"ร้านเพ้นท์สวัสดีค่าาา เชิญนั่งได้เลยค่ะ" ธารณ์กวาดสายตามองรอบๆ ร้านพลางยกยิ้มตอบกลับพนักงานที่ส่งเสียงทักทายต้อนรับ
ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งมุมด้านในของร้าน ระหว่างที่รอพนักงานนำเมนูมาให้ก็สำรวจบรรยากาศรอบๆ ที่ร้านเป็นทั้งคาเฟ่และร้านอาหารขนาดกลางๆ ดูอบอุ่นสบายๆ เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งเป็นโทนสีอ่อน ภายนอกคาเฟ่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้สีเขียวชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
มีกระถางใส่ต้นกระบองเพชรอันจิ๋วถูกวางประดับไว้ทุกโต๊ะของร้านเรียกความสดชื่น กลิ่นหอมของกาแฟและกลิ่นหวานๆ ของขนมอบใหม่ๆ กรุ่นกระจายอยู่ทั่วร้านชวนให้ท้องหิว
ร้านน่ารักดี
ความจริงตรงนี้เขาเห็นเป็นตึกร้างมานาน เห็นไอ้หมอกบอกอยู่ว่าเหมือนจะเป็นที่ของครอบครัวหมอเจตน์เพื่อนร่วมงานของเขาเอง ยังคิดอยู่เลยว่าปล่อยไว้ทำไมตั้งนานที่ทำเลดีขนาดนี้ แต่พอมาเห็นร้านคาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้ก็อดรู้สึกดีไม่ได้
โรงพยาบาลยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีน้ำตามากที่สุด เขาผ่านความรู้สึกของการมองคนที่ทั้งสูญเสีย ทั้งตั้งความหวัง และทั้งหมดหวังมาหมดแล้ว
อย่างน้อยหากคาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้จะพอฮีลใจใครได้บ้างในระหว่างมาเฝ้าไข้ มารอผลตรวจ หรือดูใจ....
หากมันพอจะทำให้จิตใจสงบขึ้นมาได้บ้างเขาก็ยินดีจะแนะนำมา
"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า นี่จะเป็นเมนูของทางร้านนะคะ อีกสักพักจะกลับมารับออดเดอร์ค่ะ" ธารณ์ยกยิ้มตอบกลับพนักงานอัธยาศัยดีที่เอ่ยทักทายเขาตั้งแต่หน้าร้าน
เขาเปิดดูเมนูคร่าวๆ พบว่าอาหารจะมีทั้งของหวานและของคาวสไตล์ฟิวส์ชั่นง่ายๆ ร่างสูงจึงเลือกสั่งอาหารง่ายๆ อย่างข้าวผัดอเมริกัน และลาเต้เย็นไปหนึ่งแก้วเมื่อพนักงานคนเดิมมารับออเดอร์
"รออาหารสักครู่นะคะ" คนตัวสูงมองตามร่างเล็กของคนที่รับออเดอร์ไป จากที่สัมผัสไม่น่าจะใช่คนนี้ที่ส่งกาแฟมาให้เขา ดูจากการที่เธอสนใจเขาอย่างพนักงานทั่วไป ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ
ธารณ์มองไปทั่วร้านเห็นคนนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับคอมพิวเตอร์ บ้างก็นั่งคุยกันเสียงเบาอยู่สองสามโต๊ะ เมื่อเห็นดังนั้นตัวเขาจึงก้มหน้าดูสมาร์ทโฟนของตนเองบ้าง
สักพักหนึ่งพนักงานคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับถาดที่มีเครื่องดื่มและจานอาหาร ธารณ์ที่ติดตอบข้อมูลกับหมออีกคนอยู่จึงพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย เมื่อเธอทวนเมนูที่นำมาส่ง พอจัดการกับเรื่องงานเรียบร้อยจึงวางโทรศัพท์ข้างตัว ตั้งใจจัดการกับอาหารที่สั่งไป
แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าร่างสูงถึงกับขมวดคิ้วเข้มแปลกใจ เงยหน้าหันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบใครนอกจากพนักงานคนเดิมที่จัดเรียงขนมอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้ามองอาหารในจานอีกครั้ง
ข้าวผัดอเมริกันแบบที่เขาเคยกินก็ไม่ได้ผิดแผกไปจากที่เขาเคยเจอ แต่เป็นไข่ดาวที่เป็นรูปหัวใจ และด้านในที่มีซอสมะเขือเทศวาดเป็นรูปรอยยิ้มต่างหากที่ทำให้เขาแปลกใจ
ร่าสูงรีบยกแก้วกาแฟขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นรูปวาดรูปเดียวกับเมื่อวานจึงแอบชำเลืองมองดูโต๊ะที่นั่งเยื้องๆ กันอยู่ เมื่อเพ่งดูบนแก้วกาแฟของโต๊ะนั้นไม่มีรูปเหมือนเขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปทางหน้าเคาน์เตอร์ทันที
"ขอโทษนะครับ"
"คะ? ต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่าคะคุณลูกค้า" วราลีหันหลังกลับมาถามขึ้นอย่างงุนงง
"คือ...ผมจะขอพบคนที่ทำอาหารให้ผมได้ไหม"
"เกิดอะไรขึ้นคะลูกค้า มีปัญหาอะไรรึเปล่า"
"ไม่มีครับ....ไม่มี ผมแค่มีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย" ธารณ์รีบอธิบายเมื่อเห็นท่าทีแตกตื่นของพนักงานสาว เข้าใจว่างานบริการและเป็นร้านอาหารแบบนี้ หากลูกค้าขอพบเชฟก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน
"ถ้าอย่างนั้นสักครู่นะคะ" ธารณ์มองตามหลังพนักงานคนเดิมไป ในหัวครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้รับ
ใช่แน่ๆ คนนี้แน่ๆ ที่ส่งกาแฟให้เขา และที่สำคัญเจ้าตัวรู้ด้วยว่าตอนนี้เขาอยู่ในร้านถึงทำแบบนั้นออกมาให้
"เอ่อ...คุณลูกค้าคะ พอดีคุณเพ้นท์ติดทำออเดอร์ เธอแจ้งว่าอีกสักพักจะออกมาให้คุณทานไปก่อนเลย"
เพ้นท์เหรอ? เป็นเจ้าของร้านสินะ
"ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะครับ" เขาจึงตอบรับง่ายๆ ไม่วุ่นวาย เพราะเธอคงจะติดทำออเดอร์อย่างที่พูดจริงๆ ดูจากที่มีคนขับรถเดลิเวอรี่มารอรับอาหาร
เมื่อเป็นแบบนั้นร่างสูงจึงไม่มีทางเลือก เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม ลงมือกินอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วตามวิสัยหมอ แต่สายตาก็ยังสอดส่องไปทางเคาน์เตอร์เป็นระยะๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองกินหมดไปตอนไหน
อร่อยใช้ได้แฮะ
ธารณ์แอบชมในใจแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะสำลักตกใจเมื่ออยู่ๆ มีแรงสะกิดจากด้านหลัง
"แค่กๆ"
"อ้าวหมอไทม์! เป็นอะไรไหมคะ" ธารณ์เงยหน้ามองคนที่เอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนม ทีแรกก็รู้สึกว่าคุ้นๆ เสียงแต่เมื่อมองหน้าคนที่มาสะกิดทักจากทางด้านหลังก็ผงะตกใจ
"คุณ!" เขาอ้าปากเหวอมองหน้าเธออย่างตกใจ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็น พูดไม่ออกไปชั่วขณะนิ่งอึ้งไปหลายวินาที
"หมอไทม์" คนตัวสูงกะพริบตาสองสามทีอย่างมึนงงเมื่อคนตัวเล็กโบกมืออยู่ตรงหน้า
"คุณ...มาได้ไง"
"อ่า....พี่ไทม์ลืมที่เพ้นท์พูดไปเถอะค่ะ" คนที่ดีใจจนเผลอลืมตัวพูดเรื่องแฟนเก่ารีบตอบกลับเสียงอ่อยๆ"ลืมไม่ได้หรอก พูดมาสิ""...""เล่ามา" เมื่อเขาพูดย้ำอีกเสียงเรียบเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องที่รู้มา"คือเพ้นท์เพิ่งรู้ว่าความจริงพี่พายไม่ได้แย่งพี่..เอ่อ เขาไป แต่พี่พายไปได้ยินว่าเขาพูดถึงเพ้นท์เสียๆ หายๆ แล้วจะหลอกพาเพ้นท์เข้าโรงแรม พี่พายเลยแกล้งไปตีสนิท จะได้พิสูจน์ด้วยถ้าเขารักเพ้นท์จริงจะต้องไม่สนใจพี่พาย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาเลือกที่จะนอกใจเพ้นท์" เธอเอ่ยเล่ารวบรัด จะได้พูดถึงแฟนเก่าให้น้อยที่สุด"..." ธารณ์นิ่งฟัง ทดไว้ในใจถึงไอ้ที่ชื่อก้องภพ บังอาจจะมาลากเมียกูเข้าโรงแรม!"พี่ไทม์โกรธเหรอคะ" เธอเอ่ยถามคนรักเสียงอ่อย เมื่อเห็นเขานิ่งไป"พี่ไม่ได้โกรธเรา" แต่ไอ้เหี้ยนั่น! ได้เจอกันแน่"แล้วทำไมเงียบไป""พี่แค่ดีใจที่เพ้นท์มีพี่สาวที่ดี" เขาพอรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ถูกกัน แต่การที่เรวิกาทำแบบนี้กับเพ้นท์ แปลว่าลึกๆ แล้วก็คงรักและเป็นห่วงน้องสาวอยู่เหมือนกัน"นั่นสิคะ วันนี้เพ้นท์ดีใจมาก เหมือนได้ครอบครัวกลับมาเลย รู้สึกตัวเองโชคดีชะมัด ที่มีครอบครัวที่ดี" เธอยกยิ้มก
"พี่ไทม์คะ ชุดนี้มาได้ยังไง" รวีธารคว้าชุดเดรสสีหวานที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า เลิกคิ้วมองคนรักงงๆ"พี่สั่งมาให้ น่ารักดี""อีกแล้วเหรอคะ อาทิตย์นี้สามชุดแล้วนะ"ธารณ์เดินมาหาคนที่หน้ายู่ ฉุดแขนคนรักให้นั่งลงบนตัก หลังจากที่ตนเองทรุดนั่งลงบนเตียง โอบกอดคนตัวเล็กแน่น จมูกโด่งซุกไซ้จากทางด้านหลัง ในขณะที่มือเคลื่อนเข้าไปในเสื้อตัวหลวม"ก็พี่เห็นแล้วอยากให้เพ้นท์ใส่นี่""พี่จะเห็นอะไรแล้วซื้อทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้ค่ะ" เธอปรามคนรักเสียงเข้มเพี๊ยะ!"โอ๊ย! เพ้นท์" เขาร้องลั่นทันทีเมื่ออยู่ๆ โดนคนตัวเล็กตีมือเสียงดัง"อย่าเนียนค่ะ""ไม่ได้เนียนสักหน่อย" เขาตอบกลับก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มร่างบาง"พี่ไทม์อะ! พอเลยมาคุยกันก่อน" เมื่อเห็นคนรักเริ่มโวยวาย เจ้าตัวจึงอุ้มคนตัวเล็กมานั่งข้างกัน หันหน้าเธอมาสบสายตา เอ่ยถามเธอ"ว่าไงครับ""เพ้นท์รู้สึกว่าของพี่ไทม์เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าก็จะเต็มตู้แล้ว" รวีธารชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าที่นับวันของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนจะเยอะกว่าครั้งก่อนที่เขาขนเสื้อผ้ามาอยู่กับเธออีกพอมาคิดๆ ดูก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะหลังๆ ธารณ์มักจะเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ มาใส่เสมอ ขนจาก
รวีธารสบตากับคนที่มองกันอยู่ทั้งน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน "พี่ไทม์...รักเพ้นท์จริงๆ เหรอคะ""พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เราเชื่อได้ไหม แต่พี่ยืนยันได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใคร พี่ไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่เคยเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับใครที่ไหน ไม่เคยมาตามง้อใครแบบนี้ด้วย" สิ่งที่เขาพูดมา มันก็คงจะเหมือนที่พี่ชากับพี่นาวบอก ว่าบางอย่างการกระทำอาจจะชัดเจนกว่าคำพูด"แล้ว...พี่ไทม์รู้เรื่องเกี่ยวกับเพ้นท์แล้วใช่ไหม" การที่เขาได้เปิดใจคุยกับเฮีย แปลว่าเขาน่าจะรู้เรื่องปูมหลังของเธอ "เพ้นท์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นตัวอัปมงคลของบ้าน""เพ้นท์อย่าพูดแบบนี้" เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น "ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเราเลย สิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่มีใครห้ามได้""แล้วพี่ไทม์ โอเคใช่ไหม""พี่รักเพ้นท์ ไม่ได้รักปัจจัยอะไรทั้งนั้น ของพวกนั้นไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกว่าคุณค่าเราจะลดลงสักนิด" ไม่เกี่ยวเลยว่าเธอจะเป็นลูกเต้าใคร ใครจะเป็นเมียหลวงเมียน้อย เขารักที่เธอเป็นเธอแค่นั้น"พี่ไทม์...""เพ้นท์พี่รู้...ที่ผ่านมา พี่ไม่เคยพยายามอะไรให้เห็นเลย ขนาดจีบพี่ยังไม่เคยทำ แต่ถ้าจะให้พี่มาตามจีบเรากลับพี่คงทนไม่ไหว ไม่ใช่พี่จะอดทนเพื่อเ
"ตอนนี้คุณไทม์ยังโทรมาไม่หยุดเลยค่ะ" รวีธารหน้าเจื่อนโชว์หน้าจอให้พี่สาวทั้งสองคนดู ใบชาปรายตามองก่อนจะเอ่ยตอบกลับ"ไม่ต้องสนใจเพ้นท์ ใจแข็งไว้""ใช่ เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนั้นนั่นแหละผิด" ตามด้วยลัลนาที่พูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง"พี่นาวกับพี่ชาโกรธมากเลยเหรอคะ ความจริงไม่ใช่ความผิดหมอพีร์กับหมอหมอกเลยนะคะ เป็นเพราะคุณไทม์ต่างหาก" คนที่คล้ายเป็นต้นเหตุพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกัน"เพ้นท์อย่างพวกพี่จะไปโกรธอะไรพวกนั้น" ใบชาหัวเราะน้อยๆ ตอบกลับยิ้มๆ"อ้าว ก็เห็นพวกพี่ดูโกรธมาก แถมหนีกันมาอีก""พวกพี่ไม่ได้โกรธ แล้วก็ที่มานี่ไม่ได้หนี แต่อยากมา" ดาราสาวตอบกลับอย่างเอ็นดู"อยากมาเหรอคะ?""เห้อ! น้องน้อย เราซึมซับบรรยากาศเที่ยวแบบนี้ไว้นะ เพราะต่อไปเราจะไม่ได้มาอีก" ใบชาเอ่ยเตือน"ทำไมคะ?""ก็หมอไทม์ไม่มีทางปล่อยให้เรามา เหมือนกับหมอกแล้วก็คุณพีร์ไง""อ้าว แล้วที่เรามานี่คือ...""พวกพี่อยากมา เลยถือโอกาสแกล้งงอนไปเลย อย่างน้อยเที่ยวที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ที่นี่ก็ไม่เลว" ลัลนายกตอบกลับยิ้มๆ ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม"นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย""หมายถึงเรื่องไหน เรื่องที่พวกพี่แกล้งงอน ห
รวีธารมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากว้างกลางห้อง หลังจากที่กลับมาถึงรีสอร์ต เขาก็ขอเข้ามาพักในห้องเธอก่อนเนื่องจากตัวเขายังไม่ทันได้จองห้อง มาถึงก็ไปตามหาเธอเลย คนตัวสูงส่งยิ้มมาให้เมื่อเห็นเธอยังคงจ้องมองนิ่ง ปากก็บ่นว่าปวดขาปวดตัวอะไรสักอย่าง"คุณอยากได้อะไรไหม" เธอไม่รู้ว่าเขาอยากได้ยา หรือของกินอะไรไหม"พี่แค่อยากอยู่กับเพ้นท์" รวีธารไม่ตอบอะไร เดินไปหยิบขนมปังที่เธอซื้อตุนไว้เผื่อหิวช่วงกลางคืนเนื่องจากรีสอร์ตแห่งนี้ เน้นการพักผ่อนแบบธรรมชาติ จึงค่อนข้างห่างไกลในตัวเมืองหรือร้านค้าพอสมควร"กินนี่รองท้องก่อนค่ะ" คนตัวสูงหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ยื่นมือไปรับขนมปังจากเธอ แกะกินรองท้องอย่างที่คนตัวเล็กบอก เพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า"ถ้าพี่จะรบกวนเพ้นท์สั่งข้าวให้พี่ได้ไหม พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" ร่างบางมองคนที่ขอร้องท่าทางน่าสงสาร ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ จัดการสั่งอาหารตามที่เขาบอก"นั่งรออยู่นี่ค่ะ เดี๋ยวเขามาส่ง" เธอบอกเขาก่อนจะผุดลุกขึ้น เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย"เพ้นท์ไปไหน" คนตัวสูงละล้าละลังฉุดมือเธอเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนี หัวใจร้อนรนไปหม
"เดี๋ยวจอดตรงนี้ให้กูก่อน กูจะเข้ารีสอร์ต" ธารณ์บอกเพื่อนที่ขับรถอยู่ให้จอด เมื่อกำลังจะผ่านรีสอร์ตของหมอพีร์ ที่ตากับยายมันเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำโรงแรม"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอมึง" รพีภัทรเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของมัน"คุณนาวครับตอนนี้เพ้นท์อยู่ไหนครับ""นาวก็ไม่รู้สิคะ น้องตัวคนเดียวคงไม่ต้องมาคอยบอกใครหรอกว่าไปไหน" ธารณ์หน้าเจื่อนๆ ลอบมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่บนรถเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่านั่งเงียบตั้งแต่เจอกันที่สนามบินหลังจากที่เมื่อคืนเพื่อนสนิททั้งสองคนกลับบ้าน ตัวเขาที่นั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อก็ได้รับข่าวดี ทั้งสองยอมบอกแล้วว่าเพ้นท์อยู่ที่ไหน ซึ่งไอ้หมอทั้งสองคนต้องบรรยายความน่าสงสารอย่างหนัก กว่าจะยอมบอกแต่ก็ต้องแลกมากับการที่พวกเขาสามคนโดนเมินกันหมด ถามคำก็ตอบคำ"ถ้ายังไงมีอะไรก็โทรมานะมึง" อวัศย์ยิ้มแหยๆ บอกเพื่อนก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อเห็นคนรักปรายตาดุๆ มองมาหลักๆ คือพวกเขาสองคนโดนตึงๆ ใส่เพราะดื้อดึงจะตามมาด้วยนี่แหละเรื่องไอ้ไทม์ไม่ค่อยเท่าไหร่ ทีแรกพวกเธอแพลนกันจะเที่ยวกันตามประสาสาวๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมเขากับไอ้พีร์ไม่ยอมลูกเดียว สุดท้ายก็