เมื่อเธอเปิดออก ริมฝีปากสีสดก็เหมือนจะเผยอค้างนิด ๆ ดวงตาโต
“เผื่อว่าคุณอยากจะสวมมันในวันแต่งงานของเราแทนเส้นเดิมที่เลือกไว้แล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ย ไข่มุกยังพูดไม่ออก ที่อยู่ในกล่องมันคือสร้อยที่มีจี้เป็นไข่มุกล้อมเพชร
และหญิงสาวรู้จัก...ว่าไข่มุกสีทองเม็ดเดี่ยวที่ใหญ่โตกว่ามุกทั่วไปเม็ดนี้มันคือ ไข่มุกเซาต์ซี สีดีพโกลด์ที่หายากที่สุดในตระกูลไข่มุกน้ำเค็ม หอยที่ผลิตไข่มุกชนิดนี้ต้องใช้เวลาถึงสองหรือสามปีกว่าจะผลิตมุกออกมาได้ครั้งละเม็ดเดียวเท่านั้น และเม็ดมุกที่ผลิตได้เหล่านั้นก็ยังต้องนำมาคัดเลือกอย่างละเอียดอีกรอบ ว่ากันว่าในหนึ่งล้านเม็ดที่ผลิตได้ จะมีเพียงสามหมื่นกว่าเม็ดเท่านั้นที่ได้มาตรฐานพอจะนำมาทำเครื่องประดับ นั่นทำให้ไข่มุกเซาต์ซีบางเม็ดในโลกมีราคานับล้านบาท
และตอนนี้หนึ่งในนั้นก็นอนนิ่งอยู่ในกล่องตรงหน้าของเธอ... ไข่มุกเซาต์ซีที่แสนเลอค่าทำเอาเพชรแท้เม็ดเล็ก ๆ ที่ล้อมมันอยู่กว่าสามสิบเม็ดนั้นแทบจะไร้ตัวตนไปเลย
“ชอบไหม เพิร์ล”
ธามถามเรียบ ๆ เห็นได้ชัดว่าสำหรับเขา สร้อยก็คือสร้อย แหวนก็คือแหวน ไม่ว่าจะทำจากอะไรความหมายก็คงไม่ต่างกัน หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขา
“ชอบอะไรกันคะ นี่ถ้าไม่อายคนอื่น เพิร์ลคงจะกรี๊ดไปแล้ว แค่คำว่าชอบยังน้อยไปค่ะ”
“ผมดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น”
ธามยิ้มออกมาได้
“คุณแม่คงดีใจที่คุณถูกใจของขวัญที่ท่านให้”
“คุณแม่?”
“ใช่ครับ แม่เป็นคนเลือกให้ ผมไม่รู้เรื่องเครื่องประดับ ถ้าเลือกเองคงเลือกไม่ถูก”
ธามเอ่ยอย่างภูมิใจในรู้สึกขอบคุณในรสนิยมของมารดา ไม่ทันได้สังเกตว่าสีหน้าดีใจของว่าที่เจ้าสาวเจื่อนไปเล็กน้อย...
กลับมาที่ปัจจุบัน ไข่มุกยังจำคืนนั้นได้ดี จำได้ว่าหัวใจที่พองโตเพราะคิดว่าธามช่างโรแมนติกและช่างสรรหาของมีค่ามาให้เธอที่เป็นภรรยา มันฝ่อลงไปเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยว่าเขาไม่ได้เลือกมันด้วยตัวเอง...ไม่มีอะไรในตอนนั้นที่มาจากหัวใจของธามทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นเพราะคุณหญิงธัญญา แม่ของเขา เป็นผู้เนรมิตและจัดวางไว้ให้...ไม่ต่างอะไรจากร้านนี้ที่แม่สามีก็เจ้ากี้เจ้าการลงทุนให้เธอเพราะไม่อยากให้สะใภ้นั่ง ๆ นอน ๆ ไปวัน ๆ
แต่ธามที่ไม่เคยสนใจเรื่องอ่อนหวานอะไรพวกนั้น กลับมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง แม้ไม่ใช่เพชรน้ำงามหรือมุกเลอค่าราคาแพงสะท้านโลกอย่างที่เธอเคยได้ แต่มันก็คือสิ่งที่ธามตัดสินใจเลือกมันด้วยตัวเอง เพียงแค่คิด หญิงสาวก็แทบกระอัก แววตาลุกโชนเหมือนเปลวไฟจนผู้จัดการร้านกับพนักงานอีกสองคนขนลุกเกรียวขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
* * * * *ในห้องทำงานของประธานบริษัท
คุณหญิงธัญญาเพิ่งเสร็จจากการประชุมกับผู้บริหารแผนกต่าง ๆ เพื่อฟังอัพเดตในระหว่างหนึ่งเดือนที่นางไม่อยู่
"เที่ยงนี้ท่านประธานมีนัดทานข้าวกับท่านเลขาฯ พรรคค่ะ"
เลขานุการแจ้งกำหนดการตามตาราง ผู้เป็นนายพยักหน้า ร้านอาหารที่นัดหมายอยู่ภายในโรงแรมเมทรา ไม่ไกลจากบริษัท เดินทางไม่ถึงสิบห้านาทีก็ยังไปก่อนเวลานัดได้
"แล้วเมื่อครู่ นักสืบเพิ่งส่งรายงานชุดใหม่มาค่ะ"
"ส่งมาสิ"
คุณหญิงรับแท็บเล็ตไปจากมือเลขา ตั้งแต่กลับจากเชียงใหม่และได้ข่าวซุบซิบของลูกชายกับลูกสะใภ้มาเข้าหู หล่อนก็สั่งให้เลขาฯ จ้างนักสืบคอยติดตามทั้งธามและไข่มุก
กิจกรรมของไข่มุกนั้น หวือหวาจนน่าตกใจ แต่แปลกที่ธัญญาคล้ายกับรู้อยู่แล้ว หล่อนจึงไม่ได้เอ่ยอะไร
แต่ความเคลื่อนไหวของลูกชายตัวเองนี่สิ...
"ไปจอดเฉย ๆ ไม่ได้นัดเจอใครเลยเหรอ"
นางถามซ้ำอย่างไม่เข้าใจนัก เลขาฯ พยักหน้า
"ค่ะ ดิฉันถามย้ำแล้ว นักสืบก็รายงานว่าคุณธามให้คนขับรถเข้าไปในซอยแล้วก็จอดหน้าอพาร์ทเมนต์ ไม่ได้ลงมาและไม่มีใครเดินมาหาด้วยค่ะ อีกอย่างแถวนั้นมีอพาร์ทเมนต์ หอพัก แมนชั่น แม้กระทั่งโฮสเทลรายวันหลายแห่ง จึงไม่แน่ใจว่าคุณธามเข้าไปทำไมหรือไปหาใคร"
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาข้อมูลมาให้แน่ใจ เพราะลูกชายฉันคงไม่เข้าไปขับรถเล่นแน่ ๆ แล้วถ้าบริษัทนี้ไม่มีปัญญาหาคำตอบก็เปลี่ยนไปจ้างเจ้าอื่น!"
คนเป็นนายเอ่ยเสียงดุ เลขาฯ รีบพยักหน้า
"ค่ะท่านประธาน ดิฉันจะกำชับกับบริษัทนักสืบให้ค่ะ"
* * * * *
"แกงส้มกุ้งนี่ฝีมือรำพึงเขารึ"
มื่้อเย็นที่บ้านธนกิจ ทั้งคุณหญิงธัญญา ธาม และไข่มุก นั่งอยู่กันพร้อมหน้า ท่าทางคนเป็นแม่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตักชิมแกงส้มแล้วเอ่ยถามกับเด็กข้าวสวยที่เป็นลูกมือแม่ครัว
"ใช่ค่ะคุณท่าน น้ารำพึงได้กุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ มาจากตลาด ก็เลยทำแกงส้มกุ้งแม่น้ำผักรวมมาให้คุณท่าน"
"รำพึงเขาเก่งนะ รู้ใจฉันตลอด ไปบอกเขาด้วยว่าอร่อยมาก ฉันไม่ได้กินอะไรรสจัด ๆ แบบนี้สักพักแล้ว ได้กินสักทีก็ดีเหมือนกัน"
"ค่ะคุณท่าน"
ข้าวสวยรับคำหน้าบานเพราะเธอก็ช่วยแกะกุ้ง คุณหญิงชมน้ารำพึงก็เหมือนชมเธอด้วยนั่นแหละ
"วันนี้ที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้างล่ะธาม"
"ไม่มีปัญหาอะไรครับแม่ ส่วนเรื่องไปญี่ปุ่น ทีมเลขาฯ กำลังรอคอนเฟิร์มจากทางนั้น ถ้าไม่มีอะไรเปลียนแปลงผมคงจะไปสัปดาห์หน้าครับ"
"ทีมต่างประเทศพร้อมดีแล้วใช่ไหม"
"ครับคุณแม่"
ธัญญาถามเพียงเพราะอยากจะชวนคุยมากกว่าอย่างอื่น เพราะหล่อนไว้ใจลูกชายที่นั่งตำแหน่งรองประธานฯ ว่าเขาสามารถดูแลกิจการทั้งหมดของธามเอนเตอร์ไพรซ์ได้ต่อให้คนเป็นแม่จะไม่อยู่ก็ตาม
ไข่มุกจิ้มผักสลัดเข้าปากอย่างเนือย ๆ ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่เคยเต็มใจที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วยแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของแม่สามี อาจเพราะอยากเอาใจ เพราะเกรงกลัว หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง
"หนูเพิร์ลล่ะ วันนี้ไปไหนมาบ้างลูก"
"คะ...อ๋อค่ะ วันนี้เพิร์ลไปร้านมาค่ะคุณแม่"
"แล้วดีไหม""ก็ดีนะคะ..."
หญิงสาวตอบกลาง ๆ ก่อนจะรีบเอ่ยต่อ
"เพิร์ลว่ายอดเดือนนี้ขายดีแน่ ๆ ค่ะ เพราะมีลูกค้าคนพิเศษด้วย"
"ใครล่ะลูกค้าคนพิเศษ"
"ก็ลูกชายคุณแม่ไงคะ แหม อยากได้เครื่องประดับก็ไม่บอก ขอโทษนะคะธามที่เด็กในร้านเผลอบอกออกมาเสียก่อน เพราะจี้พลอยเส้นนั้นคุณคงตั้งใจจะซื้อมาเซอร์ไพรส์เพิร์ลใช่ไหมล่ะคะ น่ารักจังเลยนะสามีของเพิร์ลเนี่ย"
ธามยังคงกินข้าวไปเงียบ ๆ ไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่คุณหญิงธัญญาหันไปทางลูกชายอย่างสนอกสนใจ
"ธามไปซื้อเพชรมาหรือลูก"
ชายหนุ่มวางช้อนกับส้อม ยกน้ำขึ้นจิบอย่างใจเย็น ก่อนจะตอบ
"ไม่ใช่ครับแม่ ผมซื้อจี้พลอย เส้นเล็ก ๆ ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมาก"
"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะธาม ไม่มีอะไรในเวลูร่าที่ 'ไม่มีราคาค่างวด' หรอกนะคะ คุณก็รู้ว่าร้านนี้ที่คุณแม่เปิดให้ ไม่ได้เอาเพชรพลอยเกรดต่ำ ๆ มาขาย แม้แต่จี้พลอยที่คุณซื้อไป ก็ไม่ใช่พลอยพื้น ๆ หรอกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องโกรธคนที่ร้านเพราะเครื่องประดับทุกชิ้นจะต้องออกใบรับรอง เพิร์ลแค่เช็คดูก็ต้องรู้แล้ว"
"ใช่ ผมซื้อ และไม่ได้คิดจะปิดบัง"
"แล้วคุณซื้อให้ใคร"
น้ำเสียงของไข่มุกแข็งกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย ขี้เกียจจะเล่นละครบทไม่รู้ไม่ชี้แล้ว
ธามก็คงคิดเหมือนกัน
"ซื้อให้คนรู้จัก ที่ไม่ใช่คุณ"
"ลูกซื้อเครื่องประดับให้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เมียลูกอย่างนั้นหรือ"
คุณหญิงธัญญาถามขึ้น สีหน้ายังไม่เปลี่ยน แต่น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยนั่นบอกชัดว่าไม่ได้ถามลอย ๆ แต่ถามเพราะต้องการคำตอบ ไข่มุกลอบยิ้มสะใจ วินาทีนั้นลืมไปเสียสนิทว่าถ้าบีบให้ธามพูดจริง ๆ เรื่องมันอาจจะย้อนศรกลับมาที่ตัวเองนิยายอัพเดตทุกวันวันละ 2 อีพีนะคะขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย