แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลังจากที่หลินชิงเหยาได้สติ นางก็หัวเราะกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าหม่อมฉันจะเข้าไปยุ่งโดยมิจำเป็น วางพระทัยเถิดเพคะ องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะมิเข้ามารบกวนท่านอีก"

นางดูหดหู่ใจ ความโศกเศร้าจาง ๆ ยังคงอยู่บนใบหน้าอันบอบบางของนาง หลังจากพูดเช่นนั้นแล้วนางก็หันหลังเดินจากไป

สตรีผู้นี้มีความรู้สึกต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด!

ฉินซูยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พลันคว้าแขนขาวดั่งหยกอันละเอียดอ่อนของหลินชิงเหยาแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมอก

ร่างกายที่บอบบางของหลินชิงเหยาสั่นสะท้าน และตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้

เมื่อตระหนักรู้ตัวได้เช่นนั้นนางก็พยายามจะแยกตัวออก

นางเริ่มตะโกน

“องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้!”

ฉินซูยื่นมือออกมาเชยคางของนางแล้วจ้องมอง

เมื่อสบกับสายตาเจ้าเสน่ห์ของฉินซู หลินชิงเหยาก็อดมิได้ที่จะตะลึงเล็กน้อย

ตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นรูปลักษณ์อันหล่อเหลาขององค์รัชทายาทไร้ค่า คิ้วคมโดดเด่น และดวงตาที่น่าดึงดูด

และนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองนางด้วยสายตาอันลึกซึ้งเช่นนี้

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าอ๋องฉีฉินหงจะบอกว่าเขารักนางก็ตาม

แต่เขามักจะมองนางด้วยท่าทางวางตัวราวกับว่าความรักของเขาคือการกุศล ซึ่งทำให้หลินชิงเหยารู้สึกอึดอัดใจอยู่เสมอ

แต่การจ้องมองของฉินซู ทำให้นางรู้สึกอย่างแท้จริงว่าการได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันนั้นเป็นอย่างไร

ใจของนางเต้นระรัวอย่างดุเดือด

ใบหน้าอันงดงามละเอียดอ่อนนั้นแดงระเรื่อ สวยงามและสดใสราวกับเมฆในยามพระอาทิตย์ตกดิน

ทันใดนั้น ฉินซูก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากสีชมพูละเอียดอ่อนของนาง

“อื้ม...”

จิตใจของหลินชิงเหยาว่างเปล่า นางรู้สึกชาไปทั่วร่าง

ฉินซูจูบนางพลางโอบแขนรอบเอวบางของนาง

หลินชิงเหยาสงบสติอารมณ์และพูดด้วยท่าทีต่อต้าน “องค์รัชทายาท อย่าทำเช่นนี้ ปล่อย... ปล่อยหม่อมฉัน…”

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะปล่อยไปฉินซูกลับกอดนางแน่นขึ้น

ก่อนที่จะเดินทางข้ามมิติมา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก เขารู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้หากสตรีบอกปฏิเสธบุรุษก็จะทำตรงกันข้าม

ทว่า หลินชิงเหยายังคงต่อต้านอยู่เล็กน้อยในตอนแรก

แต่หลังจากที่ฉินซูจูบไปสักพักนางก็ตอบกลับอย่างเชื่องช้า

หัวใจของหลินชิงเหยาเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แก้มของนางร้อนผ่าว ร่างกายร้อนรุ่มมิเป็นระส่ำ นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เมื่อมือข้างหนึ่งของฉินซูจับอกสวยของหลินชิงเหยา ร่างบางของนางก็สั่นทันที นางคว้ามือของฉินซูและพูดอย่างเขินอาย “องค์รัชทายาท อย่า... อย่าทำเช่นนี้เพคะ”

เมื่อนางพูดเสียงของนางผลุนผลันเล็กน้อย และแก้มของนางก็แดงระเรื่อ

“แต่ตัวข้าต้องการ!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบก็พลันอุ้มนางขึ้นมาในอ้อมแขน และหันหลังกลับเดินไปที่ห้องบรรทม

หลินชิงเหยารู้สึกทึ่งกับท่าทีที่น่าหลงใหลของฉินซู แขนเรียวเล็กทั้งสองข้างของนางโอบรอบคอของฉินซูตามสัญชาตญาณ

เมื่อเดินมาถึงห้องบรรทม ฉินซูก็อุ้มหลินชิงเหยาไปที่เตียง

หลังจากนั้นทันที ห้องบรรทมก็เต็มไปด้วยเสียง “เอี๊ยดอ๊าด” แปลก ๆ

มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด

หลินชิงเหยาเหนื่อยล้าจากการถูกทรมาน แต่ในหัวใจนางก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง

นางแนบตัวเข้ากับแขนของฉินซูพลางจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของฉินซูโดยจมอยู่กับความคิด

มือใหญ่ของฉินซูลูบไล้ร่างขาวบางไร้ที่ติราวกับหยกของนางอย่างได้ใจ

ความงามเช่นหลินชิงเหยาน่าจะมีอยู่ในระดับเทพธิดาของโลกก่อนที่นางจะเดินทางข้ามมิติมา

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือนางมีบิดาเป็นเสนาบดีกรมพระคลังด้วย

ยามนี้ฉินซูโดดเดี่ยวในราชสำนัก หากเขาสามารถนำเสนาบดีกรมพระคลังมาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาได้ เช่นนั้นคงจะเป็นการสนับสนุนที่สำคัญอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่เขาเอาเปรียบหลินชิงเหยาก็คือ การที่อีกฝ่ายเต็มใจมาหาเขา แล้วเหตุไฉนมิใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เล่า?

ในขณะที่ฉินซูกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลินชิงเหยาก็พูดขึ้น

“องค์รัชทายาท หม่อมฉัน… หม่อมฉันต้องกลับแล้ว ดึกแล้วเพคะ”

“ไปสิ ภายหน้าหากเจ้ามีข้อมูลอื่นใดเจ้าก็มาหาข้าได้ตลอดเวลา ตัวข้าจะมิทำอันใดเลวร้ายกับเจ้า”

หลินชิงเหยาพยักหน้าเบา ๆ พลางสวมเสื้อผ้าแล้วนางก็เดินไปที่ประตูพร้อมหันกลับไปมองสามครั้ง

ลึก ๆ แล้วนางหวังว่าฉินซูจะรั้งนางไว้บ้าง

น่าเสียดายที่ฉินซูไม่มีความตั้งใจที่จะพูดเช่นนั้นเลย

นางมองไปที่ฉินซูอย่างมิพอใจ จากนั้นก็เปิดประตูแล้วเดินจากไป

ฉินซูก็ทำอะไรมิถูกเช่นกัน ลึก ๆ แล้วเขายังต้องการให้หลินชิงเหยาอยู่ต่อ ท้ายที่สุดแล้ว ในค่ำคืนอันยาวนานการมีสาวงามเช่นนางมาร่วมหลับนอนกับเขาก็คงจะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาเป็นเพียงองค์รัชทายาทไร้มงกุฎซึ่งมีแต่คนที่มิเป็นประโยชน์รอบตัวเขา

ยามนี้ยังมิควรที่จะเผชิญหน้ากับเสนาบดีกรมพระคลัง

มิเช่นนั้นหากอีกฝ่ายโกรธขึ้นมาและรายงานต่อองค์จักรพรรดิ ตำแหน่งของฉินซูในตำหนักบูรพาอาจจะสูญเสียไปก่อนที่จะถึงวันซุนเฟินปีหน้า

“เซี่ยหลานจากจวนชิ่งกั๋วกง…”

ฉินซูพึมพำกับตัวเอง ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในความทรงจำของเขา

น่าเสียดาย ในความทรงจำของเขาไม่มีความประทับใจต่อเซี่ยหลาน

เขาลูบคาง ครุ่นคิดถึงวิธีจัดการกับความท้าทายที่จะต้องเผชิญในภายหน้า

หากเขามิสนใจผลที่ตามมาเขาก็สามารถลงมือฆ่าคู่ต่อสู้ได้โดยตรง

แต่การทำเช่นนั้นย่อมทำให้องค์จักรพรรดิพิโรธอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

นอกจากจะกระตุ้นความหวาดระแวงของจักรพรรดิแล้ว จากนั้นก็คงได้มิคุ้มเสีย

ในขณะที่เขากำลังไตร่ตรองถึงมาตรการตอบโต้

ภายในสถานีหลวง

มู่หรงฟู่ตบโต๊ะอย่างแรงและกัดฟันพูด “ไอ้สารเลวฉินซู กล้าดีอย่างไรมาทำให้ข้าอับอายต่อหน้าธารกำนัล ขุนนางอาวุโสเฉิง เจ้าช่วยคิดให้เร็ว ๆ หน่อย หากไม่แก้แค้นฉินซู ความอัปยศอดสูนี้ข้ายอมทนมิได้”

หลังจากกลับมาจากพระราชวังมาที่สถานีหลวงแล้ว มู่หรงฟู่ก็ขังตัวเองอยู่ในห้องบรรทม และพยายามสงบสติอารมณ์

การอดทนครู่หนึ่งอาจนำมาซึ่งความสงบสุขชั่วคราว แต่เขามิเคยคาดคิดเลยว่าการถอยกลับ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น

ในที่สุดเขาก็ทนมิไหวอีกต่อไป จึงเรียกทูตของเป่ยเยี่ยนมาหารือเรื่องนี้

เฉิงจืออี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม “องค์ชาย อยู่ใต้ชายคาผู้อื่นก็ควรก้มหัวเอาไว้ การยั่วยุองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนในเวลานี้มิใช่เรื่องฉลาดเสียเท่าไร"

“แล้วเจ้าหมายความว่า ให้ตัวข้าเพิกเฉยต่อเรื่องที่ข้าโดนตบวันนี้รึ?” ใบหน้าของมู่หรงฟู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาและน้ำเสียงของเขาดังขึ้นเล็กน้อย

ทุกคนมองหน้ากันสักพักมิรู้จะตอบอย่างไร

มู่หรงฟู่ตะคอกอย่างเย็นชาและพูดต่อ “แม้ว่าเขาจะตบหน้าข้า แต่ที่เราเสียไปคือศักดิ์ศรีของเป่ยเยี่ยน!

หากเรื่องนี้ถูกรายงานกลับไปยังเป่ยเยี่ยน พวกเจ้าทุกคนจะถูกมองว่าเป็นขบถ ลองคิดดูเถอะ หากเรากลับไปแล้วพวกเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าเสด็จพ่ออย่างไร!”

“ขุนนางอาวุโสเฉิง ข้าเชื่อว่าเรามิอาจเพิกเฉยต่อเรื่องที่องค์ชายถูกตบพระพักตร์ได้ มิเช่นนั้น เป่ยเยี่ยนจะต้องเสียศักดิ์ศรี หากเรากลับไปแล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปยืนต่อหน้าพระพักตร์องค์จักรพรรดิเล่า”

“ใช่แล้ว ขุนนางอาวุโสเฉิง ฉินชูนั้นผยองเกินไป หากเรามิทำอะไรเลย มันจะทำให้เป่ยเยี่ยนของเราต้องอับอาย”

"ใช่ เราจะปล่อยไปมิได้ มิว่าอย่างไรเราจะต้องให้ฉินซูได้ชดใช้!"

ทุกคนต่างเริ่มพูด และฝูงชนก็ยิ่งดูโกรธมากขึ้น

เฉิงจืออี้โบกมือ และเสียงโห่ร้องตำหนิของฝูงชนก็หยุดลงทันที

“ทุกคน ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่อย่าลืมว่านี่คือเมืองหลวงของจักรพรรดิต้าเหยียน เรากำลังเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ หากเรามิระวังคำพูดและการกระทำ ราชสำนักจักรพรรดิต้าเหยียนก็จะมีข้อแก้ตัวมากมายที่จะทำให้เราเดือดร้อน”

สีหน้าของมู่หรงฟู่เคร่งขรึมขึ้นและเขาถามว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิง ยังต้องการให้ตัวข้าเพิกเฉยอีกหรือ?"

เฉิงจืออี้กะพริบตาสองสามครั้งแล้วพูดว่า "หากองค์ชายมิสามารถเพิกเฉยได้จริง ๆ เช่นนั้นกระหม่อมก็มีวิธีพ่ะย่ะค่ะ"

มู่หรงฟู่ก็รู้สึกตื่นเต้นในทันใด เฉิงจืออี้เลื่องชื่อด้านความเฉียบแหลมทางกลยุทธ์ วิธีการที่เขาคิดขึ้นมานั้นต้องมิธรรมดาเป็นแน่

ดังนั้นเขาจึงรีบถาม “วิธีของเจ้าคืออะไร? รีบบอกข้ามาสิ!"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Pasin Watcharawarin
สนุกมากๆครับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 848

    ไช่ซือได้สติ ก็แผดเสียงคำราม “พลโล่รีบจัดทัพ ล้อมมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้!”“เฮ!”ท่ามกลางเสียงคำรามกึกก้องนั้น พลโล่กรูเข้ามาตั้งวงล้อมรอบส่วนทหารที่เหลือก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังพลโล่ภายในวงล้อมนั้น ในมิช้าก็เหลือเพียงฉินซู เกาตงและไช่ซือซึ่งเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งกว่าใคร“เจ้าเป็นใคร จงเอ่ยนามมา!”เกาตงจ้องฉินซูอย่างดุดันแล้วตะโกนถามฉินซูยิ้มอย่างสุขุม มิได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่เศษเหล็กพวกนี้ คิดว่าจะขังข้าได้รึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”สิ้นคำเขาก็กระโจนร่างขึ้นสูง!“แย่แล้ว เขากำลังจะหนี! รีบหยุดมันไว้!”เกาตงสั่งการ พลหอกที่อยู่ด้านหลังพลโล่ก็รีบยกหอกขึ้นสูงแทงใส่ฉินซูที่อยู่กลางอากาศกระบี่ยาวในมือของฉินซูสะบัดหนึ่งครั้ง หอกเหล่านั้นก็หักกลางลำทันที!หลังจากนั้น ฉินซูมิเพียงแต่มิหนีไปไหน แต่กลับร่อนลงด้านหลังพลโล่ และสะบัดกระบี่ยาวในมืออีกคราเริ่มการสังหารอย่างบ้าคลั่งครั้นเห็นการกระทำของเขา เกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยโทสะจนต้องคำรามลั่น “กระจายกำลัง! รีบกระจายกำลังออกไป!”ขณะกล่าว เขาก็สั่งให้ไช่ซือและคนอื่น ๆ ไล่ตามฉินซูไปติด ๆแต่ฉินซูก็หาไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 847

    แต่ทันใดนั้นเอง!จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากที่ไกลออกไป!ตามด้วยเสียงคำรามโทสะ “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุก! รีบตั้งรับเร็วเข้า!!”เมื่อได้ยินดังนั้น เกาตงและไช่ซือก็ต่างหัวใจสั่นสะท้าน!เมื่อได้สติ เกาตงก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม “โคตรแม่งมันสิ กล้าลอบเข้ามาโจมตีกลางวันแสก ๆ เตรียมอาวุธ อย่าให้พวกมันรอดกลับไปได้!”“ขอรับ! เร็วเข้า! รีบเตรียมอาวุธรับมือ!”ไช่ซือสั่งการ เหล่าทหารที่ยังหลับใหลอยู่ต่างกระโดดออกมาจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะพร้อมรบทันใดพวกเขาติดตามเกาตงและไช่ซือวิ่งไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น ทว่าทุกคนกลับต้องตะลึงงัน!เห็นเพียงร่างหนึ่งอยู่มิไกลข้างหน้า กำลังพุ่งเข้าสังหารฝูงชน!นอกจากนี้ ยังไม่มีเงาร่างของศัตรูคนอื่นใดอีก!ไช่ซือมีสีหน้าตกตะลึง “เจ้าคนบ้าบิ่นคนเดียว กล้าบุกเข้าค่ายเราเชียวรึ?”“เจ้าคนสามานย์ คิดว่าค่ายทหารม้าหุ้มเกราะของเราจะยอมง่าย ๆ รึ นำดาบข้ามา ข้าจะลงมือสับมันเอง!”เกาตงรับดาบรบมาแล้วเตรียมจะลงมือด้วยตนเองไช่ซือรั้งตัวเขาไว้แล้วเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพเกา อย่าใจร้อนนักเลยขอรับ ดูท่าทีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”เกาตงขมวดคิ้วพลางมองไปยังก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status