ชุดเกราะแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์เข้าตาเธอแสบวาบ...
กลิ่นความหล่อผสมกลิ่นสมุนไพรเย็นจางๆ ลอยแตะจมูก และกลิ่นอะไรอีกนะถุงหอมสิท่า
มือที่กุมรอบเอวไม่ได้เบาแต่ก็ไม่รุนแรง...
วงแขนมั่นคงเสียจนไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว...
หว่านชิงลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเงยหน้ามองเจ้าของวงแขน...ในวินาทีนั้น โลกทั้งใบก็พลันชะงัก ราวกับเสียงรอบข้างหายไป เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงยิ่งกว่ากลองศึก
บุรุษตรงหน้าสูงใหญ่ ใบหน้าคมกริบราวกับถูกสลักจากหยกดำ คิ้วเรียวยาวดุจพู่กันพู่มังกร ดวงตานิ่งเฉยราวสายน้ำแข็งลึก แต่กลับมีประกายที่ราวกับจะทิ่มแทงทะลุใจใครต่อใครได้ในพริบตาเดียว หญิงเห็นหญิงรักชายเห็นชายหลง…เฮ้
เส้นผมดำขลับมัดรวบอย่างเรียบร้อย แต่ทิ้งเส้นหนึ่งพาดข้างแก้มอย่างไม่ตั้งใจ ทว่า...ก็ยังดูดีอย่างไร้ที่ติ แม้เพียงยืนเฉยๆ ก็เหมือนรูปปั้นแม่ทัพสวรรค์ที่หล่นลงมาจากแดนเทพ ออร่าที่แผ่ออกมาราวคลื่นร้อนทำเอาหว่านชิงแทบลืมหายใจ
นี่คือพระเอก...นี่มันพระเอกจริงๆ!
ในใจมีแต่เสียงกรี๊ดแบบ กรี๊ดดดดดด!!! ทำไงดี! เขาหล่อขนาดนี้! นี่มันฉากในนิยายเลย! เขากอดฉัน! แล้วชุดเกราะสะท้อนแสงแบบนี้! ช่วยด้วย! เขาไม่พูดแต่เท่มาก! เขาไม่ยิ้มแต่หล่อสุดๆ เห้ย! เขาเป็นพระเอกจริงๆ ไม่ผิดแน่! นี่น่ะพระเอก
หว่านชิงยืนนิ่ง หน้าแดงจัด ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามนิ่งเข้าไว้ และบางที...นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกของโชคชะตาที่เริ่มเดินหมากแล้วก็เป็นได้…ซะเมื่อไหร่ล่ะ
“ตื่นๆๆ”
ในขณะที่หว่านชิงยังอยู่ในห้วงแห่งประสบการณ์อันหวานละมุนราวกับฉากสโลว์โมชั่นจากนิยายรักโรแมนติกที่อ่านจนตาลายมาแต่ไหนแต่ไร จู่ๆ มือแข็งแรงของแม่ทัพเหวินหลงกลับผลักหว่านชิงออกไปอย่างไม่มีเยื่อใยจนร่างบางเซไปด้านหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อซื่อที่ไหวตัวเข้ามารับไว้ทัน หว่านชิงคงได้ไปสัมผัสพื้นหินเย็นเฉียบของตำหนักเป็นแน่แท้ และถึงตอนนั้นไม่ศอกก็เข่าจะต้องเขียวซ้ำ
"เฮ้ย!" หว่านชิงอุทานในใจ หน้าเหวออย่างควบคุมไม่อยู่
‘อะไรกัน! แค่นี้เองเหรอ! ฉากรักแรกพบเหรอ?! บัตรเช่าบทนางเอกหนึ่งชั่วโมงฉันขอคืนได้มั้ย นี่ยังไม่ครบเลยนะขอชมอีกหน่อยสิ!’
แม่ทัพเหวินหลงที่เมื่อครู่ยังดูเหมือนจะเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาเยือกเย็นในฝันของเหล่านางเอก กลับเปลี่ยนโหมดอย่างฉับพลัน
ด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดขีด แล้วหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง หว่านชิงยังคงยืนงงอยู่ในมุมเดิม ใจร้ายยโสเจ้าทึ่มนี่ใจร้ายแล้วยังหยิ่งยโส ฉันองค์หญิงใหญ่นะเฟ๊ย
‘นั่นไงล่ะ ของจริงเลย พระเอกยังไงก็เป็นของนางเอกสินะ ข้าเป็นนางร้ายก็ผลักเลยแฮะ ไม่พูดไม่จาก่อนเลย ไม่ถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนามสักคำเหรอ บัตรเช่าจริงๆ ด้วย’
ยังไม่ทันให้สมองของหว่านชิงประมวลผลจบ ระบบสุดปั่นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงประกาศอัตโนมัติในหัวที่ดังขึ้นชัดแจ๋วราวกับประกาศในสถานีรถไฟใต้ดิน
【ติ๊ง! ระบบของจักรวาลจีบหนุ่มวังหลวงโบราณ เวอร์ชัน 9.3.7 ทำการตรวจพบ ‘แก่นหลักของโลก’ แล้ว ยินดีด้วยเจ้าค่ะ~~】
【ขณะนี้สามารถเปิดใช้ฟังก์ชันสนับสนุนเพื่อความสะดวกสบายได้อย่างเต็มรูปแบบ】
【พลังงานของระบบจะลดลงตามการใช้งานเครื่องมือ หากพลังงานหมด โปรดใกล้ชิดกับแก่นหลักของโลกเพื่อฟื้นฟูพลังงานต่อไป~】
“ห๊ะ…” หว่านชิงเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบ ๆ อย่างกับปลาทองลืมหายใจในตู้
ตัวหนังสือล่องลอยขึ้นตรงหน้าราวกับหน้าจอ AR พร้อมแสงวิบวับและอินเทอร์เฟซที่ดูล้ำยุคเกินเหตุไปมากสำหรับโลกย้อนยุคในวังหลวง เสื้อคลุมของหว่านชิงยังไม่ทันปัดฝุ่นดีเลย หน้าจอก็มาลอยอยู่ตรงหน้าเหมือนยัยระบบจะประกาศว่า “ชีวิตนี้เธอจะได้พักเมื่อไหร่เหรอ? ไม่มีจ้า แรงงานทาสตัวท็อป”
“แก่นหลักของโลก...หมายถึง... เขาเหรอ พระเอกสินะ โลกหมุนรอบตัวนายเลยสินะ”
หว่านชิงชี้นิ้วไปทางประตูที่เพิ่งปิดลง แล้วก็รีบหดนิ้วเก็บ เธอกะพริบตาปริบๆ ยืนมองข้อความที่ลอยผ่านไปมาพลางปัดตัวช้าๆ คุยกับระบบไปด้วยอย่างแนบเนียน
【ระบบ: หว่านชิงสามารถใช้ฟังก์ชันช่วยเหลือ เช่น แผนที่เส้นทางรัก, แนะนำคำพูดล่อใจ, พลังแสงออร่านางเอก, หรือแม้แต่ "เอฟเฟกต์ตาโตใสขอความเมตตาหรือน้ำตาใสๆ ไหลริน" ก็ยังมีน้า】
หว่านชิงถึงกับอ้าปากเหวออีกรอบ
‘นี่มันเป็นระบบจีบหนุ่มที่ดีจริงๆ มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกหรือนี่ ใครออกแบบเนี้ยช่างเป็นคนที่เข้าใจผู้เล่นดีจริงๆ ว่าแต่มีDLCไหม’
【ระบบ: รับฟังคำแนะนำแล้ว ความคิดเห็นจะถูกส่งไปพิจรณาและตอบกลับเร็วๆ นี้】
‘ดีๆ ไปพัฒนามาเพื่อผู้เล่นหน่อย เดี๋ยวมีรีวิวห้าดาวให้เลย’
【ระบบ: ไม่ต้องการ ฮิฮิ】
‘เอ้า! นางนี่นิ’
หว่านชิงกำลังอ้าปากเถียง หัวใจดวงเท่ากระสอบข้าวสารก็ร่วงลงมาจากด้านบน หว่านชิงตาโตหลบก็ไม่ทัน นี่สินะอย่าล้อเล่นกับระบบ แต่ไม่เป็นดั่งคาด หัวใจดวงโตกระเด้งบนหัวหว่านชิงและกลิ้งไปทางอื่น…
【ระบบ: ลืมประกาศ…แต้มพระเอกสับสน +5 แต้ม】
【ระบบ: แต้มพระเอกลังเล +5 แต้ม】
‘ห๊ะ สองแต้มนี้มันต้องสิบแต้มบวกยี่สิบแต้มเป็นสามสิบไม่ใช่หรอ ทำไมน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้’
【คะแนนขึ้นอยู่กับความมากน้อยทางอารมณ์ของพระเอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ระบบเหนื่อยแล้วลาก่อยเจ้าคร้าาา~】
หว่านชิงนิ่งอึ้ง นี่เรียกว่าสับสนแล้วเหรอมองๆ ไปเหมือนกำลังหัวเสียมากกว่า อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เหวินหลงก็ตกใจและสับสนเหมือนกัน ละที่บอกลังเลคือลังเลว่าจะต่อยหรือฟันให้ตายดีงี้เรอะ
แสงแดดยามเช้าเอื่อยเฉื่อยสาดต้องชายผ้าของเหล่านางในที่เดินวุ่นอยู่ในห้องเครื่องในวังหลวง กลิ่นโจ๊กหมูตุ๋นยาจีนคลุ้งลอยมาแตะปลายจมูก ไอน้ำร้อนระอุเหนือหม้อเหล็กยักษ์ราวกับม่านหมอกในหุบเขาซื่อซื่อเดินเข้ามาเงียบๆ เพื่อมายกสำรับขององค์หญิงใหญ่หว่านชิง สีหน้านางเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ ทว่าหูของนางไม่อาจหลีกพ้นถ้อยคำที่เล็ดลอดจากกลุ่มนางในห้องเครื่องซึ่งกำลังเม้าท์มอยกันสนุกปากถึงเรื่องใหญ่ของเมื่อวาน"เจ้ารู้หรือไม่ เมื่อวานองค์หญิงใหญ่ออดอ้อนขอฝ่าบาทให้กลบบ่อปลาคราฟทั้งวังทิ้งหมดเลยนะ!"นางในห้องเครื่องคนหนึ่งป้องปากพูดแต่กลับพูดดังราวกับตะโกนกระนั้น“ไม่ใช่แค่ทั้งวังฝ่าบาทยังให้คนออกไปกลบบ่อปลาคราฟนอกเขตวังหลวงอีกด้วยได้ยินว่าเพราะโปรดปรานองค์หญิงใหญ่มากจึงกลบมาก แล้วยังกลับในส่วนที่นางบอกว่าเป็นส่วนของความรักพระมารดาของนางที่ฝ่าบาทจะต้องทดแทนส่วนนั้นอีกด้วย”"องค์หญิงใหญ่ผู้นี้นี่ก็ช่างจิตใจโหดร้าย บ่อปลาคราฟนั้นอุตส่าห์เป็นที่โปรดของฝ่าบาทและสนมทั้งหลายแล้วยังเกี่ยวพันถึงฮวงจุ้ยของแคว้นเราอีกด้วย ยังจะให้ถมทิ้งเพียงเพราะฝันร้าย?!"หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย นึกสงสารปลาคราฟ"ข้ายังได้ยินมาอีก
หว่านชิงหันไปสบตากับซื่อซื่อที่ยังทำหน้าห่วง ๆ อยู่ ซื่อซื่อเรียกสติหว่านชิงอย่างร้อนรน "คุณหนู! คุณหนู! เป็นอะไรไปเจ้าคะ!"บัตรเช่าหนึ่งชั่วโมงของเธอ...เตะตัดขา ความฝันไปเลยลูก! 5555 แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่ทันได้ซึมซับความน้อยใจ บรรยากาศก็เปลี่ยนฮวบ!"หว่านชิงลูกพ่อออออออออ!!!"เสียงตะโกนกังวานของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้แว่วมา พร้อมเสียงฝีเท้าดัง ตุบตุบตุบ และชุดคลุมจักรพรรดิสะบัดอย่างองอาจเข้ามาหาเธอ"ลูกพ่อ! เจ้าเป็นอะไรหรือไม่! เจ้าเจ็บตรงไหน!!โอ๊ย ใจพ่อร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงเสียอีก!” ขันทีข้างกายหน้าซีดเป็นกระดาษ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ฮ่องเต้ก็ตวาดลั่น"ยังจะยืนโง่อยู่ทำไม! ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!!!ลูกข้าอาการเป็นอย่างไรทำไมพวกเจ้าไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยขององค์หญองค์ใหญ่ให้มากกว่านี้ ลูกพ่อออเจ้าทำไมนิ่งไปเล่าช็อคหรือไรหรือว่าเจ็บตรงไหน"หว่านชิงถึงกับสะดุ้ง รีบยกมือห้ามทัพ "ท่านพ่อเจ้าขา ใจเย็นๆ ก่อนเพคะ ลูกไม่เป็นอะไรเลย แค่... แค่ตกใจนิดหน่อยเอง"ในใจเธอก็แอบขำตัวเอง ก็แค่กำลังคุยกับระบบอยู่นี่นา ฮ่องเต้หรี่ตามองไปทางแม่ทัพที่เดินหันหลังไปไกลแล้ว"ไป๋เหวินหลง...เจ้าบ้านั่น! ข้าบอก
ชุดเกราะแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์เข้าตาเธอแสบวาบ...กลิ่นความหล่อผสมกลิ่นสมุนไพรเย็นจางๆ ลอยแตะจมูก และกลิ่นอะไรอีกนะถุงหอมสิท่ามือที่กุมรอบเอวไม่ได้เบาแต่ก็ไม่รุนแรง...วงแขนมั่นคงเสียจนไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว...หว่านชิงลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเงยหน้ามองเจ้าของวงแขน...ในวินาทีนั้น โลกทั้งใบก็พลันชะงัก ราวกับเสียงรอบข้างหายไป เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงยิ่งกว่ากลองศึกบุรุษตรงหน้าสูงใหญ่ ใบหน้าคมกริบราวกับถูกสลักจากหยกดำ คิ้วเรียวยาวดุจพู่กันพู่มังกร ดวงตานิ่งเฉยราวสายน้ำแข็งลึก แต่กลับมีประกายที่ราวกับจะทิ่มแทงทะลุใจใครต่อใครได้ในพริบตาเดียว หญิงเห็นหญิงรักชายเห็นชายหลง…เฮ้เส้นผมดำขลับมัดรวบอย่างเรียบร้อย แต่ทิ้งเส้นหนึ่งพาดข้างแก้มอย่างไม่ตั้งใจ ทว่า...ก็ยังดูดีอย่างไร้ที่ติ แม้เพียงยืนเฉยๆ ก็เหมือนรูปปั้นแม่ทัพสวรรค์ที่หล่นลงมาจากแดนเทพ ออร่าที่แผ่ออกมาราวคลื่นร้อนทำเอาหว่านชิงแทบลืมหายใจนี่คือพระเอก...นี่มันพระเอกจริงๆ!ในใจมีแต่เสียงกรี๊ดแบบ กรี๊ดดดดดด!!! ทำไงดี! เขาหล่อขนาดนี้! นี่มันฉากในนิยายเลย! เขากอดฉัน! แล้วชุดเกราะสะท้อนแสงแบบนี้! ช่วยด้วย! เขาไม่พูดแต่เท่มาก! เขาไม่ยิ้มแต่ห
เสียงตะโกนของหว่านชิงดังสนั่นก้องศาลาราวกับระฆังยามศึก นางเบิกตากว้างเหมือนมีใครสาดน้ำเย็นใส่หน้าตอนเช้า“ไม่ได้การแล้ว! ข้าต้องไปหาเขา!”นางหมุนกายพรวดพราดกระโจนไปข้างหน้า กระโปรงลากระพื้นปลิวตามแรงก้าว ซื่อซื่อวิ่งตามแทบไม่ทัน ตะโกนด้วยความตกใจ“องค์หญิง! ระวังเจ้าค่ะ เดี๋ยวทรงจะล้มเจ้าค่ะ!”“แล้วเขาอยู่ไหน!” หว่านชิงหันมาถามทั้งที่ยังวิ่งอยู่“มะ...ไม่ทราบเจ้าค่ะ เห็นเพียงว่าท่านแม่ทัพก้าวเข้าวังมาแล้ว รีบเดินเหมือนจะมุ่งหน้าไปที่ใดสักแห่ง”หว่านชิงเบรกเท้าหยุดนิดหนึ่ง หันขวับ“ถ้าอย่างนั้น...เขาต้องไปหาท่านพ่อ!”พูดจบนางก็วิ่งต่อทันที เป้าหมายชัดเจน ตำหนักฮ่องเต้!นี่แหละคือโอกาสของหว่านชิงแล้ว เก็บแต้มๆๆ ฮ่าาาาาไปเก็บแต้มกับพระเอกก้านนนนนหว่านชิงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูตำหนักเหมือนรูปสลัก แต่ภายในใจกลับร้อนรนยิ่งกว่าหม้อต้มน้ำในครัวหลวง ให้ตายเถอะ! มาแบบนี้ไม่บอกกล่าว จะให้ข้าทำหน้าอย่างไรให้ดูน่าเชื่อว่าไม่ได้ตั้งใจมาหาผู้ชายเฉยๆ …ดวงตากลมโตร้อนรนกลอกไปมา ก่อนจะกะพริบแป๊บๆ อย่างคิดอะไรออก “เอาละ! บ่อปลาคราฟนั่นแหละ ใช้เป็นข้ออ้างได้!กลบบ่อปลาคราฟให้หมดไม่อย่างนั้นหว่านชิงจะต้องตก
เมื่อราชครูโม่ชิงเหยียนหมุนกายเดินนำ หว่านชิงก็สาวเท้าอย่างสงบเสงี่ยมติดตามอยู่เบื้องหลัง สายตาไม่เหลือบมองซ้ายขวา ท่าทีเรียบร้อยดุจนักเรียนหญิงที่มุ่งหน้าสู่ห้องเรียนครั้งแรก แต่ใจนางกลับระริกระรี้ เหมือนนักล่าสาวผู้เลือกสนามประลองเสียเอง ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของหว่านชิงศาลาไม้ประจำการเรียนตั้งอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ร่มเงาเขียวขจีตกทอดลงบนพื้นศิลา ดอกเหมยโปรยกลีบเบาอยู่ปลายฟ้า เสียงลมพัดผ้าม่านกระจายกลิ่นน้ำชาบางจางในอากาศภายในศาลา ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วมีเพียงสองคนเท่านั้นก้รับสอนเฉพาะคนสำคัญสินะ หว่านชิงก็สำคัญเช่นนั้นที่นี่ก็ควรมีหว่านชิงหยางหลินองค์รัชทายาทอายุน้อยตัวสูงโปร่งแต่ผอมบาง ร่างในชุดมังกรประจำรัชทายาทแต่งอย่างเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน สีหน้าขาวซีดดั่งหยกต้องหมอก ยามสบตา หว่านชิงรู้สึกถึงความหวาดระแวงชัดเจนในแววตาคู่นั้น เหมือนลูกหมาป่าที่เคยถูกรังแกและยังไม่ลืมเลือนรสของคมเขี้ยวตกใจหรือ…คงนึกว่าวันนี้ข้ามาเพราะคิดจะแกล้งเล่นสนุกกับเจ้าอีกกระมัง หึ...ก็น่าระแวงอยู่นั่นล่ะ หว่านชิงหัวเราะในใจ อีกหนึ่งร่างเบื้องขวา เยี่ยนอิงองค์หญิงรอง บุตรสาวคนแรกของฮองเฮานั่งอย่างสงบอยู่
หลังจากเมื่อคืนวางแผนเปลี่ยนเส้นเรื่องอย่างลับๆ หลี่หว่านชิงก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าทันทีที่เช้าตรู่มาเยือน แสงแดดอ่อนโยนส่องลอดหน้าต่างเงาไม้โยกไหว หว่านชิงก็ตื่นมาแต่งกายอย่างประณีตชุดผ้าไหมสีขาวสะอาดปักลาย ทอเส้นเงินระยิบระยับเมื่อแสงกระทบ ผมดำยาวถูกรวบครึ่งศีรษะด้วยปิ่นหยกประดับดอกเหมย ดวงหน้าแต่งแต้มบางเบาด้วยสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากชมพูอย่างธรรมชาติ ทุกองค์ประกอบบอกถึงความสุภาพนุ่มนวลขององค์หญิงใหญ่...เวอร์ชันเรียบร้อย (จอมปลอม) 【ภาพลักษณ์ใหม่: ผ่าน…10/100】‘นั้นเรียกผ่านเรอะ’"ซื่อซื่อ เจ้ามานี่สิ" หว่านชิงหันมากล่าวเรียบๆ ขณะสวมกำไลหยก"เพคะองค์หญิง?""เจ้าไปจับตาดูไว้เลยว่าเมื่อไรแม่ทัพไป๋เหวินหลงจะเข้าวัง ข้าต้องรู้ทันทีที่เขาเหยียบลานพระราชวัง""เจ้าค่ะ" ซื่อซื่อรีบก้มหัวแล้วหายตัวไปอย่างว่องไวหลี่หว่านชิงยิ้มมุมปาก เดินออกจากตำหนักอย่างมั่นใจ เพื่อไปยังสถานที่เรียนของเหล่าราชนิกุล ตำหนักเหวินเซียนที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของวังหลวง ท่ามกลางสวนไม้ใหญ่ แทรกเสียงนกร้องแว่วไกลกับกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ลมพัดโชยเอื่อยพาให้เงาไม้ลู่ไหว ดูสงบ เย็น และร่มรื่น ราวกับถูกออกแบบมาเพื่
เมื่อขบวนของฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว บรรยากาศก็สงบลงทันใด แน่นอนว่าความสงบของภายนอก มิอาจปิดบังเสียงจากภายในได้【ติ๊ง! แต้มโน้มน้าวฮ่องเต้สำเร็จ +5 แต้ม】เสียงระบบดังขึ้นในหัว พร้อมโผล่เป็นกล่องข้อความโปร่งใสลอยเคว้งเคว้งอยู่กลางสมอง หลี่หว่านชิงขมวดคิ้วในใจ‘+5 แต้ม? น้อยไปป่ะ นี่ฉันแสดงเกือบลืมหายใจนะ!’【...อย่าเยอะ ระบบใจดีให้แต้มทดลองเฉยๆ จริงๆ ฮ่องเต้เชื่อเจ้าทุกคำพูดอยู่แล้ว ควรจะได้ +0 ด้วยซ้ำ นี่ทดสอบระบบเฉย ๆ ทดสอบ 1 2 3 ทดสอบไมค์ 1 2 3】‘เหอะ...แค่บอกว่าอยากลองเทสต์ก็เทสต์กันงี้เลย?’ 【แล้วทำไมต้องยุ่งยากห้ามไม่ให้ราชครูโม่ชิงเหยียนมาสอนในห้องล่ะ】‘แล้วถามทำไมอีกล่ะ ว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมให้เขามาสอนในห้อง?’ หลี่หว่านชิงส่งเสียงในใจปึงปัง【ระบบถาม เพราะอยากรู้ว่าคิดเองหรือฟลุ๊ก】【คำตอบผ่าน: ตรวจพบเหตุผลมีตรรกะชัดเจน】‘ห๊ะถามเองตอบเองหรอ ฉันยังไม่ได้ตอบเลยนะ รวนป่าวเนี้ย’【พึ่งคิดเองได้】【เหตุผล: ไม่อยากทำให้ราชครูโม่รำคาญ = ลดความเกลียดชัง = ไม่เป็นศัตรู】【ระดับแผนการ: ฉลาดเฉียบ】【แต้มพิเศษสำหรับการวางแผนล่วงหน้า +10】ปาหัวใจโฮโลแกรมใส่หลี่หว่านชิงหนึ่งดอกฟรุ้งฟริ้ง หว่านชิงตกใจสุ
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมขบวนขันทีและนางกำนัลยาวเหยียด ที่นำขบวนมาคือหัวหน้าขันทีเฒ่าผู้หนึ่งชื่อว่า "จื่อกง" ชายชราในอาภรณ์สีสุภาพผู้มีใบหน้าแววตาเก๋าเกมและปากไวระดับตำนานไม่ผิดแน่หากตามบทที่หลี่หว่านชิงเคยปะทะคารมมาอีกทั้งขันทีผู้นี้ยังมีไฝติดที่ริมฝีปากเม็ดใหญ่โตมโหฬารตามหลังเขาคือ ฮ่องเต้ "หลี่เซวียนอี้" ฮ่องเต้ผู้มีชื่อเสียงเรื่องการสงคราม รบจนเป็นฮ่องเต้ไร้พ่าย แต่กลายเป็นพ่อที่อ่อนยวบเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวคนโต"หลี่หว่านชิง! ลูกพ่อออออออ" ฮ่องเต้โผเข้าหาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ท่าทีเคร่งขรึมตามตำราจักรพรรดิหายวับ เหลือไว้แต่สีหน้าร้อนรนเหมือนพ่อบ้านธรรมดาดวงตายิ่งอ่อนโยนยิ่งนัก"พ่อได้ข่าวว่าเจ้าล้มป่วย แล้วจู่ ๆ ก็ส่งคนไปบอกว่าจะไปเรียนหนังสือ! เจ้าตื่นเช้าได้! เจ้าลุกจากเตียงได้! บอกพ่อมาเถอะลูก เป็นอะไรรึเปล่า! ฝืนรึเปล่า!ไหวหรือเปล่า เจ้าป่วยไข้หรือหัวไปกระแทกที่ไหนมาหรือเปล่าไหนให้พ่อดูหัวของเจ้ามีรอยบาดแผลไหม"จับตัวหลี่หว่านชิงมาพลิกซ้ายขวาหมุนรอบตัวและวิ่งวนดูรอบๆ ศีรษะของหลี่หว่านชิงค้นหาบาดแผลที่ตามมาด้วยนั่นคือขันทีอีกสิบคน ขนห่อหยก ห่อสมุนไพร กระติกยา และกระถางกำยานรั
แสงแดดยามสายสาดผ่านหน้าต่างลงบนโต๊ะไม้กลมกลางห้อง กลิ่นหมึกจาง ๆ ลอยคละคลุ้งกับกลิ่นชาจางๆ ที่ยังอุ่นอยู่ในถ้วย เสียงปลายพู่กันขูดกระดาษเบา ๆ ดังเป็นระยะ คล้ายเสียงหัวเราะของคนมีแผนร้ายในใจหลี่หว่านชิงคนใหม่ นั่งขัดสมาธิบนเบาะนุ่มอย่างสบายใจ มือข้างหนึ่งคีบขนมชิ้นเล็กเข้าปาก ส่วนอีกข้างก็วาดอะไรบางอย่างลงกระดาษขาวด้วยความตั้งใจบนแผ่นกระดาษ แผนผังน่ารักแบบตัวการ์ตูนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนวงกลมแรกมีหน้าคนหัวฟูๆ ทำหน้าตาโง่งมน้ำมูกและน้ำลายไหล อยู่ในชุดเจ้าหญิงสีชมพูบานเย็น ลูกศรชี้ลงด้านล่าง เขียนว่า“หลี่หว่านชิงต้นฉบับ: สมองมีขนาดเดียวกับเม็ดบัว ขี้อวด ชอบหาเรื่องนางเอก ไม่รู้จักวางแผน ไม่ประมาณตน มองคนไม่ออกไม่รู้ว่าใครรักใครเกลียด สุดท้ายโดนวางยา ตบตี ถูกถอดยศ และสิ้นใจตายในบ่อปลาคาร์ฟ”ถัดไปทางขวาอีกมุม มีภาพหลี่หว่านชิงเวอร์ชันใหม่ ใส่แว่น วาดหน้าตาจริงจัง มือถือพัดจดบันทึก หัวกลม ๆ มีประกายสมองแปะไว้เหมือนมีไฟสว่างวาบบนหัว ใต้ภาพเขียนว่า“เวอร์ชันใหม่ : หลี่หว่านชิง 2.0 แสร้งสำนึกผิด ใฝ่เรียนใฝ่รู้ ตีสนิทเป้าหมาย สะสมแต้มปั่น กำกับโชคชะตาด้วยมือเราเอง! และที่สำคัญฉลาดเป็นกร