “ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ พี่ชายกะทิบอกให้พี่ไปกินข้าวเย็นที่ร้านได้ กะทิจะได้ไม่ต้องออกมาส่งข้าวให้พี่กิน นี่พี่ก็ประหยัดมื้อเย็นไปอีกหนึ่งมื้อเชียวนะ” เกวลินคิดตามแล้วก็พยักหน้ารับ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่รู้ผิดว่าตัวเองเอาเปรียบเขามากไป “พี่ถามอะไรหน่อยสิ” “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพลางยกน้ำขึ้นดื่ม “พี่เห็นที่บ้านมีผู้ชายอีกคน ...คนนั้นใครเหรอ” “อ้อ!พี่วายุค่ะ” “แล้ว?” “เอ่อ...” เกวลินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะรังเกียจที่พี่ชายเธอเป็นเกย์ แต่อีกใจก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังทำไม พูดไปตรงๆ ดีกว่า “พี่วายุ...เป็นแฟนของพี่ตะโก้ค่ะ” “แฟน?” “อื้ม... ก็แฟนแบบเราสองคนนี้ไง”

Comments