เมื่อฟ้าระวีเห็นเพื่อนนั่งร้องไห้โฮออกมาเธอก็เริ่มหงุดหงิด
“อะไรของแกอีกเนี่ย ยัยรติ”
“ฟ้าพี่เพชรนอกใจฉัน” หญิงสาวพูดออกมาอย่างคนเมาแล้วร้องห่มร้องไห้เสียงดัง จนฟ้าระวีและมินรดารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาวทันทีและหันไปยิ้มแหยๆให้โต๊ะข้างๆที่หันมามอง
“แล้วมันใช่ที่ที่แกควรจะมาร้องไห้หรือเปล่าวะ นี่พวกฉันกำลังจะสนุกอยู่เลย”
“ก็ฉันเสียใจนี่ ฉันจะได้แต่งงานแล้วนะเว้ย ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับฉันด้วยวะ” รติรสบ่นพึมพำด้วยความเมามายและความเสียใจที่ฝังอยู่ในใจ จนเธอพร่ำเพ้อพรรณนาถึงพชรว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไม่หยุดจนเพื่อนทั้งสองส่ายหน้าไปมา
“ฟ้า เดี๋ยวฉันฝากดูยัยรติด้วยนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เมื่อมินรดาเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วฟ้าระวีก็หันมามองเพื่อนสาวด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
“เฮ้ย! แกก็ไม่เคยจะทันพี่เพชรเลยสักครั้ง นี่ฉันก็เข้าใจว่าพี่เพชรทิ้งลายไปตั้งนานแล้วนะถึงได้ขอแกแต่งงานที่ไหนได้ก็ยังเหมือนเดิม” ฟ้าระวีที่รู้จักพชรมาตั้งแต่เรียนมหาลัย เธอรู้ว่าเขาหน้าตาดีและยังเป็นเสือผู้หญิงแต่ไม่คิดว่าอายุปูนนี้แล้วเขาจะยังไม่ทิ้งนิสัยแบบนี้อีกมาทำให้เพื่อนเธอเสียใจ ถ้าเห็นที่ไหนเธอจะเตะให้ไข่ฝ่อมีลูกไม่ได้เลยคอยดูคิดแล้วหญิงสาวก็หัวเสีย
“ฉันอยากจะบีบไข่ผู้ชายคนนั้นจริงๆ แกหยุดร้องได้แล้วนะ ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ทางที่ดีแกควรหาผู้ชายมาดามอกนะรติ” เมื่อพูดถึงผู้ชายมาดามอก เธอก็กลับนึกถึงใบหน้าหล่อที่เจอกันเมื่อตอนกลางวันไม่ได้
“เขาว่าอะไรนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำขึ้นมา
“ใครว่าอะไรฮะแก ฉันยังไม่ได้ยินใครว่าอะไรเลย” ฟ้าระวีที่ถามขึ้น
“เขาบอกว่าจะแต่งงานกับฉัน” เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงานฟ้าระวีก็ส่ายหัวไปมาด้วยความระอา
“เขาไม่แต่งกับเธอแล้วยัยรติ” น้ำเสียงของเพื่อนดูเหมือนจะเหนื่อยๆกับการที่ต้องมานั่งฟังเธอละเมอเพ้อพบถึงผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น
“ติง!” เสียงข้อความดังขึ้น รติรสกดเปิดข้อความอ่านก็เห็นคำถามที่พยัคฆินส่งมาหา
“ตกลงข้อเสนอของผม คุณว่ายังไง” รติรสอ่านข้อความแล้วพยักหน้าอย่างนี้ก็ดี ถ้าเธอรับข้อเสนอของเขาจริงๆเธอจะได้เลิกเสียใจด้วยความเมามายที่ไม่ได้สติหญิงสาวจึงส่งข้อความไปหาชายหนุ่มทันที
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” เธอพิมด้วยอาการเมาๆแต่ก็พยายามอ่านทวนข้อความก่อนอยู่หลายครั้งจะกดส่งไปให้ชายหนุ่มเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆตัวเองไม่นานแอพพิเคชั่นไลน์ก็มีสายโทรเข้าทันที
“ใครโทรมาน่ะรติ” ฟ้าระวีหันมามองโทรศัพท์ของเพื่อนที่ได้ยินแรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ หญิงสาวขยับมือเรียวเข้าไปกดรับและยกโทรศัพท์เข้ามาแนบหู
“ฮัลโหลใครเนี่ย” พยัคฆินขมวดคิ้วที่ได้ยินเสียงพูดของหญิงสาวที่ลิ้นพันกันในขณะที่คุยกับเขาหรือว่าเธอกำลังเมาคงจะไปดื่มเหล้าย้อมใจแน่ๆ
“ผมเอง คุณอยู่ไหนทำไมเสียงดังขนาดนี้” เสียงเพลงในผับนั้นดังกระหึ่มจนเขาต้องตะโกนคุยกับเธอ
“ฉันอกหักไง ฉันก็เลยมาดื่มเหล้าคุณมีอะไรไม่ทราบ” คำพูดห้วนๆของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอีกทั้งเสียงเพลงยังดัง เขาแทบจะไม่ได้ยินว่าหญิงสาวพูดอะไร
“คุณอยู่ที่ไหนบอกผมมา เดี๋ยวผมไปหา”
“ฉันเหรอฉันอยู่ที่ร้าน x” เมื่อได้ที่อยู่ของผับแล้วพยัคฆินก็รีบขับรถออกจากคอนโดแล้วตรงไปหาเธอทันที
เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปจอดหน้าผับดัง สาวๆที่ยืนอยู่แถวนั้นก็หันไปยืนมองเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งจะขับเข้ามาจอด อยากจะรู้นักว่าเจ้าของรถจะเป็นเสี่ยหรือว่าเป็นหนุ่มหล่อและแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดคือผู้ชายที่เดินลงมาจากรถคันหรูนั้นหล่อไม่เบา หล่อวัวตายควายล้ม
“ตายแล้ว ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยทั้งหล่อ ทั้งรวยฉันชอบ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อเห็นหน้าของพยัคฆิน เขาหันไปส่งยิ้มนิดนึงแล้วเดินเข้าผับ
ชายหนุ่มมองหาผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อตอนกลางวันไม่นานก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนฟุ๊บอยู่บนโต๊ะตรงกลางร้านพร้อมผู้หญิงอีกคน
“คุณเมาแล้วเหรอ” ผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหมือนเทพบุตรจมูกโด่ง ดวงตาคม คิ้วหนาได้รูปเรียงเส้นเหมือนจับวาง ริมฝีปากหยักอมชมพู
“แม่เจ้า นี่มันดาราช่องไหนกันเนี่ย อยู่ดีๆก็เดินมาทักยัยรติ” ฟ้าระวีนั่งมองหน้าของพยัคฆินแล้วทำตาปริบๆ
“คุณทักคนผิดหรือเปล่าคะ” ฟ้าระวีที่เงยหน้าพูดกับพยัคฆินด้วยท่าทางงงๆ
“รติรสจะไปรู้จักผู้ชายหล่อๆแบบนี้ได้ยังไง” คิดแล้วเธอก็ส่ายหน้าไปมา
“ไม่สิผู้ชายหล่อขนาดนี้จะมารู้จักรติได้ยังไง”
“คุณพูดกับผมหรอ”
“ก็ใช่สิ อยู่ดีๆคุณก็เดินมาเขย่าแขนเพื่อนฉัน คุณรู้จักเพื่อนฉันได้ยังไง”
“อ๋อ! พอดีว่าผมโทรหาเธอเมื่อกี้ เธอบอกว่าให้ผมมารับ” ฟ้าระวีที่งงงวยในสิ่งที่เขาพูด เธอพลางคิดว่าเพื่อนสาวเธอนั้นเมาแอ๋ขนาดนี้จะให้เขามารับได้ยังไง คิดแล้วหญิงสาวก็มองจ้องอย่างจับผิด
แต่พยัคฆินก็ไม่อธิบายใดๆอีก เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าของหญิงสาวเพื่อดูให้ชัดเจนว่าใช่ผู้หญิงที่เขานั้นได้ยื่นข้อเสนอไปหรือเปล่าและแล้วก็เป็นเธอ เขาจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นจนฟ้าระวีตกใจและรีบลุกขึ้นร้องห้ามทันที
“อะไรกัน คุณจะพาเพื่อนฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยเพื่อนฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ผมจะพาเธอกลับบ้าน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อุ้มรติรสออกไปยังนอกร้านทันที
“ตายแล้วยายมิ้นอยู่ไหนเนี่ย ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำอีกนะ” ฟ้าระวีหันรีหันขวาแล้วรีบวิ่งตามรติรสออกไปเพราะเธอไม่รู้จักผู้ชายหน้าตาดีที่อุ้มเพื่อนสาวเธอออกไปแต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อวิ่งออกไปถึงหน้าประตูก็เจอผู้ชายคนนั้นกำลังพารติรสเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรู
“แม่เจ้านั่นรถของผู้ชายคนนั้นเหรอเนี่ย” ว่าแล้วฟ้าระวีก็วิ่งตามมาแล้วตีเข้าที่แขนของพยัคฆินพลางร้องให้คนช่วย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณจะพาเพื่อนฉันไปไหน ฉันจะแจ้งตำรวจ ช่วยด้วยค่ะ” พยัคฆินหันมามองหน้าเธอแล้วไหวไหล่ให้ฟ้าระวี
“อยากแจ้งก็แจ้งสิ” เขาก็เดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับจนฟ้าระวีทำอะไรไม่ถูกจึงรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับเพื่อนสาวทันที
“ถ้าคุณจะพาเพื่อนฉันไป งั้นฉันขอไปด้วย” ฟ้าระวีพูดด้วยท่าทางจริงจังที่จะปกป้องเพื่อนสาวสุดชีวิต พยัคฆินไม่พูดอะไรเขาขับรถออกไปจากผับทันทีแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังคอนโด
เมื่อถึงคอนโดฟ้าระวีถึงกับต้องอ้าปากค้าง เมื่อเงยขึ้นไปดูป้ายของคอนโดเป็นคอนโดที่มีเพียงแค่สามสิบห้องเท่านั้นและที่เธอรู้คือมีแค่ดาราและไฮโซคนมีเงินที่พักอยู่ที่นี่
หญิงสาวอ้าปากค้างทำตาปริบๆไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มจะรวยขนาดนี้ พยัคฆินเดินมาเปิดประตูฝั่งของรติรสและอุ้มเธอขึ้นตรงไปยังคอนโดทันที
ฟ้าระวีหันไปมองพยัคฆินที่อุ้มเพื่อนสาวเข้าไปในคอนโดจึงรีบวิ่งตามเข้าไปจนยามห้ามไว้
“ไม่ได้ครับ คุณเข้ามาไม่ได้ครับ” ยามผู้ซึ่งทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีตามราคาเงินว่าจ้างที่คอนโดใจกลางเมืองจ่ายให้ค่อนข้างสูง
“นี่ คุณให้ฉันเข้าไปด้วยสิ คุณลักพาตัวเพื่อนฉันมานะ คุณจะไม่ให้ฉันเข้าไปเหรอไม่งั้นฉันจะแจ้งความนะ” พยัคฆินพยักหน้าให้ยามปล่อยฟ้าระวีเข้ามาพลางเดินตรงไปยังลิฟต์ เขาหันมองฟ้าระวีจนเธอรู้สึกงงงวยแล้วชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“คุณกดลิฟต์สิ ผมอุ้มเพื่อนคุณอยู่”
“แล้วจะให้ฉันกดชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นสิบแปด” ชายหนุ่มกล่าวเพียงสั้นๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่ทำหน้านิ่งเหมือนผู้ชายเย็นชา ฟ้าระวีนั้นเมียงมองเขาอยู่หลายครั้งเธอคิดในใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมผู้ชายที่หล่อและรวยขนาดนี้รู้จักกับยัยรติหรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นกิ๊กของยัยรติแต่ก็คงไม่ใช่หรอกน่า เพราะปกติถ้ารติ มีอะไรก็จะเล่าให้เธอฟังตลอด ถ้าเป็นกิ๊กจริงๆและรติคงไม่เสียใจที่พชรนั้นนอกใจหรอก ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่นานเสียงประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้น
“ติ่ง” พยัคฆินอุ้มรติรสเข้าไปแล้วหยุดยืนอยู่กลางห้องที่เห็นวิวพาโรนามาในยามค่ำคืนเสียงไประยิยระยับสวยมากเลยทีเดียวจนฟ้าระวียืนนิ่งอึ้งไปทันที
“คุณจะกลับได้หรือยัง” คำถามที่แสนเย็นชาเปล่งออกมา
“ฉันจะกลับได้ยังไง ในเมื่อคุณลักพาตัวเพื่อนของฉันมา”
“ผมว่าไม่นะ”
“ฉันว่าใช่”
“คุณต่างหากที่มาส่งผมกับเพื่อนของคุณถึงห้องอีกอย่างคุณยังเป็นคนกดลิฟต์ให้ด้วยซ้ำ” ฟ้าระวีที่จนมุมพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เขาพูดมาก็เป็นไปตามความจริง
“คุณบอกฉันมาเลยว่าคุณเป็นอะไรกับเพื่อนฉัน”
“ผมก็เป็นว่าที่เจ้าบ่าวคนต่อไปของเพื่อนคุณน่ะสิ อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้”
“ฉันเหรอ ฉันจะรู้ได้ยังไงในเมื่อวันนี้ยัยรติพึ่งจะประกาศเลิกกับว่าที่เจ้าบ่าวไปหมาดๆแล้วจะมีเจ้าบ่าวคนใหม่ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะก็ผมนี่ไง” พยัคฆินตอบหน้าตาเฉยจนฟ้าระวีคดุ้นคิดอยู่นานแล้วก็เอ่ยออกมา
“ไหนล่ะ หลักฐานฉันไม่ยักรู้เลยว่าเพื่อนฉันบอกว่าจะแต่งงานกับคุณ”พยัคฆินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นข้อความในไลน์ที่รติรสเพิ่งส่งมา ให้เพื่อนสาวเธอดู ฟ้าระวียื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆโทรศัพท์แล้วอ่านอย่างช้าๆ
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ฟ้าระวีอ่านข้อความแล้วถึงกับอ้าปากค้าง เธอทึ่งในความไวไฟของเพื่อนสาวจนเธอกระพริบตาปริบ ๆ
“ที่นี้คุณเชื่อหรือยัง ถ้าเชื่อแล้วก็เชิญ” พยัคฆินผายมือให้ฟ้าระวีเดินออกไปจากห้องเขาสักทีเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยและเหม็นไปทั้งตัวอยากจะเข้าไปอาบน้ำสักหน่อย
“แล้วฉันจะไว้ใจคุณได้ยังไง”
“ถ้าผมไม่น่าไว้ใจเพื่อนคุณคงไม่ตกลงแต่งงานกับผมหรอกจริงไหม คุณคบกับเพื่อนคุณมาตั้งกี่ปีแล้ว คุณยังไม่รู้นิสัยของเพื่อนคุณอีกเหรอ” คำพูดของเขาก็ฟังดูมีเหตุผลจะว่าไปก็จริงอย่างที่เขาว่า
รติรสเป็นคนที่ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังถ้าเธอเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้วจริงๆงั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีไม่น้อย
หญิงสาวเสมองไปทางเพื่อนสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาแต่แล้วเธอก็พยักหน้าให้พยัคฆิน
“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะรีบโทรหาโทรมาหายัยรติตั้งแต่เช้าบอกให้เธอรับโทรศัพท์ด้วยนะ ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์รับรองฉันแจ้งตำรวจแน่” ฟ้าระวียกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของพยัคฆินทันที
“ฉันมีป้ายทะเบียนรถของคุณ ฉันมีรูปถ่ายของคุณ ฉันรู้จักคอนโดของคุณ ถ้าคุณคิดร้ายกับเพื่อนฉัน คุณโดนฉันแจ้งจับแน่นอน” ฟ้าระวีทำท่าทางจริงจังแล้วยอมเดินถอยออกไปจากห้องของพยัคฆิน เขาส่ายหน้าเบาๆไปมาด้วยความหงุดหงิดใจ
“เพื่อนคุณร้ายใช่ย่อยนะ ว่าแต่คุณเถอะร้ายหรือเปล่า” นิ้วใหญ่เกลี่ยที่ไรผมที่มันปกหน้าปกตาของหญิงสาวออกแล้วเดินไปในห้องน้ำไม่นานเขาก็ถือชามน้ำกับผ้าขนหนูมาเช็ดใบหน้าให้รติรส
“อย่ามายุ่งฉันจะนอน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างคนหงุดหงิด เมื่อชายหนุ่มเช็ดตัวให้เธอเสร็จเขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน เขาวางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างอย่างอ่อนโยนแล้วนั่งลงข้างๆเธอ
ไม่รู้ว่าแผนนี้จะได้ผลหรือวุ่นวายมากกว่าเดิมชายหนุ่มคิดแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อออกเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายเพราะเหม็นกลิ่นควันบุหรี่ที่ติดเสื้อผ้ามาจากผับที่เขาไปพาตัวเธอออกมา
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วพยัคฆินก็ใส่เพียงแค่ชุดคลุมตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วมานั่งข้างๆของหญิงสาวมือหนาดึงผ้าห่มมาห่มให้รติรส
“คุณชื่อรติสินะจากที่ผมได้ยินเพื่อนของคุณเรียกชื่อคุณ” ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนข้างๆเธอและพลิกตัวหันหน้าหาเธอ นิ้วเขาเกลี่ยที่แก้มขาวอมชมพูของหญิงสาว
ใบหน้าของเธอดูแล้วเหมือนเด็กมากทีเดียวทั้งดูสะอาดและใสซื่อเหมือนกระต่ายน้อยนอนหลับอยู่ก็ไม่ปาน
ตอนที่ 44ตาสิงห์ชอบผู้หญิงแบบไหน“พ่อลองบอกเหตุผลมาสิครับว่าทำไมผมถึงจะต้องแต่งงานกับหนูพิมของพ่อ”“ก็พ่อชอบหนูพิม พ่ออยากได้หนูพิมมาเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ลูกจ้างมาแต่งงาน” เมื่อพูดถึงผู้หญิงที่ทำให้เขาแทบไม่เป็นอันกินอันนอนอยู่ในตอนนี้ขึ้นมาก็สะกิดใจเขาอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มโกรธจนหน้าแดง“พ่อจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไม”“ถ้าลูกไม่อยากให้ฉันพูด ลูกก็แต่งงานกับหนูพิมรสาให้รู้แล้วรู้รอดไปสิวะจะให้ฉันมาพูดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อีกทำไม ก็ลูกเองไม่ใช่เหรอที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา พ่อหาให้ก็ดีพร้อมอยู่แล้วเป็นทั้งลูกผู้ดีเก่ามีเงินมีทอง แถมมีหน้ามีตาในสังคมอีกด้วยจะยิ่งทำให้ธุรกิจโรงแรมของเรายิ่งมั่นคง”“แต่ผมไม่ได้ชอบเธอนี่ครับ ถ้าพ่อชอบเธอมากนัก พ่อก็แต่งไปเองสิครับ”“ไอ้สิงห์” ผู้เป็นพ่อตะโกนเรียกชื่อลูกลั่นจนอมรที่ยืนอยู่หน้าห้องทำอะไรไม่ถูกแต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังมาจากหน้าประตู“ต๊อก ๆ ๆ” เสียงส้นสูงที่กระทบกับพื้นกระเบื้องเดินมุ่งหน้ามาใกล้ ๆ กับอมร อมรหันหลังกลับไปดูก็ต้องเ
ตอนที่ 43ผมต้องการหย่าเมื่อไปถึงห้องทั้งสองก็ปล่อยพยัคฆินนอนไว้บนที่นอน“หนักฉิบหายไอ้พี่บ้า”“ไปอมรทิ้งไว้แบบนี้แหละ” ทั้งสองคนที่ทำหน้าที่ส่งพยัคฆินไว้ในห้องแล้วก็ออกไปจากห้องทันทีพยัคฆินที่รู้สึกตัวขึ้นมาในตอนเช้าเขาเอื้อมมือไปจับที่นอนข้าง ๆ แต่ก็เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นและพยายามลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น เขารับรู้ว่ารติรสนั้นได้จากเขาไปแล้วจริง ๆ ดวงตาคู่คมนั้นมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตาแต่แล้วเขาพยายามปรับม่านสายตาและพลิกตัวนอนหงายมองเพดานภาพที่เขากับเธอนั้นมีความสุขหยอกล้อกันอยู่ในห้องก็ฉายวนเวียนไปมาจนในที่สุดชายหนุ่มถอนหายใจและลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำพอเขาอาบน้ำออกมาก็ตัดสินใจกดส่งข้อความไปหารติรส“ผมต้องการหย่า” เขาส่งข้อความเพียงสั้น ๆ ไปหาเธอ“ติ่ง!” รติรสที่ร้องไห้กับเพื่อนทั้งคืนด้วยความเจ็บช้ำที่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอนั้นได้ให้ใจกับพยัคฆินไปหมดแล้ว เธอเพิ่งจะหลับลงก็เมื่อตอนตีสามนี่เองแต่พอตื่นขึ้นมาก็ได้เห็นพยัคฆินส่งข้อความมาชวนเธอไปหย่า เขาไม่
ตอนที่ 42 จะยอมตายหรือจะคายความลับ “ไม่ครับผมไม่แต่ง” พยัคฆินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทันที “ทำไมหรือว่าลูกรักผู้หญิงที่ลูกจ้างมาแต่งงานงั้นเหรอ” คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้พยัคฆินนั้นชะงักฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมามองหน้าผู้เป็นพ่ออีกครั้ง “ใช่ครับ ผมรักเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนผู้เป็นพ่อหัวเราะ ฮึ ๆ อยู่ในลำคอตลกกับเรื่องที่เขาพึ่งได้ฟัง “คุณพ่อหัวเราะอะไรครับ” “ก็หัวเราะความโง่ของแกน่ะสิ แกไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นพอโดนฉันจับได้แล้วพอฉันเสนอเงินให้แค่เพียงสามล้านบาท เธอก็รับเงินไปซะงั้น” “ผมไม่เชื่อ” “ถ้าลูกไม่เชื่อลูกจะดูไหมล่ะ” คมสันที่ทำท่าจะเปิดโทรศัพท์ให้ลูกชายดูแต่แล้วพยัคฆินก็ไม่อยากที่จะดูสลิปที่พ่อของเขาโอนเงินให้กับรติรสไม่นึกเลยว่าเธอจะไม่รักษาสัญญาทั้ง ๆ ที่เธอเซ็นสัญญาไว้กับเขา เธอเห็นแก่เงินเพียงแค่สามล้านบาทมีค่ามากกว่าเวลาที่เธอกับเขานั้นอยู่ด้วยกันคิดแค่นั้นพยัคฆินก็กำมือแน่นและกำลังจะเดินออกไปจากห้อง
ตอนที่ 41แกต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับหนูพิม“เธอทำอะไร หรือว่าเธอส่งข้อความฟ้องลูกชายฉันอีก”“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่คุยกับเพื่อนนะคะ ถ้าคุณพ่อไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวรติขอตัวไปทำความสะอาดก่อนนะคะ”“เชิญ” คำพูดที่ไม่สบอารมณ์เมื่อรู้ว่าลูกสะใภ้ตัวดีไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไหร่ เมื่อรติรสเดินไปทำความสะอาดในห้องทำงานของพยัคฆินแล้วคมสันจึงที่ยืนมองไปรอบ ๆ ห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของลูกชายตัวเอง เขายืนมองไปรอบ ๆ แต่แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของพยัคฆินที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงเล็กน้อย เขาอยากจะรู้นักว่าลูกชายตัวดีนั้นหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำจนดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเธอจนได้ไม่รู้ว่าลูกชายหัวดื้อของเขาจะซื้ออะไรให้ผู้หญิงคนนี้บ้างเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องก็เห็นชุดแบรนด์เนมยี่ห้อดังที่ราคาแพงหูฉี่จนผู้เป็นบิดาเบิกตากว้าง เขาจับดูเสื้อผ้าแต่ละชุดของหญิงสาวถึงจะมีไม่มากแต่ทุกตัวก็เป็นแบรนด์เนมทั้งนั้น คมสันรู้สึกโกรธจนควันออกหูคมสันกำลังจะเดินออกมาจากห้องแต่แล้วสายตาก็พลั
ตอนที่ 40พ่อคุณมาที่ห้องค่ะ“มาถึงที่แล้วถ้าไม่ได้เห็นหน้าพี่สะใภ้ก็เสียเที่ยวแย่” ในที่สุดชายหนุ่มก็ยกขึ้นมือก็ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องนอน“ก๊อก ๆ ๆ” เขายืนรอสักพักแต่ก็ไม่มีเสียงใครมาเปิดประตู ชายหนุ่มเอาหูแนบประตูเพื่อที่จะฟังว่ามีเสียงฝีเท้าอยู่ในห้องหรือเปล่าแต่แล้วเหมือนในห้องไม่มีเสียงใครอยู่ในนั้นเลยใจหนึ่งเขาก็อยากที่จะเปิดประตูเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่แล้วหน้าของอุไรก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขา จนพยัคฆินรู้สึกขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูกชายหนุ่มรีบถอยหลังไปยืนอยู่ตรงกลางห้อง“ไม่ได้ ไม่ได้ ถ้าแม่รู้แม่ต้องบิดหูขาดแน่เลย” สีหราชตัดสินใจเดินไปอยู่ตรงพี่ชายของตัวเองแล้วเตะเข้าที่ต้นขาของพี่ชายอีกครั้งหนึ่งด้วยท่าทางมันเขี้ยว“ตุ๊บ!” สีหราชเดินออกไปจากห้องทันทีปล่อยให้พยัคฆินนั้นเมาไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาพระอาทิตย์เริ่มส่องกระทบกับกระจกห้องของเขาก็ปลุกให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นตั้งแต่เช้า เขารู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะแต่ก็จำไม่ได้ว่าตัวเองกลับมาที่ห้องได้ยังไงพอมองไปรอบ ๆ ตัวเองก็
ตอนที่ 39พี่กลัวเมีย“ใครว่าฉันกลัวเมีย”“ก็ผมนี่แหละเพิ่งบอกว่าพี่กลัวเมีย ถ้าคนไม่กลัวเมียแล้วจะรีบกลับบ้านไปทำไม”“แต่นี่มันก็ดึกแล้วฉันก็ควรกลับบ้านสิ”“ใครบอกว่าดึกแล้วควรกลับบ้าน ดึกแล้วควรไปเที่ยวต่างหากพี่ไม่รู้หรือไง”“ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาเหมือนแกจะได้ไปเที่ยวเมาหัวราน้ำทุกวัน”“บางครั้งคนเมาก็ดีกว่าคนบ้านะพี่ เมาบ้างอะไรบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน ไม่ใช่พี่เคร่งเครียดทำงานอยู่ตลอดเวลาเดี๋ยวก็ประสาทแดกหรอก”“ฉันจะประสาทแดกก็เพราะมีน้องอย่างแกนี่แหละ”“ไม่ดีหรือไงพี่ พี่จะได้ไม่เหงาไป ๆ ผมพาไปเที่ยว” สีหราชขยับเข้ามาดึงแขนของพี่ชายด้วยท่าทางนึกสนุก พยัคฆินสะบัดแขนออกแรง ๆ“ไม่ไปฉันจะกลับบ้าน”“ถ้าพี่ไม่ไปกับผม ผมจะแท็กพี่แล้วใส่แฮชแท็กว่าคนกลัวเมียรับรองเรื่องพี่มีเมียที่อยากจะเก็บเป็นความลับได้แดงขึ้นมาแน่” คำขู่ที่ดูเหมือนจะทีเล่นทีจริงของสีหราชทำให้พยัคฆินนิ่งงันไปทันทีอมรที่หันมามองหน้าของพยัคฆินเหลอหลาเพราะกลัวว่าทั้งสองจะวางระเบิดก