เจียเฟยเร่งฝีเท้ากลับไปยังตำหนักใหญ่ ไปยุ่งวุ่นวายที่ตำหนักองค์หญิงรองเสียนานป่านนี้ม่อเแวียนคงหัวเสียเมื่อเรียกหาไม่พบ“ม่ายมาวไม่เลิกรา5555” เสียงหัวเราะประสานเสียงดังลั่น เจียเฟยยืนพิงประตูบ่นพึมพำ“ดื่มมากมายขนาดนั้นจะไม่เมาได้อย่างไร ดื่มแบบนี้พรุ่งนี้บ่ายจะสร่างเมาหรือเปล่ายังไม่รู้”“เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟยยกกับแกล้ม”ตะโกนดังลอดออกมาจากห้อง“พ่ะย่ะค่ะ”ส่งเสียงตอบกลับไปวิ่งไปยังห้องเครื่องเร็วรี่ชนเข้ากับหานตงที่ มุมห้องอย่างจัง“โอ้ ขันทีน้อยเจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”เจียเฟยขมวดคิ้วร้อยวันพันปีหานตงเหม็นขี้หน้าเจียเฟยไม่เคยจะมีไมตรีด้วย หานตงชอบพอองค์หญิงมู่เฉวียนข้อนี้เจียเฟยเข้าใจดีมาวันนี้ทำไมดีหนักหนาพยุงเจียเฟยให้ลุกขึ้น“ไม่ไม่ ข้าไม่เป็นไร” ยกมืออังศีรษะของหานตง“ตัวก็ไม่ร้อนเสียหน่อย ทำไมแปลกไปวันนี้”“ขันทีน้อยเจ้าเดินดีๆ หน่อยหกล้มหกลุกไปบาดเจ็บจะแย่กันไปเสีย”คำพูดแสดงความห่วงใยชัดเจน“นี่เจ้าแอบไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า”หานตงยกมือขึ้นเกาที่ท้ายทอย ใบหน้าแดงระเรื่อเขินอาย“เปล่าๆ เพียงแค่ข้าอยากจะขอโทษเจ้า เจ้าขันทีน้อยที่เคยล่วงเกินเจ้า”“ล่วงเกินข้า” เจียเฟยประสา
ม่อเฉวียนกระโดดเข้าคว้าคอหลงเอ่อแก้เก้อบีบเบาๆ เขย่าแรงๆล้มลงไปบนตัวร่างสูงคร่อมอยู่บนตัวของหลงเอ่ออีกที เจียเฟยเปิดประตูผั๊วะเข้ามา“ฝะฝ่าบาท คือเสี่ยวเฟยลืมบอกไป อะ อะ โอ้โห้รีบร้อนกันเสียจริง นี่บนพื้นนะพ่ะย่ะค่ะ แล้วที่แน่ๆ ยังไม่ได้เสวยแสดงว่าอดมานาน ไม่เป็นไรๆ เสี่ยวเฟยแค่จะบอกว่าหากกินอิ่มแล้วเรียกดังๆ หน่อยเพราะเสี่ยวเฟยจะไปยืนรอรับใช้ห่างไปหน่อยจะได้ไม่รบกวนทั้งสองคน เห้อ ไม่ไหวไม่ไหว รีบร้อนกันจัง”ส่ายหน้าไปมาปิดประตูเบาๆ ม่อเฉวียนเองก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกว่าคงต้องแก้ตัวกันอีกนาน เจียเฟยไอ้ที่บอกว่าไม่เล่าต่อนั้นจะมีความจริงกี่มากน้อยกัน“เห็นไหม ติดเล่นเสียมาก ทุกอย่างพังหมดเลย”ม่อเฉวียนลุกขึ้นปัดเนื้อตัวก่อนจะรินสุราส่งให้หลงเอ่อ“ฝ่าบาทม่อเฉวียน เกรงว่าขันทีข้างกายจะเข้าใจผิด แต่ก่อนฝ่าบาทม่อเฉวียนไม่เคยเป็นเช่นนี้ขันทีน้อยผู้นี้เปลี่ยนฝ่าบาทไปมากเลยทีเดียว”“อย่าพูดไปเชียว หลงเอ่อกำลังจะสร้างปัญหาให้ข้าหากเสด็จแม่มาได้ยินเข้า รับรองพรุ่งนี้ต้องมีการคัดตัวนางในแน่ๆ"“แล้วมีเหตุผลใดกันฝ่าบาทจึงยกเลิกการคัดตัวนางใน”“ข้าไม่อาจฝืนใจ ให้ใครสักคนที่ไม่ได้มีความรักความผูกพั
ตำหนักไทเฮา“มู่เฉวียนลมอะไรหอบเจ้ามาถึงนี่”“เสด็จแม่ ด้วยความคิดถึง”กอดรอบเอวหนาของมารดา น้ำเสียงออดอ้อน“เชื่อได้หรือ”พูดไปยิ้มไป มู่เฉียนหลบตาเกลือกกลิ้งใบหน้ากับอกของไทเฮา“เสด็จแม่มู่เฉวียนเช่นไรจะกล้าโป้ปด”“เอ้า แม่ยอมแล้ว ว่ามามีสิ่งใดจะให้แม่จัดการให้"“มู่เอ่อร์อยากให้ เสด็จบัญชาให้มีการแสดงพลุไฟแสงสีขึ้นในวังหลวง”“หือ เจ้าโตแล้วยังชอบดูพลุไฟอยู่อีกหรือ”"เสด็จแม่ลูกอยากจะจัดงานนี้เพื่อเสด็จพี่เลยทีเดียว มีทั้งงานรื่นเริงและการร่ายรำของเหล่าขันทีและ บุตรีขุนนาง”“แม่ไม่เข้าใจเจตนาของเจ้ามู่เอ่อร์”“หลายปีมานี้ลูกได้ยินว่าเสด็จแม่หนักใจเรื่องพี่ใหญ่ที่ไม่ยอมแต่งตั้งสนมนางในและยังไร้ฮองเฮา ลูกจึงอยากให้เสด็จแม่ส่งขันทีร่ายรำ กับหญิงงามร่ายรำประชันกันว่าพี่ใหญ่จะชื่นชอบแบบไหนมากกว่า”“แล้วหากเขาเลือกที่จะมองขันทีเล่า แม่ยิ่งไม่อกแตกตายหรือไร”“เสด็จแม่ เช่นนั้นเราก็จะได้หาวิธีป้องกันได้ถูก”“แม่ยังหวั่นใจ เกรงว่าฮ่องเต้จะไม่เป็นดั่งใจหวัง” ทอดถอนใจ“เสด็จแม่นี่คือวิธีเดียวที่เราจะรู้ว่า พี่ใหญ่ตัดแขนเสื้อหรือยัง” ไทเฮาถอนหายใจอีกรอบ “ข้าก็คงต้อง หาทางแก้ไขเรื่องนี้ต่อไปใช่
"ฮ่าาาา พี่สาวท่านไม่ต้องชมข้าข้ารู้ท่านอายุอานามก็คงแก่กว่าข้ากระมั้ง อย่าเสียใจไป ฝ่าบาทชอบท่านดีแล้วดูอย่างข้าสิโดนไล่ออกมาทั้งๆ ที่ เชอะอย่าพูดเลยคนอะไร ผีเข้าผีออกหรือว่าห่างหายชายในหอโคมเขียวมานานไม่ได้ปลดปล่อยอารมณืจึงขุ่นมัว”ยกมือปิดปากตัวเอง เชื่อสนิทใจแล้วหรือว่าม่อเฉวียนนิยมบุรุษ“อือ อย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับฝ่าบาทนะไม่อย่างนั้นข้าจะซวยอีก ข้าเห็นว่าพี่สาว เป็นคนกันเองเรื่องหยอกเย้านินทาตามประสาหญิงามเอ๊ยชายงาม ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา” หลงเอ่อปิดปากขำ“เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟย เข้ามานี่หน่อย”เสียงดัง ลั่นจากตำหนักของม่อเฉวียน เสี่ยวเฟยยิ้ม“เห็นไหมไล่ข้าออกมาไม่ทันไร แต่ในที่สุดก็ต้องเรียกหาข้าถึงบอกอย่างไรเล่า เจ้าวางใจข้าเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทที่สุดแล้วยามนี้ ไปไปกันเถอะ”คุยใหญ่คุยโต คว้ามือของหลงเอ่อดึงให้ตามเข้าไป“ดะดะเดี๋ยวข้าต้องเข้าไปเลยหรือ”“แน่นอนต้องเข้าไปเลย นางชะนีนั่นจะได้รู้ว่า ฝ่าบาทโปรดปรานพี่สาวแค่ไหนตามข้ามาเชื่อเถอะข้าจะปกป้องพี่สาวเอง”หลงเอ่อร์มองมือที่จับมือเขาไว้ รู้สึกเอ็นดู คนตัวเล็กข้างหน้าที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย“เสี่ยวเฟยมาแล้ว” ตะโกนไปก่อนที่จะเ
แม่สื่อเอี้ยงอูพยายามครุ่นคิด“ฝ่าบาทวันนี้บุตรีขุนนางกรมคลังจางซุนหนี่ วันนี้มาให้ฝ่าบาทดูตัว”ม่อเฉวียนลุกขึ้นจากแท่นนั่ง เดินวนร่างอรชรใบหน้างดงาม“บรรเลงกู้เจิ้งเป็นไหม” ”“เพคะ” ยิ้มก้มหน้าไม่กล้าสบตา“หรูหราน หรูหราน นำกู้เจิ้งมาให้ซุนหนี บุตรีใต้เท้าจางบรรเลงกล่อมข้า”หรูหรานที่อยู่ด้านนอกห้องรีบก้าวขาออกไปเตรียมเครื่องดนตรีกู้เจิ้งในทันทีเจียเฟยกลับเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลห้องเครื่องที่ยกเครื่องเสวยเข้ามา วางที่โต๊ะตรงหน้า ม่อเฉวียน“ได้เวลาเสวยแล้วหรือ” ม่อเฉียนถอนหายใจไม่สนใจเจียเฟยเอาแต่สนใจจางซุนหนี่ เจียเฟยเหลือบตามองแม่นางจางซุนหนี่ที่งดงามราวกับภาพหวานปากคอคิ้วคางงดงามเกินหญิงใดมิน่าเล่าฝ่าบาทจึงไม่สนใจเจียเฟย“ข้ายังไม่หิว”“พวกเจ้ายกกลับไปก่อนฝ่าบาทยังไม่หิว” เจียเฟยสั่งนางกำนัลดังๆ ดัดหลัง“ไม่หิวไม่ได้บอกว่ายังไม่กินวางไว้ เดี๋ยวข้าจะกินไปพร้อมกับฟังแม่นางซุนหนี่บรรเลงเพลงกู้เจิ้ง” เจียเฟย เบ้ปาก“ไปยืนห่างๆ ข้า อยากใช้เวลาเพียงลำพังกับแม่นางซุนหนี่”แม่สื่อร่างอ้วนประสานมือออกไป แต่เสี่ยวเฟยกับยืนนิ่งในมือถือตะเกียบเงิน“ข้าหมายถึงเจ้าเสี่ยวเฟย” เจียเฟยยื่นหน้าเข้าไ
“โครม”น้ำในชาม ที่เจียเฟยถือมาสาดเข้าใส่ร่างสูงที่นั่งเหยียดขามาตรงหน้า ขัดขาเจียเฟยที่ไม่ทันระวัง“ฝะฝฝะฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตเจียเฟยไม่ได้เจตนา มันเป็นอุบัติเหตุ”น้ำไหลลงเปรอะเปื้อนทั้งใบหน้าและดวงตา ม่อเฉวียนเม้มปากแน่น หลายวันมานี้เขากลายเป็นตัวตลกเพราะขันทีผู้นี้ อาภรณ์เปียกปอนเจียเฟยหันไปยิ้มเสียอีกทาง “ไม่อยากขยับกายมาล้างหน้าแปรงฟัน สวรรค์ช่างเข้าข้างให้ล้างหน้าโดยไม่ต้องให้เจียเฟยลำบาก"พูดไปยิ้มไปม่อเฉวียนยกมือขึ้นลูบหน้า สะบัดตัวไปมา“เจ้าจงใจ สาดน้ำในชามใส่หน้าของข้า ใช่ไหม”เจียเฟยทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น แต่ก็แอบยิ้ม“ฝ่าบาท เจียเฟยก็เดินดีดีนี่แหละ ไม่รู้เพราะอะไร จึงสะดุดล้มลงไปได้ขนาดนี้ดีที่ยั้งมือได้ทันไม่อย่างนั้นชามน้ำคง หลุดไปโดนใบหน้าฝ่าบาทแน่เชียว” อธิบายอีกแล้ว“พอ ข้ายอมแล้ว”ที่ผ่านมาแค่เพียงภาพมโนของม่อเฉวียนเพียงลำพังความจริงนั้นเล่า ไอ้ชามน้ำนั่นมันบงการได้ที่ไหนกันจริงอย่างเจียเฟยพูดหากเจียเฟยยั้งมือไม่ทันคงทำให้ชามน้ำแข็งโป๊กกระเด็นใส่หน้าเขา“จะว่าไป ขาของฝ่าบาทยื่นมาเพียงนี้ อาจเป็นเพราะขาของฝ่าบาทมิน่าฝ่าบาทจึงยอมง่ายดาย” บอกเป็นนัยๆ ว่าให้ทุกข์แก่ท่