หลายเดือนผ่านไป
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นพี่ทิวก็ไม่เคยอยู่ในสายตาฉันอีกเลยเพราะเขาเอาแต่หลบหน้า เดินสวนกันก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้กลับมาเป็นคนเดิมเสียที ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดไปเองหรือหวั่นไหวอะไรเกี่ยวกับเขาอีก กับไอ้น้องมันก็ไม่พูดกับฉันเหมือนกันค่ะตั้งแต่ไอ้จูนว่าคราวนั้น ฉันเองก็ไม่ได้สนใจไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด แยกแยะไม่ได้ก็แล้วแต่ วันเวลายังคงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงวันปัจฉิมนิเทศ ก่อนหน้าฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่แยกย้ายกันไปเรียน แต่พอเอาเข้าจริงมันกลับหวิวแปลก ๆ รู้สึกใจหายเหมือนกันมันเป็นกิจกรรมที่ต้องบอกลาและอวยพรในเวลาเดียวกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ความเศร้าและรอยยิ้ม ฉันได้รับคำอวยพรจากรุ่นพี่รุ่นน้องมากมาย แถมยังได้ของขวัญได้เขียนข้อความต่าง ๆ ลงบนเสื้อนักเรียนเพื่อบันทึกไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีความสุขเคยมีความทรงจำร่วมกันก่อนที่จะหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้อีก รู้สึกเหมือนกำลังจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ทุกคนไปเรียนต่อที่อื่นกันหมด เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ฉันเรียนต่อที่เดิมสายวิทย์คณิต ไอ้จูนไฟฟ้ากำลัง หมูบัญชี ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปสถาบันต่าง ๆ บางคนก็ย้ายกลับต่างจังหวัด “มึงห้ามลืมกูนะตาล” ไอ้จูนมันว่าพลางสวมกอดฉัน “มีอะไรให้นึกถึงเพื่อนอย่างกู” “มึงนั่นแหละจะลืมกูซะก่อน เดี๋ยวเจอเพื่อนใหม่ก็ลืมเพื่อนเก่าอย่างกูแล้ว” ฉันพูดออกไปอย่างไม่จริงจังมากนักแต่เหมือนไอ้จูนมันจะจริงจังค่ะ มันผละกอดแล้วมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง “เพื่อนเก่าไรมึง! มันมีเหรอวะเพื่อนเก่า มันมีแต่เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานเท่านั้นแหละ” “ฮ่า ๆ แค่นี้ต้องจริงจังด้วย” “ไม่รู้แหละ ถ้าลืมนะกูโกรธ แล้วไอ้พี่ทิวล่ะ มึงเอาไง” “ไม่เอาไงให้เขาเป็นความทรงจำที่ดีของกูก็พอแล้ว” “กูน่าจะทำแบบมึงได้บ้างนะ แอบชอบแต่ไม่ได้ครอบครอง” ลืมบอกค่ะว่าจูนมันเลิกกับอ้อแล้ว อ้อนางไปมีผู้ใหม่เป็นเพื่อนต่างห้อง “เอาน่ะ เดี๋ยวไปที่โน่นมึงก็เจอคนที่ถูกใจเองแหละ” “มาจุ๊บที! พูดดีมีเหตุผล” “จูนกูขนลุก” “ฮ่า ๆ” ระหว่างที่กำลังแลกเปลี่ยนข้อความกันอยู่พี่ทิวก็เดินมาหาฉันค่ะ ในมือเขามีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลมาด้วย พวกเรามองหน้ากันนิ่ง ๆ ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงหรือจะพูดอะไรจนเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “พี่ให้” เขาว่าพลางยื่นเจ้าตัวนั้นมาให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ หนูไม่มีอะไรให้พี่เลย งั้นเอากิ๊บติดผมไปแทนแล้วกันนะคะ” ว่าจบฉันก็ปลดกิ๊บบนศีรษะตัวเองมาให้เขา “ถือว่าแลกกัน” พี่ทิวรับไปแล้วอมยิ้มให้ฉัน บนเสื้อเขาแทบไม่มีพื้นที่สีขาวหลงเหลือเลยค่ะ มีคำอวยพร คำบอกรักเต็มไปหมด แถมยังมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดมาอีกด้วย “รุ่นน้องติดให้ทั้งนั้นแหละ” เขาคงเห็นฉันมองอยู่นานล่ะมั้งเลยพูดออกมาก่อน “ค่ะ แล้วพี่เรียนต่ออะไรเหรอคะ” ไหน ๆ ก็จะไม่เจอกันแล้วถามมันไปให้จบ ๆ ซะเลย “วิศวเครื่องกลครับ” “ถ้าชอบทางนั้นตอนจบมอสามทำไมพี่ไม่เรียนสายอาชีพต่อไปเลยล่ะคะ” “เพิ่งรู้ตัวว่าอยากทำอะไร แล้วเราล่ะ” “ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าอยากทำอะไร” ฉันว่ายิ้ม ๆ กับคำตอบของตัวเอง ก็มันยังไม่ค้นพบนี่คะ “โตอีกหน่อยก็รู้เองแหละ ตั้งใจเรียนนะ เราจะได้เจอกันอีก” “เราจะได้เจอกันอีก ... เป็นคำถามหรือเป็นประโยคบอกเล่าคะ” “แล้วแต่จะคิด บางอย่างมันถูกที่แต่ยังไม่ถูกเวลา ชีวิตวัยเรียนมันสนุกที่สุดแล้ว อย่าเพิ่งไปโฟกัสเรื่องอื่นเลย” “...” ความรู้สึกของฉันเหมือนพี่ทิวกำลังจะบอกอะไรเลยค่ะ แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา “หนูไม่เห็นจะเข้าใจ ทำไมพี่ถึงไม่พูดให้ชัดเจนไปเลย” “ถูกที่ผิดเวลา แค่นี้มันก็ชัดมากพอแล้วนะ” “...” ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ “พี่ไปก่อนนะ” เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มก่อนจะค่อย ๆ หันหลังเดินไปจากตรงนี้มันเหมือนคำบอกลาและได้คำตอบในเวลาเดียวกัน “จูน มันหมายความว่ายังวะ” “ไม่รู้ รู้แค่ว่าเขาต้องกลับมาหามึงแน่ ถูกที่ผิดเวลา ก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลา ถ้ามึงกับเขาเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่จะได้ความชัดเจนเมื่อนั้นแหละมั้ง” “...” “อย่ามองแบบนี้ กูแค่เดาเอาไม่ได้รู้ลึกตื้นหนาบางอะไรมา” “แต่มึงตอบกูละเอียดมากนะ” “เออน่า...” หลังจากจบกิจกรรมฉันก็ไม่เห็นพี่ทิวอีกเลย มีเพียงกลุ่มเพื่อนของเขาเท่านั้น “มองหาพี่ทิวอยู่ใช่ไหม” ไอ้หมูว่าขึ้น “ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ” “เสียใจด้วย พี่ทิวกลับไปแล้ว” “รู้ได้ไง” “ข้าเอาของขวัญไปให้พี่ริวมาและรู้มาว่าบ้านพี่ทิวกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจอะไรสักอย่าง” “ข้อมูลแน่นเนอะ” “น้ำตาลเพื่อนรัก ข้าเอามาฝากเอ็งโดยเฉพาะเลยนะ” “ขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งเจ้าค่ะ” ฉันพูดออกไปอย่างจริงจัง ถือว่าได้ข้อมูลชั้นดีเลยล่ะ ไอ้ที่เขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลาจะมีเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งด้วยหรือเปล่านะ พวกเราก็ยังเด็กความรักแบบผู้ใหญ่เป็นยังไงยังไม่รู้เลย ถ้าความรักแบบเด็ก ๆ ก็เข้าใจอยู่แอบชอบแอบมองแต่ไม่อยากครอบครอง มีความสุขได้แม้จินตนาการ “มึงยังคุยกับไอ้ต้นอยู่ไหม” “คุย มันก็โทรมาทุกวันแหละ อันที่จริงมึงรู้อยู่แล้วไม่ต้องหลอกถามกูก็ได้นะจูน” “ไม่เลย! กูแค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าเพื่อนกูยังอินเลิฟอยู่หรือเปล่า” “อินเลิฟห่าไร” ต้นมันสนิทกับจูนพอสมควรค่ะ ฉันรู้สึกแบบนั้น ถึงเราจะโทรคุยกันทุกวันแต่ก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้เลย นางก็คอยบ่นเกี่ยวกับเพื่อน เกี่ยวกับครอบครัวให้ฟังนั่นแหละ ส่วนเรื่องแฟนมันบอกว่าไม่มี เลิกคุยกันแล้ว “ก่อนกลับบ้านไปกินข้าวร้านป้าหลังโรงเรียนกัน” “เอาดิ” มาถึงร้านก็สั่งกัน คุยกันตามปกติ ทุกคนสนุกสนานเฮฮามาก แต่ฉันกลับรู้สึกว่านี่จะเป็นมื้อสุดท้ายที่พวกเราจะมีรอยยิ้มร่วมกัน มีความสุขร่วมกัน เพราะหลังจากนี้จะเป็นเรื่องการเริ่มใหม่ของบันไดขั้นต่อไปแล้ว ทุกคนต้องไขว่คว้าสิ่งที่ตัวเองอยากได้ สิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ส่วนคำว่าเพื่อนมันก็ยังอยู่ในความทรงจำของกันและกันอยู่ดี ...ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล
ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด
หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ
หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั