"ร้านเพนท์สวัสดีค่าาา อ้าว! คุณลูกค้าสวัสดีค่ะ วันนี้มาเร็วนะคะ" พนักงานสาวอัธยาศัยดีเอ่ยทักทายลูกค้าหนุ่มที่แวะมาทานอาหารสองวันติด ซึ่งวันนี้คือวันที่สาม
"ครับ" คนที่บอกจะไม่มาเหยียบร้านนี้อีกตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะใหญ่มุมสุดด้านใน ที่มีเสียงของบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพนั่งคุยกันอยู่
"อ้าวหมอไทม์ มาเลยๆ นั่งตรงนี้เลย"
"ครับอาจารย์" ธารณ์ตอบรับสั้นๆ เดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ว่างที่อาจารย์หมอรุ่นพี่เว้นไว้ให้
"ไงมึง" ก่อนจะเอ่ยทักทายหมอเจตน์ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว "ไม่มีเคสเหรอ"
"เออ มึงล่ะคอนเซาท์มาอะดิ" เจตน์ตอบรับสั้นๆ ก่อนจะถามกลับเมื่อเห็นท่าทีอิดโรยของเพื่อน
"เออ จารย์นพโคตรดื้อเลย ไม่ฟังใครเลย" ธารณ์อดบ่นหมอนพวอร์ดกุมารเวชไม่ได้ รู้ว่าเพื่อนหมอคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดไว้ใจได้เลยระบายกับมัน
"อย่างกับมึงไม่เขี้ยว" เจตน์ตอบกลับแทบจะทันทีเมื่อเพื่อนพูดจบ ทำงานกับมันมาทำไมจะไม่รู้ เห็นมันยิ้มๆ ท่าทางไม่มีอะไร หากเป็นเรื่องงานเรียกได้ว่า เอาเรื่อง ทีเดียว ยังคิดอยู่เลยถ้ามันเอาจริงมีเหรอหมอนพจะดื้อใส่ได้
"แล้วนี่ถึงไหนกันแล้ว" หมอไทม์เพยิดหน้าไปยังบรรดาหมอๆ ที่นั่งคุยกันอยู่ นี่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมไม่นัดคุยกันที่ห้องประชุมดีๆ ของทางโรงพยาบาล มานั่งหมกกันอยู่ตรงนี้ทำไม
"ไม่รู้ไม่ได้ฟัง" ธารณ์หัวเราะในลำคอเสียงเบาเมื่อเพื่อนพูดจบ พอจะเข้าใจได้เมื่อมีแต่บรรดาหมอๆ โชว์ภูมิกัน ตัวเขาโชคดีหน่อยที่ติดเคสเลยมาสายได้เล็กน้อย ส่วนหมอเจตน์คงนั่งฟังมาได้สักพักแล้ว
"อาหารได้แล้วค่ะ" เสียงคุ้นหูดังแทรกเข้ามาด้านหลัง ตามด้วยข้าวผัดอเมริกันเมนูที่เขาเขียนใส่กระดาษไว้เมื่อวานถูกวางลงบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เพิ่งยื่นคำขาดไปว่า ไม่มีวันมาเหยียบที่นี่อีก เป็นคนมาเสิร์ฟ คุณหมอหนุ่มจึงเบือนหน้าหนีสนอกสนใจอาหารตรงหน้าทันที
ไม่ทันได้เห็นคนมาเสิร์ฟที่ยิ้มหวานเก้ออยู่
"หือ หมอไทม์น่ากินจัง" หมอหวันที่นั่งอยู่อีกฝั่งพูดขึ้นทันทีเมื่อมีอาหารมาวางตรงหน้าเขา
"นั่นดิ แล้วทำไมถึงมีรูปหัวใจนั่นด้วยล่ะ" ตามด้วยหมอศิทย์ที่เอะใจกับรูปแปลกๆ ที่วาดอยู่บนไข่ดาว
เมื่อวานก็ลืมกำชับว่าไม่ต้องวาดอะไรพวกนี้มาแล้ว!
"คอนเซปต์ร้านมั้งครับ" ธารณ์ตอบกลับง่ายๆ ใช้ช้อนเขี่ยๆ ละเลงจนไข่ดาวสีขาวเป็นสีแดง
"น่ารักเนอะ เจ้าของร้านก็น่ารัก"
"หมอหวันครับ พูดแบบนี้เดี๋ยวคุณพู่ก็มาแหกอกหรอก" หมอศิทย์รีบพาดพิงถึงหัวหน้าพยาบาลวอร์ดกุมารเวชที่เป็นภรรยาของหมอหวันทันที
"ผมก็แค่พูดเฉยๆ ของสวยๆ งามๆ ก็ต้องชมสิ" ธารณ์ละความสนใจจากบทสนทนาข้างหู เงยหน้ามองหญิงสาวที่เป็นหัวข้อการสนทนา ก่อนจะก้มหน้าหลบแทบไม่ทันเมื่อเธอมองกันอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งยังโบกมือยิ้มร่าทักทายอยู่หลังเคาน์เตอร์นั่นอีก
"อะไร?" ร่างสูงเลิกคิ้วถามเพื่อนร่วมวอร์ดที่นั่งข้างกัน เมื่อเห็นมันมองมาด้วยสายตาคล้ายสงสัยอะไรบางอย่าง
"เปล่า" เมื่อหมอเจตน์ตอบมาแค่นั้น ตัวเขาจึงเร่งมือกินอาหารในจานต่อ ตั้งใจรีบกินแล้วจะแกล้งแชทบอกไอ้หมอกให้รีบทำเป็นโทรตามสักหน่อย ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นานไปมากกว่านี้
ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์นั่น หรือรำคาญสองคนข้างๆ ที่เอาแต่พูดถึงเจ้าของร้านไม่หยุดกันแน่!
"ไอ้ไทม์จะรีบไปไหน" อวัศย์ที่เดินผ่านหน้าห้องเพื่อนสนิทเห็นมันเดินออกมาจากห้องท่าทางเร่งรีบจึงเอ่ยรั้งมันไว้
"มึงไม่มีการมีงานทำรึไง ทำไมกูต้องเจอมึงตลอด" ธารณ์เอ่ยถามลูกเจ้าของโรงพยาบาลน้ำเสียงเซ็งๆ
"อ้าว ไอ้นี่ กูก็เดินผ่านปกติไหมนั่น มึงนั่นแหละรีบไปไหน"
"ร้านกาแฟ"
"ร้านกาแฟ....ไหนน้าาาา"
"มึงนี่เสือกเรื่องกูทุกเรื่อง ร้านตรงข้ามนั่นแหละ" ร่างสูงตอบกลับอย่างรำคาญ
"อ้ออออ ร้านที่เมื่อกลางวันมึงไปกินข้าวอะนะ"
"เออ" ธารณ์ถอนหายใจเซ็งๆ "กูไปได้ยัง?"
"อะไรวะ เมื่อกลางวันก็ไปนั่งเฝ้าเขา ตอนเย็นก็ตามไปเฝ้าเขาอีก สมเป็นเพื่อนไอ้พีร์จริงๆ" หมอหมอกแซวเพื่อนอย่างอารมณ์ดี พาดพิงถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ชอบไปนั่งเฝ้าแฟนสาวที่เป็นดาราถึงกองถ่าย
"เฝ้าห่าอะไร กูลืมสมุดปากกา" นี่ไงถึงไม่อยากจะเจอมัน! ดูท่าทางแล้วเรื่องนี้อีกสักพักก็น่าจะถึงหูรพีภัทรอีกคน
"อ้อ จงใจรึเปล่า" ธารณ์ไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ไล่ตามหลังมา หลังจากเขาตอบกลับมันแบบไม่มีเสียง ซึ่งเป็นคำที่มักจะใช้พูดกันเฉพาะตอนอยู่ข้างนอกที่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล และเป็นคำหยาบที่ไม่สามารถออกอากาศได้
ถึงอย่างนั้นยังไงก็ต้องด่ามันหน่อยเถอะ! จะวุ่นวายอะไรขนาดนั้น
วิสัญญีแพทย์หนุ่มเร่งฝีเท้าไปยังทางเดิมที่หลายวันมานี้เขามักจะเดินไปที่นั่นบ่อยๆ เซ็งตัวเองไม่น้อยที่เผลอลืมของสำคัญเอาไว้ อุตส่าห์ประกาศไปซะดิบดีว่าจะไม่ไปเหยียบร้านนั้นอีก แต่วันนี้กับโผล่ไปถึงสองรอบ
พอเป็นช่วงเย็นทำให้ร้านกาแฟผู้คนไม่หนาแน่นเท่าตอนเช้าหรือตอนกลางวัน ธารณ์มองเข้าไปไม่เห็นเจ้าของร้านยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ อีกทั้งลูกค้าก็ค่อนข้างบางตา จึงตั้งใจว่าจะรีบไปถามหาของและออกมา แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าไป กลับพบร่างเล็กคุ้นตายืนลับๆล่อๆ อยู่ตรงมุมตึกใกล้ๆ ร้าน
"เทียร์?"
"พี่ไทม์! มาได้ไง?" ธิติมาอุทานด้วยความตกใจ ที่อยู่ๆ พี่ชายตนเองมาสะกิดเรียกจากทางด้านหลัง
"พี่สิต้องถามว่าเรามาได้ไง นี่โรงบาลที่พี่ทำงานจะมาแถวนี้ก็ไม่แปลก"
"คือ...เทียร์" ธิติมาอ้ำๆอึ้งๆ ไม่กล้าตอบเมื่อเห็นสายตาจับผิดของพี่ชายที่ส่งมา
"มาตามไอ้เจตน์อีกแล้วใช่ไหม?"
"อะไรเล่า! เทียร์ก็แค่จะมาชวนพี่เจตน์ไปกินข้าว" ธิติมากระเง้ากระงอดตอบพี่ชาย
"มันคงไปหรอก" ธารณ์ตอบกลับน้องไม่เกรงใจ รู้ดีว่าเพื่อนตนเองไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับน้องสาว
"ก็คงงั้น"
"เป็นไร แล้ววันนี้ทำไมยอมง่ายจัง" เมื่อเห็นน้องสาวตอบกลับหงอยๆ ยังไงความเป็นพี่ชายก็อดห่วงไม่ได้ ปกติน้องสาวเขายอมง่ายๆ แบบนี้ซะที่ไหนต้องตามตื๊อจนถึงที่สุดนั่นแหละ
"ก็ต้องยอมแหละ เขาคงมีนัดแล้ว" ธารณ์หันหลังมองตามที่น้องสาวเพยิดหน้าไป หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคนสองคนที่เขารู้จักทั้งคู่เดินออกจากร้านมาพร้อมกัน
คนหนึ่งเป็นเพื่อนหมอวอร์ดเดียวกัน และเป็นคนที่น้องสาวเขาหมายปองมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนอีกคน....
เป็นคนที่เขาพยายามจะหลบหน้าอยู่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา....
หมอเจตน์กับเพ้นท์....มาด้วยกันได้ไง?
"อ่า....พี่ไทม์ลืมที่เพ้นท์พูดไปเถอะค่ะ" คนที่ดีใจจนเผลอลืมตัวพูดเรื่องแฟนเก่ารีบตอบกลับเสียงอ่อยๆ"ลืมไม่ได้หรอก พูดมาสิ""...""เล่ามา" เมื่อเขาพูดย้ำอีกเสียงเรียบเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องที่รู้มา"คือเพ้นท์เพิ่งรู้ว่าความจริงพี่พายไม่ได้แย่งพี่..เอ่อ เขาไป แต่พี่พายไปได้ยินว่าเขาพูดถึงเพ้นท์เสียๆ หายๆ แล้วจะหลอกพาเพ้นท์เข้าโรงแรม พี่พายเลยแกล้งไปตีสนิท จะได้พิสูจน์ด้วยถ้าเขารักเพ้นท์จริงจะต้องไม่สนใจพี่พาย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาเลือกที่จะนอกใจเพ้นท์" เธอเอ่ยเล่ารวบรัด จะได้พูดถึงแฟนเก่าให้น้อยที่สุด"..." ธารณ์นิ่งฟัง ทดไว้ในใจถึงไอ้ที่ชื่อก้องภพ บังอาจจะมาลากเมียกูเข้าโรงแรม!"พี่ไทม์โกรธเหรอคะ" เธอเอ่ยถามคนรักเสียงอ่อย เมื่อเห็นเขานิ่งไป"พี่ไม่ได้โกรธเรา" แต่ไอ้เหี้ยนั่น! ได้เจอกันแน่"แล้วทำไมเงียบไป""พี่แค่ดีใจที่เพ้นท์มีพี่สาวที่ดี" เขาพอรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ถูกกัน แต่การที่เรวิกาทำแบบนี้กับเพ้นท์ แปลว่าลึกๆ แล้วก็คงรักและเป็นห่วงน้องสาวอยู่เหมือนกัน"นั่นสิคะ วันนี้เพ้นท์ดีใจมาก เหมือนได้ครอบครัวกลับมาเลย รู้สึกตัวเองโชคดีชะมัด ที่มีครอบครัวที่ดี" เธอยกยิ้มก
"พี่ไทม์คะ ชุดนี้มาได้ยังไง" รวีธารคว้าชุดเดรสสีหวานที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า เลิกคิ้วมองคนรักงงๆ"พี่สั่งมาให้ น่ารักดี""อีกแล้วเหรอคะ อาทิตย์นี้สามชุดแล้วนะ"ธารณ์เดินมาหาคนที่หน้ายู่ ฉุดแขนคนรักให้นั่งลงบนตัก หลังจากที่ตนเองทรุดนั่งลงบนเตียง โอบกอดคนตัวเล็กแน่น จมูกโด่งซุกไซ้จากทางด้านหลัง ในขณะที่มือเคลื่อนเข้าไปในเสื้อตัวหลวม"ก็พี่เห็นแล้วอยากให้เพ้นท์ใส่นี่""พี่จะเห็นอะไรแล้วซื้อทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้ค่ะ" เธอปรามคนรักเสียงเข้มเพี๊ยะ!"โอ๊ย! เพ้นท์" เขาร้องลั่นทันทีเมื่ออยู่ๆ โดนคนตัวเล็กตีมือเสียงดัง"อย่าเนียนค่ะ""ไม่ได้เนียนสักหน่อย" เขาตอบกลับก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มร่างบาง"พี่ไทม์อะ! พอเลยมาคุยกันก่อน" เมื่อเห็นคนรักเริ่มโวยวาย เจ้าตัวจึงอุ้มคนตัวเล็กมานั่งข้างกัน หันหน้าเธอมาสบสายตา เอ่ยถามเธอ"ว่าไงครับ""เพ้นท์รู้สึกว่าของพี่ไทม์เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าก็จะเต็มตู้แล้ว" รวีธารชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าที่นับวันของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนจะเยอะกว่าครั้งก่อนที่เขาขนเสื้อผ้ามาอยู่กับเธออีกพอมาคิดๆ ดูก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะหลังๆ ธารณ์มักจะเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ มาใส่เสมอ ขนจาก
รวีธารสบตากับคนที่มองกันอยู่ทั้งน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน "พี่ไทม์...รักเพ้นท์จริงๆ เหรอคะ""พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เราเชื่อได้ไหม แต่พี่ยืนยันได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใคร พี่ไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่เคยเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับใครที่ไหน ไม่เคยมาตามง้อใครแบบนี้ด้วย" สิ่งที่เขาพูดมา มันก็คงจะเหมือนที่พี่ชากับพี่นาวบอก ว่าบางอย่างการกระทำอาจจะชัดเจนกว่าคำพูด"แล้ว...พี่ไทม์รู้เรื่องเกี่ยวกับเพ้นท์แล้วใช่ไหม" การที่เขาได้เปิดใจคุยกับเฮีย แปลว่าเขาน่าจะรู้เรื่องปูมหลังของเธอ "เพ้นท์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นตัวอัปมงคลของบ้าน""เพ้นท์อย่าพูดแบบนี้" เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น "ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเราเลย สิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่มีใครห้ามได้""แล้วพี่ไทม์ โอเคใช่ไหม""พี่รักเพ้นท์ ไม่ได้รักปัจจัยอะไรทั้งนั้น ของพวกนั้นไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกว่าคุณค่าเราจะลดลงสักนิด" ไม่เกี่ยวเลยว่าเธอจะเป็นลูกเต้าใคร ใครจะเป็นเมียหลวงเมียน้อย เขารักที่เธอเป็นเธอแค่นั้น"พี่ไทม์...""เพ้นท์พี่รู้...ที่ผ่านมา พี่ไม่เคยพยายามอะไรให้เห็นเลย ขนาดจีบพี่ยังไม่เคยทำ แต่ถ้าจะให้พี่มาตามจีบเรากลับพี่คงทนไม่ไหว ไม่ใช่พี่จะอดทนเพื่อเ
"ตอนนี้คุณไทม์ยังโทรมาไม่หยุดเลยค่ะ" รวีธารหน้าเจื่อนโชว์หน้าจอให้พี่สาวทั้งสองคนดู ใบชาปรายตามองก่อนจะเอ่ยตอบกลับ"ไม่ต้องสนใจเพ้นท์ ใจแข็งไว้""ใช่ เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนั้นนั่นแหละผิด" ตามด้วยลัลนาที่พูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง"พี่นาวกับพี่ชาโกรธมากเลยเหรอคะ ความจริงไม่ใช่ความผิดหมอพีร์กับหมอหมอกเลยนะคะ เป็นเพราะคุณไทม์ต่างหาก" คนที่คล้ายเป็นต้นเหตุพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกัน"เพ้นท์อย่างพวกพี่จะไปโกรธอะไรพวกนั้น" ใบชาหัวเราะน้อยๆ ตอบกลับยิ้มๆ"อ้าว ก็เห็นพวกพี่ดูโกรธมาก แถมหนีกันมาอีก""พวกพี่ไม่ได้โกรธ แล้วก็ที่มานี่ไม่ได้หนี แต่อยากมา" ดาราสาวตอบกลับอย่างเอ็นดู"อยากมาเหรอคะ?""เห้อ! น้องน้อย เราซึมซับบรรยากาศเที่ยวแบบนี้ไว้นะ เพราะต่อไปเราจะไม่ได้มาอีก" ใบชาเอ่ยเตือน"ทำไมคะ?""ก็หมอไทม์ไม่มีทางปล่อยให้เรามา เหมือนกับหมอกแล้วก็คุณพีร์ไง""อ้าว แล้วที่เรามานี่คือ...""พวกพี่อยากมา เลยถือโอกาสแกล้งงอนไปเลย อย่างน้อยเที่ยวที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ที่นี่ก็ไม่เลว" ลัลนายกตอบกลับยิ้มๆ ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม"นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย""หมายถึงเรื่องไหน เรื่องที่พวกพี่แกล้งงอน ห
รวีธารมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากว้างกลางห้อง หลังจากที่กลับมาถึงรีสอร์ต เขาก็ขอเข้ามาพักในห้องเธอก่อนเนื่องจากตัวเขายังไม่ทันได้จองห้อง มาถึงก็ไปตามหาเธอเลย คนตัวสูงส่งยิ้มมาให้เมื่อเห็นเธอยังคงจ้องมองนิ่ง ปากก็บ่นว่าปวดขาปวดตัวอะไรสักอย่าง"คุณอยากได้อะไรไหม" เธอไม่รู้ว่าเขาอยากได้ยา หรือของกินอะไรไหม"พี่แค่อยากอยู่กับเพ้นท์" รวีธารไม่ตอบอะไร เดินไปหยิบขนมปังที่เธอซื้อตุนไว้เผื่อหิวช่วงกลางคืนเนื่องจากรีสอร์ตแห่งนี้ เน้นการพักผ่อนแบบธรรมชาติ จึงค่อนข้างห่างไกลในตัวเมืองหรือร้านค้าพอสมควร"กินนี่รองท้องก่อนค่ะ" คนตัวสูงหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ยื่นมือไปรับขนมปังจากเธอ แกะกินรองท้องอย่างที่คนตัวเล็กบอก เพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า"ถ้าพี่จะรบกวนเพ้นท์สั่งข้าวให้พี่ได้ไหม พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" ร่างบางมองคนที่ขอร้องท่าทางน่าสงสาร ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ จัดการสั่งอาหารตามที่เขาบอก"นั่งรออยู่นี่ค่ะ เดี๋ยวเขามาส่ง" เธอบอกเขาก่อนจะผุดลุกขึ้น เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย"เพ้นท์ไปไหน" คนตัวสูงละล้าละลังฉุดมือเธอเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนี หัวใจร้อนรนไปหม
"เดี๋ยวจอดตรงนี้ให้กูก่อน กูจะเข้ารีสอร์ต" ธารณ์บอกเพื่อนที่ขับรถอยู่ให้จอด เมื่อกำลังจะผ่านรีสอร์ตของหมอพีร์ ที่ตากับยายมันเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำโรงแรม"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอมึง" รพีภัทรเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของมัน"คุณนาวครับตอนนี้เพ้นท์อยู่ไหนครับ""นาวก็ไม่รู้สิคะ น้องตัวคนเดียวคงไม่ต้องมาคอยบอกใครหรอกว่าไปไหน" ธารณ์หน้าเจื่อนๆ ลอบมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่บนรถเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่านั่งเงียบตั้งแต่เจอกันที่สนามบินหลังจากที่เมื่อคืนเพื่อนสนิททั้งสองคนกลับบ้าน ตัวเขาที่นั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อก็ได้รับข่าวดี ทั้งสองยอมบอกแล้วว่าเพ้นท์อยู่ที่ไหน ซึ่งไอ้หมอทั้งสองคนต้องบรรยายความน่าสงสารอย่างหนัก กว่าจะยอมบอกแต่ก็ต้องแลกมากับการที่พวกเขาสามคนโดนเมินกันหมด ถามคำก็ตอบคำ"ถ้ายังไงมีอะไรก็โทรมานะมึง" อวัศย์ยิ้มแหยๆ บอกเพื่อนก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อเห็นคนรักปรายตาดุๆ มองมาหลักๆ คือพวกเขาสองคนโดนตึงๆ ใส่เพราะดื้อดึงจะตามมาด้วยนี่แหละเรื่องไอ้ไทม์ไม่ค่อยเท่าไหร่ ทีแรกพวกเธอแพลนกันจะเที่ยวกันตามประสาสาวๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมเขากับไอ้พีร์ไม่ยอมลูกเดียว สุดท้ายก็