เด็กฝึกของน้าภพตอนนี้แทบจะกลายเป็นแฝดของน้าภพไปแล้วไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เธอเรียนรู้งานให้มาก เวลาขับรถไปไหนก็มักจะสอนเธอไปว่าทางแบบนี้ ถนนแบบนี้ สภาพการจราจรแบบนี้ ควรขับรถแบบไหนใช้เกียร์แบบไหน ตอนนี้หญิงสาวขับได้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
“น้าภพ คิดว่าหนูจะทำได้ไหมคะ” ญารินดาวันนี้ญารินดาต้องมาสอบใบขับขี่หลังจากฝึกมาจนมั่นใจและอ่านข้อสอบไปเป็นสิบรอบ
“ได้สิครับ มั่นใจหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้น”
“ถ้าวันนี้ไม่ผ่าน ครั้งหน้าน้าภพจะมากับหนูอีกไหมคะ”
“ไม่” ภีมภพปฏิเสธ
“น้าภพอะ ใจร้าย”
“ก็น้ารู้ว่ายังไงวันนี้กอหญ้าก็ต้องทำได้”
“หนูจะพยายามค่ะ จากนี้หนูขอเป็นคนพาแม่ไปซื้อของมาทำอาหารนะคะ”
“ได้สิ กอหญ้าจะยืมรถน้าพาแม่ไหนก็ได้ น้าอนุญาต” เพราะเป็นคนเธอเองเขาจึงมั่นใจว่าญารินดาจจะขับรถได้ดีและมีสติ
“แบบนี้หนูสู้ตายเลยค่ะ”
อาหารบนโต๊ะเย็นนี้มากกว่าทุกวันเพราะภีมภพอยากฉลองให้กับญารินดาที่สอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก
“กอหญ้า น้ามีความลับจะบอก”
“ความลับอะไรคะน้าพร”
“เรื่องสอบใบขับขี่ น้าขอชื่นชมเลยว่ากอหญ้าเก่งมากที่สอบผ่านได้ในครั้งแรก หนูรู้ไหมมีใครบางคนแถวนี้ สอบข้อเขียนไม่ผ่าน 3 รอบ”
“อะไรนะคะ ข้อเขียนง่ายจะตาย ก่อนสอบเขาก็อบรมตั้งหลายชั่วโมงนะคะ”
“น้าก็ว่าอย่างนั้น ไม่รู้ทำไมน้าภพถึงสอบไม่ผ่านก็ไม่รู้ กอหญ้าลองถามดูสิว่าทำไม”
“น้าภพสอบไม่ผ่านเหรอคะ” หญิงสาวหัวเราะเพราะไม่คิดว่าคนที่สอนเธอมาตลอด 1 เดือนนั้นสอบครั้งแรกไม่ผ่าน
“ถ้าจะเอาจริงก็คงผ่านตั้งแต่ครั้งแรก แต่ตอนนั้นน้าจีบคนคุมสอบไงเลยต้องสอบหลายรอบ” ภีมภพรีบแก้ตัว
“อ๋อ ติดหญิงนี่เอง ผู้หญิงคนนั้นสวยไหมคะ”
“สวยสิกอหญ้า สวยมาก” เพียงพรเป็นคนตอบแล้วเธอก็หัวเราะ
“แล้วได้เป็นแฟนไหมคะน้าภพ”
“ได้สิ ได้เป็นแฟนเพื่อนน้านะ ไอ้คนที่มันพาน้าไปสอบนั่นแหละคิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย”
“น่าสงสารนะคะ น้าภพออกจะหล่อแล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ชอบ”
“กอหญ้า หล่ออย่างเดียวมันไม่ช่วยอะไรกอหญ้า เพื่อน้าภพอาจหล่อไม่เท่า แต่พูดจาไพเราะ ช่างเอาใจ ส่วนน้าภพน่ะเหรอ เทียวไปหา ไปเฝ้า แต่ไม่พูดอะไร อยากให้ผู้หญิงรู้เอง สุดท้ายก็เลยแห้ว” เพียงพรเล่าไปก็ขำไป
“นั่นไง หนูว่าแล้ว น้าภพคะ ผู้หญิงไม่ได้เป็นหมอดูนะคะ จะได้รู้ว่าใครคิดยังไงกับตัวเอง ถ้าน้าภพชอบก็ต้องบอก เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าจากนี้จะจีบผู้หญิงคนไหน ให้มาบอกหนู เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง”
“แก่แดดใหญ่แล้วนะกอหญ้า” วาสนาปรามลูกสาวที่ตอนนี้แทบจะพูดกับภีมภพเหมือนคนวัยเดียวกันไปทุกที
“แม่คะ หนูก็แค่อยากช่วย”
“น้าว่าดีเหมือนกันนะคะกอหญ้า ถ้าน้าภพมีแฟน น้าก็คงสบายขึ้น จะได้มีคนมาช่วยทำงาน”
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้นเลยพี่พร ตอนนี้อยากทำงานเก็บเงินไปก่อน เดี๋ยวแก่แล้วไม่มีแรง”
“ไม่ต้องห่วงนะคะถ้าน้าพรกับน้าภพแก่ หนูจะดูแลเอง”
“ได้ยินอย่างนี้น้าชื่นใจเลยกอหญ้า” เพียงพรรู้สึกว่าเธอมองคนไม่ผิดเลยจริงๆ
“แล้วกอหญ้าจะไหวหรือเปล่า ดูแลพวกเราทั้งสามคน” วาสนาถามลูกสาวอย่างเอ็นดู
“ไหวอยู่แล้วค่ะแม่”
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วยิ้มความสดใสของญารินดาทำให้บรรยากาศของบ้านดูสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก
ช่วงก่อนเปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่ญารินดามีความสุขที่สุด พอถึงเวลาที่ต้องไปเรียนเลยอิดออด เพราะอยากอยู่ช่วยงานมากกว่า
“กอหญ้าต้องดูแลตัวเองนะลูก ห้ามอดข้าว ห้ามนอนดึก แล้วอย่าลืมโทรหาแม่กับน้าพรด้วยนะกอหญ้า”
“ค่ะแม่ แม่กับน้าพรก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ ถ้าหยุดเสาร์อาทิตย์ หนูรีบกลับนะคะแม่”
“จ้ะลูก”
วาสนา เพียงพร รวมถึงภีมภพมาส่งญารินดาตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ช่วยจัดของ พอบ่ายก็ไปซื้อของที่จำเป็นเพิ่มเติม ก่อนจะทานอาหารเย็นกันที่ร้านใกล้ๆ กับหอพัก
“น้าภพห้ามขับรถเร็วนะคะ” เพราะเกือบสามเดือนที่ผ่านมาญารินดามักจะไปไหนมาไหนกับภีมภพเกือบจะตลอดเลยรู้ว่าชายหนุ่มนั้นขับรถค่อนข้างจะเร็ว
“ไม่เร็วหรอกกอหญ้า น้าขับตามกฎหมายกำหนด ไม่เคยโดนใบสั่งสักที”
“ก็น้าภพรู้ว่าตรงไหนมีกล้อง” หญิงสาวรู้ทัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกกอหญ้า น้าจะช่วยปรามให้เอง” เพียงพรก็รู้เรื่องการขับรถของน้องชายเป็นอย่างดี
สัปดาห์แรกที่มาเรียนญารินดารู้สึกว่าการเรียนระดับมหาวิทยาลัยนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มันต่างจากเดิมมาก เธอต้องรับผิดชอบทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต และต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ลงตัว จากที่คิดจะกลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์ก็ทำไม่ได้
“น้าวาสครับ กอหญ้าบอกหรือเปล่าว่าจะให้ไปรีบกี่โมง” ภีมภพรอสายจากญารินดาตั้งแต่เย็นวันศุกร์จนถึงเช้าวันเสาร์ หญิงสาวก็ยังไม่โทรมาสักที
“กอหญ้าโทรมาบอกน้าเมื่อวานแล้วค่ะคุณภพ ที่มหาลัยมีกิจกรรมรับน้องเลยไม่ได้กลับบ้าน”
“อ๋อ ครับ” ภีมภพพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกห่วงคนที่เคยอยู่ข้างกายมาตลอดสามเดือน
ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วที่ญารินดาไม่กลับบ้านเพราะทั้งเรียนทั้งกิจกรรม วาสนาพยายามเข้าใจลูกสาวเพราะทุกวันลูกสาวจะโทรศัพท์มารายงานตลอดว่าในแต่ละวันทำอะไรบ้าง คนเป็นแม่ก็เลยไม่ห่วงมากเท่าไหร่
แต่คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คงจะเป็นภีมภพ เพราะเมื่อไม่มีเธออยู่ชีวิตของเขาก็ไม่สดใสอย่างเคย ชายหนุ่มกลายเป็นคนเก็บตัวและพูดน้อย ไม่ค่อยมีลูกน้องคนไหนอยากเข้าใกล้เพาะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเจ้านาย พอทำงานเสร็จทุกคนก็พากันหายหัวไปไหม
วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของร้าน ถ้าเป็นแต่ก่อนเขากับลูกน้องก็พากันมานั่งเล่น คุยเล่น และมาดูหนังที่บ้านของชายหนุ่ม แต่วันนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่นั่งเหงา พี่สาวกับน้าวาสก็พากันไปทำบุญที่วัดใกล้หมู่บ้านตั้งแต่เช้า
“กอหญ้านะ กอหญ้า ไหนว่าจะกลับบ้านทุกอาทิตย์” ภีมภพดูรูปถ่ายของหญิงสาวที่แอบถ่ายไว้แล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
“กรุงเทพ สุพรรณ ใกล้นิดเดียว” เมื่อคิดได้ชายหนุ่มก็รีบขับรถออกจากบ้านหลังเล็กไปโดยเร็ว
ภีมภพนั่งอยู่บนรถที่จอดอยู่หน้าหอพัก กำลังพยายามคิดหาคำคำพูดว่าจะบอกกับเธอยังไงที่อยู่ ๆ ก็มาหาเธอถึงนี้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เสียงเคาะกระจกทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว
“น้าภพ” เสียงที่คุ้นเคยส่งผลให้คนตัวโตยิ้มกว้าง
“กอหญ้า”
“น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ มาหาหนูหรือเปล่าคะ แล้วแม่กับน้าพรมาไหม”
“น้ามาคนเดียวพอดีมาทำธุระเลยแวะมาหา แม่กับน้าพรไปทำบุญที่วัด”
“หนูขอโทษนะคะ ไม่ได้กลับบ้านอย่างที่บอกไว้แต่แรก” หญิงสาวรู้สึกผิดที่ทำตามคำพูดไม่ได้
“ไม่เป็นไร แล้วตอนนี้ปรับตัวได้หรือยัง”
“ก็พยายามอยู่ค่ะ ช่วงนี้กิจกรรมเยอะเลยไม่มีเวลากลับบ้านเลย”
“น้าพอเข้าใจ” เขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลานี้มาก่อนเลยเข้าใจเธอมากกว่าใคร
“น้าภพขึ้นไปบนห้องก่อนไหมคะ กินข้าวมาหรือยังคะ”
“ยังเลย ว่าจะให้กอหญ้าพาไปกิน”
“ได้เลยค่ะ ขอเอาหนังสือไปเก็บก่อนนะคะ น้าภพขับรถมาเหนื่อยๆ ไปล้างหน้าก่อนไหม”
“น้าขึ้นไปได้เหรอครับ”
“ได้สิคะ น้าภพเป็นผู้ปกครองของหนู เจ้าของหอไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มฟังแล้วแทบสะอึกกับคำว่าผู้ปกครอง เพราะคำนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรู้สึกกับเธอเป็นอื่นไปได้เลย
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าว เพราะด้านหน้าบ้านมีบริเวรกว้างขวาง เพื่อนของญารินดามาร่วมงานกันหลายคน เพื่อนของเธอต่างพากันอิจฉาที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นหล่อราวกับเทพบุตรช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและแห่ขันหมาก ส่วนช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงฉลอง ภีมภพและญารินดายืนต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนมีความสุข เขากุมมือเจ้าสาวตลอดงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเขาทั้งรักและหวงแหนเธอมากแค่ไหน“ยินดีด้วยนะกอหญ้า” ต้นหลิวกับครอบครัวมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย ส่วนต้นโมกนั้นก็ควงคู่มากับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งตกลงคบหากันได้ไม่นาน“ขอให้มีความสุขมากๆนะกอหญ้า” กัญและทีเจทีก็มาร่วมอวยพรนอกจากนั้นก็มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่มาแสดงความยินดีกับเธออีกหลายคน ต่างดีใจที่ญารินดาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาคู่บ่าวสาวเดินทักทายและกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนถึงเวลาสามทุ่มแขกก็เริ่มทยอยกันเดินทางกลับบ้าน ในที่สุดงานแต่งงานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด“คุณภพ แม่ฝากกอหญ้าด้วยด้วยนะคะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย
แล้วก็ถึงวันที่ญารินดาเรียนจบ วาสนาปลื้มใจยิ่งกว่าใครทั้งหมด คุณเพียงพรจัดงานเลี้ยงให้กับกอหญ้าที่ลานหน้าบ้านและชวนคนงานทุกคนให้มาร่วมฉลองความสำเร็จของเธอและเพียงพรก็ได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าภีมภพกับญารินดานั้นกำลังคบหากันและจะจัดงานแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่หลวงพ่อให้มาลูกน้องของภีมภพต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ที่เจ้านายของตนจะแต่งงานและจะได้เข้าชมรมกลัวเมียเหมือนกับพวกเขา แต่งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างภีมภพไม่ค่อยจะดีใจเท่าไร่ เพราะตอนนี้ญารินดาและวาสนาขอกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วหลังแต่งงานค่อยย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหญ่แม้ว่าจะได้เจอกันทุกวันเพราะญารินดามาทำงานที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเธอตามลำพังเลยสักนิด ถ้าจะให้เขารอให้ถึงวันแต่งงานเขาคงได้ขาดใจตายก่อนแน่ๆ ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ทุกอย่างกำลังลงตัวทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก เธอได้เจอกับภีมภพและได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน แต่ชายหนุ่มมักโทรมาโอดครวญอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้เธอไปค้างที่บ้านบ้าง แต่ญารินดาก็เกรงใจมารดา เพราะที่ผ่านมาเธอก็ทำผิดเอาไว้มากหญิงสาวก็เ
ญารินดาตื่นนอนมาด้วยความสดชื่น การได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักมันทำให้เธอหลับฝันดีกว่าคืนไหน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนที่เธอนอนกอดอยู่ทั้งคืนนั้นหายไปไหนตั้งแต่เช้าวันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้าจึงคิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรทานที่คณะก่อนเข้าเรียน แต่พออาบน้ำเสร็จคนที่คิดถึงก็เดินกลับเข้าห้องมาพอดี “น้าภพไปไหนมาแต่เช้าคะ” “น้าลงไปซื้อโจ๊กมาให้ครับ กอหญ้าจะได้กินก่อนไปเรียน” “ขอบคุณนะคะน้าภพ” “ทำไมทำหน้าซึ้งขนาดนั้นแค่โจ๊กเองนะครับ” “ก็น้าภพดีกับกอหญ้านี่คะ” “แค่นั้นเองเหรอครับ” “กอหญ้าคุยกับแม่แล้วค่ะ ไม่มีดุกอหญ้าเลย เพราะน้าภพช่วยพูดใช่ไหมคะ” “น้าไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ก็แค่บอกไปตามความจริงว่าน้ารักและจริงใจกับกอหญ้า” “ตอนแรกกอหญ้านึกว่าแม่จะดุ แต่แม่บอกว่าดีใจที่กอหญ้ามีคนดีๆ อย่างน้าภพคอยดูแลค่ะ กอหญ้ารักน้าภพนะคะ” หญิงสาวกอดคนตัวโตอย่างประจบ “น้าก็รักกอหญ้าครับ รีบกินดีกว่าไหมครับ กินตอนร้อนๆ จะได้อร่อย เดี๋ยวกินเสร็จแล้วน้าไปส่งนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ กอหญ้าไปเองได้ค่ะ ใก
ภีมภพเหยียบมิดไมล์ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มาถึงหอพักของญารินดา เขารีบวิ่งขึ้นไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอเข้าใจผิดแต่เป็นเพราะกลัวว่าอาการปวดท้องของเธอจะเป็นหนัก ญารินดาลุกขึ้นเปิดประตูโดยไม่ได้มองว่าใครมาเคาะเพราะคิดว่าคงจะเป็นต้นหลิวอย่างเคย “กอหญ้า” “น้าภพ” ญารินดาไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอในเวลานี้ เขาน่าจะเอาเวลานี้ไปดูแลลูกและภรรยาของเขาสิมันถึงจะถูกต้อง “ขอน้าเขาไปก่อนได้ไหมกอหญ้า” ภีมภพไม่อยากเพื่อนของเธอมาเจอเพราะกลัวว่าคนรักจะเสียหายที่มีผู้ชายมาหากลางดึก “น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ” “น้าเอายามาให้ครับ” “ขอบคุณนะคะ” ญารินดารีบไว้แล้วทำท่าจะปิดประตู “กอหญ้าคงไม่ไล่น้ากลับใช่ไหมครับ” “กอหญ้าไม่ได้ไล่ค่ะ แต่น้าภพไม่ควรจะอยู่ที่นี่” “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ ขอน้าเข้าไปนะครับ” “กอหญ้ามีอะไรจะคุยค่ะ กอหญ้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” “น้าอยากคุยเรื่องเขา ถ้ากอหญ้าจะยืนคุยตรงนี้น้าก็ไม่มีปัญหานะครับ ถ้าเพื่อนกอหญ้ามาเจอน้าก็จะได้บอกเลยว
วันนี้ญารินดาต้องกลับไปเรียนแล้วเธอนัดกับภีมภพไว้เวลาบ่ายสองโมง แต่รอจนกระทั่งสี่โมงเย็นเขาก็ยังไม่มารับ หญิงสาวโทรหาเขาหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มันคงเป็นเธอเองที่คาดหวังกับเขามากจนเกิน คาดหวังว่าเรื่องที่เห็นวันก่อนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วทุกอย่างมันค่อนข้างจะชัดเจนว่าตอนนี้เขากลับไปอยู่กับคนของเขา ในที่ของเขาแล้ว ที่ตรงนี้มันเลยเหลือแค่เพียงเธอคนเดียวญารินดาให้ใบตองขี่จักรยานยนต์ไปส่งเธอที่ท่ารถ พอใบตองถามหญิงสาวก็บอกว่าตนเองมารอต้นหลิว เด็กสาวจึงขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อยืนรอไม่นานญารินดาก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถตู้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงไปทำหน้าที่ของตนเองอีกหนึ่งเดือนวาสนากับเพียงพรนั่งทานอาหารค่ำด้วยกันสองคนในบ้านหลังใหญ่ ยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่งภีมภพก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเสียก่อน“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้าวาสเขาเก็บส่วนของภพไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะกินหมดหรอก” เพียงพรรีบบอกน้องชาย“พี่พร น่าวาส กอหญ้าล่ะครับ”“ก็คุณภพไปส่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ” วาสนามองอย่างสงสัย“เปล่าครับน้าวาส”“ภพ มันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ไปส่งกอหญ้าแล้วน้องกลับยัง
ญารินดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมหลังจากที่ภีมภพขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ความสุขที่มีมาตลอดสองเดือนพังลงตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเรื่องที่ตัวเองจะมีลูกยากและคิดว่าภีมภพคงจะเข้าใจเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะลูกของเขากำลังจะคลอด นี่สินะเหตุผลที่เขาไปรับเธอไม่ได้ เธอก็คงเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาในเวลาที่ภรรยาตัวจริงของเขาตั้งครรภ์อยู่ หญิงสาวรวบรวมสติและแรงที่เหลือน้อยนิดเดินไปเรียกรถที่หน้าโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างที่สุด “กอหญ้า มานั่งก่อน หน้าซีดมาเลยหมอว่ายังไงบ้างลูก” วาสนารีบมาถามอาการด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ญารินดาบอกว่าเธอแวะหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะปวดท้อง “หมอบอกว่ากอหญ้าช็อกโกแลตซีสต์ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงแค่ทานยาที่คุณหมอให้เท่านั้นเองค่ะ”“แน่นะ ไม่ใช่ว่าเป็นเยอะแล้วโกหกแม่”“ไม่เยอะหรอกค่ะแม่”“ไม่แล้วทำไมกอหญ้าของน้าถึงเหมือนคนร้องไห้ล่ะลูก” เพียงพรที่นั่งสังเกตอยู่อดถามไม่ได้“กอหญ้าร้องไห้ก็เพราะมันปวดท้อง