ไข่มุกตื่นนอนตอนสายโด่ง เธอนึกโชคดีเพราะแม่สามีขอร้องแกมบังคับให้กินข้าวพร้อมหน้าตรงเวลาเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น จึงไม่ต้องกัดฟันเปิดเปลือกตามาร่วมโต๊ะอาหารเช้าแต่ไก่โห่ คุณหญิงธัญญาที่ดำรงตำแหน่งประธานบริหารของธามเอนเตอร์ไพรซ์จะออกไปบริษัทแต่เช้าด้วยรถคนละคันกับลูกชาย ส่วนสะใภ้อย่างไข่มุกก็แวะเวียนไปร้านเครื่องประดับที่แม่สามีลงทุนเปิดร้านให้ที่ห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมือง
แต่คนที่ร้านก็รู้กันว่าคุณไข่มุกแทบไม่สนใจจะมาดูแลร้าน บัญชีกำไรขาดทุนก็มีผู้จัดการคอยดูแลให้ทั้งหมด
‘ก็เปิดไปงั้น ๆ เอง’
หญิงสาวเคยบอกกับกลุ่มเพื่อนสนิท
‘คุณแม่เคยชวนให้ไปช่วยงานที่บริษัท แต่ฉันไม่ถนัด ท่านก็เลยเปิดร้านเพชรให้ คงกลัวลูกสะใภ้ไม่มีอะไรทำ’
‘แล้วแกไม่เข้าไปดูแลเลยแบบนั้น ไม่กลัวพนักงานโกงหรือไงยัยเพิร์ล’
‘โกงก็โกงไปสิ ไม่ใช่เงินฉันสักหน่อย ถ้าจับได้ก็จับส่งตำรวจ แค่นั้นเอง ต่อให้ร้านนี้เจ๊ง ตระกูลธนกิจก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก...ก็แค่เศษเงินที่โยนมาให้สะใภ้ได้เล่นขายของ’
‘แหม...แกก็พูดเหมือนตัวเองไม่มีอะไรดีเลยนะเพิร์ล’
‘ยัยเพิร์ลมันก็เก่งแหละ ไม่งั้นจบยูดังไม่ได้หรอก แต่เพราะได้สามีรวย มีเงินใช้ไปตลอดชาติก็ไม่อด ก็เลยไม่ต้องกังวลดิ้นรนอะไรใช่ไหมล่ะยะ’
อีกคนคาดเดา ไม่มีวี่แววจะประชด สีหน้าเรียบเฉยของไข่มุกพอจะบอกได้ว่าไม่ได้ปลาบปลื้มกับสิ่งที่ทุกคนมองว่าเป็นบุญวาสนาของเจ้าตัว
ถึงอย่างนั้นในแต่ละเดือน หญิงสาวเจ้าของร้านเพชรก็จะแวะเวียนไปที่ร้านเพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อ ผู้จัดการร้านรีบต้อนรับอย่างดีอกดีใจ
“เป็นไง ขายดีไหม”
ถามเป็นการทักทายมากกว่าจะสนใจจริงจัง ผู้จัดการร้านเตรียมสมุดบัญชีของร้านไว้เรียบร้อยแล้วทุกวัน เผื่อว่าวันไหนที่ไข่มุกหรือแม้แต่คุณหญิงธัญญาแวะเข้ามา จะได้ส่งให้ตรวจสอบได้เลยทันที
“คุณแม่แวะมาบ้างไหม”
หญิงสาวถามถึงแม่สามีผู้เป็นนายทุนตัวจริงของร้าน
“ไม่ได้เข้ามานานแล้วค่ะ ตั้งแต่กลับจากปฏิบัติธรรมท่านก็ยังไม่ได้แวะเข้ามาเหมือนกันค่ะ...แต่ว่าคนที่แวะมาคือคุณธามค่ะ”
“ธาม? สามีฉันน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณธามค่ะ”
“แปลก มาเมื่อไหร่ แล้วมาทำไม”
“มาเมื่อวานซืนค่ะ มากับเพื่อนผู้ชายตัวสูงใหญ่ หนวดเคราเฟิ้มอย่างกับโจรเลยค่ะ ถ้าไม่ได้มากับคุณธาม ดิฉันคงรีบปิดร้านแล้วก็โทรแจ้งตำรวจ”
พนักงานอีกสองคนที่ยืนอยู่หลังตู้โชว์หันมายิ้มกว้างให้กันอย่างขบขัน แสดงว่าเห็นด้วย
“หนวดเคราเฟิ้ม... คุณเสือมากรุงเทพฯ งั้นเหรอ”
หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง แต่ผู้จัดการได้ยินแล้วก็รีบพยักหน้า
“ใช่ค่ะ ใช่ เห็นคุณธามเรียกว่าคุณเสือค่ะ”
“อ้อ... เพื่อนของธามเองนั่นแหละ แต่ก็แปลกอยู่ดี อย่างคุณเสือน่ะเหรอจะอยากได้เครื่องประดับ แล้วเขาซื้ออะไรไปบ้างไหม”
“ซื้อจี้พลอยเส้นเล็ก ๆ เส้นหนึ่งค่ะ แบบที่เด็กวัยรุ่นชอบใส่กัน”
“พลอยเหรอ ไม่ใช่เพชร”
“ใช่ค่ะ คุณธามซื้อแค่จี้พลอยค่ะ”
ไข่มุกคงจะหมดความสนใจแค่นั้นถ้าไม่เพราะผู้จัดการเอ่ยออกมาแบบนั้น
“เอ๊ะ เธอว่าอะไรนะ ใครซื้อ? ธามหรือคุณเสือ”
“ดิฉันคิดว่าเป็นคุณธามค่ะ เพราะคุณธามเลือกเอง สั่งให้ห่อของขวัญเอง แล้วก็บัตรเครดิตที่ใช้ ก็เป็นชื่อคุณธามค่ะ”
ไข่มุกขบริมฝีปาก รู้โดยสัญชาติญาณว่าจี้พลอยเส้นนั้น ธามไม่ได้ซื้อมันให้เธอเป็นแน่
และหญิงสาวก็คิดว่าเธอรู้ว่าคนเป็นสามี ซื้อจี้เส้นนั้นให้ใคร...
สามปีก่อน
อีกไม่ถึงเดือน พิธีมงคลสมรสระหว่างไข่มุก ศศินทร์เดชา กับธาม ธนกิจ ก็จะจัดขึ้นอย่างหรูหรา ณ ห้องจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมเมทราแกรนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลเจ้าบ่าว รายละเอียดตั้งแต่เสื้อผ้าของคู่บ่าวสาวไปจนถึงอาหารจัดเลี้ยงและห้องพักสำหรับแขกวีไอพีที่บ้างก็เดินทางมาจากต่างประเทศ ได้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วนด้วยบริการของมืออาชีพ เพราะคุณหญิงธัญญาประกาศิตมาว่าทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จก่อนวันพิธีอย่างน้อยสองสัปดาห์เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ ทั้งสิ้น
และแม้อีกไม่กี่วันก็จะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ธามก็ยังคงเชิญว่าที่เจ้าสาวของเขามาดินเนอร์บนชั้นดาดฟ้าของร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่กี่เดือนแต่กลายเป็นกระแสได้อย่างรวดเร็ว เพราะหัวหน้าเชฟชาวฝรั่งเศสเป็นเจ้าของดาวมิชลินต่อเนื่องหลายปีซ้อน และเซ็นสัญญามาเป็นเชฟที่นี่เพียงสองปี คิวจองจึงแน่นยาวไปถึงกลางปีหน้า แต่ด้วยประสิทธิภาพของผู้ช่วยส่วนตัวของธาม ก็ทำให้คืนนี้เขาได้เป็นเจ้าของโต๊ะริมระเบียงหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน
บริกรในชุดสูทดำก้าวเข้ามาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะวางจานอาหารเรียกน้ำย่อยลงเบื้องหน้าชายหนุ่มและหญิงสาว หอยหอยเชลล์สดแล่บางเฉียบ เพิ่มรสชาติด้วยเลมอนยูซุญี่ปุ่นกับไข่ปลาแซลมอน บริกรอีกคนรินแชมเปญโรเซ่สีชมพูพีชลงในแก้วทรงสูง ก่อนทั้งคู่จะถอยออกไป
“เห็นคุณทำแต่งาน ไม่นึกเลยนะคะว่าจะมีมุมโรแมนติกแบบนี้ด้วย”
ไข่มุกเอ่ย ดวงตาคู่สวยส่องประกายวิบวับสะท้อนแสงไฟ แม้แต่ท่วงท่ายามยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบก็ยังดูมีเสน่ห์น่ามอง
“ถ้าผมบอกว่าคนที่จองโต๊ะให้ก็คือเลขาฯ และคนที่เสนอให้พาคุณมาที่นี่คือคุณแม่...ความโรแมนติกมันจะหมดไปหรือไม่ครับ”
ธามถามตรง ๆ ไข่มุกตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แต่กังวานใสระรื่นหู
“แหม เพิร์ลชอบคุณก็เพราะอย่างนี้ล่ะค่ะธาม คุณไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ คุณไม่เฟค ไม่พยายามจะทำอะไรเอาใจเพิร์ล เพิร์ลชอบที่คุณจริงใจ”
“แต่บางคนก็อาจจะตำหนิว่าผมทื่อมะลื่อ”
“ช่างคนอื่นสิคะ แต่สำหรับเพิร์ล... เพิร์ลว่าคุณไม่ได้ทื่อหรอก คุณมีเสน่ห์กว่านั้น...”
“อย่างนั้นหรือ”
ธามยิ้มนิด ๆ แต่สีหน้ายังราบเรียบมากกว่าจะเขิน
หญิงสาววางแก้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นอย่างจงใจ ชุดเปิดไหล่เปิดเผยผิวนวลเนียนตั้งแต่ลำคอระหง ลาดไหล่ ไปจนถึงเนินอกอิ่ม ยิ่งธามรักษามารยาทผู้ดีด้วยการไม่มองในสิ่งที่เธอจงใจให้มอง เธอก็ยิ่งอยากยั่วเขา
“ก็อย่างนั้นสิคะ ถ้าคุณไม่มีเสน่ห์ เพิร์ลไม่ยอมให้คุณมาเป็นเจ้าบ่าวหรอก... และเชื่อเถอะค่ะว่าไฟใด ๆ ในตัวคุณที่คุณคิดว่าตัวเองไม่มี...หลังแต่งงาน เพิร์ลจะเป็นคนจุดมันขึ้นมาเอง แล้วคุณจะได้รู้ว่าตัวคุณเองน่ะ มีเสน่ห์กว่าที่คิดมากแค่ไหน”
ถ้าไข่มุกตั้งใจจะเขย่าอารมณ์ของธาม ก็คงจะได้ผล เพราะชายหนุ่มถึงกับต้องรีบเปลี่ยนมาคุยเรื่องที่เตรียมไว้
“ผมมีของขวัญจะให้คุณด้วยนะเพิร์ล ที่จริงอยากให้ตอนที่เสิร์ฟของหวาน แต่ให้ตอนนี้เลยก็คงจะดีเหมือนกัน”
ไข่มุกอมยิ้ม กลั้นหัวเราะ วินาทีต่อมาเธอก็สลัดวิญญาณเสือสาวทิ้ง กลับมาเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาที่น่ารักน่าทนุถนอมได้ดังเดิม
“ของขวัญหรือคะ ดีจัง ว่าแต่มีวาระอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ มันก็แค่เป็นของขวัญสำหรับว่าที่ภรรยาของผม...”
ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนยกมือเป็นสัญญาณให้บริกรหญิงคนหนึ่งที่รอท่าอยู่แล้ว สิ่งที่ธามเตรียมไว้คือกล่องกำมะหยี่สีงาช้าง ทรงแบนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไข่มุกรับมันไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น
แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย