“จูเจี่ย ท่านคงอยากจะสวยอวดพี่เสี่ยวซงแน่เลย”เจ้าเด็กบ้านี่เอาอีกแล้ว
“ข้าอยากจะพัฒนาตัวเองสียบ้าง”
“อาหารที่แม่เจ้าปรุงสองสามวันมานี้ ล้วนแต่เป็นของที่กินแล้วไม่อ้วนเจ้าพูดเองว่าอยากจะผอมข้าคุยกับแม่ของเจ้าแล้วว่าเราจะปรุงแต่อาหารที่จูเจี่ยกินแล้วไม่อ้วน เพียงแต่เจ้าไม่ปฏิเสธมันรับรองเห็นผลอย่างแน่นอน”แป๋มยิ้มซาบซึ้งน้ำใจอย่างที่สุดย้อนเวลามาไม่เสียที อย่างน้อยก็มีคนใส่ใจ
จูจิ้นกับจูเจี่ยนั่งย่างกุ้งบนเตา ดิน เสี่ยวซงยกเอาหินลาวาที่มีเก็บไว้หลายขนาดมาวางบนเตาดินกองไฟด้านล่างเอากุ้งตัวใหญ่ขึ้นไปวาง แป๋มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ฮูหยินเฉินมาดึงสายรัดเอวให้เพราะแป๋มทำอยู่นานก็ไม่เป็นผลไม่เหมือนอย่างที่เขาภทำกัน
“เจ้าผอมลงไปจริงๆ รู้สึกตัวบ้างไหม”แป่มพยักหน้าผอมลงไปจริงๆ มีองค์มีเอวกับเขาด้วยคงลงไปไม่ต่ำสามกิโลหากเป็นที่บ้านคงลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว เสี่ยวซงมองอาภรณ์สีพื้นๆ ของแป๋มที่สวมใส่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เงียบเสีย จูจิ้นนั่งอยู่บนตักของเสี่ยวซง พลิกกุ้งไปมาเอามืออังเตาไฟไล่ความหนาวเหน็บลมแรงกรรโชก ท่านเฉิน ขยับเข้าใกล้เตาดินอีกคน
“พรุ่งนี้หิมะคงตกแน่ๆ หากอากาศจะหนาวลงเรื่อยๆแบบนี้ อีกสองสามวันข้าตั้งใจจะพาพวกเจ้าขึ้นไปเก็บหน่อไม้ป่ามาบนเขา เพื่อเตรียมส่งเข้าวังหลวงฝ่าบาทนิยมกินหน่อไม้มากฉะนั้นจึงต้องคัดที่ดีที่สุดถวาย ที่เหลือเราเก็บไว้กินเอง”
“ท่านลุงทำไมไม่เก็บของดีดีไว้กิน”เสี่ยวซงถาม
“ของดีดี ขายได้ราคางาม แลกเสื้อผ้าหรือของที่เราไม่สามารถหาเองได้ ถือว่าถูกต้องแล้ว ส่วนที่เหลือก็ใช่ว่าไม่ดีแต่คนชอบมองว่าของสวยไร้ที่ติจึงเป็นของดีบางทีของที่ไม่สวยรสชาติก็ไม่ได้ต่างกัน เพียงแต่มันไม่สวยไม่ถูกใจคนกิน เช่นนั้นในใจข้า หากใครต้องการของดีในแบบของเขา ข้าก็เพียงแต่ให้เขาไป ส่วนเรากินแค่ที่สดใหม่ก็ล้วนเป็นของดีในแบบของเราเช่นกัน”
เสี่ยวซงพยักหน้ายิ้มๆ กุ้งตัวที่สุกถูกวางในถาดไม้ พร้อมกับน้ำจิ้มที่มีพริกและชวงเจียสีเขียวโขลกปนกันกลายเป็นสีเขียวแดงน่ากิน
“ท่านพ่อ ทำไมไม่ทำน้ำจิ้ม…”กำลังจะเอ่ยปากถามเรื่อกชวงเจียกลิ่นฉุนเหมือนหมาล่า
“ชวงเจีย ข้าเพิ่งเข้าป่าไปเก็บมาเมื่อหลายวันก่อน เหี่ยวไปบ้างแต่ก็ยังเขียวยังหอม กินกับกุ้งย่างรสดีที่สุด”
“ไม่นิยมกินกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหรือ”
“เจ้าลองน้ำจิ้มสูตรนี้ดูก่อนล้วนเข้ากันกับกุ้งย่างไม่น้อย อีกทั้งซวงเจียยังบำรุงหัวใจบำรุงโลหิต ลดความดัน ย่อยอาหาร ขับลมในลำไส้”
อย่างนี้ก็ช่วยไม่ให้รู้สึกอึดอัดเวลากินแกงมันเทศ แล้วที่แน่ๆอาจมีผายลมบ้าง อือ ..ช่างรอบคอบเสียจริงอาหารแต่ละอย่างล้วนเแม็ตกันและพิถีพิถันอย่างที่สุด
ท่านเฉินบรรจงแกะกุ้งเนื้อแน่นเหนียวหนึบส่งให้แป๋ม หัวของกุ้งเป็นสีแดงส้ม มันหัวกุ้ง อะฮ้า ของโปรด การเปิบมือเริ่มขึ้นแล้วแป๋มใช้มือหยิบกุ้งที่ท่านเฉินส่งให้จิ้มไปที่ น้ำจิ้มผสมซวงเจี่ย รสชาติเผ็ดร้อน หวานนิดๆ เค็มหน่อยๆ แล้วก็มีความมันหนึบและนุ่มหวานของกุ้งสดๆ ที่ตัวใหญ่จนเกือบจะเต็มปาก รสชาติอร่อยจนแป๋ม อยากจะร้องไห้ รสหวานของเนื้อกุ้งติดที่ริมฝีปากความเผ็ดร้อนอยู่ที่ปลายลิ้น และเมื่อเคี้ยวเนื้อกุ้งกับรู้สึกถึงความนุ่มและหวานหอม
“ลงมือกันเลย กุ้งกินเป็นดิ่มซำส่วนกับข้าวแม่เจ้ากำลังแกงกุ้งกับมันเทศกลิ่นหอมมาแต่ไกลแล้ว”
พอได้รับอนุญาต ต่างคนต่างคว้าตัวกุ้งคนละตัวสองตัว กุ้งที่เห็นมากมายจนแป๋มคิดว่าจะกินไม่หมด แต่เมื่อลิ้มรสของมันแล้วใครกันจะอดใจไหว
“อร่อยที่สุดในสามโลก”เสี่ยวซง แกะกุ้งให้กับท่านเฉินและจูจิ้น ก่อนจะยื่นส่งให้แป๋มแบบอายๆ
“ข้า.ข้าแกะเองได้”
องค์หญิง แคว้นใต้ใบหน้างดงามรูปร่างอ่อนช้อยน่ารัก ก้าวเท้าลงจากเกี้ยวช้าๆ นางกำนัลพยุงเดินถึงสองคน
“อิงเผยถวายพระพร ไท่จือ”ร่างสูงที่เดินนำหน้าองครักษ์ออกมารับถึงหน้าประตูวัง
“เอ่อ เอ่อ...ข้าองค์ชายซงยี่รับหน้าที่แทนไท่จือมารับองค์หญิงแคว้นใต้แทนไท่จือที่กำลัง...เอ่อ เอ่อ ออกไป...ประพาส ป่าล่าสัตว์”เขินอายเมื่อสบเข้ากับตากลมดตของอิงเผย
“ทำไม ล่าสัตว์ทั้งๆ ที่รู้ว่าอิงเผยจะมาถึงอย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ ..เอ่อ ไท่จือออกไปก่อนหน้านั้นหลายวันเดิมไท่จือนิยม ประพาสป่าครั้งละหลายๆ วันอยู่แล้วตอนนี้ฝ่าบาทส่งองครักษ์ตามตัว”
“เสแสร้งเลิกหลอกล่อข้าด้วยคำพูดเหล่านี้ไปได้แล้วจงต้าหมิง กี่ปีแล้วที่ใช้คำพูดเหล่านี้ให้ข้ายังต้องอยู่ในกรอบเช่นที่ผ่านมา”
“ไท่จือได้โปรดองค์หญิงแคว้นใต้กำลังจะมาอภิเษกเป็นไท่จือเฟย”
“นั่นคือกรอบที่ข้าถูกตีไว้อีกใช่หรือไม่ ข้าอยู่ที่นี่ได้เห็นความรักความผูกพันของคนในตระกูลเฉินล้วนไม่มีการตีกรอบบังคับไม่ว่าใครตั้งใจทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่ความสมัครใจ”
“ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ ไท่จือเป็นไท่จือ ชาติกำเนิดยิ่งใหญ่ ความรับผิดชอบก็ยิ่งใหญ่พวกเขาแค่ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไปวันๆ ความรับผิดชอบของพวกเขามีเพียงเท่านั้น ไท่จือจะนำมาเปรียบกันไม่ได้”
“ข้าถึงอยากจะเลือกทางเดินของตัวในเมื่อข้าเลือกชาติกำเนิดของตัวเองมิได้ แล้วยังไม่อาจไม่เป็นไท่จือ เช่นนั้นช่วงเวลานี้ข้าขอเพียงความสุขเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะต้องไปรับผิดชอบชาติกำเนิดของตัวเอง”
“แต่ฝ่าบาท ให้ตามไท่จือกลับทันทีที่พบตัว”
“หากยังตีกรอบให้ข้าอยู่แต่ในนั้นคาดว่าเจ้าจะต้องหาข้าอีกนานหน่อย”
“ไท่จือ ได้โปรดกระหม่อมทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท”
“จงต้าหมิงเจ้าอยู่กับข้ามานานแค่ไหน เห็นว่าข้าลำบากใจแค่ไหนช่วงเวลาความสุขเพียงสั้นๆ ให้ข้าไม่ได้หรือไร”จงต้าหมิงถอนหายใจยาว
“ไม่ต้องห่วงนะข้า ไปศึกษาเคล็ดวิชา เกี่ยวกับ..เอ่ออการอุ่นเตียงที่เจ้าจะต้องติดใจ”รวบร่างบางให้อยู่ใต้ร่างเขาก่อนจะกดริมฝีปากอีกครั้งบรรจงจูบอ่อนหวานปลดแกะอาภรณ์ของตัวเองและของแป๋มออกช้าๆ อ่อนโยนจนแป๋มแทบจะล่องลอยโคมไฟหัวเตียงอ่อนแสงลงเมื่อคนทั้งคู่ กำลังมีความสุขภายใต้แสงไฟสลัว เนิ่นนาน ไม่สนใจเวลาที่หมุนผ่านจนโคมไฟอ่อนแสง (ตัดเข้าโคมไฟอย่าด่าไรท์น้าาา555)สามปีผ่านไป“แค้วนเหนือส่งบรรณาการมาที่แคว้นฉินแทนคำขอบคุณที่ ฝ่าบาทส่งท่านเฉินให้ไปเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการปลูกผักและถนอมอาหารบัดนี้แคว้นเหนือรุ่งเรือง เป็นบ้านพี่เมืองน้องฮ่องเต้าต้าปอหลันจึงได้มีบัญชาให้นำเครื่องบรรณาการมาที่นี่แทนคำขอบคุณ”ซงหยวนเอื้อมมือกุมมือแป๋มใต้บัลลังก์บีบมือเบาๆ มองสบตา คม อย่างมีความหมาย“กลยุทธ์ของเจ้า เข้าท่าดีไม่น้อยต่อไปบ้านใกล้เรือนเคียงจึงไม่ทะเลาะเบาะแว้งเแย่งชิง ทรัพยากรและดินแดนกันอีกในเมื่อทุกพื้นที่ล้วน ปลูกผักทำสวน พึ่งพาตัวเอง ท่านพ่อตาเก่งเรื่องทำสวน ช่วยดูแลให้ความรู้ชาวแคว้นเหนือได้ดี แม้อยากกลับก็ไม่ได้กลับ ฮ่องเต้แคว้นเหนือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งราชครูเลยทีเดียว“คิดถึงจูจิ้นเขาไม่อ
พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนแป๋มคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแล้วยังต้องมาสวมอาภรณ์สีแดงด้วยตัวเอง อาการตื่นเต้นจนทำให้ต้องนึกถึงเรื่องที่ผ่อนคลายกว่านี้จะได้ไม่ทำอะไรเงอะงะ ให้ขายหน้าทั้งๆ ที่เมื่อวานวุ่นวายกับการฝึกซ้อมพิธีการแต่….เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองเมื่อวันก่อน แป๋มนำเอาแครอทหั่นฝอยมาทำเป็นส้มตำให้ซงหยวนกินอดจะขำกับเสียงซุดปากที่ขันทียังตกใจเสียไม่ได้ส้มตำไทยรสเด็ดที่แป๋ม ปรุงเองกับมือ ไม่มีมะละกอก็ใช้แครอทซอย เป็นเส้น พริกสดสีแดงจัดจ้านกระเทียมสีม่วงกลีบเล็ก โขลกรวมกัน ใส่กุ้งแห้งที่ตัวใหญ่ไปหน่อย ถั่วลิสงคั่ว มะนาวซีก น้ำผึ้ง และเห็ดหอมสดต้ม ข้าวโพดหวานต้ม ลงไปคลุกเคล้า ตักยื่นส่งตรงหน้าซงหยวนที่ยืนชื่นชม ท่าทีคล่องแคล่วของแป๋ม แต่ก็แอบกลืนน้ำลาย“เจ้าไปนำวิธีการปรุง อาหารจานนี้มาจากไหน”“พูดไปฝ่าบาทก็คงไม่เชื่อแต่จะบอกอะไรให้ อาหารจานนี้จูเจียชอบที่สุด และหากฝ่าบาทได้ชิมจะต้องซี้ดปากด้วยความสะใจ”“ซุ๊ดด ซี็ดเผ็ดมาก แต่อร่อยลิ้น เสียจริงไม่น่าเชื่อแครอทเอามาทำอาหารแบบนี้ได้ วังหลวงของเราไม่เคยมีอาหารรสจัดจ้านเพียงนี้ ข้าเห็นทีจะจัดให้ห้องเครื่องเป้นอาหารที่ทำห้คนนวังหลวงได้ชิม
“เรื่องอัปยศเช่นนี้ข้าก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเอาเป็นว่าเราทั้งสอง ทำทีเป็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน อย่างที่ผ่านมาดีแล้ว”“ท่านก็ยังเหมือนเคย””ตัวท่านเองก็เช่นกัน รักในบัลลังก์มากกว่าสิ่งอื่นใด”ซงหยางยิ้ม“ท่านเองก้คงไม่ปรารถนาให้บุตรีต้องมา ผูกพันกับซงหยวนที่มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ต้องรับผิดชอบข้ามองไม่เห็นทางว่า หากซงหยวนแต่งกับบุตรีของท่านเหมือนที่ข้ายอมแต่งกับ พี่รองของท่านแล้วจะนำพาแคว้นฉินให้รอดปลอดภัยจากแคว้นอื่นที่ต้องการรุกรานได้อย่างไรในเมื่อซงหยวนมีว่าที่ไท่จือเฟยเป็นองค์หญิงแคว้นใต้”เฉินเจียจิ้นยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกเจ็บแค้นแทนแป๋มเพียงใด แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองชีวิตในวังหลวงล้วนแตกต่างแป๋มจะทนได้หรือซงหยางก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักด้วยสีหน้าแช่มชื่น เฉินเจียจิ้นกลับมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้า“ข้ายินดี ให้ฮ่องเต้แต่งบุตรีของท่านเป็นฮองเฮา แม้จะต้องกลับคำพูดจากที่เคยพูดไว้”“กลับคำ”“ในตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าแม้ฮ่องเต้ไม่แต่งองคืหญิงจากแคว้นอื่นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แต่งฮ่องเต้ก็ทรงนำพาแคว้นฉินให้อยู่รอดปลอดภัย ซงหยวนเก่งกว่าข้าภายใต้ความเก่งกาจของเขา มีตระกูลเฉิน โดยเฉพาะเฉินจูเจี่ยเป็นแรงผลักดัน
เพียงครู่เดียวเหล่าทหารของแคว้นฉิน ก็เข้ามา ล้อมบ้านเฉินไปจนสิ้น“เฉินเจียจิ้นรับราชโองการรร” ท่านรเฉินกับฮูหยิน คุกเข่าลงกับพื้นต้าปอหลันเหลือบตามองด้วยความสงสัย“ตามที่บ้านตระกูลเฉินได้ส่งเกาลัดที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นอย่างยิ่งเข้าไปในวังหลวงบัดนี้ฝ่าบาทได้ให้ข้ามาแจ้งแก่เฉินเจียจิ้นว่าส่งเกาลัดเข้าไปแต่ไม่ยอมส่งคนคั่วเกาลัดเข้าไปด้วยฝ่าบาทจึงจำต้องมาออกมาที่ตลาดมารับคนคั่วเกาลัดคือแม่นางจูเจียด้วยองค์เองเพื่อเป็นการลงทัณฑ์บ้านเฉิน ที่ยังความลำบากให้กับฝ่าบาทเช่นนั้นจึงได้ มีราชโองการ เชิญท่านเฉินและฮูหยินเฉิน ไปที่วังหลวง พร้อมกันนี้ให้นำผักในไร่ไปปรุงเครื่องเสวยถวายฝ่าบาท ทันที เฉินเจียจิ้น รับราชโองการรรร”“น้อมบัญชาฝ่าบาท”เอื้อมมือรับเอาราชโองการมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาหันมองหน้าฮูหยินดวงแววตาตื่นตระหนกแม้ข้อความในราชโองการจะฟังดูแปลกๆ แต่ก็อดหวั่นใจเสียไม่ได้เพราะเพิ่งจะเคยได้รับราชโองการจากฮ่องเต้เป็นครั้งแรก“ท่านลุง หากไม่อยากเข้าไปข้ายินดีปกป้องท่าน”ต้าปอหลันประสานมือกล่าวคำห่วงใย“ฝ่าบาท ข้าน้อย แม้จะกลัวเพียงใดแต่เชื่อว่าจะต้องไม่เกิดอันตรายในเมื่อตอนนี้ จูเจียกับจูจิ้นอยู
“ขอบพระทัยเสี้ยนตี้”“อืม ปลาทอดราดซอสขิงรสชาติดีเสียจริง ข้าคงไม่กวนเจ้าแล้ว แต่รู้สึกคิดถึงจูจิ้นเหลือเกิน ไปคุยกับท่านลุงให้หายคิดถึงจะดีไหมที่ตำหนักของข้ามี ขนมหวานน่ากิน มากมาย”จูจิ้นยิ้มหันมองทั้งแป๋มและซงหยวน ซงหยวนพยักหน้ายิ้มๆ รีบลุกจากแท่นนั่งวิ่งเข้าเกาะแขนเสี้ยนตี้ฮองเฮามองด้วยสายตาอ่อนโยนแป๋มถอนหายใจเหมือนกับโล่งอกเสียเต็มทีซงหยวนอมยิ้ม“คืนนี้ จูจิ้นค้างที่ตำหนักเสี้ยนตี้”“ฝ่าบาทรู้ได้อย่างไร”“ก็เสี้ยนตี้จะต้องเห็นอกเห็นใจลูกชายคนนี้ที่นานปีเพิ่งจะได้ชิดใกล้คนที่เขารัก”“ข้า ...ข้า”“อย่าบอกนะว่าจะขอแยกห้อง”“ก็ฝ่าบาท จะรังแกกัน”“ใครกันเรียกว่ารังแก เรียกว่าทนคิดถึงไม่ไหว”ปลาทอดราดซอล ขิงวันนี้แป๋มรู้สึกว่ามันหวานไปหน่อยจะด้วยสายลมแสงจันทร์หรือว่าคำหวานกับสายตารักใคร่ของคนข้างหน้าไม่อาจทราบได้บ้านเฉิน“ท่านลุง จูเจียถูกจับตัวไป”ท่านเฉินลุกพลวดจากเก้าอี้“ใครกันทำเรื่องแบบนั้น”“ฮ่องเต้แคว้นฉิน”“หา ฮ่องเต้แคว้นฉิน แล้วเขาจะจับจูเจียไปทำไมกัน”“ฝ่าบาทคนของเราพร้อมแล้ว”องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ ปรากฏตัวออกมาประสานมือตรงหน้า ต้าปอหลันฮ่องเต้ ท่านเฉินกับ ฮูหยินเฉินตาค้างด้
แป๋ม เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตที่ปากอุ่นเบาๆ“ขอบคุณที่ทำเพื่อข้า”ซงหยวนกดริมฝีปากกับปากบดขยี้อ่อนหวานก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ“ขอบคุณเช่นกันที่รอข้า”แป๋มยิ้มห้องเครื่องเกาลัดเมล็ดใหญ่ถูกคั่วในเตาด้วยไฟกลาง กลิ่นหอมโชยไปทั่ว ซงหยวนจูงมือแป่มไว้พาเดินเข้าไปในห้องเครื่องขันทีนางกำนัลต่างประสานมือและย่อกายทำความเคารพ“พี่ชายเอ๊ยฝ่าบาท พี่สาวจูเจียข้าคั่วเกาลัดไว้รอพวกท่านกำลังร้อนๆ เนื้อนุ่มหวานอย่าบอกใคร”จูจิ้นวิ่งเข้ามาจับมือข้างที่ว่างของแป๋ม“ปลาสดวันนี้มีมาหรือไม่ ว่าที่ฮองเฮาของข้าตั้งใจจะทำปลาทอดราดซอสขิงทั้งขันทีและนางในห้องเครื่องต่างอมยิ้มกับคำเรียกขานที่ซงหยวนใช้กับแป๋ม“ปลาสดวันนี้ได้มาหลายตัว กระหม่อมทอดเตรียมยกเป็นเครื่องเสวยพอดี”หัวหน้าห้องเครื่องประสานมือพูดขึ้น“ดีมาก ปลาอะไรที่ได้มา”“ปลากะพง สดใหม่จึงทอดเพื่อยกเป็นเครื่องเสวย”“ดีเลย ข้าปรุงซอส ขิงราดคงดีไม่น้อย”ซงหยวนยิ้ม จูงมือ แป๋มให้นั่งลง“แค่เพียงบอกขั้นตอนพวกเขาเจ้าไม่ต้องลงมือให้เปรอะเปื้อน”“ไม่เป็นไรข้าเต็มใจทุกวันก็ทำประจำ”“ไม่ได้ เครื่องเสวยมีหลายสิบตำหนักเจ้าจะต้องเหนื่อยหนักเช่นนั้นนั่งอยู่ข้างข้า คอยสั่งการ