นางสมิงพรายที่ตามหามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา และตกหลุมรักเพื่อนของเขา
คงยากที่จะไม่ไขว่คว้าหล่อนมาใกล้ตัว หากแต่หญิงตนนี้ฉลาดนัก หล่อนพร้อมจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ต้องการบังคับใจสิ่งที่หมายปอง หวังให้นางตกเป็นบริวารของเขาด้วยความเต็มใจเสียมากกว่า
ที่หนึ่งของนางตอนนี้คือไอ้คันศร
ก็แค่เพียงกลับกลายเป็นที่หนึ่งของนางได้ก็พอ เหมือนกับที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งของดอกรัก
แต่ครานี้... เขาจะไม่ละทิ้งสัมพันธ์เพื่อตามหาความฝันอีกแล้ว
เพราะหล่อนคือความฝันที่เขาต้องการมากที่สุด
แต่แพรวพราวไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังตกเป็นที่หมายตาของใครบางคน กลับมาที่ปัจจุบัน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเรือนไม้ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจนแทบล้มพับ แต่ไวกว่าความคิดเมื่อพรานสมิงตรงเข้ามาโอบร่างเธอที่ทำท่าจะทรุดเอาไว้
“แม่เป็นกระไรหรือไม่ แข้งขาอ่อนแรงหรือ”
“นาย... ทำไมไม่ห้ามฉันเล่า!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลือยเปล่าเช่นกันแถมเข้ามากอดร่างล่อนจ้อนของเธอแนบชิดแบบนี้แพรวพราวก็ยิ่งหน้ามานด้วยความอับอาย และพยายามทุบตีเขาด้วยแรงน้อยๆ ที่มี ยังไงคนที่ควรยับยั้งใจก็คือเขา หล่อนไม่ผิด เขาต่างหากที่ผิด “ก็รู้ว่าฉันอยาก ถ้าฉันเ_ยน ก็พาฉันไปส่งหาพ่อหมอสิ ฉันไม่ต้องการวันไนท์สแตนด์กับใครอีกแล้วนะ!”
พรานสมิงพอจะเข้าใจที่หล่อนอยากโวยวาย ดูเหมือนว่าเมื่อคืนที่เธอพยายามจะมีสัมพันธ์กับเขานั้นเป็นความจริง แต่หญิงคนนี้จิตใจแกร่งนัก ประคองสติจนไปปล่อยอารมณ์กับชายที่ต้องการจริงๆ ได้จนเสร็จสม ปรกติแล้วกำหนัดแรงกล้าของนางสมิงยามค่ำคืนนั้นมักประคองสติไม่อยู่หรอกนะ กำหนัดมันแรงร้ายราวกับกองเพลิงสุม ไม่ต่างกับพิษร้อนๆ ที่ต้องการยาถอนพิษในทันที จิตใจจะต้องการแค่เพียงพลังชีวิตผู้ชายไม่ว่าจะเป็นใคร ทั้งเลือดเนื้อรสอาคม ใครก็ได้ทั้งนั้น นางสมิงพร้อมกระโจนเข้าหาเมื่อกามอารมณ์พลุ้งพล่านได้ม็ได้ท
หล่อนเก่งมาก แต่ความทรงจำของหล่อนในส่วนนั้นมันดันจางหายไปเสียนี่
เขาควรใช้ประโยชน์จากมันยังไงดีนะ
“ข้ามิถือสาดอกนะ เมื่อแม่ต้องการ ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ ข้าพร้อมบรรเทาความทุกข์ทรมานยามที่แม่ไร้ที่พึ่งพา”
ประโยคกำกวมแบบนี้แพรวพราวรู้สึกไม่ชอบมันเอาเสียเลย ยิ่งพูดยิ่งชวนให้เข้าใจว่าเธอมีซัมติงกับพรานสมิงไปแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นคนออกกฎระหว่างเธอและเขาด้วยตัวเองแท้ๆ เชียว
แบบนี้มันก็เหมือนกับว่าเธอกลืนน้ำลายตัวเองน่ะสิ
อีกอย่างเธอเคยกำหนัดจนควบคุมตัวเองแล้วคลำๆ ได้ก็เอาไม่เลือกแบบนี้ที่ไหนกัน เสียชื่อแพรวพราวดาราสาวพราวเสน่ห์ที่ค่อนข้างเลือกคบเลือกคุยกับผู้ชาย ถ้าเธอมีเซ็กซ์กับเขาจริงๆ ก็น่าขายหน้าสุดๆ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องคุณค่าของผู้หญิงหรอก เธอมั่นใจในตัวเองมากพอว่าเธอมีคุณค่ายิ่งกว่าเงินพันล้าน แต่แพรวพราวมีเกณฑ์เป็นของตัวเอง มีข้อจำกัดที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดให้ไม่รู้สึกว่าตัวเอง ‘ดูง่ายเกินไป’
“งั้นสรุปว่า... เราสองคนทำสิ่งนั้นกันลงไปแล้วจริงๆ งั้นเหรอ” เธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยจงใจถามย้ำ พรานสมิงไม่ได้ตอบคำถามนั้น หากแต่เลือกที่จะยิ้มบางๆ ออกมาแทน สถานการณ์ในตอนนี้ไร้คำพูดใดๆ หากแต่ทุกอย่างมันกลับเห็นพ้องต้องกันว่าเมื่อคืนแพรวพราวกำหนัดจนเสียสติแล้วคว้าพรานสมิงมากกกอดทั้งคืนจริงๆ
“โอ้ย ไม่นะ!!”
อัปยศมาก เกณฑ์ที่เธอวางไว้ด้วยความตั้งใจถูกทำลายลงเพราะความเ_ยนเพียงครั้งเดียว แค่เพราะนึกถึงก็เหมือนกินยาปลุกกำหนัดเม็ดเป้งลงคอ เธอไม่สามารถหาหลักฐานมาค้านกับสิ่งที่ได้รับรู้ได้ เพราะพรานสมิงเองก็ไม่น่าจะโกหกกัน อีกอย่างรอยจูบเต็มตัวเขาไปหมด
รอยจ้ำแดงแบบนี้ พอมาประดับที่แผงอกกำยำที่เต็มไปด้วยรอยสักยันต์โบราณ ก็พาลทำให้หล่อนกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ เขานี่มันช่างงานดีจริงๆ
“ปล่อย” แต่หล่อนกดเสียงเข้ม พรานสมิงผละมือออกจนร่างเล็กร่วงตุ้บกับพื้นแบบไม่บอกไม่กล่าว เธอกัดฟันแม้จะรู้ดีว่าเป็นคนบอกให้เขาปล่อยร่างที่อ่อนปวกเปียกนี่เองก็ตาม เรียวขาขาวสั่นงันงก เธอรู้สึกเหมือนจากที่มีแรงเต็มที่กระปรี้กระเปร่าเมื่อครู่ กลับกลายเป็นอ่อนปวกเปียกลงอย่างไม่น่าเชื่อ
แค่คิดว่าพ่อหมอจะรู้ว่าเธอนอกใจ ก็แทบเสียสติ
แต่... ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นะ แถมเขายังเกลียดเธออีกด้วย ไอ้การจะมานั่งคาดหวังให้พ่อครูคนนั้นแสดงความหึงหวงน่ะคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องเริ่มที่รักกันก่อนสิ
แต่ยังไงนี่มันก็ผิดอย่างที่ตั้งใจไว้อยู่ดี!
“ลืมไปซะ” แพรวพราวโพล่งขึ้นมาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว เธอถามหัวใจตัวเองอีกสักกี่ครั้งก็ยังเป็นนับสิบเสมอ ระหว่างคนที่หน้าเหมือนนับสิบกับคนแปลกหน้า คิดเอาเองแล้วกันว่าเธอจะเลือกใคร อย่างน้อยมันก็มาแทนที่กันได้ถึงอาจจะไม่ใช่คนเดียวกันก็ตาม
เธอรู้ว่าเธอบ้าที่อาจจมปลักกับผู้ชายคนหนึ่งทั้งๆ ที่ก็ตายไปแล้ว แถมโลกนี้ก็เป็นโลกใบใหม่ที่ตัวเองต้องเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ แต่การตายครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นคนกำหนดมันเสียหน่อย ทั้งอุบัติเหตุและกองถ่ายเฮงซวยพวกนั้นพรากเธอไปจากโลกทั้งๆ ที่ยังมีเรื่องอยากทำอีกตั้งมากมาย
การที่ต้องมาตายโดยไม่ได้สั่งเสียและต้องมารู้ว่าความตายมันน่าเสียดายแค่ไหน ช่วงเวลาที่อาจจะรู้ใจตัวเอง และตกลงปลงใจแต่งงานมีลูกกับคนที่เพิ่งรู้ตัวว่ารักแทบขาดใจ ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
นับสิบจะเสียใจแค่ไหนที่เสียเธอไป? เธอไม่มีโอกาสได้ลุกไปบอกเขาแล้วว่าเธอรู้แล้วว่าที่ผ่านมาเธอมันโง่เองที่เอาแต่กั๊กสถานะ ตอนนี้รู้ตัวว่ารักเขามากจนไม่อยากตาย เพราะถ้าตายอาจจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไปเลยก็ได้
เพราะเธอยังอยากมีเซ็กซ์กับเขาไปจนแก่เฒ่านี่นา แต่มันไม่มีโอกาสนั้นแล้วไง!
สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวแพรวพราวที่สติอาจจะแตกได้ทุกเมื่อกับเรื่องราวที่ต้องเผชิญนั้น มีเพียงพ่อครูคันศร เพราะคนแรกที่ตื่นมาเจอดันเป็นเขา คนที่นอนด้วยในโลกภพนี้คนแรกก็เป็นเขา
แล้วเขาดันหน้าตาเหมือนคนที่เธอรักอีก
“เป็นข้ามิได้หรือ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบ พรานสมิงจึงโพล่งขึ้นมา เขาไม่ได้อยากบังคับใจเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเสียเธอไปให้ใคร ไอ้คันศรไม่มีวันหันมามองเธอหรอก มันไม่มีวันตัดใจให้ขาดจากดอกรักได้ เพราะเขารู้ดีจึงอยากให้เป็นตัวเองที่ได้มันไป “แค่ครั้งเดียว... แม่ก็มิยอมรับหรือ”
“มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ฉันจะลืมมันไปซะ นายเองก็ต้องลืมมันเหมือนกัน” แพรวพราวไม่ได้เจ็บปวดกับประโยคที่เอ่ยออกมา แต่ถ้าหากเธอพลาดมีอะไรกับเขาจริงๆ นั่นมันก็ออกจะน่าเสียดายนิดหน่อย... บ้าไปใหญ่แล้ว นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่! “เราเป็นแค่พันธมิตรกัน เข้าใจใช่ไหม การที่ฉันกับนายจะมามีสัมพันธ์กันแบบชายหญิง มันไม่มีวันเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะฉันรักพ่อครู”
เธอชัดเจนเสียจนเขารู้สึกร้าวรานที่อก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักหรือให้ใจหล่อนไปร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะหล่อนเป็นนางสมิงพราย มันทำให้เขานึกเสียดายที่เจอกันช้าเกินไปจนคนที่เคยเดินตามหลังตลอดได้ใจนางสมิงพรายตนนั้นเป็นที่หนึ่ง
“ข้าเข้าใจดี” เข้าใจแค่ลมปากเท่านั้น เขาไม่ยอมให้ไอ้คันศรได้นางไปหรอก ถ้ามันได้ไป มันไม่มีทางรักษานางได้ดี เพราะพื้นเพที่เกลียดชังกันเป็นทุนเดิม
ยิ่งถ้ามันรู้ว่านางคือสมิงพรายที่เขาเฝ้าตามหา มันอาจกลับมาด้วยเล่ห์กลอะไรอีกก็เป็นได้ ไอ้คันศรมันเกลียดชังเขาตั้งแต่ที่เขาเลือกที่จะก้าวออกไปจากชีวิตของคนที่รักทและทิ้งดอกรักให้มันดูแล ดอกรักเจ็บช้ำเพียงไหนเขาก็ยังเลือกที่จะทิ้งเธอไว้กับคนที่เธอไม่ได้ให้หัวใจเลยแม้สักเศษเสี้ยว เขาไม่ได้ทำเพื่อต้องการเสียสละให้เพื่อนหรอก แค่เพียงพรานสมิงเป็นคนที่สลัดความรักทิ้งไปได้เพื่อแลกกับจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า
เขารู้ดีว่าเขามันเห็นแก่ตัวแค่ไหน ไม่มีใครเข้าใจเขาได้นอกจากตัวของเขาเอง แม้แต่ดอกรักที่ยินดียกดวงใจให้เขาทั้งดวงก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเขาได้อย่างสมบูรณ์
เขากับหล่อนไม่มีทางบรรจบกันได้ ไม่ว่าจะด้วยฐานะใดก็ตาม คนที่สนองความปรารถนาของวาดรักได้แถมเต็มใจจะทำมันเสียด้วย มีเพียงไอ้คันศรเท่านั้น
การตามหานางสมิงพราย เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำให้ ‘บิดา’ ที่ล่วงลับจากไปได้
เขาจะกอดรัดนางสมิงตนนี้เอาไว้ แม้ว่าหล่อนต้องการจะเป็นของใคร เขาจะกอดนางสลับกับผ่อนแรงกอดให้นางได้ยื่นมือไปไขว่คว้าหาความรักที่ตนเองปรารถนา
และหลังจากนั้น... ก็จงให้หล่อนเอามือตนเองขยี้มันให้แหลกเสีย
โทษทีหนา ไอ้คันศร
มึงจักมิมีวันได้เป็นที่หนึ่งพ้นจากกูดอก เชิญจมปลักกับอดีตของดอกรักต่อไปเถิด ส่วนกูจักขอก้าวนำมึงไปทุกชาติภพก็แล้วกัน!
นางสมิงพรายที่ตามหามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา และตกหลุมรักเพื่อนของเขาคงยากที่จะไม่ไขว่คว้าหล่อนมาใกล้ตัว หากแต่หญิงตนนี้ฉลาดนัก หล่อนพร้อมจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ต้องการบังคับใจสิ่งที่หมายปอง หวังให้นางตกเป็นบริวารของเขาด้วยความเต็มใจเสียมากกว่าที่หนึ่งของนางตอนนี้คือไอ้คันศรก็แค่เพียงกลับกลายเป็นที่หนึ่งของนางได้ก็พอ เหมือนกับที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งของดอกรักแต่ครานี้... เขาจะไม่ละทิ้งสัมพันธ์เพื่อตามหาความฝันอีกแล้วเพราะหล่อนคือความฝันที่เขาต้องการมากที่สุดแต่แพรวพราวไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังตกเป็นที่หมายตาของใครบางคน กลับมาที่ปัจจุบัน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเรือนไม้ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจนแทบล้มพับ แต่ไวกว่าความคิดเมื่อพรานสมิงตรงเข้ามาโอบร่างเธอที่ทำท่าจะทรุดเอาไว้“แม่เป็นกระไรหรือไม่ แข้งขาอ่อนแรงหรือ”“นาย... ทำไมไม่ห้ามฉันเล่า!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลือยเปล่าเช่นกันแถมเข้ามากอดร่างล่อนจ้อนของเธอแนบชิดแบบนี้แพรวพราวก็ยิ่งหน้ามานด้วยความอับอาย และพยายามทุบตีเขาด้วยแรงน้อยๆ ที่มี ยังไงคนที่ควรยับยั้งใจก็คือเขา หล่อนไม่ผิด เขาต่างหากที่ผิด “ก็รู้ว่
แพรวพราวยอมรับนะว่าเสียใจไม่พอ หล่อนยังเสียตัวให้ไอ้พ่อหมอนั่นไปถึงสองครั้งสองคราอีกต่างหาก คราวแรกก็ตอนที่เขาหวังล่อลวงเพื่อกำจัด คราวนี้ก็เพราะเธอไปปลุกปล้ำเขาเสียเอง ความประทับใจแรกเริ่มนั้นไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แพรวพราวไม่ใช่สาวพรหมจารีย์ตามจารีตประเพณี แต่ถึงแบบนั้นก็ว่ากันว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้หัวใจในการร่วมหลับนอนกับใครสักคน แต่ผู้ชายกลับทำมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันและเสร็จสมออกมาได้ทั้งๆ ที่เกลียดชังผู้หญิงคนนั้นสุดหัวใจ แค่เพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้นเองแม้แต่ผู้หญิงที่มีแต่คนต้องการมารุมรักอย่างเธอ ก็ใช้ใจในการร่วมรัก ปะปนกับความหิวโหยที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณเช่นกัน เธอไม่ได้หน้ามืดตามัวไปปลุกปล้ำใครที่ไม่ใช่เขา หัวใจเธอมีแต่นับสิบ และเขาที่คล้ายคลึงกันแต่แพรวพราวกลับสับสนกับตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ หากแต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การสูบพลังชีวิต กินอาคมของพ่อครูยังไม่พอที่จะสนองให้หล่อนรู้สึกพึงพอใจ ดวงตาสีทับทิมวาววับท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับที่ไร้แม้แต่แสงจันทราสาดส่อง ดวงไฟสีแดงก่ำในลูกตาของหล่อน
“ไม่ให้แตกหรอก จนกว่า...” หญิงสาวออกปากหยันเหมือนที่เขาพยายามจะทำกับเธอเสมอมา แต่รู้อะไรไหม ในเวลาที่เขาเข้าไปในตัวเธอนี่แหละ “จะเสร็จในตัวของแพรว อื้อ!”สิ้นคำนั้นหล่อนก็ยืนยันในคำพูดของตนเองด้วยการกลืนกินท่อนจันทน์ของเขาด้วยความนุ่มนิ่มจนกลืนมิดท่อนในจังหวะที่หนักแน่น“อึก...!” มันช่างน่าทุเรศตัวเองเสียยิ่งกว่าเมื่อหล่อนครอบครองเขาเข้าไปจนเต็มฤทธิ์ พ่อครูคันศรกลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังขาวโพลน ว่างเปล่า ความอึดอันทรมานเมื่อคราก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความสุขสมอันน่าสังเวช ยามเมื่อหล่อนขยับสะโพกเน้นแบบทุกดอกทุกคำจนเขานั้นแทบกระอักจังหวะสะโพกที่บดคลึงผสมผสานกับการกระแทกขึ้นสุดลงสุดนั้นชวนให้นึกทึ่งกับความแข็งแรงและช่ำชองสำหรับการใช้สะโพกของหล่อน ขยับถี่รัวขนาดนั้นกลับไม่มีท่าทางว่าจะเหนื่อย เมื่อยหรืออยากจะหยุด ยิ่งถี่ยิ่งตอดรัดแน่น จนอาคมที่เสื่อมเพราะหล่อนขึ้นครูนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวตนที่ภาคภูมิใจไปทีละน้อยใช่ หล่อนมันนังปีศาจ เป็นผีพรายตายโหงที่อัปปรีย์จัญไรที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้ามา หล่อนทำให้เขามัวเมากับโลกีย์จนหลงลืมแม้แต่คำสอนของอาจารย์ที่เคยพูดเอาไว้เขาเคร่งคร
แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล
การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์
“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั