Share

บทที่ 35 ลงมือกับสกุลสุ่ย

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:44:48

เมื่อสุ่ยฮูหยินเห็นว่าโม่ชิงเยว่ทรุดลงไปเช่นนี้ก็ได้แต่คิดในใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว เพียงแต่การที่พิษออกฤทธิ์ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นผลดีหรือว่าผลเสียต่อสกุลสุ่ยของนางกันแน่ นางจึงได้เอ่ยแก้ตัวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังแม้ว่าในใจจะสั่นไหวมากเพียงใดก็ตาม

“นิ่งอันโหวฮูหยินอย่าได้เข้าใจผิด ชาถ้วยนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอันใดส่วนสาเหตุที่ท่านสิ้นไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินต่อการออกมาข้างนอกจวนหรือเปล่า” คำพูดของสุ่ยฮูหยินทำให้โม่ชิงเยว่แสร้งลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการกล่าวหา

“ข้าหาใช่คนร่างกายอ่อนแอเช่นนั้น สุ่ยฮูหยินเสียทีที่ข้าไว้ใจจึงได้ยินดีมาที่นี่ตามคำเชิญของท่าน คิดไม่ถึงว่าสกุลสุ่ยของพวกท่านจะข้างนอกสุกใสแต่ภายในเน่าเหม็น เมื่อก่อนข้าก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี๋เหนียงในจวนข้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงได้มีพฤติกรรมต่ำช้าเลวทรามเช่นนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะจวนแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่ต่ำตมเช่นนี้นี่เอง ชุ่ยเหมยเก็บชาถ้วยนั้นมาข้าจะนำไปให้กรมอาญาตรวจสอบ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของสุ่ยฮูหยินก็รีบขัดขวางชุ่ยเหมยในทันที แต่กลับสาวใช้ธรรมดามีหรือจะขัดขวางชุ่ยเหมยได้ทัน นางทั้งว่องไวและรวดเร็วกว่าใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็สามารถเก็บถ้วยชาใบนั้นขึ้นมาได้แล้ว นางรีบเอาถุงหนังข้างเอวใส่ถ้วยชาใบนั้นเอาไว้ในทันที

“ฮูหยินบ่าวเก็บถ้วยชาเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“เช่นนั้นก็พาข้ากลับจวนเถิด” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของนางก็ช่วยกันประคับประคองนางทำท่าว่าจะพานางออกจากงานเลี้ยงแต่คนของสุ่ยฮูหยินกลับมาขวางทางพวกนางเอาไว้

“ถอยออกไป กล้าคิดทำร้ายฮูหยินของท่านโหวยังไม่พอยังคิดจะกักขังฮูหยินอีกหรือ คอยดูนะหากฮูหยินของพวกข้าเป็นอะไรไป พวกข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่หน้าประตูวังจะป่าวประกาศให้ผู้คนรับรู้กันทั่วว่าจวนสกุลสุ่ยของพวกเจ้านั้นต่ำช้าสักเพียงใด” เสียงของชุ่ยหลันทำให้โม่ชิงเยว่ที่แสร้งหมดสติอยู่ลอบชื่นชมอยู่ในใจพลางคิดเอาไว้ว่าชุ่ยเหมยและหรงมามาเลือกคนได้ไม่เลว

“ปล่อยพวกนางกลับไป” เสียงของสุ่ยฮูหยินเต็มไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาคนของนางจึงจำต้องถอยแล้วปล่อยให้คนของโม่ชิงเยว่พานางออกจากจวนสกุลสุ่ยท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในงานเลี้ยงหลายคนพาคนออกจากจวนสกุลสุ่ยตามโม่ชิงเยว่ในทันทีด้วยกังวลว่าตนเองก็อาจจะถูกสตรีสกุลสุ่ยเล่นงานด้วยรวมทั้งท่านหญิงเจียหลีที่รีบตรงกลับจวนของจ่างกงจู่ผู้เป็นพระมารดาแล้วเล่าเรื่องที่จวนสกุลสุ่ยทำลงไปในงานเลี้ยงในวันนี้

ยามที่โม่ชิงเยว่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหันไปมองสาวใช้ของนางแล้วก็เอ่ยชื่นชมออกมา

“พวกเจ้าทำได้ดีมากเมื่อกลับจวนไปแล้วข้าจะตอบแทนอย่างดี” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้พวกนางก็ต่างรีบบอกว่าล้วนเป็นหน้าที่ของพวกนางแต่โม่ชิงเยว่รู้ดีว่าที่ควรตกรางวัลก็สมควรจะตกรางวัลที่ควรตำหนิก็สมควรจะตำหนิ ในเมื่อยามนี้คนของนางทำงานดีก็ควรจะตกรางวัลให้แก่พวกนางสักหน่อย

พอถึงจวนนิ่งอันโหวโม่ชิงเยว่ก็แสร้งสลบไสลไม่ได้สติอีกครั้งแล้วปล่อยให้สาวใช้ช่วยประคองนางเข้าไปในจวน มีเสียงตะโกนให้ไปตามท่านหมอกันอย่างวุ่นวายทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนการของโม่ชิงเยว่แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือจากเดิมทีที่นางคิดจะแสร้งส่งคนไปตามท่านหมอมาให้เขาตรวจร่างกายที่ได้รับพิษเข้าไปของนางแล้วส่งท่านหมอผู้นั้นกลับไป แต่ท่านหมอที่มาถึงประตูจวนโดยที่คนของนางยังไม่ทันได้ออกไปตามคือท่านหมอที่ซ่งเหวินจิ้งเคยพามาตรวจดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อชุ่ยเหมยเห็นท่านหมอชุดขาวผู้นั้นนางจึงรีบเอ่ยถามเขาในทันที

“ท่านมาได้อย่างไร” ท่านหมอชุดขาวผู้นั้นจ้องมองชุ่ยเหมยอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้เอ่ยกับนางเสียงเบา

“ท่านโหวส่งข้ามา” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้เดิมทีชุ่ยเหมยก็คิดว่าจะส่งเขากลับไปแต่เมื่อคิดได้ว่าในเมื่อซ่งเหวินจิ้งเป็นคนส่งมาก็แสดงว่าเขาน่าจะรู้เรื่องการไม่ชอบมาพากลของจวนสกุลสุ่ยนางจึงได้เชื้อเชิญท่านหมอผู้นั้นเข้าไปในจวน

เมิ่งเส้าชิงจ้องมองสาวใช้ผู้นั้นด้วยใบหน้าเย็นชา ซ่งเหวินจิ้งมักจะพร่ำบ่นกับเขาอยู่หลายครั้งว่าฮูหยินของตนชอบอยู่แต่กับสตรีที่มีใบหน้างดงาม ในตอนแรกเขาไม่เคยสนใจคำพร่ำบ่นเหล่านั้นแต่ยามนี้เมื่อได้เห็นสาวใช้ผู้นี้เขาเริ่มจะเชื่อคำพร่ำบ่นของสหายแล้ว ยิ่งยามที่ได้เห็นบรรดาสาวใช้ที่ห้อมล้อมฮูหยินของซ่งเหวินจิ้งแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจสหายของตนขึ้นมา ในเมื่อฮูหยินของสหายชอบอยู่แต่กับสตรีที่มีใบหน้างดงามถึงเพียงนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะรู้สึกรังเกียจบุรุษใบหน้ากร้านแดดกร้านลมแถมยังเป็นบุรุษหยาบกร้านแบบสหายของเขา

“ขอล่วงเกินแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าวางลงบนข้อมือของฮูหยินของสหายแล้วจึงได้ลงมือตรวจจับชีพจร

“ท่านได้รับพิษแต่ก็มีพิษอีกชนิดที่ช่วยต้านเอาไว้ ดูเหมือนว่าฮูหยินจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพรเป็นอย่างดีดังนั้นข้าคงไม่ต้องเขียนเทียบยาเพื่อขับไล่พิษเหล่านั้นแล้วกระมัง” เมื่อเมิ่งเส้าชิงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา

“ขอบคุณท่านหมอมาก ขอบอกท่านตามตรงว่าข้าได้เตรียมยาขับพิษเอาไว้แล้ว” คำพูดของนางทำให้เมิ่งเส้าชิงพยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนจะได้กลับไปรายงานท่านโหวว่าฮูหยินของเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการแก้พิษ” เมื่อเอ่ยจบเมิ่งเส้าชิงก็เดินจากไปทิ้งให้โม่ชิงเยว่นั่งทำสีหน้าไม่ถูกอยู่เช่นนั้น จวบจนชุ่ยเหมยเดินกลับเข้าห้องมานางจึงได้โบกมือไล่สาวใช้คนอื่นๆ ให้ออกจากห้องไปแล้วสอบถามชุ่ยเหมยถึงการลงมือของนางในทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพบเบาะแสอะไรหรือไม่” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยถามเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ยิ้มออกมาในทันที

“สาวใช้สองคนนั้นไปนำพิษราคะกำจายมาจากเรือนของสุ่ยฮูหยินเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าเวลาที่กรมอาญาไปตรวจพวกนางจะนำไปซุกซ่อนที่อื่น ก็เลยแบ่งยาบางส่วนไปซุกซ่อนตามบริเวณที่คนของกรมอาญาน่าจะตรวจพบอีกหลายจุดเจ้าค่ะ” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า

“เจ้าทำได้ดีมาก ส่วนเรื่องรถม้าของสุ่ยอี้หรงเล่าเจ้าได้นำผงยาที่ข้ามอบให้ไปใส่เอาไว้ในกาน้ำชาบนรถม้าของนางแล้วหรือยัง” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้า

“บ่าวลงมือแล้วเจ้าค่ะ” คำตอบของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ

“เรื่องที่เกิดในวันนี้เป็นสุ่ยอี้หรงที่เผยพิรุธออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ วันนี้นางจะต้องถูกมารดาและผู้อาวุโสในจวนตำหนิแน่ ยามที่นางต้องนั่งรถม้าออกจากจวนสกุลสุ่ยจะต้องอยากดื่มชาเพื่อดับความร้อนรุ่ม หรือต่อให้นางไม่อยากดื่มผงยาราคะกำจายที่ข้าปรุงขึ้นก็ยังคงจะส่งผลต่อนางอยู่ดี ด้วยยาที่ข้าปรุงไม่ต้องถูกไอความร้อนก็สามารถออกฤทธิ์ได้ขอเพียงสูดดมเข้าไปย่อมได้รับพิษอย่างแน่นอน จวนสกุลสุ่ยกับจวนไหวกั๋วกงอยู่ห่างกันมากฤทธิ์ยาที่กำเริบขึ้นมาระหว่างทางย่อมสามารถทำให้นางก่อเรื่องขายหน้าให้แก่ตนเองได้เป็นแน่”

เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ได้แต่พยักหน้าพลางคิดในใจว่าเห็นทีคราวนี้จวนสกุลสุ่ยจะต้องประสบกับปัญหาอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่ยึดครองตำแหน่งฮูหยินของจวนนิ่งอันโหวไม่ได้อีกไม่กี่วันแม้แต่ตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อของจวนไหวกั๋วกงคนสกุลสุ่ยก็คงไม่อาจจะครอบครองได้แล้ว การลงมือของเจ้านายของนางยังคงเด็ดขาดและโหดเหี้ยมอยู่เช่นเดิม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการลงมือฆ่าคนในดาบเดียวอย่างที่เจ้านายของนางเคยทำแต่การกระทำเช่นนี้ก็สามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นหลายคนด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียวอย่างแท้จริง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 40 ปิดล้อมจวนสกุลสุ่ย

    ยามที่ขบวนแห่โลงศพของสุ่ยอี้หรงเคลื่อนผ่านไปแล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันมาทางบุตรชายและบุตรสาวของตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกับขบวนแห่เช่นนี้พวกเขาจึงได้จ้องมองด้วยความสนใจ“อย่าได้มองอีกเลย เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นเรื่องธรรมดา” โม่ชิงเยว่เอ่ยกับลูกๆ ของนางด้วยน้ำเสียอ่อนโยน ซึ่งเด็กๆ ก็พยักหน้าแล้วหันไปให้ความสนใจกับของเล่นในร้านค้าอีกครั้ง“เขาคือคนที่สังหารสุ่ยอี้หรงเองกับมือ ข้าขอเตือนเจ้าว่าเหยียนเซียวไม่ใช่คนที่เจ้าควรจะข้องแวะด้วย” เสียงกระซิบของคนที่มายืนข้างหลังทำให้โม่ชิงเยว่กะพริบตาแล้วจึงได้ยิ้มออกมา“เหตุใดวันนี้ใต้เท้าจึงได้ออกมาเดินเที่ยวเล่นได้” คำถามของนางทำให้สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่เขา ชายหนุ่มที่มีหน้ากากโลหะบนใบหน้าย่อมจะดูแปลกตาในสายตาของผู้อื่น“ข้ามาทำงานแต่บังเอิญเห็นฮูหยินเข้าก็เลยแวะเข้ามาทักทาย” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยแล้วจ้องมองบุตรสาวและบุตรชายที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ฉายความสนใจ เขาจึงได้ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับสายตาของเด็กๆ แล้วเอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน“คุณหนูและคุณชายอยากได้ของชิ้นไหนบอกข้าได้เลยนะ อืม หุ่นไม้ตัวนั้นดีไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 39 สาสม

    แม้ว่าในใจจะกล่าวโทษตนเองที่ก่อนหน้านี้ทั้งโง่เขลาและอ่อนแอ แต่ส่วนลึกของใจโม่ชิงเยว่ก็ยังอดรู้สึกกล่าวโทษซ่งเหวินจิ้งไม่ได้ ดังนั้นการนิ่งเฉยของนางอาจจะดูเหมือนว่านางให้โอกาสเขาแต่โม่ชิงเยว่ก็ยังคงไม่อาจจะให้อภัยเขาได้ดังที่ซ่งเหวินจิ้งต้องการ นางจึงไม่ได้ละทิ้งเป้าหมายของตนเอง นางไม่ต้องการพึ่งพาผู้ใดและไม่ต้องการที่จะเฝ้ารอคอยและร้องขอความเมตตาจากผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่สะสางธุระภายในจวนเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงได้เตรียมตัวที่จะออกไปสำรวจตลาดด้วยตนเอง“ท่านแม่ให้ข้าสองคนติดตามไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยเตรียมตัวที่จะออกจากจวนเสร็จแล้ว“ท่านแม่พวกข้าสองคนไม่ค่อยจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาภายนอกสักเท่าไหร่ ท่านให้ข้าและพี่หญิงติดตามท่านออกไปด้วยได้ไหมขอรับ” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็นิ่วหน้า แต่เมื่อคิดได้ว่านางไม่ค่อยจะได้พาลูกๆ ออกไปเที่ยวข้างนอกเลยสักครั้งนางจึงได้ยินยอมพยักหน้าแล้วตอบตกลงลูกทั้งสองไป“พวกเจ้าจะติดตามแม่ไปด้วยก็ได้แต่จงจำเอาไว้ว่าถ้าหากพวกเจ้าดื้อรั้นไม่ฟังคำของแม่ แม่จะส่งพวกเ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 38 ขอโทษ

    ยามที่โม่ชิงเยว่ได้รับข่าวการสิ้นชีวิตของสุ่ยอี้หรงนางก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงว่าสกุลบัณฑิตอย่างสกุลเหยียนย่อมไม่อาจจะรับสะใภ้ที่แปดเปื้อนกลับสกุลได้อยู่แล้วนางจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมา ซื่อจื่อกั๋วกงเหยียนเซียวผู้นี้ก่อนที่นางจะแต่งงานนางเคยได้พบกับเขาอยู่หลายครั้ง ทั้งดูสูงส่งภูมิฐานสง่างามและเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากเขาอยู่ในสกุลบัณฑิตผู้สูงศักดิ์ส่วนนางอยู่ในสกุลของแม่ทัพที่หยาบกระด้างย่อมไม่มีเรื่องใดให้ข้องแวะกันได้อยู่แล้ว“อยากจะเข้าก็เข้ามา จะยืนอยู่ด้านนอกนั่นให้ยามจับได้หรือไร ข้ายังไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าลักลอบนัดแนะให้บุรุษเข้ามาหาตอนที่สามีไม่อยู่หรอกนะ” เสียงของโม่ชิงเยว่ทำให้คนที่ยืนจ้องมองนางอยู่ตรงระเบียงทอดถอนใจออกมาแล้วจึงได้เดินเข้ามาในห้องผ่านประตูระเบียง“ที่เจ้ากำลังทำอยู่ไม่ใช่การเชื้อเชิญให้บุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องของเจ้าหรอกหรือ” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า แต่โม่ชิงเยว่กลับไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเขานางชี้ไปที่ประตูระเบียงแล้วจึงได้เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้าเช่นนั้นท่านเข้ามาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นได้เลย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 37 โจรป่า

    เสียงขยับไหว เสียงหอบหายใจและเสียงร้องครวญครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในของรถม้า ทำให้เสี่ยวเหยาผู้เป็นสาวใช้ของสุ่ยอี้หรงวุ่นวายใจจนต้องเดินไปเดินมารอบๆ รถม้า ส่วนคนขับรถม้าและผู้ติดตามคนอื่นๆ ยามนี้ได้พากันถอยออกไปเพื่อเว้นระยะห่างจากรถม้าแล้ว แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ทุกสายตาที่จ้องมองมาที่รถม้ากลับเต็มไปด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนทั้งสิ้น ยามนี้เสี่ยวเหยาได้แต่คิดว่าเจ้านายของนางจะต้องถูกคนเล่นงานแล้วแน่ๆ แม้ว่าจะคาดเดาได้แล้วแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดียามนี้นางจึงได้แต่เฝ้าวนเวียนอยู่รอบๆ รถม้า เพื่อรอให้เจ้านายของนางได้สติกลับคืนมาเสียงฝีเท้าม้าหลายตัวที่ถูกควบขี่มาทางด้านนี้ทำให้เสี่ยวเหยารีบหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่ยืนห่างออกไปให้รีบไปปิดทางเอาไว้ไม่ให้คนเหล่านั้นเข้ามา องครักษ์เหล่านั้นก็รีบไปดำเนินการตามคำสั่งของนางในทันที แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังมาเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างมีสีหน้าลนลานจนคนบนหลังม้ารีบเร่งรุดมายังจุดที่รถม้าที่จอดเอาไว้ในทันที“ฮูหยินเป็นอะไร เหตุใดจึงได้มาจอดรถม้าอยู่แถวนี้” คำถามของซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวทำให้เสี่ยวเหยาตัวสั่นงันงกด้วยความหว

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 36 เล่นงานสุ่ยอี้หรง

    หลังจากเกิดเรื่องที่งานเลี้ยงน้ำชาในจวนสกุลสุ่ย สุ่ยเม่าเจ้ากรมพิธีการของแคว้นเหลียนก็ถูกตามตัวกลับมาที่จวนอย่างเร่งด่วน เมื่อเขาเข้าไปในโถงหลักของสกุลก็เห็นว่าในยามนี้ฮูหยินและบุตรสาวทั้งสองของเขากำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้านายท่านผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาของเขาอยู่ เขาจึงรีบเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าบิดาของเขาเพื่อแสดงออกถึงความสำนึกผิดในทันที“ท่านพ่อเรื่องในวันนี้พวกนางล้วนทำเต็มที่แล้ว แต่เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นทำให้แผนการที่วางเอาไว้เสียหาย” คำแก้ตัวของสุ่ยเม่าทำให้นายท่านผู้เฒ่าสกุลสุ่ยตวาดออกมาในทันที“เหตุสุดวิสัยหรือเจ้าลองสอบถามบุตรสาวและภรรยาของเจ้าให้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นเหตุสุดวิสัยหรือเป็นเพราะความโง่เขลาของพวกนาง หากบุตรสาวของเจ้าไม่โง่เขลาจนทำแผนการที่วางเอาไว้ของข้าแตกป่านนี้ข้าก็คงจะสามารถทำให้ชื่อเสียงขององค์ชายรองด่างพร้อยได้ดังที่ข้าเคยรับปากกับองค์ชายใหญ่เอาไว้แล้ว ถึงยามนั้นเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็กของเจ้าก็คงจะสามารถคว้าตำแหน่งพระชายาเอกขององค์ชายใหญ่เอาไว้ได้ดังที่ข้าหมายมั่นปั้นมือเอาไว้” คำพูดของนายท่านผู้เฒ่าทำให้สุ่ยเม่าก้มหน้าลงเพื่อปิดบังสีหน้าของตนเอง“ท่านพ่

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 35 ลงมือกับสกุลสุ่ย

    เมื่อสุ่ยฮูหยินเห็นว่าโม่ชิงเยว่ทรุดลงไปเช่นนี้ก็ได้แต่คิดในใจว่ายาคงจะออกฤทธิ์แล้ว เพียงแต่การที่พิษออกฤทธิ์ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นผลดีหรือว่าผลเสียต่อสกุลสุ่ยของนางกันแน่ นางจึงได้เอ่ยแก้ตัวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังแม้ว่าในใจจะสั่นไหวมากเพียงใดก็ตาม“นิ่งอันโหวฮูหยินอย่าได้เข้าใจผิด ชาถ้วยนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอันใดส่วนสาเหตุที่ท่านสิ้นไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินต่อการออกมาข้างนอกจวนหรือเปล่า” คำพูดของสุ่ยฮูหยินทำให้โม่ชิงเยว่แสร้งลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการกล่าวหา“ข้าหาใช่คนร่างกายอ่อนแอเช่นนั้น สุ่ยฮูหยินเสียทีที่ข้าไว้ใจจึงได้ยินดีมาที่นี่ตามคำเชิญของท่าน คิดไม่ถึงว่าสกุลสุ่ยของพวกท่านจะข้างนอกสุกใสแต่ภายในเน่าเหม็น เมื่อก่อนข้าก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี๋เหนียงในจวนข้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงได้มีพฤติกรรมต่ำช้าเลวทรามเช่นนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะจวนแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่ต่ำตมเช่นนี้นี่เอง ชุ่ยเหมยเก็บชาถ้วยนั้นมาข้าจะนำไปให้กรมอาญาตรวจสอบ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้สาวใช้ของสุ่ยฮูหยินก็รีบขัดขวางชุ่ยเหมยในทันที แต่กลับ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 34 ราคะกำจาย

    สายตาที่ปิดบังอารมณ์เอาไว้ไม่มิดของสุ่ยอี้หรงทำให้โม่ชิงเยว่ลอบสังเกตสีหน้าของสุ่ยฮูหยินในทันที นางแอบเห็นว่าสาวใช้สองนางที่อยู่ข้างกายของสุ่ยฮูหยินหายไปจึงได้หันไปส่งสายตาให้ชุ่ยเหมยซึ่งชุ่ยเหมยก็พยักหน้ารับเพื่อส่งสัญญาณว่านางรับรู้แล้ว โม่ชิงเยว่จึงได้หันไปส่งมอบรอยยิ้มให้กับบรรดาสตรีที่อยู่ในบริเวณงาน สาวใช้ที่ติดตามติดตามนางมาต่างก็แยกย้ายกันไปมอบถุงหอมให้แก่บรรดาสตรีที่มาเป็นแขกภายในงาน ชุ่ยเหมยจึงใช้จังหวะที่เดินไปมอบถุงหอมเร้นกายไปยังทิศที่สาวใช้ข้างกายของสุ่ยฮูหยินเดินจากไป“ถุงหอมเหล่านี้ล้วนได้รับการปักลวดลายจากช่างปักที่มากฝีมือของสกุลเจียง ส่วนเครื่องหอมที่อยู่ด้านในเป็นเครื่องหอมที่ข้าลงมือปรุงเองกับมือ หวังว่าทุกท่านคงจะไม่รังเกียจของขวัญชิ้นนี้ของข้า” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาซึ่งบรรดาสตรีที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็ลังเลที่จะรับถุงหอมจากสาวใช้ของนางแต่เมื่อท่านหญิงเจียหลีรับเอาไปแล้วเอ่ยชื่นชมออกมาทำให้สตรีหลายคนรับเอาไว้ มีเพียงคนของสกุลสุ่ยและบรรดาที่สตรีที่สนิทสนมกับสกุลสุ่ยเพียงเท่านั้นที่ไม่กล้ารับถุงหอมเอาไว้ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้โม่ชิงเยว่ลอบยิ้มออกมา ด้วยนาง

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 33 งานเลี้ยงสกุลสุ่ย

    จวนสกุลสุ่ยสมแล้วที่เป็นจวนสกุลเดิมของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ไม่เพียงกว้างขวางและใหญ่โตภายในจวนยังได้รับการตกแต่งอย่างดี สวนหินและสวนไม้ดอกสามารถโอ้อวดผู้คนได้อย่างภาคภูมิใจ โม่ชิงเยว่ที่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในยังอดรู้สึกชื่นชมการตกแต่งจวนของจวนสกุลสุ่ยไม่ได้ยามนี้สิ่งที่ในใจของนางกำลังคิดอยู่ก็คือนางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี้โหรวจึงได้คิดว่าตนเองสูงส่งถึงเพียงนั้น จวนของนางหรูหราถึงขั้นนี้แล้วจวนโหวที่ได้รับการดูแลโดยคนแกคร่ำครึอย่างแม่สามีของนางจะสามารถเทียบเคียงกับสกุลสุ่ยได้อย่างไรกันเล่า การที่บุตรสาวที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกเช่นสุ่ยอี้โหรวยอมลดตัวแต่งออกจากจวนไปเป็นอนุ หากไม่ใช่เพราะความรักอันโง่เขลาก็คงเป็นเพราะสกุลสุ่ยมีแผนการที่ไม่ค่อยจะดีนักต่อจวนโหวแล้ว เพราะต่อให้สุ่ยอี้โหรวมีใจต่อซ่งเหวินจิ้งจริงหากผู้อาวุโสในสกุลสุ่ยไม่พยักหน้าแล้วสุ่ยอี้โหรวจะแต่งเข้าไปเป็นแค่เพียงอนุในจวนโหวได้อย่างไร“คารวะนิ่งอันโหวฮูหยิน เชิญท่านติดตามข้ามาทางนี้เจ้าค่ะ” เด็กสาวรูปร่างอรชร ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับสุ่ยอี้โหรวถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ความอ่อนเยาว์และรอยยิ้มอันสดใสของนางทำให้ความงามของ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 32 แผนการในใจ

    ยามที่ชุ่ยเหมยได้พบกับหรงมามาเดิมทีนางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดด้วยรู้ดีว่าโม่ชิงเยว่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกาย แต่เมื่อได้รู้ว่าหรงมามาได้รับการแนะนำมาจากผู้ใดทำให้นางอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จนต้องสอบถามโม่ชิงเยว่ออกมาตามตรง“ในเมื่อนางเป็นคนที่ท่านโหวพามา แล้วฮูหยินก็ยังยินดีที่จะให้นางมาอยู่ข้างกายอีกหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า“เขาจะมาไม้ไหนข้าเองก็อยากจะรู้ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปที่สกุลสุ่ยแล้ว ข้ากำลังขาดคนข้างกายที่จะคอยแนะนำเรื่องการคบค้าสมาคมกับบรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนหลังของบรรดาขุนนางชั้นสูงพอดี เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเพราะท่านแม่ชาติกำเนิดไม่สูง อีกทั้งท่านพ่อก็ไม่ได้ถือกำเนิดในแวดวงเดียวกันกับชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าจึงแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาสตรีที่เป็นชนชั้นสูงของแคว้นเหลียนดังเช่นบุตรสาวของแม่ทัพคนอื่นๆ เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาพลางจ้องมองด้านนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแล้วจึงได้เอ่ยต่อ“คนสกุลสุ่ยมีแผนการเช่นไรกับข้า ตัวข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน คิดจะเหยียบย่ำข้าเพื่อแก้แค้นให้สุ่ยอี้โหรวหรือว่าคิดจะใช้ข้าเป็นข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status