แชร์

บทที่ 14 ณ. เรือนเหมันต์

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-22 22:28:39

ยามนี้ในเรือนเหมันต์กำลังอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่กำลังนั่งคุกเข่ารอรับการลงโทษจากมารดาของพวกเขาด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยหยาดน้ำตา โม่ชิงเยว่ถือกระบองไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือเดินวนไปเวียนมาอยู่รอบๆ เด็กน้อยทั้งสองเพื่อพิจารณาว่าควรจะลงโทษเด็กสองคนนี้เช่นไรดี

“พวกเจ้าช่างถือดียิ่ง! คิดว่าตนเองปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือจึงกล้าหลบหนีแม่กับพี่ชุ่ยเหมยออกจากเรือนไปเที่ยวเล่นในยามค่ำคืนเช่นนี้ พวกเจ้าลืมเรื่องนักฆ่าที่ถูกส่งมาฆ่าพวกเราไปแล้วหรือ หากต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่าเหล่านั้นอีกพวกเจ้าคิดว่าจะสามารถเอาตัวรอดจากพวกเขาได้หรือ” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้คนที่แอบเร้นกายอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ถึงกับขมวดคิ้ว โดยเฉพาะคำว่า “นักฆ่า” ทำให้ซ่งเหวินจิ้งที่ยืนแอบฟังอยู่อยากจะเผยกายออกไปสอบถามนักว่านักฆ่าที่โม่ชิงเยว่เอ่ยถึงนั้นโผล่มาได้อย่างไร

“แต่ท่านแม่! ท่านฆ่าพวกนักฆ่าเหล่านั้นตายไปหมดแล้วนี่ขอรับ” คำพูดของซ่งจื่อเยว่ทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้าในทันที

“เจ้าแน่ใจหรือว่าตายไปหมดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านักฆ่าเหล่านั้นเป็นผู้ใดส่งมา นักฆ่าเหล่านั้นตายไปแล้วก็จริงแต่เจ้ามั่นใจหรือว่าคนที่อยากจะฆ่าพวกเราจะไม่ส่งนักฆ่าชุดใหม่มาอีก” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เด็กทั้งสองก็ต่างส่ายหน้า

“ไม่เมื่อยังไม่มั่นใจก็ไม่ควรจะลักลอบออกไปข้างนอกเรือนตามลำพังยามค่ำคืนเช่นนี้ ทั้งที่แม่กำชับพวกเจ้าซ้ำๆ แล้ว แต่พวกเจ้ากลับไม่รู้จักจดจำ บอกแม่มาซิว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะให้แม่ลงโทษพวกเจ้าอย่างไรดี” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งที่ยืนฟังอยู่ลอบกำหมัดแน่น และคิดในใจว่าเป็นผู้ใดกันที่กล้าหมายปองชีวิตของภรรยาและลูกๆ ของเขา ยามนี้เขามั่นใจแล้วว่าเด็กสองคนนี้จะต้องเป็นลูกของเขาแน่ ด้วยหน้าตาและอายุของเด็กๆ ก็ล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกของเขา อีกทั้งด้วยนิสัยใจคอของโม่ชิงเยว่เป็นไปได้ยากที่นางจะมีลูกกับชายอื่นทั้งที่ยังมีฐานะเป็นฮูหยินของเขาอยู่ สายตาที่เขาใช้จ้องมองเด็กๆ จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

“ซ่งจื่อเหยา ซ่งจื่อเยว่ พวกเจ้าบอกกับแม่มาซิว่าความผิดครั้งนี้ของพวกเจ้าแม่ควรจะลงโทษอย่างไรดี” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้เด็กทั้งสองยิ่งหลั่งน้ำตามากยิ่งขึ้น

“ท่านแม่ ครั้งนี้ลูกสองคนผิดไปแล้ว ขอท่านแม่ได้โปรดอภัยให้ลูกด้วยเจ้าค่ะ” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยออกมาพลางใช้ดวงหน้าน้อยๆ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของนางขอความเห็นใจจากโม่ชิงเยว่ เพียงแต่ครั้งนี้โม่ชิงเยว่กลับใจแข็งยิ่งนัก

“เช่นนั้นครั้งนี้แม่จะเป็นคนเลือกบทลงโทษให้พวกเจ้าก็แล้วกัน ยื่นมือของพวกเจ้ามา” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ก็ยื่นมือออกไปตรงหน้าเพื่อรอรับการลงทัณฑ์ ซ่งเหวินจิ้งที่ยืนมองอยู่อดรู้สึกเห็นใจเด็กๆ ไม่ได้ กระบองไม้ที่โม่ชิงเยว่ถืออยู่กับมือฝ่ามือน้อยๆ ของเด็กทั้งสอง มีขนาดที่ดูแตกต่างหากถูกกระบองด้ามนั้นตีเด็กทั้งสองจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ เพียงแต่แม้ว่าเขาจะอยากออกไปห้ามปรามสักเพียงใด แต่ในใจของเขานั้นย่อมรู้ดีว่าในยามนี้เขายังไม่พร้อมจะออกหน้าไปช่วยเหลือลูกๆ ของเขาได้

“ท่านแม่ ท่านอย่าตีพี่หญิงเลย ตีข้าคนเดียวก็พอเป็นข้าเองที่อยากนำอาหารออกไปให้เจ้าตัวเล็กสามตัวนั้น” คำพูดของซ่งจื่อเยว่ทำให้โม่ชิงเยว่เลิกคิ้วขึ้น

“เจ้าตัวเล็กที่ไหนกัน” คำถามของนางทำให้เขารีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยสามตัวที่พวกข้าบังเอิญพบเมื่อวานตอนเย็น พวกมันน่ารักมากข้าอยากเลี้ยงพวกมันแต่เพราะรู้ว่าท่านแม่จะต้องไม่ให้พวกข้าเลี้ยงพวกมันแน่ ข้าก็เลยบอกกับพี่หญิงว่าเอาไว้ให้ท่านแม่กับพี่ชุ่ยเหมยหลับก่อนแล้วข้ากับพี่หญิงค่อยเอาอาหารออกไปเลี้ยงพวกมัน” คำพูดของซ่งจื่อเยว่ทำให้ซ่งจื่อเหยารีบส่ายหน้าปฏิเสธในทันที

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ น้องชายไม่ได้เป็นคนชวนข้าออกไปแต่เป็นข้าที่ชักชวนน้องออกไปเอง ข้าเป็นคนบอกกับน้องชายเองให้แกล้งหลับท่านแม่กับพี่ชุ่ยเหมยจะได้วางใจไม่มาคอยเฝ้าพวกข้าอีกแล้วจึงได้ชักชวนน้องชายออกจากเรือน ดังนั้นท่านแม่ตีข้าเถอะอย่าได้ตีน้องชายเลย” คำพูดของซ่งจื่อเหยาทำให้ซ่งจื่อเยว่ส่ายหน้าและทำท่าว่าจะแย้ง

“เอาล่ะ! พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกันหรอก เอาเป็นว่าแม่จะลงโทษพวกเจ้าทั้งคู่” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ก็พลันหลับตาลงเพื่อรอรับการลงทัณฑ์ ส่วนซ่งเหวินจิ้งได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ในใจก็ได้แต่คิดว่าเขาควรจะออกไปตอนนี้ดีหรือไม่ แต่ด้วยในใจรู้ดีว่าคนอย่างโม่ชิงเยว่คงจะไม่ใจไม้ไส้ระกำกับลูกๆ ของนางมากจนเกินไปนัก เขาจึงได้พยายามข่มกลั้นความต้องการที่จะออกไปห้ามปรามนางเอาไว้

“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือของเด็กๆ ถูกโม่ชิงเยว่ใช้มือของตนเองตีลงไปฝ่าบนฝ่ามือน้อยๆ คนละสองทีทำให้ซ่งเหวินจิ้งที่แอบยืนอยู่ลอบผ่อนลมหายใจของตนเองออกมา แต่เมื่อโม่ชิงเยว่หันมาทางทิศที่เขาซ่อนตัวอยู่เขาก็พยายามควบคุมลมหายใจของตนเองเอาไว้ยืนนิ่งอยู่จุดเดิมราวกับเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เมื่อนางหันความสนใจไปทางอื่นเขาจึงค่อยๆ ลอบผ่อนลมหายใจของตนเองอีกครั้ง ในใจก็ได้แต่คิดว่าตอนที่เขาลอบเข้าไปสอดแนมในกองบัญชาการใหญ่ของข้าศึกความตึงเครียดของเขาก็ยังไม่ได้สูงเทียมฟ้าถึงขั้นนี้

“จงจำเอาไว้ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก ฝ่ามือของพวกเจ้าเป็นได้ลิ้มรสกระบองท่อนนี้แน่” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยจบเด็กทั้งสองก็ขานรับด้วยใบหน้าที่ยังคงเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา

“รีบไปล้างมือล้างเท้าแล้วเข้านอนได้แล้ว หากพรุ่งนี้พวกเจ้าตื่นสายแม่จะลงโทษให้พวกเจ้านั่งท่าม้าเพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ก็รีบรับคำแล้วเดินเข้าไปในบ้านในทันที

“ฮูหยิน คุณหนูน้อยกับคุณชายน้อยเริ่มโตแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นก็ย่อมจะมีบ้างเป็นธรรมดา หากท่านไม่ผ่อนปรนกับคุณหนูและคุณชายบ้างต่อไประวังจะเกิดความรู้สึกอยากต่อต้านนะเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของโม่ชิงเยว่เอ่ยเตือนออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ข้ารู้ว่าเจ้าสงสารพวกเขาที่ถูกข้าลงโทษ แต่ครั้งนี้เจ้าก็เห็นแล้วว่าพวกเขาถึงขั้นแอบออกไปข้างนอกเพียงลำพังในยามค่ำคืน หากข้าไม่ลงโทษเป็นได้มีครั้งหน้าแน่” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“เป็นบ่าวที่เลินเล่อเองเจ้าค่ะ ลืมไปว่าคุณหนูและคุณชายเริ่มเติบใหญ่แล้วมัวแต่ระวังไม่ให้คนนอกเข้ามาในเรือน แต่ลืมไปเลยว่าคนในก็อาจจะอยากแอบออกไปนอกเรือนบ้าง” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกเพราะตัวข้าเองก็ยังไม่ได้ดูแลพวกเขาให้ดี เอาแต่ปักผ้าจนลืมไปว่าควรจะเข้าไปดูพวกเขาบ้างว่าได้นอนหลับกันดีแล้วหรือยัง” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็เดินเข้าไปดึงมืออันเรียวงามของเจ้านายขึ้นแล้วช่วยนวดผ่อนคลายบนปลายนิ้วให้เจ้านาย

“ดึกมากแล้วท่านก็ควรจะพักเสียบ้าง การปักผ้ายามค่ำคืนนอกจากจะทำให้เสียสายตาแล้วยังทำลายสุขภาพอีกด้วย ท่านพึ่งจะหายจากอาการป่วยได้ไม่นานไม่ควรจะหักโหมนะเจ้าคะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา

“สูญเงินก้อนใหญ่ให้เฉินมามาไปแล้ว ข้าย่อมไม่อาจจะข่มตานอนหลับลงไปได้หากไม่ได้เงินอีกสักก้อนมาติดเรือนเอาไว้ข้าก็คงจะนอนไม่หลับ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยจึงได้เอ่ยออกมาด้วยความเศร้าใจ

“เป็นบ่าวที่ไร้ความสามารถ ช่วยเหลือสิ่งใดท่านไม่ได้เลย” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“เหตุใดจะไม่ได้ช่วยข้าเล่า ช่วงสองสามปีมานี้หากไม่มีเจ้าคอยช่วยเหลือข้าคงจะตายไปนานแล้ว ต้องโทษข้าที่เมื่อก่อนทั้งอ่อนแอทั้งโง่งม มัวคิดแต่จะรอคอยความช่วยเหลือจากผู้อื่นไม่รู้จักพึ่งพาและใช้ความสามารถของตนเอง พลอยทำให้เจ้าต้องลำบากไปด้วย”

“ไม่เจ้าค่ะ บ่าวไม่ลำบากเลย ขอเพียงให้ฮูหยิน คุณหนูและคุณชายมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย หากบ่าวต้องลำบากกว่านี้บ่าวก็ยอมเจ้าค่ะ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา

“จริงสิเจ้าคะ เมื่อตอนเย็นบ่าวได้ข่าวมาว่าคนสกุลสุ่ยมาทวงถามความเป็นธรรมให้แก่สุ่ยอี๋เหนียง แต่พวกเขากลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าขับไล่ออกจากจวนไปแล้ว เพราะยามนี้เรื่องของสุ่ยอี๋เหนียงนับว่าเป็นเรื่องภายในของสกุลซ่ง สกุลสุ่ยไม่มีอำนาจเข้ามาก้าวก่าย” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่จึงได้เอ่ยถึงความคิดของตนเองออกมา

“นี่เป็นข้อบกพร่องของจารีตในยุคนี้ สตรีเฉกเช่นพวกเราเมื่อแต่งเข้าสกุลใดแล้วก็ย่อมจะต้องกลายเป็นผีของสกุลนั้น ต่อให้จวนสกุลเดิมมีอำนาจสักเพียงใดก็ไม่อาจก้าวล่วงการตัดสินใจของผู้อาวุโสในจวนของสามีได้ อีกทั้งครั้งนี้สุ่ยอี้โหรวยังมีหลักฐานความผิดที่ชี้ชัดถึงขั้นนี้ ต่อให้สกุลสุ่ยคิดจะทูลขอพระราชอำนาจจากองค์ฮองเฮาก็คงไม่อาจจะช่วยสุ่ยอี้โหรวได้แล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

“ข้าไม่รู้สึกสงสารสุ่ยอี๋เหนียงเลยสักนิด สาเหตุที่นางเป็นเช่นนี้เป็นเพราะนางกล้าคิดร้ายต่อท่านก่อน เมื่อก่อนนางรังแกท่านทางอ้อมด้วยการตัดของกินของใช้และยารักษาโรคก็แล้วไป แต่ยามนี้ถึงขั้นคิดจะปลิดชีพของท่านและคุณหนูทั้งสอง การที่นางตกอยู่ในสภาพนั้นยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“ดึกมากแล้วเจ้าไปนอนเถิด วันพรุ่งนี้จะได้รีบตื่นแต่เช้านำผ้าปักของข้าไปส่งที่สกุลเจียง” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็พยักหน้ารับแล้วเข้าไปในเรือนด้วยกัน ส่วนซ่งเหวินจิ้งก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับคนที่สูญสิ้นวิญญาณไปนานแล้ว...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status