แชร์

บทที่ 10  

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
บนดวงหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์มาตลอด บัดนี้เต็มไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ หรงจือจือจ้องมองมหาราชครูหรงไม่วางตา ท่านพ่อสนใจแต่ขนบธรรมเนียมและชื่อเสียงเกียรติยศในตระกูลมาตลอด ส่วนในใจของท่านแม่ก็มีเพียงน้องชายและน้องหญิงเท่านั้น

มีเพียงท่านย่าคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนที่รักตนเอง และเป็นคนที่ตนเองรัก ในวันที่นางเกิดมา หากมิใช่เพราะท่านย่าเป็นคนไปแย่งนางกลับมา นางคงตายด้วยน้ำมือของท่านแม่ไปแล้ว

บัดนี้ได้ยินว่าท่านย่าป่วย นางย่อมร้อนรุ่มกังวลใจขึ้นมาทันที

มหาราชครูหรงฟังน้ำเสียงของนาง สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจ้ารู้จักอ่อนน้อมกตัญญูต่อท่านย่าของเจ้า ไม่เสียแรงที่นางรักและเอ็นดูเจ้ามาหลายปี! ท่านย่าของเจ้าปลอดภัยดี เพียงแค่โรคเก่ากลับมากำเริบอีกครั้งเท่านั้น หมอเทวดามารักษาแล้ว ข้าเองก็อยู่เฝ้าไข้ดูแลนางทั้งคืน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว”

ว่าตามหลักแล้วหากนายหญิงใหญ่ป่วยไข้ไม่สบาย ควรเป็นนางหวังที่เข้าไปเฝ้าไข้ปรนนิบัติ ทว่ามหาราชครูหรงมีความกตัญญูอย่างสูงส่ง กอปรกับทราบว่ามารดาไม่ถูกชะตาภรรยาของตน ฉะนั้นเขาจึงไปอยู่เฝ้ามารดาด้วยตนเองตลอดทั้งคืน

หรงจือจือฟังมาถึงตรงนี้ ก็วางใจ ท่านย่าเป็นโรคหัวใจ ชีพจรไม่สมบูรณ์ตั้งแต่กำเนิด โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ดูแลรักษาประคับประคองร่างกายอย่างดีมาตลอด เพียงแต่บางครั้งอาการก็กำเริบขึ้นมา และด้วยเหตุผลนี้เอง หรงจือจือจึงไปร่ำเรียนวิชาแพทย์กับหมอเทวดาท่านหนึ่ง ก็เพราะหวังว่าหากวันใดท่านย่ารู้สึกไม่สบายตัว ตอนนางอยู่ข้างกายจะได้ดูแลช่วยเหลือทันท่วงที

หรงจือจือ : “เช่นนั้นลูกขอตัวไปเยี่ยมท่านย่าเจ้าค่ะ!”

มหาราชครูเอ่ย “ไม่ต้องร้อนใจไป ท่านย่าของเจ้าเพิ่งจะหลับไปเมื่อครู่ อีกอย่างใบหน้าของเจ้าบวมเป่งเพียงนี้ จะไปเยี่ยมนางได้อย่างไร? เช่นนี้จะไม่ยิ่งทำให้ท่านย่าของเจ้าไม่สบายใจโดยเปล่าประโยชน์หรือ?”

พูดจบ เขาก็เหลือบสายตามองเจาซีปราดหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นพร้อมเอ่ยว่า “เจ้าโง่เง่าไร้ไหวพริบ ยังไม่รีบไปเอาน้ำแข็งมาให้คุณหนูของเจ้าประคบหน้าอีกหรือ!”

เจาซีได้ยินคำสั่ง ก็รีบคุกเข่ารับคำทันที “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

นางหรือจะไม่รักไม่สงสารคุณหนู เพียงแต่นั่นเป็นฝีมือของฮูหยิน หากเจ้านายไม่ออกคำสั่ง นางหรือจะบังอาจ!

มหาราชครูหรง : “ไว้รอยบวมบนหน้าหายแล้ว เจ้าค่อยไปเยี่ยมท่านย่าของเจ้า”

หรงจือจือรับคำ : “เจ้าค่ะ”

แม้ว่านางจะร้อนใจอยากไปพบท่านย่า แต่ก็รู้ดีว่าถ้อยคำของท่านพ่อมีเหตุผล หากท่านย่าเห็นว่าหน้าของตนเองถูกตบจนบวมแบบนี้ คิดดูแล้วคงจะโกรธจนกระทบกระเทือนหัวใจแน่ ซึ่งไม่ดีต่อร่างกายของท่านผู้เฒ่าอย่างนาง

ท่านพ่อไร้ซึ่งความห่วงใยสงสารที่ตนเองโดนตบหน้าเช่นนี้ ก็มิได้อยู่เหนือจากการคาดเดาของหรงจือจือ แต่หรงจือจือก็หาได้สนใจไม่ ตราบใดที่ท่านพ่อใคร่ครวญถึงท่านย่าในทุกเรื่องเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ขอแค่เขาอ่อนน้อมกตัญญูต่อท่านย่า และทำให้ท่านย่ามีชีวิตบั้นปลายที่สุขสงบได้ สำหรับหรงจือจือแล้วสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นางหวังยืนอยู่ด้านข้างไม่กล้าสอดปากพูดแม้แต่คำเดียว กลัวว่าสามีจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าเป็นตัวนางเองที่ลงมือตบหน้าเด็กคนนั้น และจะเคลือบแคลงสงสัยในจิตใจรู้กตัญญูของตนเอง

ทว่าหรงเจียวเจียวกลับเอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อน “ท่านพ่อ มันก็ใช่จะไร้เหตุผลเช่นนั้นที่ไหน! อย่างที่ลูกพูดไป ท่านย่าแค่รักพี่หญิงมากเกินไปก็เท่านั้น ท่านแม่ถึงได้อบรมสั่งสอนอะไรพี่หญิงไม่ได้…”

ยังไม่ทันพูดจบ ถ้วยชาในมือมหาราชครูหรง ก็ถูกโยนใส่หรงเจียวเจียวทันที

ก่อนจะร่วงลงบนพื้นเบื้องหน้าหรงเจียวเจียว น้ำกระเซ็นเปื้อนชายเสื้อของหรงเจียวเจียว จนดวงหน้างามดุจบุปผาของหรงเจียวเจียวถอดสี แข็งขาอ่อนยวบ รีบคุกเข่าลงกับพื้นโดยพลัน “ท่านพ่อ!”

มหาราชครูหรงตะคอกใส่ด้วยใบหน้าดำมืด “นางเด็กชั้นต่ำ! เจ้ากำลังตำหนิท่านย่าของเจ้าอยู่หรือ! ดูเหมือนหลายปีมานี้ ข้าจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว!”

นางหวังรีบเข้ามาช่วยอ้อนวอนขอความเมตตาอีกแรง “ท่านพี่ เจียวเจียวก็แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ ต้องตำหนิตัวข้าต่างหาก กลับไปแล้วข้าจะอบรมสั่งสอนนางให้ดีเจ้าค่ะ!”

หรงจือจือแม้ไม่ได้ทำความผิด แต่ก็ยังถูกนางหวังตบหน้าด่าทอ ผิดกับหรงเจียวเจียวที่พูดจาส่อเสียดไม่เหมาะสม นางหวังกลับรีบเอาตัวเข้าไปน้อมรับความผิดทั้งหมดไว้ และยังช่วยอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยอีกแรง

หรงจือจือมองความรักอันลึกซึ้งของพวกนางสองคนแม่ลูกจากด้านข้าง ในใจไร้ซึ่งความรู้สึก

เพราะหลายปีที่ผ่านมา ทุกความรู้สึกถูกอัดอั้นไว้ในใจมามากเกินไปแล้ว จนบัดนี้ความรู้สึกมันได้ตายด้านไปนานแล้ว

มหาราชครูหรงสั่งหรงเจียวเจียวด้วยเสียงเย็นเยียบ “ไปคุกเข่าที่โถงบรรพชน อดอาหารหนึ่งวันจะได้เรียกสติ! หากให้ข้าได้ยินคำพูดดูหมิ่นไม่เคารพท่านย่าของเจ้าออกมาจากปากเจ้าแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะโบยเจ้าสักสองสามทีเป็นการชมเชย!”

หรงเจียวเจียวร้องไห้หน้าบูดบึ้ง “เจ้าค่ะ!”

นางหวังเอ่ยขึ้นทันที “หากเจียวเจียวต้องคุกเข่า จือจือก็ต้องไปด้วย! ตั้งแต่เช้า ถ้อยคำวาจาของนางไร้ซึ่งความเคารพยำเกรงข้า มิหนำซ้ำยังมิได้เข้ามาน้อมคารวะข้ายามเช้า กลับเป็นข้าที่ต้องเป็นฝ่ายเข้ามาหานางด้วยตัวเอง!”

หรงจือจือกระตุกมุมปากยิ้มอย่างดูแคลน ต่อให้หรงเจียวเจียวทำผิดด้วยตนเอง ท่านแม่ก็ยังต้องการให้ตนเองต้องถูกลงโทษด้วยกัน

น่าเสียดาย ที่เรื่องนี้ท่านแม่คงจะลากตนเองไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้

จริงดังคาด ครั้นมหาราชครูหรงฟังจบก็ขมวดคิ้วทันใด “ข้ามีเรื่องจำเป็นต้องหารือกับจือจือ จึงสั่งให้คนบอกให้นางละเว้นเรื่องอื่นไว้ก่อน และเข้ามารอพบข้าที่นี่ มีปัญหาอะไรหรือ? อีกอย่าง นางยังมิได้เข้าไปน้อมคารวะท่านแม่ แล้วเจ้าจะเร่งเร้าให้นางไปน้อมคารวะเจ้าก่อนเพื่ออะไร? เจ้าเร่งรีบเพียงนั้น คิดจะข้ามหน้าข้ามตาท่านแม่ไปอย่างนั้นหรือ?”

นางหวังหน้ากระตุกไปที ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นคำสั่งของท่านพี่

ได้ยินคำถามท้ายประโยคจากอีกฝ่าย แม้จะมีไฟโทสะสุมอยู่ในอก แต่ก็ไม่อยากทำให้ท่านพี่หงุดหงิดใจ จึงเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้าเข้าใจผิดจือจือแล้ว!”

มหาราชครูหรงโบกมือ พลางเอ่ยว่า “เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องคุยกับจือจือ!”

เขาหรือจะไม่ทราบว่าภรรยาไม่ชอบบุตรีคนโต เขาคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับนางต่อที่นี่แล้ว จึงบอกให้นางออกไปก่อนเห็นจะดีกว่า

นางหวังอึดอัดใจ ท่านพี่มีเรื่องอะไรไม่หารือกับตนซึ่งเป็นภรรยา แต่กลับหารือกับหรงจือจือ มิหนำซ้ำยังไม่อนุญาตให้ตนอยู่รับฟังด้วยอีก

สิ่งนี้ทำให้นางยิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตากับหรงจือจือหนักขึ้น เอ่ยอย่างฝืนใจไปประโยคหนึ่งว่า : “เช่นนั้นข้าขอตัวไปเตรียมสำรับเที่ยงก่อน ท่านพี่ลำบากมาหนึ่งคืนแล้ว ข้าให้ห้องครัวตุ๋นน้ำแกงไว้ จะได้ให้ท่านดื่มบำรุง”

มหาราชครูหรงผงกศีรษะ เชิงว่าให้นางออกไป

นางหวังออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนออกไปยังไม่วายเหลือบสายตามองหรงจือจือปราดหนึ่งด้วยความหงุดหงิด ครั้นสบสายตากับท่านแม่ หรงจือจือก็รู้ทันทีว่าโรคเก่าของท่านแม่ที่ในสายตามีเพียงท่านพ่อกลับมากำเริบขึ้นอีกแล้ว แม้แต่ท่านพ่อขอคุยธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ กับบุตรีอย่างตนเองตามลำพัง ก็ยังต้องถูกนางริษยาโกรธแค้น

ครั้นนางหวังพาหรงเจียวเจียวออกไปจากห้องโถงหลักแล้ว

หรงเจียวเจียวก็เอ่ยขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ ท่านพ่อเหลือเกินจริง ๆ! เรื่องเล็กน้อยแค่นั้น ต้องลงโทษข้าด้วยหรือ!”

นางหวังกำลังหงุดหงิดรำคาญใจ ฟังจบก็มองนางอย่างไม่สบอารมณ์ : “เจ้าก็รู้ทั้งรู้ว่าท่านพ่อของเจ้าหมกมุ่นกับความกตัญญู ในหัวมีแต่มารดาของเขา แม้แต่ข้ายังไม่กล้าแตะต้องให้มีปัญหา เจ้าจะไปยั่วโทสะเขาเพื่ออะไร?”

หรงเจียวเจียวยังกล้าเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิวออกมา “หากยายแก่นั่นตายไปเสียก็น่าจะดี!”

นางหวังสะดุ้งเฮือก รีบดุทันที “เจ้าอย่าพูดจาเลอะเทอะ ขืนให้ท่านพ่อเจ้าได้ยินเข้ามีหวังได้ตีเจ้าตายแน่!”

หรงเจียวเจียวเขย่ามือของนางหวัง ข่มความโหดเหี้ยมอำมหิตในแววตาไว้ “ก็ได้เจ้าค่ะ ลูกทราบแล้ว อยู่กับท่านแม่ตามลำพังข้าถึงได้กล้าเอ่ยวาจานี้ออกมา! ท่านย่าเอาแต่เพิกเฉยท่านแม่ ข้าก็แค่สงสารท่านแม่เท่านั้นเอง”

นางหวังครุ่นคิด ก็กระซิบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “แม้ข้าจะไม่ชอบท่านย่าของเจ้า แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นมารดาของท่านพ่อเจ้า หากนางตายไป ท่านพ่อเจ้าจะเสียใจมาก ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น”

หรงเจียวเจียว : “ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ!”

ท่านแม่อ่อนแอเกินไป เรื่องบางเรื่อง อาจจะต้องให้ตนเป็นคนตัดสินชี้ขาด

……

เจาซีถือก้อนน้ำแข็งกลับมา ห่อมันไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่งก่อนจะนำไปประคบใบหน้าให้คุณหนูของตนเอง

ขณะเดียวกันมหาราชครูหรง ก็มองหรงจือจือพลางเอ่ย “เจ้าเป็นคนหนักแน่นมีเหตุผลมาโดยตลอด เรื่องสกุลฉี เจ้าคิดไว้ว่าจะจัดการอย่างไร?”

จากมุมมองของมหาราชครูหรง ก่อนหน้านี้บุตรีทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่มามากมาย คิดดูแล้วแม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ก็คงยากจะตัดใจจากสามีของตนเอง

หรงจือจือได้ยินเช่นนี้ก็ลุกขึ้นยืน แต่ไหนแต่ไรนางล้วนทำตามคำขอร้องของท่านพ่อมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางปรารถนาให้ท่านพ่อทำตามคำขอร้องของตนเองบ้างสักครั้ง

นางคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความสุภาพนบนอบ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกมาทั้งน้ำตา “ท่านพ่อ ลูกอยากหย่าขาดกับสามี ขอท่านพ่อได้โปรดอนุญาต!”

นางไม่รักฉีจื่อฟู่ ฉะนั้นเรื่องที่ฉีจื่อฟู่ก่อขึ้น นางมิได้มีความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจเลยจริง ๆ แต่นางรู้สึกกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมเหลือเกิน

เพราะอะไร ทั้งที่นางทุ่มเทไปตั้งมากมายเพียงนั้น กลับต้องมาถูกย่ำยีรังแกเช่นนี้หรือ? นางเสียเวลากับสกุลฉีมามากเกินไปแล้ว นางไม่อยากให้ตนเองเสียเวลาชีวิตมากไปกว่านี้อีกแล้ว!

ทั้งโลหิตและน้ำตา นางไม่อยากจะหลั่งมันออกมาเพื่อคนอย่างสกุลฉีอีกต่อไปแล้ว
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Petch Kusuma
อยากให้แต่งรวบรัดหน่อย อธิบายยืดเยื้อมากเกิน อ่านแล้ว แทบไม่ได้ใตความอะไรเลย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 468

    ไทเฮาทรงพิโรธ ถลึงพระเนตรใส่ฮ่องเต้น้อย “ฮ่องเต้ นี่เจ้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของเจ้าแบบนี้รึ?”เฉินเยี่ยนซูพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “หากไทเฮาทรงรู้สึกว่าฝ่าบาทปฏิบัติต่อพระองค์ไม่ดี มองว่าท่านอ๋องดูแลพระองค์ได้ดีกว่า เช่นนั้นกระหม่อมก็ยินดีช่วยส่งพระองค์ไปยังที่ดินศักดินาของท่านอ๋องใหญ่ ให้ท่านอ๋องดูพระองค์ในช่วงบั้นปลาย”พระพักตร์ของไทเฮาซีดขาว สังเกตเห็นความประชดประชันในแววตาโอรสตัวเองใช้มือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้พร้อมกับตรัส “ช่างเถอะ ข้าเองก็รู้สึกคิดถึงอดีตฮ่องเต้เช่นกัน”เช่นนี้ก็หมายความว่ายอมจำนน บ่งบอกว่ายอมถูกกักบริเวณและคัดคัมภีร์นางคิดมาโดยตลอดว่าฮ่องเต้ยังชันษาน้อย คงจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าฮ่องเต้จะยังจำได้มิน่าเล่า เขาถึงได้ไม่ยืนอยู่ฝั่งของนางกับสกุลเซี่ย เอาแต่เข้าข้างราชเลขาธิการเมื่อพูดถึงท่านอ๋องใหญ่ หรือก็คือพระเชษฐาต่างมารดาของฮ่องเต้ นางเซี่ยมีอาการตกใจเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น นางยอมรับว่าไทเฮาเลอะเลือนไปเล็กน้อยฮ่องเต้น้อยมีท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มว่า “ในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว เช่นนั้นเราจะกลับไปจัดการราชกิจก่อน”เฉินเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 467

    แม้แต่ฮ่องเต้น้อยก็ยังต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้หรงจือจือในใจ ไม่แปลกเลยที่ท่านราชเลขาธิการจะชอบนาง ช่างฉลาดหลักแหลม แม้แต่วิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ก็ยังสามารถคิดออกมาได้ นางเซี่ยรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ความจริงจวนอ๋องเฉียนของพวกข้าก็ไม่เลว หากมหาราชครูหรงต้องเลือกระหว่างสองสกุลก็คงตัดสินใจได้ยากเช่นกัน”“จือจือ เจ้าลองเลือกใหม่อีกครั้งดีหรือไม่ หากเจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาของเจ้าก็ไม่น่าจะว่าอะไร”“เจ้าก็รู้ แม่สามีของข้าชอบเจ้ามากมาโดยตลอด หลายปีมานี้ก็ปกป้องและรักใคร่เจ้าไม่น้อย”หัวคิ้วของหรงจือจือกระตุก เข้าใจว่านางเซี่ยกำลังยกพระชายาอ๋องเฉียนมาเพื่อโน้มน้าว อยากให้นางเห็นแก่การดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้และเลือกจีอู๋เหิงไทเฮาฟังถึงตรงนี้ก็ตรัสเช่นกัน “พระชายาซื่อจื่อพูดได้ถูกต้อง! หรงจือจือ ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับอู๋เหิง ส่วนฮ่องเต้นั้นต้องการให้เจ้าแต่งงานกับราชเลขาธิการเฉิน”“พวกข้าสองแม่ลูกแทบจะบาดหมางกันเพราะเจ้าอยู่แล้ว เจ้าลองตรองดูให้ดีว่าจะแต่งงานกับผู้ใด!”“ในเมื่อเจ้าแต่งเพราะคำสั่งของบิดา คิดว่าหากมีข้าอยู่ด้วย ต่อให้เจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาเจ้าก็คงไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 466

    ฮ่องเต้หย่งอันเข้าใจแล้วว่า เหตุใดท่านราชเลขาธิการได้ยินว่าเสด็จแม่เรียกตัวหรงจือจือมาพบแล้วจึง…เขามองไทเฮาพร้อมกับตรัสด้วยความเสียใจ “โอ้? มันสายไปแล้ว! ลูกพระราชทานสมรสไปแล้ว ราชโองการก็เขียนเสร็จแล้ว ประทับตราพระราชลัญจกรแล้วเช่นกัน!”“เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่หารือกับลูกตั้งแต่เมื่อวาน หากเป็นเมื่อวาน เรื่องนี้คงพอมีหนทางให้ตกลงกันได้”ไทเฮาตรัสอย่างไม่เชื่อ “เป็นความจริงหรือ?”ฮ่องเต้หย่งอัน “ย่อมเป็นความจริง ราชโองการยังอยู่ในมือเซิ่งเฟิงอยู่เลย!”ตอนแรกเขาจะให้ขันทีอาวุโสหยางเป็นคนถือ ประเดี๋ยวหรงจือจือกลับสกุลหรงไปแล้วค่อยประกาศราชโองการ แต่ท่านราชเลขาธิการไม่วางใจยืนกรานที่จะขอรับไป ให้เซิ่งเฟิงเป็นคนเก็บรักษาไทเฮาพิโรธมากนางเซี่ยร้อนใจเช่นกัน รีบคุกเข่าว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดถอนราชโองการด้วยเถิด อู๋เหิงต้องการแต่งงานกับท่านหญิงเช่นกัน!”ฮ่องเต้หย่งอันยิ้มเยาะ “พระชายาซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ ฟังดูเหมือนท่านราชเลขาธิการไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับหรงจือจืออย่างไรอย่างนั้น สินสอดแปดร้อยหาบ เกรงว่านี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นต้าฉีมา!”นางเซี่ยรีบพูด “ฝ่าบาท จวนอ๋องเฉียนของพ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 465

    ฮ่องเต้น้อยเห็นนางเซี่ยยอมรับผิดรวดเร็วแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจอีก อย่างไรเมื่อครู่นี้เขาก็เห็นว่า อีกฝ่ายก็พยายามช่วยขอความเมตตาให้หรงจือจืออย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อฮ่องเต้น้อยมองไปที่นางกำนัลนางนั้น เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโหเดินเข้าไปถีบอีกฝ่าย “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่ท่านราชเลขาธิการก็ยังกล้าสาด! เจ้าจงสวดภาวนาให้ท่านราชเลขาธิการปลอดภัย มิเช่นนั้น ครอบครัวเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตรก็ยังชดใช้ไม่ได้!”นางกำนัลถูกถีบกลิ้งกับพื้นรู้สึกได้รับความอยุติธรรม นางจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านราชเลขาธิการจะมาและช่วยบังน้ำเย็นให้กับท่านหญิง หากรู้มาก่อน ต่อให้นางจะใจกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าทำแบบนี้แต่ฮ่องเต้กำลังพิโรธ นางไม่กล้าร้องว่าอยุติธรรม กลัวว่าฮ่องเต้จะพิโรธหนักกว่าเดิมได้แต่คำนับศีรษะด้วยความเคารพ “บ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย!”เจาซีมองด้วยความสะใจ เมื่อครู่นี้นางกำนัลคนนี้ใช้อำนาจข่มขู่ บอกว่าเป็นคำสั่งของไทเฮา ห้ามขัดขืนเด็ดขาดตอนนี้ ฮ่องเต้จะทุบตีนางอย่างไร สั่งสอนนางอย่างไร นางก็ได้แต่ทนรับไว้เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกย่อมดังเข้าไปในตำหนักเมื่อฮ่องเต้หย่งอันเข้าไป พระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 464

    หรงจือจืออยากอธิบายว่าตัวเองไม่ได้กลัว แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาห่วงใยของเขา จู่ๆ นางก็พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก ภายในใจอ่อนระทวยไปหมดทั้งๆ ที่เขาถูกราดน้ำเย็น ทั้งๆ ที่เขากำลังหนาวทว่าเขากลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกที่เป็นห่วงนางนางรีบนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำเย็นบนใบหน้าเขาโดยไม่ได้มาสนใจว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างไรก็จะแต่งงานกับเขาอยู่แล้วเฉินเยี่ยนซูผงะ ดวงตาหงส์เร่าร้อนขึ้นมาหลายส่วนฮ่องเต้น้อยตรัส “มัวทำอันใดกันอยู่? ยังไม่รีบไปเตรียมเสื้อผ้าสะอาดกับน้ำร้อนให้ท่านราชเลขาธิการอีก!”“หากท่านราชเลขาธิการป่วยไข้ขึ้นมา! เราจะตัดหัวพวกเจ้าให้หมด”“น้ำขิงด้วย! เตรียมน้ำขิงให้ท่านหญิงกับท่านราชเลขาธิการทันที!”หรงจือจือจะบอกตัวเองไม่ต้องการน้ำขิง แต่เมื่อเห็นท่าทีของฮ่องเต้หย่งอัน นางก็ไม่ได้ปฏิเสธนางกำนัลที่ราดน้ำเย็นใส่เฉินเยี่ยนซูตกใจกลัวจนน้ำตาแทบเล็ด คุกเข่าตัวสั่นเทิ้มร่วมกับนางกำนัลคนอื่นๆผู้ที่ถูกราดน้ำเย็นคือท่านราชเลขาธิการ นั่นคือท่านราชเลขาธิการของฮ่องเต้เชียวนะ ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงว่าราชกิจ พระองค์จะต้องถวายการคำนับแด่ท่านราชเลขาธิการตาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 463

    ไทเฮาโกรธจนหน้าเขียว ชี้นิ้วไปที่นาง “ดี ดี ดี เจ้าดีมาก!”แม้ภายในใจนางจะไม่พอใจถึงขีดสุด กระนั้นก็มีความนับถือบางส่วนเจืออยู่ด้วยอดนึกถึงถ้อยคำที่อดีตฮ่องเต้เคยพูดกับตัวเองไม่ได้ มหาราชครูหรงเป็นเสาหลักของบ้านเมือง อุทิศความสามารถและความทุ่มเททั้งหมดเพื่อชาติบ้านเมือง เขาถึงกล้ากราบทูลฎีกาที่ภัยถึงชีวิต เสียก็แต่เถรตรงเกินไปมองหรงจือจือตอนนี้แล้วเหมือนบิดาของนางมาก!ทว่า ความชื่นชมนี้ไม่อาจระงับเพลิงโทสะภายในใจนางแต่อย่างใด “ไปเตรียมน้ำเย็นเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดไปเห็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์กล่าวโทษข้าหนือไม่!”นางเซี่ย “ไทเฮา!”ไทเฮามองนางปราดหนึ่ง พูดด้วยหน้าบึ้งตึง “พอแล้ว พี่หญิงนั่งลงเถอะ ข้าเองก็ทำเพื่อสั่งสอนลูกสะใภ้ในอนาคตให้ท่าน!”นางเซี่ยเห็นหรงจือจือเดินออกไปภายในใจปั่นป่วนว้าวุ่น จากนั้นลุกขึ้นเพื่อเข้าไปห้ามปรามด้วยตัวเองพระพักตร์ของไทเฮาย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อเห็นพี่หญิงของตนเป็นเช่นนี้สั่งว่า “ห้ามพระชายาซื่อจื่อเอาไว้ อย่าให้นางก่อกวน!”บรรดานางกำนัล “เพคะ!”หรงจือจือคุกเข่าท่ามกลางหิมะ มองนางกำนัลยกถังน้ำเย็นเข้ามา ส่วนนางเซี่ยที่จะเข้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status