Share

บทที่ 34 ราคะกำจาย

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:44:05

สายตาที่ปิดบังอารมณ์เอาไว้ไม่มิดของสุ่ยอี้หรงทำให้โม่ชิงเยว่ลอบสังเกตสีหน้าของสุ่ยฮูหยินในทันที นางแอบเห็นว่าสาวใช้สองนางที่อยู่ข้างกายของสุ่ยฮูหยินหายไปจึงได้หันไปส่งสายตาให้ชุ่ยเหมยซึ่งชุ่ยเหมยก็พยักหน้ารับเพื่อส่งสัญญาณว่านางรับรู้แล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันไปส่งมอบรอยยิ้มให้กับบรรดาสตรีที่อยู่ในบริเวณงาน สาวใช้ที่ติดตามติดตามนางมาต่างก็แยกย้ายกันไปมอบถุงหอมให้แก่บรรดาสตรีที่มาเป็นแขกภายในงาน ชุ่ยเหมยจึงใช้จังหวะที่เดินไปมอบถุงหอมเร้นกายไปยังทิศที่สาวใช้ข้างกายของสุ่ยฮูหยินเดินจากไป

“ถุงหอมเหล่านี้ล้วนได้รับการปักลวดลายจากช่างปักที่มากฝีมือของสกุลเจียง ส่วนเครื่องหอมที่อยู่ด้านในเป็นเครื่องหอมที่ข้าลงมือปรุงเองกับมือ หวังว่าทุกท่านคงจะไม่รังเกียจของขวัญชิ้นนี้ของข้า” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาซึ่งบรรดาสตรีที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็ลังเลที่จะรับถุงหอมจากสาวใช้ของนางแต่เมื่อท่านหญิงเจียหลีรับเอาไปแล้วเอ่ยชื่นชมออกมาทำให้สตรีหลายคนรับเอาไว้ มีเพียงคนของสกุลสุ่ยและบรรดาที่สตรีที่สนิทสนมกับสกุลสุ่ยเพียงเท่านั้นที่ไม่กล้ารับถุงหอมเอาไว้

ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้โม่ชิงเยว่ลอบยิ้มออกมา ด้วยนางคาดเดาเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้จึงได้จงใจมอบถุงหอมเพื่อผูกไมตรีกับบรรดาสตรีที่มาเป็นแขกในงานเลี้ยง มิตรและศัตรูควรจะถูกแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แม้ว่าการรับถุงหอมจะเป็นการแสดงให้เห็นว่ายินดีที่จะรับไมตรีจากนางแต่ก็ไม่อาจจะนำมาใช้ตัดสินได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูได้แต่อย่างน้อยก็เป็นชี้ให้นางได้รู้ว่าควรจะเริ่มต้นมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใดได้บ้าง

“ถุงหอมนี้ทั้งประณีตและงดงาม อีกทั้งลวดลายบนถุงหอมก็ดูแปลกตานิ่งอันโหวฮูหยินคิดจะทำถุงหอมเหล่านี้วางขายที่ร้านของท่านหรือ” คำถามของท่านหญิงเจียหลีทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา ท่านหญิงผู้นี้กับนางแม้ว่าจะไม่ค่อยได้พบกันนักแต่ทุกครั้งที่ได้พบหน้าก็รู้สึกถูกชะตากันอยู่ไม่น้อย

“ไม่ได้วางขายหรอกถุงหอมเหล่านี้ข้าตั้งใจจะนำมามอบให้แก่ทุกท่านเพื่อเป็นการผูกไมตรี หากท่านหญิงชื่นชอบข้าจะให้คนนำไปมอบให้แก่ท่านหญิงที่จวนของท่านในภายหลัง” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ท่านหญิงเจียหลีก็พยักหน้า

“ขอบคุณนิ่งอันโหวฮูหยินมาก” ท่านหญิงเอ่ยพลางหันไปโอ้อวดกับสหายว่านางกำลังจะได้ถุงหอมเพิ่มอีกทำให้โม่ชิงเยว่หัวเราะออกมาแล้วหันไปกำชับสาวใช้ของนางว่าให้สั่งทำถุงหอมเพิ่มแล้วส่งไปที่จวนของสหายของท่านหญิง ท่าทีใส่ใจท่านหญิงของโม่ชิงเยว่ทำให้สุ่ยอี้หรงเบ้ปากแล้วหันไปเอ่ยกับพระชายาของฉินอ๋องอย่างนอบน้อม

“พระชายาเพคะ วันนี้อี้เหรินมีความตั้งใจเป็นพิเศษที่จะชงชาถวาย อีกทั้งยังมีดอกโบตั๋นและดอกเสาเย่าที่นางเพาะเลี้ยงเอาไว้เป็นอย่างดียามดอกไม้เหล่านั้นผลิดอกเบ่งบานเพื่อรอให้พระชายาได้เชยชมแล้วเพคะ” คำพูดของสุ่ยอี้หรงทำให้สายตาหลายคู่หันไปสนใจสุ่ยอี้เหรินอีกครั้ง นางรีบย่อกายคำนับทุกคนแล้วจึงได้เอ่ยออกมาอย่างอ่อนหวาน

“อี้เหรินขออนุญาตแสดงความสามารถอันอ่อนด้อยชงน้ำชาให้ทุกท่านด้วยตนเองนะเจ้าคะ” เมื่อเอ่ยจบนางก็เดินไปนั่งลงบนโต๊ะที่สาวใช้ของนางจัดเตรียมเอาไว้แล้วเริ่มลงมือชงชาด้วยความพิถีพิถัน ท่วงท่าอันงดงามและอ่อนช้อยเมื่อรวมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตั้งอกตั้งใจของคนงาม ทำให้สายตาทุกคู่ต่างจดจ้องไปที่สุ่ยอี้เหริน ยามที่นางชงชาเสร็จกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชาที่ได้รับอุณหภูมิอันเหมาะสมทำให้ทุกคนก็ต่างชื่นชมนางออกมาเป็นเสียงเดียวกัน และต่างพากันคาดหวังว่าตนเองจะได้มีโอกาสได้ลิ้มรสน้ำชาของนางหรือไม่

แน่นอนว่าบุตรสาวของจวนสกุลสุ่ยจะมานั่งชงน้ำชาเพื่อแจกจ่ายทุกคนที่มาเป็นแขกในงานเลี้ยงได้อย่างไร ดังนั้นชาที่แขกคนอื่นๆ ได้รับไปล้วนเป็นชาที่ยกออกมาจากโรงครัวทั้งสิ้น ทุกคนต่างให้ความสนใจถ้วยชาที่ถูกยกออกมาจนแทบจะไม่มีผู้ใดให้ความสนใจดอกไม้ที่ข้ารับใช้ของจวนสกุลสุ่ยช่วยกันยกออกมาเพื่อโอ้อวดความงามของดอกไม้ที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี

โม่ชิงเยว่ได้รับการเชื้อเชิญให้ไปนั่งลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะตัวนั้นวางขนมของกินเล่นและถ้วยชาเอาไว้แล้ว ยามที่นางเปิดฝาของถ้วยชาขึ้นมากลิ่นหอมของน้ำชาก็ล่องลอยขึ้นมาแตะจมูก โม่ชิงเยว่รีบกลั้นหายใจแล้วยกถ้วยชาขึ้นทำท่าเสมือนกำลังดมกลิ่นหอมของน้ำชาแล้วลอบกินยาเพื่อต้านการออกฤทธิ์ของพิษราคะกำจายเอาไว้ ตอนที่ซ่งเหวินจิ้งมาเตือนนาง นางก็ไปเปิดตำรายาสมุนไพรที่เก็บเอาไว้มาทบทวนอีกครั้งแล้วก็พบว่ามียาที่ไร้รสไร้กลิ่นแต่มีพิษกระตุ้นกำหนัดอย่างรุนแรงอยู่แค่เพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งจากตัวยาที่จวนสกุลสุ่ยน่าจะพอหาได้ในยามนี้มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นพิษราคะกำจายนางจึงได้ปรุงยาต้านพิษออกมา อันที่จริงแล้วการจะได้รับพิษราคะกำจายนี้ไม่จำเป็นต้องดื่มกินก็สามารถได้รับพิษได้ เนื่องจากพิษชนิดนี้สามารถได้รับพิษได้ด้วยการสูดดม กลิ่นที่มีแต่คล้ายไม่มีของพิษชนิดนี้จะออกฤทธิ์กระตุ้นกำหนัดของคนที่สูดดมเข้าไป

“น้ำชาฝีมือของน้องสาวของข้าเป็นเช่นไรบ้าง นิ่งอันโหวฮูหยินคงจะไม่เคยได้ลิ้มรสน้ำชาชั้นดีเช่นนี้กระมัง” สุ่ยอี้หรงเอ่ยออกมาพลางจ้องมองโม่ชิงเยว่ด้วยสายตาเย้ยหยันโม่ชิงเยว่จึงได้ยิ้มออกมาแล้วขยับกายลุกขึ้น ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วเดินตรงไปหานาง โต๊ะของโม่ชิงเยว่และสุ่ยอี้หรงอยู่ห่างกันไม่ไกลนักดังนั้นพอโม่ชิงเยว่ใกล้จะไปถึงนาง นางก็รีบผงะถอยหลังอย่างตื่นตกใจทำให้สาวใช้ของนางต้องรีบเข้าไปช่วยประคองนางอย่างตื่นตกใจในทันที

“ซื่อจื่อฮูหยิน!” เสียงอุทานของสาวใช้ทำให้สุ่ยอี้หรงพลันตั้งสติได้นางปัดมือของสาวใช้ออกแล้วเอ่ยกับโม่ชิงเยว่ด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

“สตรีเช่นเจ้าช่างไม่รู้จักกฎระเบียบจริงๆ เหตุใดอยู่ๆ จึงได้ลุกขึ้นมาเช่นนี้กันเล่า” คำถามของสุ่ยอี้หรงทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมาพลางยื่นถ้วยชาของนางไปจ่อตรงหน้าของสุ่ยอี้หรง

“ข้าก็แค่อยากให้ท่านดูว่ามีแมลงตกลงไปในถ้วยชา”

“ว้าย! เจ้าจะบ้าหรือ” เสียงตวาดของสุ่ยอี้หรงพร้อมด้วยถ้วยชาที่ถูกปัดทิ้งลงไปบนพื้นทำให้ทุกคนต่างจ้องมองนางด้วยความประหลาดใจ ยิ่งยามที่นางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกอย่างลืมตัวทำให้ทุกคนต่างจ้องมองนางราวกับตัวประหลาด ส่วนท่านหญิงเจียหลีที่เห็นเช่นนั้นรีบเดินมารั้งแขนของโม่ชิงเยว่ให้ถอยห่างจากถ้วยชาที่ตกลงไปบนพื้นในทันที

“ชาถ้วยนี้น่าจะมีปัญหา” เสียงกระซิบของท่านหญิงเจียหลีทำให้โม่ชิงเยว่หันไปมองท่านหญิงด้วยความประหลาดใจว่าเพราะเหตุใดท่านหญิงจึงคาดเดาได้ นางก็ชี้ให้โม่ชิงเยว่ดูพฤติกรรมของสองพี่น้องสกุลสุ่ยที่ในยามนี้ถอยห่างจากถ้วยชาแล้วยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากปิดจมูกอย่างระมัดระวัง ทำให้สีหน้าของทุกคนซีดเผือดแล้วพากันถอยห่างถ้วยชาใบนั้นอย่างระมัดระวังแล้วยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกกันเป็นแถว ท่าทีของพวกนางทำให้โม่ชิงเยว่ลอบชื่นชมพวกนางอยู่ในใจพลางคิดว่าสมแล้วที่เป็นสตรีในสกุลสูงศักดิ์เรื่องเล่ห์กลเช่นนี้พวกนางต่างพากันคาดเดาได้และรีบปกป้องตนเองกันอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้าคิดจะเล่นงานข้าหรือ” โม่ชิงเยว่เอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าโกรธเคือง ท่านหญิงเจียหลีรีบเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียระมัดระวัง

“พวกนางปิดปากปิดจมูกเช่นนั้นเจ้าจงระวัง” ระหว่างที่พูดท่านหญิงเจียหลีก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูกของตนเองเช่นกันซึ่งโม่ชิงเยว่ก็ได้แต่คิดในใจว่าหากไม่ใช่เพราะนางกินยาต้านพิษต่อให้ปิดปากปิดจมูกยามนี้ก็คงจะไม่ทันแล้ว

“พวกนางคิดเล่นจะเล่นงานข้า” เมื่อเอ่ยจบโม่ชิงเยว่ก็แสร้งหมดแรงทรุดลงไปที่พื้น

“นิ่งอันโหวฮูหยิน” เสียงเรียกด้วยความตื่นตกใจของผู้คนรอบกายทำให้โม่ชิงเยว่แสร้งพยายามลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ข้าวิงเวียนศีรษะเหลือเกิน ชุ่ยหลันพาข้ากลับจวนที” โม่ชิงเยว่เอ่ยเรียกสาวใช้ที่นางพามาด้วยให้มาช่วยประคองนางซึ่งชุ่ยหลันและสาวใช้ของนางอีกสามคนก็รีบเข้ามาช่วยกันประคับประคองนางเอาไว้หนึ่งในนั้นมีชุ่ยเหมยด้วยทำให้โม่ชิงเยว่ลอบยินดีอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าชุ่ยเหมยกลับมาอยู่ข้างกายของนางแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status