แชร์

11. นิมิต (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 23:09:01

“ให้ยายดูสิ” เหมาไป่จ้องมองไปที่นัยน์ตาของหลายสาวก็พบว่าเป็นดั่งที่หลานชายตัวน้อยเอ่ย มิเพียงเท่านั้นหน้าผากมนของหลานสาวยังมีรอยคล้ายปานรูปดอกบัวติดอยู่

ปาน…ปานสีเงินอย่างนั้นหรือ!!?

“…” ลี่มี่ที่ยังวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงมิได้สบตาผู้ใด ปล่อยให้เหมาไป่และลี่หมิงมองสำรวจจนทั่ว

“เกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าเล่าให้ยายกับน้องฟังเถิด” เรื่องราวที่ได้ฟังจากปากหลานสาวทำให้เหมาไป่แทบมิอยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

“ท่านยาย…” สายตาที่ล่องลอยของลี่มี่ทำให้เหมาไป่ต้องรีบเข้าไปกอดปลอบหลานนอกไส้

“ดีเหลือเกินที่เจ้ามิบาดเจ็บที่ใด คราวหลังอย่าได้เข้าไปในป่าลึกเช่นนั้นอีกเล่า เข้าใจหรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“โอ๋ๆ นะขอยับ” มือเล็กป้อมยกขึ้นลูบใบหน้าพี่สาวเบาๆ ลี่มี่อดเอ็นดูกับท่าทีของน้องชายมิได้ จึงกอบกุมเอามือเล็กมาจุมพิต พร้อมกับสบสายตาเข้ากับดวงตาน้อยๆ ทั้งสองที่จดจ้องมาที่นัยน์ตาของนางด้วยแววตาที่หลงใหล

และทันใดนั้น…

“วันนี้เจ้ากินกุ้งแม่น้ำย่างอย่างนั้นหรือ”

“เอ๋? มิได้กินขอยับ น้องกินผัดผัก”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายายย่างกุ้งให้พวกเจ้ากินในมื้อเย็น หรือว่ากลิ่นมันติดกายยายมาอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ”

“มิได้เจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่เห็นอาหมิงกิน-” ลี่มี่ชะงักนิ่งไป นางเห็นอาหมิงกินกุ้งย่างตัวโตอย่างเอร็ดอร่อย

เห็นงั้นหรือ เห็นได้อย่างไรกัน!!!

“มี่เอ๋อร์ เป็นอันใดไป” เหมาไป่เห็นว่าหลานสาวนิ่งไป ก็ดึงมือบางมากอบกุมไว้ พลางบีบเคล้นเบาๆ ให้ลี่มี่ได้สติ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองไปที่ดวงตาของผู้เป็นยาย พลางเอ่ยสิ่งที่นางกำลังเกิดขึ้นกับนางให้ผู้เป็นยายได้ฟัง

“ท่านยาย เมื่อครู่ข้า- ข้าเห็นว่าอาหมิงนั่งทานกุ้งเจ้าค่ะ และตอนนี้ก็เห็นว่า…ท่านยายไปที่หลุมศพของบุตรชายท่าน ทั้งยังเอ่ยต่อหน้าหลุมศพว่าตอนนี้ท่านมิเหงาอีกต่อไปแล้ว” ลี่มี่มิรู้เลยว่าเหตุใดภาพเหตุการณ์เหล่านี้ถึงหลั่งไหลเข้ามาในศีรษะของนาง ทั้งยังเห็นและได้ยินเหตุการณ์ชัดเจนเป็นฉากๆ ราวกับว่านางได้เข้าไปยืนอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย

“วันพรุ่งเป็นวันเกิดของอาซาง ยายจะไปที่หลุมศพจริงๆ นี่เจ้า…” แววตาของยายหลานเต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงง สิ่งที่ลี่มี่เอ่ยออกมาล้วนเป็นสิ่งที่จะเกิดจริง…ในกาลข้างหน้า

“ทะ ท่านยาย ข้ากลัวเจ้าค่ะ อยู่ๆ ทั้งภาพทั้งเสียงต่างก็ปรากฏขึ้นมา”

“เจ้าเห็นกาลข้างหน้าหรือ มีนิมิตอย่างนั้นหรือ”

“ขะ ข้ามิรู้เจ้าค่ะ”

“ทั้งเรื่องที่อาหมิงกินกุ้งย่าง ทั้งเรื่องที่เจ้าเห็นยายไปที่หลุมศพ ล้วนเป็นเรื่องที่ยังมิเกิดขึ้นทั้งสิ้น” สิ่งที่ท่านยายเอ่ยทำให้ลี่มี่ยิ่งคิดหนัก

เกิดสิ่งใดขึ้นกับตัวนางกันแน่

สีหน้ากังวลของลี่มี่ ทำให้ผู้เป็นยายและน้องชายต่างวิตกไปด้วย

“อย่าได้วิตกไปเลย อาจเป็นเพราะเจ้าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าหากเจ้านอนพักสักชั่วยามอาจจะดีขึ้น” ลี่มี่ได้ยินท่านยายว่าดังนั้น ก็รีบไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนอาภรณ์ และนอนหลับพักผ่อนไปกว่าชั่วยาม

เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตนเองสดชื่นขึ้น จึงมาช่วยท่านยายเตรียมอาหารมื้อเย็น และภาพที่ปรากฏตรงหน้าของลี่มี่ตอนนี้ก็เป็นภาพที่น้องชายกินกุ้งย่างอย่างเอร็ดอร่อย เช่นเดียวกับที่นางเห็นก่อนหน้า

กว่าสองวันที่ลี่มี่พักอยู่ในเรือน ภาพนิมิตมิเกิดขึ้นอีกเลย คล้ายกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่นางเห็นภาพนิมิตมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน ลี่มี่เองก็มิได้ใส่ใจกับเรื่องนั้นมากนัก เพราะช่วงนี้นางวุ่นวายอยู่กับการถนอมอาหารไว้กิน ทั้งยังต้องหาเงินมาซื้ออาภรณ์ใส่ในฤดูหนาว วันนี้ลี่มี่จึงตัดสินใจจะไปตกกุ้งมาขาย ไม่แน่ว่าผู้คนอาจจะสนใจซื้อไปกิน แม้ว่าหมู่บ้านของนางจะติดกับแม่น้ำ แต่ชาวบ้านหลายคนก็มิมีความสามารถในการตกกุ้ง

ระหว่างที่เดินไปที่แม่น้ำ ลี่มี่ก็พยายามหลบเลี่ยงคนสกุลชุนให้มากที่สุด เพราะวันนี้นางคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับคนพวกนั้น ตั้งแต่มาอยู่ที่เรือนสกุลเหมาก็มีหลายคราที่สองแม่ลูกมักพูดเหน็บแนมนางต่อหน้าผู้คนมากมาย และอย่างที่รู้ๆ กันว่านางจะมิยอมอีกต่อไป จึงได้โต้เถียงไปหลายคำ จนบางทีก็ทำให้นางเสียการเสียงาน และเสียเวลาไปมากทีเดียว

เด็กสาวเดินมาถึงแม่น้ำก็พบเข้ากับกวนอู๋ท่ง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมาหาปลาที่แม่น้ำ ลี่มี่จึงเดินเข้าไปทักทายเล็กน้อย

“คำนับท่านพี่อู๋ท่งเจ้าค่ะ”

“ลี่มี่เองหรือ มิเห็นหน้าคร่าตาหลายวัน”

“ข้าช่วยท่านยายดองผักไว้กินช่วงฤดูหนาวเจ้าค่ะ จึงมิได้ออกไปที่ใด” ลี่มี่เดินเข้าไปหาอู๋ท่ง แต่กลับมิทันระวังเหยียบดินโคลนจนเกือบล้มหน้าคะมำ ยังดีที่อู๋ท่งเข้ามาช่วยประคองไว้ได้ทัน

“เป็นอันใดหรือไม่…ลี่มี่” ร่างใหญ่เอ่ยถาม ทั้งที่ยังจดจ้องอยู่ที่นัยน์ตาสีสวย

เฮือก!ภาพของชายหนุ่มตรงหน้า กำลังขุดหาเผือกมันปรากฏขึ้นในศีรษะของลี่มี่ แต่เมื่อขุดไปได้ไม่นาน สัตว์เลื้อยคลานมีพิษที่อยู่บริเวณนั้น ก็เลื้อยเข้ามาฉกที่น่องของชายหนุ่ม ฉึก!!!

“ลี่มี่ ลี่มี่”

“เจ้าค่ะ ทะ ท่านจะขึ้นเขาเมื่อใดหรือเจ้าคะ”

“เอ่อ ข้าจะขึ้นเขาในอีกสามวันข้างหน้า มีอันใดหรือ หรือว่าเจ้าอยากจะไปด้วย” ชายหนุ่มพยุงเด็กสาวให้นั่งลงบนพื้นดินข้างตลิ่ง

“ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอไว้บ้างนะเจ้าคะ หากจะให้ดีพี่อู๋ท่งพันผ้าที่น่องทั้งสองหนาๆ เลยนะเจ้าคะ หนาที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะเจ้าคะ”

“เอ่อ เจ้า-”

“พี่อู๋ท่งรับปากข้าก่อนเจ้าค่ะ ว่าจะทำตามที่ข้าบอก”

“ได้ๆ พี่จะทำตามที่เจ้าว่า” สีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพยักหน้าตอบรับ

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน” ลี่มี่เอ่ยเพียงเท่านั้นก็รีบกลับเรือนด้วยท่าทีร้อนรน หลงลืมไปเสียสิ้นว่าตนเองมาที่แม่น้ำเพื่อสิ่งใด ร่างบางเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ที่ท่านยายเอ่ยว่านางเห็นนิมิตกาลข้างหน้านั้นเป็นจริง

ทำอย่างไรดี หากไปหาท่านหมอ…ท่านจะรักษาได้หรือไม่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่หมอแห่งซูโจว   85. เพียงแค่พวกท่านที่เข้าใจ (ตอนพิเศษ 2)

    คำเตือน เนื้อหาในตอนพิเศษนี้จะเกี่ยวข้องกับความรักแบบชายรักชายแต่เล็กจนโตหวังเยี่ยนและลี่หมิง มิเคยทำให้ลี่มี่หนักใจได้เท่าวันนี้ คำพูดของเด็กหนุ่มทั้งสองยังคงวนอยู่ในศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“เจ้าว่าอย่างไรนะ”“ข้ารักอาหมิงขอรับ รักแบบคู่รัก มิใช่พี่น้องหรือเพื่อนพ้อง” หวังเยี่ยนเอ่ยอย่างหนักแน่น ต่างจากลี่หมิงที่บัดนี้ก้มหน้ามิกล้าสู้หน้าพี่สาว“…แล้วเจ้าเล่าอาหมิง” ลี่มี่สูดหายใจเข้าเต็มอก ต้องยอมรับว่านางตกใจอยู่บ้าง ด้วยคิดว่าเด็กหนุ่มทั้งสองสนิทสนมกันเพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน มิคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้“ขอรับ น้องเองก็คิดเช่นเดียว อึก! กับคุณชาย” รู้อยู่เต็มอกว่าผิด และรู้ดีว่าไม่มีบิดามารดาคนใดอยากให้บุตรหลานเป็นเช่นนี้ แต่เขาและคุณชายก็ยังหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจและยอมรับในตัวตนของพวกเราได้“เห้อ”“คราแรก ข้ามิคิดจะเอ่ยบอกเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ไม่กี่วันมานี้ ท่านพ่อเอ่ยกับข้าและอาหมิงเรื่องแต่สตรีเข้าสกุล แม้อยากจะทดแทนบุญคุณที่พวกท่านเลี้ยงดูข้ามา แต่ข้าก็มิอาจฝืนใจตนเองได้” หวังเยี่ยนและลี่หมิงทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าลี่มี่“ฮึก”“ขอท่านแม่ช่วยพูดกับท่านพ่อให้พวกเราทีเถิดขอรับ”“

  • แม่หมอแห่งซูโจว   84. วิถีของบิดาที่มีบุตรสาว (ตอนพิเศษ 1)

    ข่าวการสละราชบัลลังก์ขององค์ฮ่องเต้ฉางหลงและการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาทฉางเฟิง แพร่ไปทั่วแคว้น เหล่าประชาราษฎร์ต่างแห่สรรเสริญ และเฉลิมฉลองกันถ้วนหน้า มิเว้นแม้แต่ครอบครัวของอี้หานและฟ่งอู๋ ที่พากันมาร่วมพิธีราชาภิเษกถึงเมืองหลวง“พวกเจ้าจัดสำรับเย็นไว้มากหน่อย วันนี้ฝ่าบาทจะพาฮองเฮาและองค์ชายทั้งสองพระองค์มาทานมื้อเย็นที่จวน” ลี่มี่และผิงผิงต่างวุ่นอยู่กับการจัดการเรื่องในครัวมี่เอ๋อร์ ผิงผิง ไปให้นมบุตรเถิด ทางนี้ยายกับฮูหยินรองจะดูแลให้เอง” มาครานี้ท่านยายเหมาไป่และมารดาของอี้หานก็พากันมาเที่ยวชมเมืองหลวงด้วย เพราะบัดนี้ลี่มี่คลอดบุตรชายเพิ่มมาอีกสองคน จื้อเจาวัยสองหนาว และจ้านฉือวัยห้าเดือน ผิงผิงเองหลังจากคลอดอาไฉบุตรชายคนแรก ก็มีอินเอ๋อร์บุตรสาววัยแปดเดือน ทั้งเหมาไป่และเจียอีจึงอาสามาช่วยดูแล“เช่นนั้นข้าฝากท่านแม่กับท่านยายด้วยนะเจ้าคะ”“ไปเถิดลูก ป่านนี้หลานแม่คงหิวแย่แล้ว” ฮูหยินรองเจียงอีว่าเช่นนั้น ก็หันกลับไปสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมขนมของว่างไว้ด้วยลี่มี่กับผิงผิงจึงแยกกันไปให้นมบุตร ยังดีที่ตอนนี้หวังเยี่ยนและลี่หมิงโตเป็นหนุ่มกันแล้วจึงพอจะช่วยดูแลเฟินเยว่และอาไฉไ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   83. ชีวิตที่มีสุข (จบ)

    ชีวิตของมารดาที่มีบุตรถึงสองคน และมีน้องชายอีกหนึ่ง มิได้ง่ายดายอย่างที่คิด ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ลี่มี่มิได้ทำหน้าที่ใดขาดตกบกพร่อง คงจะมีแต่การเปิดสำนัก ที่นางมิได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ศรัทธาเลยแม้แต่น้อย เพราะวันๆ ได้แต่วุ่นอยู่กับการเลี้ยงดูบุตรและน้องชาย“เยว่เอ๋อร์~ พี่อาเยี่ยนมาหาน้องแล้ว”“พี่อาหมิงก็มาหาเยว่เอ๋อร์เช่นกัน” และนี่คือเสียงที่อี้หานกับลี่มี่ได้ยินในทุกๆ เช้า ตั้งแต่บุตรสาวของนางคลอด พี่ชายทั้งสองก็เห่อน้องสาว เสียจนงอแงมิอยากไปสำนักศึกษา จนอี้หานต้องออกอุบายว่า พี่ชายที่ดีต้องเป็นแบบอย่างให้น้อง ทั้งสองจึงยอมไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษาเช่นเดิม“เข้ามาเถิด น้องพึ่งดื่มนมเสร็จ กำลังอารมณ์ดีเชียวล่ะ” อี้หานลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้เด็กชายทั้งสอง“โอ้โห! เยว่เอ๋อร์ดื่มนมเก่งเช่นนี้ วันหน้าคงโตไวเหมือนพี่อาหมิงแน่” เดิมทีลี่หมิงเอ่ยแทนตนเองว่าท่านอา แต่ฟังดูแล้วก็แปลกชอบกล ลี่มี่จึงให้ลี่หมิงแทนตนเองว่าพี่ไปก่อน วันหน้าค่อยเอ่ยบอกกับเฟินเยว่ ว่าแท้จริงแล้วลี่หมิงมีศักดิ์เป็นท่านอาของนาง“แอ้ๆ บู้ คิก” เยว่เอ๋อร์ตัวน้อยดิ้นดุกดิก อย่างชอบใจ“ห้ามเหมือนๆ ข้ากลัวว่าเยว่เอ๋อร์จ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   82. เรื่องน่ายินดี (1)

    เจ้าเมืองซูโจวเดินวนไปมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนฟ่งอู๋ที่กำลังตรวจอาการของลี่มี่นึกรำคาญ“เจ้าหยุดเดินได้หรือไม่อี้หาน ข้ามิมีสมาธิในการตรวจ”“ขออภัย ข้าเพียงกังวล” อี้หานถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ ทั้งที่ในใจนึกกลัวไปต่างๆ นานา หวาดกลัวว่าภรรยาจะป่วยหนักเมื่อสหายหยุดเดิน ฟ่งอู๋ก็รีบทำการตรวจต่อ มือของหมอหนุ่มคลำหาชีพจรบนข้อมือเล็ก ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ใบหน้านิ่งเฉยจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด“เฮ้อ!”“เกิดอันใดขึ้นฟ่งอู๋ เจ้าบอกข้าว่าลี่มี่เป็นอันใด ร้ายแรงหรือ” อี้หานเห็นสีหน้าบูดบึ้งของสหายก็ตีความไปแล้ว ว่าฮูหยินของเขาอาจเป็นโรคร้าย ในตาดำขลับสั่นระริกไปด้วยความกลัว“ฮูหยินเจ้าตั้งครรภ์”“ห๊ะ!!?”“ฟังไม่ผิด ลี่มี่ตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว ที่เป็นลมล้มพับไป คงเพราะเหนื่อยล้าร่วมกับอาการแพ้”“เจ้าว่าลี่มี่ตั้งครรภ์” ดวงหน้าคมคายชะงักค้าง สติที่มีอยู่น้อยนิดหลุดลอยไปจนหมด“ใช่!”“ละ แล้วเจ้าจะทำหน้าเช่นนั้นด้วยเหตุใด! ข้าหรือก็นึกว่าเกิดเรื่องร้าย ทั้งที่เป็นเรื่องน่ายินดีเช่นนี้” อี้หานดันกายฟ่งอู๋ให้ออกห่างจากเตียง แล้วทรุดตัวนั่งลงแทนที่ บัดนี้ฮูหยินของเขายังมิได้สติ คง

  • แม่หมอแห่งซูโจว   81. ยื่นมือเข้าช่วย

    ขบวนเดินทางกลับเมืองซูโจว เต็มไปด้วยผู้คนคละคล่ำ เพราะการเดินทางโปรดนี้มีองค์รัชทายาทและพระชายาร่วมเดินทางมาด้วย เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากที่คุณหนูซินเหม่ยตอบตกลงเรื่องการอภิเษก องค์รัชทายาทก็หาฤกษ์ที่เร็วที่สุด โดยอ้างว่าจะได้เร่งมีโอรสธิดาเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ และแน่นอนว่าองค์ฮ่องเต้ก็เห็นดีเห็นงามด้วย เหล่าขุนนางกรมพิธีการจึงเร่งจัดงานกันจนหัวหมุนหลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษก อี้หานจึงพาครอบครัวกลับเมืองซูโจวทันที เพราะทนต่อเสียงรบเร้าของฟ่งอู๋ไม่ไหว“สหายท่านจ้องจะหลอกกินเต้าหู้ ผิงผิงของข้าอยู่เรื่อย”“ฮ่าๆ สงสารเขาเถิด เกี้ยวผิงผิงตั้งแต่ยังมิพ้นวัยปักปิ่น แต่กลับแพ้องค์รัชทายาทที่ได้แต่งชายาก่อน เจ้าคงมิรู้ว่าที่องค์รัชทายาทไปเข้าห้องหอช้า ก็เพราะถูกฟ่งอู๋กลั่นแกล้ง” ลี่มี่หัวเราะร่า จะว่าไปก็น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ“ว่าแต่เราใกล้จะถึงเรือนหรือยังเจ้าคะ ข้ารู้สึกเพลียๆ อยากกลับไปนอนพักแล้ว” ลี่มี่ว่าพลางซบลงไปบนไหล่กว้าง พวกเขาเดินทางมาแรมเดือน ได้พักเต็มอิ่มบ้าง ไม่เต็มอิ่มบ้าง ทั้งการอยู่ในรถม้าทั้งวันก็เมื่อยขบยิ่งนัก ดีที่นางไม่รบเร้าให้ท่านยายมาด้วย มิเช่นนั้นคงทำให้ท่

  • แม่หมอแห่งซูโจว   80. ตอบแทนรัก (2)

    หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะเกี้ยวซินเหม่ยให้สำเร็จโดยเร็ว ฉางเฟิงก็เทียวเข้าเทียวออกเรือนเสนาบดีซินเป็นว่าเล่น บ้างก็นำสุรามาดื่มกินกับว่าที่พ่อตา บ้างก็นำตำราที่ซินเหม่ยสนใจมาให้ แต่ที่หนักสุดคงจะเป็นครานี้ เพราะองค์รัชทายาทหนุ่ม ถึงขั้นยกนางในประจำห้องเครื่อง มาสอนคุณหนูสกุลซินทำสำรับเย็นถึงในเรือน เพียงเพราะนางเอ่ยว่าอยากลองทำอาหารมื้อเย็นฉบับชาววังบ้าง“คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” / “คารวะองค์รัชทายาทเพคะ”“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยายตามสบายเถิด เจ้าก็ด้วย” แม้ปากจะพูดคุยอยู่กับบิดาและมารดาของซินเหม่ย แต่ตายังคงติดอยู่กับหญิงสาวตั้งแต่มาถึง“อะแฮ่ม! วันนี้เรียกพ่อตาเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีซินเอ่ยเย้า ทีเล่นทีจริงกับชายหนุ่ม“ข้าเรียกเผื่อไว้ จะได้ชินปาก วันนี้ข้าพานางในประจำห้องเครื่องมาสอนเจ้าทำสำรับ แล้ว…อยากขออยู่รับสำรับเย็นด้วย” แววตาออดอ้อนทำเอาซินเหม่ยยิ้มขำ นางรู้ดีว่าองค์รัชทายาทขี้เล่นมิต่างจากฟ่งอู๋ แต่ก็มิคิดว่าจะมีมุมน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าอยู่ได้หรือไม่” เมื่อได้รับคำตอบจากว่าที่พ่อตาแม่ยายแล้ว ร่างสูงจึงหันไปถามสตรีที่รัก“แต่อาหารที่ข้าพึ่งหัดทำ อา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status