ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบินบอสตันก็นั่งดูการ์ตูนสลับกับเล่นของเล่นที่เตรียมมาจากบ้าน บางครั้งก็มีแอร์โฮสเตสแวะมาทักทายเพราะความน่ารักและช่างพูดของเด็กชาย เมลดาจึงได้พักผ่อนบนเครื่องอย่างเต็มที่
พอลงจากเครื่องและรับกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้วก็เดินออกมายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าซึ่งตอนนี้มาวินมารอรับอยู่แล้ว
“ลุงวินคร้าบ” บอสตันวิ่งเข้าหามาวินขณะที่ชายหนุ่มย่อตัวและอ้าแขนรับหลานชายคนเดียวที่เขารักเหมือนลูก
“ว่าไงครับบอสตัน นั่งเครื่องบินสนุกไหม”
“ครับลุงวิน พี่แอร์สวยและใจดีมากให้ของเล่นกับขนมผมเยอะเลยครับ”
“ก็หลานชายของลุงมันหล่อเหมือนลุงนี่ครับสาวๆ ก็เลยขอบเป็นพิเศษ”
“ครับพี่แอร์บอกว่าผมหล่อมาก” พอได้ดีบอสตันก็อวดคุณลุง
“เป็นไงบ้านโมเดล”
“ก็ดีค่ะ บอสตันไม่งอแงเลย”
“แม่อย่าลืมสัญญานะครับ”
“ไม่ลืมครับ แต่ขอให้แม่กับลุงวินจัดการงานของคุณตาให้เรียบร้อยแล้วจะพาไปซื้อนะครับ”
“สัญญาอะไรกันไว้เหรอโมเดล” มาวินถามขณะช่วยหญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางมาบริเวณทางออก
“เลโก้ครับลุงวิน แม่บอกว่าจะซื้อเลโก้ให้ผมสองกล่องถ้าผมไม่งอแงตอนนั่งเครื่องบิน”
“เดี๋ยวลุงซื้อเพิ่มให้อีกสองกล่องถ้าบอสตันเป็นเด็กดี”
“จริงนะครับ”
“จริงสิ ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น” เขาส่งกำปั้นมาตรงหน้าและบอสตันก็เอากำปั้นของตนเองชมกับผู้เป็นลุงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
มาวินพาเมลดาและบอสตันมาส่งที่บ้านของเธอซึ่งมารดาของเมลดาออกมายืนรออยู่นานแล้ว
“คุณยายคร้าบ ผมคิดถึงคุณยายมากที่สุดเลย” บอสตันเข้ากอดอย่าประจบเพราะรู้ว่าคุณยายจะใจดีและมีของอร่อยให้ตนเองทานเสมอ
“ยายก็คิดถึงบอสตันที่สุดเลย”
“แล้วคุณตาล่ะครับ”
คำถามของเด็กชายทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนที่คุณมยุรีจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“คุณตาไปอยู่อีกที่หนึ่งครับ เย็นนี้ยายจะพาบอสตันไปหาคุณตา แต่ตอนนี้หนูไปนอนพักก่อนดีไหมให้พี่ฝ้ายพาไปนะครับ”
“ครับคุณยาย”
“ฝ้ายพาคุณหนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“พี่ฝ้าย เอากระเป๋าใบเล็กขึ้นไปด้วยนะคะ ในนั้นมีของใช้ของบอสตันอยู่ค่ะ”
“ค่ะคุณโมเดล”
บอสตันเดินเข้าไปในบ้านแล้วเมลดาก็ถอนหายใจ เธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลูกชายเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
“บอสตันเป็นเด็กฉลาดพี่ว่าแกคงจะเข้าใจ”
“โมเดลก็หวังอย่างนั้นค่ะพี่วิน”
“วินจะเข้าไปในบ้านก่อนไหม”
“ไม่ล่ะครับคุณน้าผมมีเรื่องต้องไปจัดการอีกนิดหน่อย”
“ขอบใจมากนะวิน ถ้าไม่ได้วินน้าก็คงแย่”
“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ตอนเย็นผมจะมารับไปที่วัดนะครับ”
“จ้ะ แล้วเย็นนี้แม่เขาจะมาด้วยไหม” คุณมยุรีถามถึงวนิดามารดาของมาวินซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัท
“เย็นนี้ที่บริษัทจะเป็นเจ้าภาพครับคุณน้า แม่ก็เลยจะมาด้วย”
“น้าฝากบอกแม่เขาด้วยนะว่าไม่ต้องรอมาพร้อมคนที่บริษัทหรอก อยากจะมาวันไหนก็มาได้เลย” เธอทำใจเรื่องที่สามีตนเองมีภรรยาน้อยได้นานแล้ว เพราะมารดาของมาวินเป็นภรรยาน้อยที่อยู่อย่างเจียมตัว ไม่เคยมาวุ่นวายที่บ้านใหญ่และแสดงตัวให้ใครรู้
วนิดามารดาของมาวินนั้นทำงานในบริษัทเดียวกับคุณสามารถสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าสองคนมีความสัมพันธ์กัน ถึงแม้จะผ่านมานานจนเท่าอายุของมาวินแต่ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับ
“ขอบคุณครับคุณน้า ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
เมื่อมาวินขับรถออกไปแล้วเมลดาก็เดินตามมารดาเข้ามาในห้องรับแขก
“หนูจะไปพักก่อนไหม”
“หนูว่าจะโทรหาเดซี่กับอิ๊นซ์สักหน่อยสองคนนั้นบอกว่าเย็นนี้จะมาร่วมงานของคุณพ่อด้วย แม่ไปพักเถอะค่ะ”
เมื่อมารดาเดินขึ้นไปบนชั้นสองแล้วเมลดาก็โทรหาอรอินทร์ก่อนเป็นคนแรก
“โมเดลมาถึงเมืองไทยแล้วเหรอ”
“เพิ่งมาถึงบ้านเมื่อกี้เอง อิ๊นซ์ทำงานอยู่หรือเปล่า”
“ทำบ้างไม่ทำบ้าง” อรอินทร์ตอบด้วยเสียงเบื่อหน่ายเพราะเธอเพิ่งลาออกจากงานแล้วมาช่วยงานที่บ้านซึ่งเป็นตลาดสดและเธอมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าแผงและค่าเช่าตึกแถวที่อยู่บริเวณเดียวกัน
“ไปสมัครงานมาหรือยังล่ะ”
“ไปมาหลายที่แล้ว แต่เราประสบการณ์น้อยก็เลยไม่ค่อยมีใครรับ”
“มาทำกับบริษัทของคุณพ่อเราไหมล่ะ เราก็จะกลับมาทำเหมือนกัน”
“น่าสนใจดีนะ แต่เราไม่อยากเป็นเด็กเส้น”
“อย่าคิดมากเลย เอาไว้เจอกันค่อยคุยเรื่องนี้ก็ได้”
“อือ แล้วโมเดลโทรหาเดซี่หรือยัง”
“ยังเลย เราโทรหาอิ๊นซ์ก่อนไม่รู้เดซี่จะกำลังเลี้ยงลูกอยู่หรือเปล่า”
“ไม่หรอกโมเดลเพราะตอนนี้น้องติณณาไปเนอสเซอร์รี่แล้ว”
“เหรอ โตวัยเหมือนกันนะ”
“ลูกของเดซี่กับโมเดลโตกันแล้วแต่เรายังไม่มีแฟนเลยสักคน”
“ก็อยากจะเลือกมากทำไมล่ะ ใครมาจีบก็ปฏิเสธเขาไปหมด”
“ก็เรายังไม่เจอคนที่ถูกใจสักทีนี่โมเดล แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะหมอดูบอกว่าปีนี้เราจะเจอเนื้อคู่”
“แต่นี่มันจะสิ้นปีแล้วนะอิ๊นซ์”
“อย่าพูดให้เราใจเสียสิโมเดล” อรอินทร์บ่นพลางหัวเราะ
เมื่อวางสายจากอรอินทร์แล้วเมลดาก็โทรศัพท์ไปหาเดนิสาเพื่อนสนิทอีกคนที่รู้ความเป็นไปของเธอเป็นอย่างดี
“เดซี่ยุ่งอยู่หรือเปล่า”
“ไม่เลย โมเดลถึงนานหรือยัง”
“เพิ่งมาถึงไม่นานเมื่อกี้โทรหาอิ๊นซ์แล้ว อิ๊นซ์บอกว่าเย็นนี้ เดซี่จะมาที่งานของคุณพ่อด้วย”
“ใช่จ้ะ เย็นนี้อาหมอไม่มีตรวจนอกเวลาเราเลยให้อาหมอเลี้ยงลูกอยู่บ้าน”
“ไม่รบกวนอาหมอใช่ไหมเดซี่”
“ไม่หรอกอาหมอชอบเลี้ยงลูกและเลี้ยงเก่งกว่าเราอีกนะ”
“น่าอิจฉาเดซี่นะที่มีสามีดีอย่างอาหมอ”
“โมเดลเราขอโทษนะ” เดนิสารู้สึกผิดมากที่พูดเรื่องสามีของตนออกไปเพราะที่ผ่านมานั้นเมลดาเลี้ยงลูกตามลำพังมาตลอดหลายปี
“ไม่เป็นไรหรอกน่าเดซี่ อย่าคิดมากไปเลยตอนนี้เราเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนเยอะเลย”
“เราดีใจที่โมเดลเข้มแข็งขึ้นนะและก็เสียใจเรื่องพ่อด้วย เย็นนี้เราจะเอาขนมที่ร้านคุณยายไปช่วยงานนะ”
“ขอบใจจ้ะ แต่เดซี่ไม่น่าต้องลำบากเลยนะ”
“ลำบากที่ไหนล่ะการเอาขนมไปเป็นเบรกในงานแบบนั้นก็เท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านด้วยนะ”
“เดซี่มีความสุขกับร้านขนมใช่ไหม”
“เราว่าการทำขนมทำให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้นเยอะเลยนะโมเดล อีกอย่างถ้าจะออกไปทำงานข้างนอกอาหมอก็ไม่ยอม”
“อาหมอกลัวหนุ่มๆ จะมาจีบเดซี่นั่นล่ะสิ”
“แต่เราก็ว่าดีไปอย่างนะโมเดล เพราะตอนนี้คุณยายก็ยืนทำขนมไม่ค่อยไหวแล้ว เราเลยต้องช่วยน้าษามากขึ้น” ตั้งแต่เรียนจบเดนิสาก็แต่งงานและเป็นแม่บ้านให้กับสามีหญิงสาวจึงใช้เวลาว่างไปช่วยงานที่ร้านเบเกอรีของคุณยายและน้าสาวในทุกๆ วัน
งานแต่งงานของเมลดาและวาคิมถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายหลังจากครบวันเสียชีวิตของคุณสามารถหนึ่งปี แขกที่มาในงานก็เป็นญาติและเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย นอกจากบ่าวสาวที่เหมาะสมกันมากแล้วยังมีเด็กชายคิมหันต์ที่ช่วยบิดามารดารับแขกด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม เขามีความสุขกว่าใครทั้งหมดเพราะนอกจากจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาบิดามารดาแล้ววาคิมยังบอกด้วยว่าหลังจากนี้จะให้เขาเตรียมตัวเป็นพี่ชายได้เลยหลังจากส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วบอสตันก็กลับไปนอนกับคุณปู่คุณย่าเพราะพรุ่งนี้ท่านทั้งสองจะพาเขาไปเที่ยวทะเล เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แต่งงานได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง“โมเดลผมมีของขวัญให้คุณด้วยนะ”“อะไรคะ” เมลดาที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกระโดดขึ้นมาบนเตียงเมื่อเห็นกล่องของขวัญที่เขาถือเธอก็ยิ้ม“ลองเปิดดูสิ” หญิงสาวเปิดกล่องของขวัญออกว่าดูแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะข้างในเป็นสร้อยที่เธอเคยบอกว่าอยากได้แต่ตอนนั้นวาคิมบอกกับเธอว่าเขาขอเก็บเงินอีกนิดแล้วจะซื้อให้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอกับเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละทิศทาง“คุณซื้อมาตั้งแต่ตอนไหนคะวาคิม”“ผมซื้อก่อนสอบวันสุดท้าย ช่วงนั้นเรามีปากเสียงกันและผมก็อยากซื้อสร
ในวันสอบวันสุดท้ายบอสตันไม่ต้องไปเรียนว่ายน้ำ วันนี้คุณยายบอกว่าให้รีบกลับบ้านเพราะที่บ้านจะมีแขกมาทานข้าวด้วยแขกที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นบิดามารดาของวาคิมที่ตั้งใจจะมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเพื่อจะบอกความจริงถึงเรื่องในอดีตให้กับบอสตันรู้เมื่อทุกคนทานอาหารอิ่มแล้วก็มานั่งรวมตัวกันที่ห้องรับแขกบอสตันนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเมลดากับวาคิมที่วันนี้สีหน้าของเขาดูเครียดกว่าทุกครั้ง“บอสตันมาอยู่เมืองไทยได้ 4 เดือนแล้วหนูมีความสุขไหมลูก ชอบเมืองไทยหรือเปล่า” คุณมยุรีถามหลานชายเพื่อเป็นการเปิดทางสำหรับคำถามต่อไป“ผมมีความสุขมากๆ เลยครับคุณยายผมชอบที่นี่มากที่สุด” บอสตันตอบไปยิ้มไปเพราะเขาชอบที่นี่จริงๆ“บอกย่าหน่อยได้ไหมล่ะครับว่าทำไมถึงชอบที่นี่” มารดาของวาคิมช่วยถามหลายชาย“ที่นี่คนเยอะดีครับผมไม่เหงาเลยสักนิด พอวันหยุดก็ได้ไปเที่ยว ผมชอบไปเที่ยวกับลุงคิมมากที่สุดครับ” เขาตอบแล้วหันมองหน้าลุงคิมที่มองเขาด้วยความรัก“ถ้าบอสตันชอบเที่ยวกับลุงคิมมากๆ แล้วลุงคิมเขาจะขอมาเป็นพ่อของบอสตันได้ไหม” คุณย่าของเด็กชายถามต่อ“ผมอยากให้ลุงคิมเป็นพ่อนะครับ แต่พ่อที่ตายไปแล้วล่ะครับ พ่อจะเสียใจไหมท
“ที่ผ่านมาคุณไม่เคยมีคนอื่นใช่ไหม”“เดลไม่เคยมีคนอื่น”“เราอะไรเพราะบอสตันเหรอ”“นั่นก็ส่วนหนึ่ง”“แสดงว่ามีเหตุผลอื่น บอกผมได้ไหม” วาคิมถามขณะไล้ปลายนิ้วไปบนผิวเนียนนุ่ม“เดลยังลืมคุณไม่ได้และกลัวว่าคนอื่นจะทำให้เดลมีความสุขน้อยกว่าคุณ”เมลดาบอกทุกอย่างไปตามที่ตนเองคิดเพราะไม่ว่าจะเดทกับผู้ชายคนไหนเธอก็จบแค่การทานข้าวเพราะในใจนั้นมีแต่วาคิมอยู่ตลอด“ผมดีใจนะที่คุณไม่มีใคร ถึงผมจะเคยนอนกับคนอื่นบ้างแต่บอกได้เลยว่าไม่มีใครเด็ดเท่าคุณอีกแล้ว คุณอยากพิสูจน์คำพูดของผมไหมล่ะ เรามาทบทวนความทรงจำกันหน่อยดีไหม ผมอยากรู้”“ยังไงคะ”“ขึ้นให้ผมสิเดล คุณเป็นคนคุมเกมรักของเราบ้าง”เมลดายิ้มเพราะในอดีตเธอกับเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเร่าร้อนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน“เดลไม่แน่ใจว่ามันจะยังเหมือนเดิมไหม มันนานแล้วเดลอาจจะทำให้คุณไม่ถูกใจ”“ผมรู้ว่าเดลของผมเก่งกว่าใคร”ชายหนุ่มก้มมาจูบอย่างให้กำลังใจก่อนพลิกให้เมลดาขึ้นไปอยู่ทางด้านบนขณะที่ท่อนเอ็นของเขายังอยู่ในโพรงสวาท ปากของทั้งสองก็ยังไม่ยอมผละออกจากกัน ไม่นานนักเมลดาก็ผละจูบออก อย่างอ้อยอิ่งก่อนที่ปากเล็กและลิ้นร้อนจะลากไล้ไปตามสันกรามและซอกคอขบเม
รอยยิ้มของเมลดาทำให้วาคิมดีใจมากเพราะมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาตกหลุมรักเธอและคิดว่าเวลาผ่านมาหลายปีเขาก็ยังคงรักผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนวาคิมขยับใบหน้าลงมาใกล้กดริมฝีปากไปบนหน้าผากมน เปลือกตาและพวงแก้มอย่างทะนุถนอม เมลดาหลับตาเมื่อเขากดริมฝีปากหยักได้รูปลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบากระแสความรู้สึกส่งผ่านให้ทั้งสองได้รับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงและโหยหากันมากแค่ไหนริมฝีปากสีสวยเปิดออกเพื่อให้ปลายลิ้นร้อนของเข้ามาหยอกเย้ากับลิ้นเล็กของเธออย่างไม่รังเกียจจูบอ่อนโยนแสนหวานทำให้ทั้งสองจมลงในภวังค์ตัณหาที่ร้างรากันมานานเกือบหกปี“อื้อ....วาคิม”เมลดาครางประท้วงเมื่อเขาจูบราวกับจะดูดกลืนวิญญาณของเธอออกจากร่าง“ผมคิดถึงคุณนะโมเดล คิดถึงวันเก่าๆ ของเรา คิดถึงจูบของคุณ กลิ่นหอมของคุณ”“แต่ฉันว่าเราไม่ควรทำแบบนี้”“อย่าฝืนตัวเองเลยโมเดลทำตามที่ตัวเองรู้สึกผมรู้ว่าคุณยังรักผมและผมก็รักคุณมาก”เสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหูทำให้เมลดาไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตัวเองได้เลย เธอรักเขาและโหยหาเขามาตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาแค่ไหนแต่เธอก็รู้แล้วว่าไม่เคยรักเขาน้อยลงเลย และมันจะผิดอะไรถ้าหากเธอและเขาจะกลับ
“เราต้องเตรียมงานกันอีกนะ”“เตรียมงานอะไร” เมลดาขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น“ก็งานแต่งของเราไง”“ใครบอกฉันจะแต่งงานกับคุณ”“ถ้าผมไม่แต่งงานกับคุณ ผมจะเข้ามาในชีวิตคุณได้ยังไงคุณคงไม่คิดจะให้ผมหิ้วกระเป๋าไปอยู่กับคุณโดยไม่แต่งงานหรอกนะ”“วาคิม ฉันเป็นผู้หญิงฉันคุณคิดมากเรื่องนั้นไม่ใช่คุณ” เมลดามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจเพราะสำหรับเธอแล้วการแต่งงานไม่มีความจำเป็นเลย“แต่ผมอยากแต่งงานกับคุณนะและให้บอสตันเป็นคนจูงคุณมาส่งให้ผมมันคงเป็นภาพที่สวยงามมาก”“เรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อนได้ไหม”“จะรออะไรอีกล่ะ”“อย่างน้อยก็รอให้ครบ 1 ปี ที่พ่อฉันจากไปได้ไหม”“ถ้าเพราะเหตุผลนี้ผมเข้าใจ แต่เวลายังเหลืออีกหลายเดือนคุณคงไม่ใจร้ายแยกกันอยู่กับผมหรอกนะ ผมอยากให้คุณกับลูกย้ายมาอยู่ที่นี่มาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว”“ไม่ได้หรอกค่ะวาคิม ที่นี่มันไกลจากบริษัทและไกลจากโรงเรียนของบอสตันมาก ถ้าลูกมาอยู่ที่นี่คงใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ฉันไม่อยากให้ลูกเหนื่อย”“ถ้างั้นไปอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ผมก็ได้หรือจะไปอยู่คอนโดก็ได้”“ฉันยังอยู่ที่บ้านเดิมถ้าคุณอยากเป็นครอบครัวกับเราจริงๆ คุณก็ไปคุยกับแม่ฉันขอท่านย้ายเข้ามาอยู่
เมื่อส่งลูกชายเข้านอนแล้วเมลดาก็กลับมายังห้องนอนของตัวเอง เธออาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จจากนั้นก็ลังเลว่าจะโทรศัพท์ไปหาวาคิมดีหรือเปล่า เธออยากคุยกับเขาให้เคลียร์เรื่องที่เขาพูดกับบอสตันวันนี้เหมือนกัน“ว่าไงโมเดลคิดถึงผมเหรอถึงได้โทรมาหา”“อย่าเพิ่งสำคัญตัวเองผิดไปเลยค่ะ วาคิมฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”“เรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องที่คุณคุยกับบอสตัน วันนี้ผมคุยกับบอสตันตั้งหลายเรื่องนะ ผมจำไม่ได้หรอก”“คุณอย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย วันนี้คุณคุยกับลูกใช่ไหมเรื่องที่คุณบอกเขาว่าจะจีบฉัน”“บอสตันไปเล่าให้คุณฟังเหรอใช่สิ คุณเองก็ตั้งใจคุยกับเขาเพื่อให้เขามาเล่าให้ฉันฟังไม่ใช่เหรอ”“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ บอสตันเขาก็คงอยากจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟัง” วาคิมคิดไม่ผิดเลยบอกบอสตันว่าเขาจะจีบมารดาของเด็กชาย“คุณคิดดีแล้วเหรอวาคิมที่ไปพูดกับลูกอย่างงั้น”“ผมคิดดีนะ แล้วผมก็บอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมจะจีบคุณและบอสตันเป็นลูกของคุณ ผมก็อยากให้เขารู้เรื่องของเราไปด้วย”“ฉันขอถามคุณตรงๆ นะวาคิม”“ถามมาสิ”“คุณไม่มีใครอื่นใช่ไหมคุณไม่ได้มาหลอกเราสองคนแม่ลูกใช่ไหม” เมลดายังคงถามแบบเดิมเพราะเธอกลัวความผิดหวัง ถ้าหาเขาเ