ตั้งแต่เด็กแฝดเกิดมาก็ทำให้กิจการของมารดาเจริญรุ่งเรือง ร้านขายอาหารทะเลแห้งของหลิวซืออิน นับวันยิ่งทำกำไรงาม สามารถขยายร้านจนกลายเป็นผู้รับซื้อของทะเลตากแห้งรายใหญ่ของเมืองหนานไห่ และยังตั้งโรงผลิตปลาเค็มส่งขายไปยังเมืองต่างๆ รวมถึงมีพ่อค้าจากต่างแคว้นมารับไปขายต่อ
ปลาเค็มจากร้านของหลิวซืออิน คุณภาพดีเอาไว้ได้นานไม่เน่าเสีย ช่วงแรกนางอยู่หน้าร้านค้าขายด้วยตัวเอง เมื่อกิจการใหญ่โตขึ้นจึงปล่อยให้ลูกจ้างมาทำหน้าที่แทน ตัวนางไปคอยดูแลบัญชีและคุมโรงผลิตให้ได้คุณภาพ
วันคืนผันผ่านเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสอง เติบโตได้ห้าขวบ หน้าตาน่ารักน่าชังและยังฉลาดเฉลียวพูดจาเก่ง ซุนเซิงกลายเป็นท่านลุงของเด็กๆ เขายังไม่แต่งงาน แม้หลิวซืออินคิดแนะนำสตรีให้หลายคนเขาก็ไม่สนใจ จนนางต้องปล่อยให้วาสนานำพาคนที่ใช่มาหาเขาเอง
"อี้หนิง ผิงอัน วันนี้แม่จะไปคุยธุระกับเถ้าแก่เฉิน เจ้าอยู่กับท่านยายฉีดีๆ นะ กลับมาแม่จะซื้อขนมมาฝาก"
วันนี้หลิวซืออินมีนัดคุยการค้ากับเถ้าแก่เฉิน เขาบอกว่ามีคนสนใจจะซื้อปลาเค็มของนางจำนวนมาก ต้องการพบนางโดยตรงเพื่อตกลงราคา
"ท่านแม่ ผิงอันจะอยู่กับท่านยายฉี"
เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยวาจาออดอ้อน ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสร่าเริง ปากสีชมพูสด รับกับจมูกเล็กๆ วันนี้นางเกล้ามวยก้อนกลมเหมือนซาลาเปาสองข้าง ประดับผมด้วยผ้าแถบสีชมพู ใบหน้าของเด็กน้อยละม้ายมารดาย่อส่วนลงมา น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
"ผิงอันเด็กดี เจ้าน่ารักที่สุด"
หลิวซืออินลูบแก้มนุ่มของลูกสาว มองใบหน้ากลมเหมือนซาลาเปาอย่างเอ็นดู
"อี้หนิง เจ้าเป็นพี่ต้องช่วยท่านยายดูแลน้องสาวด้วย เข้าใจหรือไม่"
นางยื่นมือไปจับไหล่บุตรชาย พลางอบรมเขา
"เข้าใจขอรับท่านแม่ ข้าจะดูแลผิงอันเอง"
เด็กชายตัวสูงกว่าน้องสาวฝาแฝดเล็กน้อย แต่รูปร่างผอมกว่า ใบหน้าของเขาได้รูป คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ดวงตาคม ทำให้คนเป็นแม่ อดนึกถึงบิดาของเขาไม่ได้ บุตรชายของนางราวกับถอดแบบบิดามา นิสัยใจคอก็คล้ายเยี่ยเหวินจ้าวหลายส่วน ไม่ต่างจากลูกไม้หล่นใต้ต้น ยามนางมองหน้าลูกคนนี้ ก็เหมือนได้เห็นพ่อของเขา
"อี้หนิงเด็กดี แม่เชื่อว่าเจ้าทำได้"
หลิวซืออินยกมือมาลูบศีรษะบุตรชาย ก่อนจะก้มลงหอมแก้มของเขา เจ้าซาลาเปาน้อยทำท่าเขินอาย น่ารักจนคนเป็นแม่ต้องหอมแก้มเขาอีกข้าง ด้านผิงอันรีบยื่นหน้ามาให้มารดาหอมบ้าง
"ท่านแม่หอมข้า หอมข้า"
น้องสาวมักขี้อ้อนและขี้อิจฉากว่าพี่ชาย แม่หนูผิงอันมักจะพูดว่า ท่านแม่ต้องรักข้าให้มากๆ และชอบให้ท่านแม่หอมนางที่สุด
"หอมแล้วๆ อย่าดื้ออย่าซน แล้วแม่จะรีบกลับ"
หลิวซืออินหอมแก้มเจ้าตัวน้อยทั้งสองจนพอใจ แล้วก็ขึ้นรถม้าออกไป
พอพ้นสายตามารดา ผิงอันก็เปลี่ยนแววตาจากลูกแกะแสนน่ารัก เป็นลูกแมวจอมดื้อทันที
"พี่ชาย ข้าอยากกินน้ำตาลปั้น"
"รอท่านลุงซุนกลับมาก่อน ค่อยขอให้ท่านลุงพาเจ้าไปซื้อ"
อี้หนิงไม่ตามใจน้อง ท่านแม่บอกให้เขาดูแลผิงอัน ดังนั้นเขาจะต้องเข้มงวด ในบ้านทุกคนล้วนตามใจผิงอัน เพียงนางทำตาแป๋ว ออดอ้อนสองสามคำก็จะได้สิ่งที่ต้องการ นางจึงติดนิสัยชอบอ้อนเหมือนลูกแมว มีเพียงท่านแม่ที่กล้าตีนาง วันนี้ท่านแม่ให้เขาดูแลน้องสาว เขาจะทำหน้าที่แทนท่านแม่เอง
"พี่ชาย... ท่านไม่รักผิงอันแล้วเหรอ"
ดวงตากลมโตของนาง มีหยาดน้ำคลอ นางมองหน้าพี่ชายพร้อมกับทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มือป้อมจับแขนของเขา เอาศีรษะที่มีมวยกลมสองลูกเอียงซบท่อนแขนของอี้หนิงไว้ คนเป็นพี่พยายามแข็งขืนไม่ตามใจ
"พี่ชาย ท่านไม่รักข้าจริงๆ ฮือ... อุ๊บ!"
ผิงอันอ้าปากจะกรีดร้อง มือน้อยของอี้หนิงรีบปิดปากน้องสาวไว้ทันที แต่ดวงตาของนางมีน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาแล้ว
"ก็ได้ๆ พี่จะไปซื้อให้ อย่าร้องนะเด็กดี"
แม้พี่ชายจะพยายามเข้มงวดเพียงใด สุดท้ายก็แพ้น้ำตาของน้องสาวจนได้ ใครใช้ให้เขาใจอ่อนกันเล่า
"ข้าไปด้วยนะ แป้บเดียวเอง ท่านยายฉีไม่ว่าหรอก นะท่านพี่ ข้าอยากดูท่านลุงทำน้ำตาลปั้น"
อี้หนิงมองไปยังด้านใน ท่านยายฉีกำลังวุ่นวายกับการนับของที่เพิ่งมาลงใหม่ ท่านลุงซุนยังไม่กลับ คนงานในร้านวุ่นวายกับงานของตัวเอง พวกเขาสองคนแอบหลบไปซื้อน้ำตาลปั้นครู่เดียว คงไม่มีผู้ใดรู้
"พี่พาเจ้าไป แต่เจ้าจ่ายเงินเอง ตกลงไหม"
ศีรษะเล็กประดับด้วยมวยกลมสองลูกพยักรับอย่างดีใจ จนแถบมัดผมส่ายไปมา
"ได้ๆ ข้าจ่าย ข้ามีเงินเยอะ"
มือน้อยตบถุงเงินใบเล็กข้างเอวตัวเองดังปุๆ ผิงอันหาเงินเก่ง นางมักได้เงินได้ของขวัญจากบรรดาท่านลุงท่านอา ที่พากันแวะเวียนมาหาท่านแม่ เมื่ออยากได้แม่ก็ต้องเอาใจลูกๆ อี้หนิงไม่ชอบให้ผู้ใดมาเกาะแกะมารดาตน จึงมักทำหน้าบึ้งตึงใส่คนเหล่านั้น
ด้านผิงอันแม้จะไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับท่านแม่ แต่นางกลับพลิกแพลงความไม่ชอบ มาเป็นการหากำไรจากคนเหล่านั้น ด้วยการเป็นแม่สื่อรับจดหมายและของขวัญแทนท่านแม่ ในหีบสมบัติใบน้อยของนาง จึงเต็มล้นไปด้วยข้าวของสารพัด ที่แม้แต่มารดาก็ยังไม่เคยเห็น ไม่ต้องพูดถึงถุงเงินที่มีเงินก้อนใช้ซื้อขนมได้ โดยไม่ต้องขอผู้ใด
ความลับนี้มีเพียงอี้หนิงรู้เพียงคนเดียว เขาไม่ได้ห้ามปราม แต่กลับร่วมมือกับน้องสาว กลั่นแกล้งผู้คนเหล่านั้น หาทางกำจัดไปทีละคนสองคน จนตอนนี้ชายหนุ่ม พ่อม่าย ในเมืองหนานไห่ ที่หมายปองเถ้าแก่เนี้ยร้านขายอาหารทะเลแห้ง เหลือเพียงไม่กี่คนแล้ว
ร้านน้ำตาลปั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านขายอาหารทะเลแห้ง อี้หนิงจูงมือน้องสาวเดินไปตามทาง ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่มาหาซื้อข้าวของ พวกเขาสองคนเติบโตมาก็เห็นสภาพแบบนี้จนชินตา ไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร คนแถวนี้ต่างรู้จักเจ้าแฝดทั้งสอง เอ็นดูเจ้าซาลาเปาน้อยกันทั้งสิ้น ร้านขายน้ำตาลปั้นของท่านลุงหม่า เป็นร้านขนมเจ้าประจำของผิงอัน ด้านอี้หนิงชอบถังหูลู่มากกว่า ร้านถังหูลู่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านน้ำตาลปั้น ล้วนเป็นของชอบของเด็กๆ
"ท่านลุงหม่า วันนี้ข้าอยากได้หงส์ เอาตัวโตๆ นะเจ้าคะ"
แม่หนูผิงอันสั่งน้ำตาลปั้นของตนเสร็จก็หันไปถามพี่ชายว่า
"พี่ชาย ท่านอยากได้รูปอะไร มังกร เสือ หรือเอารูปกระต่าย"
"ข้าอยากกินถังหูลู่มากกว่า"
อี้หนิงมองไปยังร้านถังหูลู่ฝั่งตรงข้าม เขาลังเลว่าจะเดินไปซื้อคนเดียวทิ้งน้องสาวไว้ที่นี่ หรือพาผิงอันไปด้วย สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่า ควรพาน้องสาวไปด้วย ท่านแม่บอกให้เขาดูแลผิงอัน เขาไม่ควรคลาดสายตาจากนาง มือน้อยจึงกุมมือน้องสาวจูงเดินข้ามไปอีกฝั่งถนน สองร่างเล็กๆ เดินถึงครึ่งทางไม่ทันข้ามฝั่ง ทันใดนั้นเอง ! รถม้าคันหนึ่งก็แล่นมาพอดี
กรี๊ด ระวัง!
ผู้คนที่เห็นเหตุการต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ
"ผิงอัน มานี่"
อี้หนิงหันไปเห็นรถม้ารีบดึงผิงอันมากอดไว้ เอาตัวปกป้องน้องสาวตามสัญชาตญาณของพี่ชาย เสียงฝีเท้าม้าดังก้องขึ้น เด็กชายหลับตาปี๋ กอดน้องสาวไว้แน่น
ควั่บ ฮี้ ฮี้ !
เสียงแส้กระชากคอม้าไว้ จนมันยกขาลอยจากพื้น คนในรถม้ากระโดดออกมา ใช้วิชาตัวเบาดีดตัวข้ามม้า แล้วหิ้วคอเสื้อของเด็กทั้งสอง ดีดเท้าหลบพ้นจากล้อรถ ได้อย่างหวุดหวิด
ความรู้สึกของอี้หนิงกับผิงอัน เหมือนตัวเองได้กลายเป็นนกบินอยู่บนฟ้า ลมเย็นๆ ปะทะใบหน้าเล็กๆ จนแสบตา เมื่อร่อนลงพื้นก็ถูกวางตัวลง พวกเขาจึงได้แหงนหน้ามองดูผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิต
"ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านลุง... "
ผิงอันน้อยกอดขาแหงนหน้ามอง บุรุษร่างสูงใหญ่ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณ เจ้าซาลาเปาน้อยมองใบหน้าคนที่นางเรียกท่านลุงตาแป๋ว
ด้านอี้หนิงเอง เมื่อถูกวางลงบนพื้นเขาก็เข่าอ่อน ล้มลงไปกองกับพื้น หันไปมองผิงอันพบว่าน้องสาว ถูกวางลงอย่างเบามือกว่า จึงไม่หกล้มน่าอายแบบเขา
"ขอบคุณ ขอรับ"
อี้หนิงรีบขยับลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นของตัวเอง แล้วประสานมือโค้งคำนับ ตามที่เคยได้รับการสอนจากท่านลุงซุน
"พวกเจ้าทั้งสองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"
ชายผู้นั้นวางมือบนไหล่เล็กๆ ของอี้หนิง มืออีกข้างลูบศีรษะของผิงอัน ใบหน้าของเขามีหน้ากากสีเงินอันหนึ่งปิดไว้ครึ่งบน เห็นเพียงริมฝีปากเท่านั้น รูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำดูน่าเกรงขาม รถม้าคันที่เขานั่งมา มีเครื่องหมายของจวนแม่ทัพติดอยู่ ทำให้ผู้คนไม่กล้าเอาเรื่อง อีกทั้งเด็กๆ ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้แต่ยืนมุงดู
///
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู