ชุดเกราะแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์เข้าตาเธอแสบวาบ...
กลิ่นความหล่อผสมกลิ่นสมุนไพรเย็นจางๆ ลอยแตะจมูก และกลิ่นอะไรอีกนะถุงหอมสิท่า
มือที่กุมรอบเอวไม่ได้เบาแต่ก็ไม่รุนแรง...
วงแขนมั่นคงเสียจนไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว...
หว่านชิงลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเงยหน้ามองเจ้าของวงแขน...ในวินาทีนั้น โลกทั้งใบก็พลันชะงัก ราวกับเสียงรอบข้างหายไป เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงยิ่งกว่ากลองศึก
บุรุษตรงหน้าสูงใหญ่ ใบหน้าคมกริบราวกับถูกสลักจากหยกดำ คิ้วเรียวยาวดุจพู่กันพู่มังกร ดวงตานิ่งเฉยราวสายน้ำแข็งลึก แต่กลับมีประกายที่ราวกับจะทิ่มแทงทะลุใจใครต่อใครได้ในพริบตาเดียว หญิงเห็นหญิงรักชายเห็นชายหลง…เฮ้
เส้นผมดำขลับมัดรวบอย่างเรียบร้อย แต่ทิ้งเส้นหนึ่งพาดข้างแก้มอย่างไม่ตั้งใจ ทว่า...ก็ยังดูดีอย่างไร้ที่ติ แม้เพียงยืนเฉยๆ ก็เหมือนรูปปั้นแม่ทัพสวรรค์ที่หล่นลงมาจากแดนเทพ ออร่าที่แผ่ออกมาราวคลื่นร้อนทำเอาหว่านชิงแทบลืมหายใจ
นี่คือพระเอก...นี่มันพระเอกจริงๆ!
ในใจมีแต่เสียงกรี๊ดแบบ กรี๊ดดดดดด!!! ทำไงดี! เขาหล่อขนาดนี้! นี่มันฉากในนิยายเลย! เขากอดฉัน! แล้วชุดเกราะสะท้อนแสงแบบนี้! ช่วยด้วย! เขาไม่พูดแต่เท่มาก! เขาไม่ยิ้มแต่หล่อสุดๆ เห้ย! เขาเป็นพระเอกจริงๆ ไม่ผิดแน่! นี่น่ะพระเอก
หว่านชิงยืนนิ่ง หน้าแดงจัด ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามนิ่งเข้าไว้ และบางที...นั่นอาจเป็นสัญญาณแรกของโชคชะตาที่เริ่มเดินหมากแล้วก็เป็นได้…ซะเมื่อไหร่ล่ะ
“ตื่นๆๆ”
ในขณะที่หว่านชิงยังอยู่ในห้วงแห่งประสบการณ์อันหวานละมุนราวกับฉากสโลว์โมชั่นจากนิยายรักโรแมนติกที่อ่านจนตาลายมาแต่ไหนแต่ไร จู่ๆ มือแข็งแรงของแม่ทัพเหวินหลงกลับผลักหว่านชิงออกไปอย่างไม่มีเยื่อใยจนร่างบางเซไปด้านหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อซื่อที่ไหวตัวเข้ามารับไว้ทัน หว่านชิงคงได้ไปสัมผัสพื้นหินเย็นเฉียบของตำหนักเป็นแน่แท้ และถึงตอนนั้นไม่ศอกก็เข่าจะต้องเขียวซ้ำ
"เฮ้ย!" หว่านชิงอุทานในใจ หน้าเหวออย่างควบคุมไม่อยู่
‘อะไรกัน! แค่นี้เองเหรอ! ฉากรักแรกพบเหรอ?! บัตรเช่าบทนางเอกหนึ่งชั่วโมงฉันขอคืนได้มั้ย นี่ยังไม่ครบเลยนะขอชมอีกหน่อยสิ!’
แม่ทัพเหวินหลงที่เมื่อครู่ยังดูเหมือนจะเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาเยือกเย็นในฝันของเหล่านางเอก กลับเปลี่ยนโหมดอย่างฉับพลัน
ด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดขีด แล้วหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง หว่านชิงยังคงยืนงงอยู่ในมุมเดิม ใจร้ายยโสเจ้าทึ่มนี่ใจร้ายแล้วยังหยิ่งยโส ฉันองค์หญิงใหญ่นะเฟ๊ย
‘นั่นไงล่ะ ของจริงเลย พระเอกยังไงก็เป็นของนางเอกสินะ ข้าเป็นนางร้ายก็ผลักเลยแฮะ ไม่พูดไม่จาก่อนเลย ไม่ถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนามสักคำเหรอ บัตรเช่าจริงๆ ด้วย’
ยังไม่ทันให้สมองของหว่านชิงประมวลผลจบ ระบบสุดปั่นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงประกาศอัตโนมัติในหัวที่ดังขึ้นชัดแจ๋วราวกับประกาศในสถานีรถไฟใต้ดิน
【ติ๊ง! ระบบของจักรวาลจีบหนุ่มวังหลวงโบราณ เวอร์ชัน 9.3.7 ทำการตรวจพบ ‘แก่นหลักของโลก’ แล้ว ยินดีด้วยเจ้าค่ะ~~】
【ขณะนี้สามารถเปิดใช้ฟังก์ชันสนับสนุนเพื่อความสะดวกสบายได้อย่างเต็มรูปแบบ】
【พลังงานของระบบจะลดลงตามการใช้งานเครื่องมือ หากพลังงานหมด โปรดใกล้ชิดกับแก่นหลักของโลกเพื่อฟื้นฟูพลังงานต่อไป~】
“ห๊ะ…” หว่านชิงเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบ ๆ อย่างกับปลาทองลืมหายใจในตู้
ตัวหนังสือล่องลอยขึ้นตรงหน้าราวกับหน้าจอ AR พร้อมแสงวิบวับและอินเทอร์เฟซที่ดูล้ำยุคเกินเหตุไปมากสำหรับโลกย้อนยุคในวังหลวง เสื้อคลุมของหว่านชิงยังไม่ทันปัดฝุ่นดีเลย หน้าจอก็มาลอยอยู่ตรงหน้าเหมือนยัยระบบจะประกาศว่า “ชีวิตนี้เธอจะได้พักเมื่อไหร่เหรอ? ไม่มีจ้า แรงงานทาสตัวท็อป”
“แก่นหลักของโลก...หมายถึง... เขาเหรอ พระเอกสินะ โลกหมุนรอบตัวนายเลยสินะ”
หว่านชิงชี้นิ้วไปทางประตูที่เพิ่งปิดลง แล้วก็รีบหดนิ้วเก็บ เธอกะพริบตาปริบๆ ยืนมองข้อความที่ลอยผ่านไปมาพลางปัดตัวช้าๆ คุยกับระบบไปด้วยอย่างแนบเนียน
【ระบบ: หว่านชิงสามารถใช้ฟังก์ชันช่วยเหลือ เช่น แผนที่เส้นทางรัก, แนะนำคำพูดล่อใจ, พลังแสงออร่านางเอก, หรือแม้แต่ "เอฟเฟกต์ตาโตใสขอความเมตตาหรือน้ำตาใสๆ ไหลริน" ก็ยังมีน้า】
หว่านชิงถึงกับอ้าปากเหวออีกรอบ
‘นี่มันเป็นระบบจีบหนุ่มที่ดีจริงๆ มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกหรือนี่ ใครออกแบบเนี้ยช่างเป็นคนที่เข้าใจผู้เล่นดีจริงๆ ว่าแต่มีDLCไหม’
【ระบบ: รับฟังคำแนะนำแล้ว ความคิดเห็นจะถูกส่งไปพิจรณาและตอบกลับเร็วๆ นี้】
‘ดีๆ ไปพัฒนามาเพื่อผู้เล่นหน่อย เดี๋ยวมีรีวิวห้าดาวให้เลย’
【ระบบ: ไม่ต้องการ ฮิฮิ】
‘เอ้า! นางนี่นิ’
หว่านชิงกำลังอ้าปากเถียง หัวใจดวงเท่ากระสอบข้าวสารก็ร่วงลงมาจากด้านบน หว่านชิงตาโตหลบก็ไม่ทัน นี่สินะอย่าล้อเล่นกับระบบ แต่ไม่เป็นดั่งคาด หัวใจดวงโตกระเด้งบนหัวหว่านชิงและกลิ้งไปทางอื่น…
【ระบบ: ลืมประกาศ…แต้มพระเอกสับสน +5 แต้ม】
【ระบบ: แต้มพระเอกลังเล +5 แต้ม】
‘ห๊ะ สองแต้มนี้มันต้องสิบแต้มบวกยี่สิบแต้มเป็นสามสิบไม่ใช่หรอ ทำไมน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้’
【คะแนนขึ้นอยู่กับความมากน้อยทางอารมณ์ของพระเอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ระบบเหนื่อยแล้วลาก่อยเจ้าคร้าาา~】
หว่านชิงนิ่งอึ้ง นี่เรียกว่าสับสนแล้วเหรอมองๆ ไปเหมือนกำลังหัวเสียมากกว่า อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เหวินหลงก็ตกใจและสับสนเหมือนกัน ละที่บอกลังเลคือลังเลว่าจะต่อยหรือฟันให้ตายดีงี้เรอะ
ท่านโหวจงซื่อที่บาดเจ็บจากการโจมตีของไป๋เหวินหลงและหานเฟิงดึงตัวเองออกไปได้อย่าลำบากแต่ไม่อาจสู้ต่อไปได้อีกแล้ว ล้มลงไปข้างหน้า ไม่มีเสียงใดๆ จากท่านโหวเลือดสีแดงสดท่วมตัวเขาเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฮองเฮาหลี่หลันซือที่ถูกกักบริเวณแต่ผู้คุมกันข้างกายทำลายประตูตำหนักและช่วยออกมา เมื่อได้ยินข่าวก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางซีดเซียวเต็มไปด้วยความตกใจ และเมื่อเห็นท่านโหวจงซื่อล้มลงไปกับพื้น ร่างของฮองเฮาหลี่หลันซือสะดุดหยุดลงทันที"ท่านโหว!" ฮองเฮากรีดร้องเสียงดังวิ่งไปข้างหน้าแล้วประคองร่างอ่อนแรงของท่านโหวขึ้นมา โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ท่านโหวได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก หยดน้ำตาของฮองเฮาหลี่หลันซือไหลออกจากดวงตาหยดลงบนแก้มท่านโหวจงซื่อ ฮองเฮากล่าวเสียงอ่อนด้วยความเสียใจราวกับดวงใจแตกสลาย"ท่านโหว...ท่านโหว ข้าขอโทษ…ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะ…รุมทำร้ายท่านเช่นนี้…"หว่านชิงที่กอดหยางหลินอยู่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหันไปมองไป๋เหวินหลงและโม่ชิงเหยียนที่ยังคงยืนเคียงข้าง“อาจาร์ย รีบตามหมอหลวงและทหารมา” หว่านชิงรีบพูดอย่างร้อนใจ มือกดห้ามเลือดหยางหลินแน่นโม่ชิงเหยียนเข้าใจทันทีร
แม้ว่าหยางหลินจะมีแผนอยู่แล้ว แต่การเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำให้เขาเกิดความกลัวและกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้ท่านโหวหันไปมองหยางหลินด้วยท่าทางเย็นชาพลางส่ายหัวไปมา ใครจะอยากปล่อยหอกข้างแคร่นี้ไปกันเล่า ท่านโหวไม่ละสายตาจากหว่านชิง แม้จะเห็นความสับสนในน้ำเสียงของหยางหลินไป๋เหวินหลงจ้องท่านโหวด้วยสายตาเย็นเยียบและพยายามที่จะหาทางเอาตัวเองเข้าช่วยหว่านชิงให้ได้ แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับถูกหยุดยั้งด้วยกระบี่ที่กดคอหว่านชิงเอาไว้หว่านชิงที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ยากจะหนี ได้แต่กัดฟันแน่น"หยางหลิน...พี่หว่านชิงไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเจ้า" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจพยายามที่จะทำให้หยางหลินเข้าใจแต่ก็รู้ดีว่ามันคงยากในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะสายไปแล้วไม่รู้หยางหลินจะยังรับฟังหรือไม่หรืออาจจะคิดว่าหว่านชิงเพียงพูดจาหลอกล่ออ้อนวอนขอชีวิต"ไท่จือไหนคนของท่าน เรียกคนของท่านและส่งสัญญาณถึงคนของข้าได้แล้ว!" ท่านโหวจงซื่อปายเหลียวรีบจะตะคอกขึ้นดังๆเสียงของท่านโหวที่ก้องกังวานไปทั่วท้องพระโรง ทุกสายตาพุ่งมาที่หยางหลินเป็นฉับพลันหยางหลินยิ้มมุมปากก้าวไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งเลื่อนคมกระบี่ขึ้นอย่างเฉียบคม แววตาข
หยางหลินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ยังคงยืนตรงอย่างสง่างาม ปัดเสื้อคลุมของตัวเองเบาๆ เหมือนไม่รู้ไม่สนใจ พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ"ข้าคือไท่จือ แต่เสด็จพ่อก็ได้มอบตราผู้สำเร็จราชการให้กับพี่หว่านชิง" หว่านชิงที่ยืนอยู่ตรงกลางของสถานการณ์นี้หันไปมองหยางหลินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย หว่านชิงไม่อาจปิดบังสีหน้าเสียใจได้อีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าหยางหลินจะมีความคิดเช่นนี้ต่อเรื่องนี้"หยางหลิน...เจ้าคิดผิดแล้ว""เขาเข้าใจถูกแล้ว" พูดเสียงต่ำด้วยความดูถูกท่านโหวจงซื่อปายเหลียวยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย เขาไม่ใช่คนหูหนวกตาบอดที่ผ่านมาได้รับฟังสถานะการณ์วังหลวงมาตลอด ความโปรดปรานของหลี่เซวียนอี้ต่อหว่านชิงที่หลายครั้งละเลยหยางหลินอย่างโหดร้าย เขาเองก็เคยนึกสงสัยหลายครั้งไท่จือผู้นี้เป็นอย่างไรกันแน่ ช่างจืดจางและเงียบเชียบ ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเขาคือคนที่อดทนและเก็บกลั้นความไม่พอใจเช่นข้า ท่านโหวขมวดคิ้วแล้วมองหว่านชิงอย่างไม่พอใจ"เจ้ามันก็ไม่ต่างจากหลี่เซวียนอี้เลย เป็นพี่ที่จ้องเอาเปรียบน้อง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะยกบัลลังก์ให้กับหยางหลินหากทุกอย่างจบลง" เขากล่าวเสริมด
หยางหลินเห็นท่าทางของท่านโหวก็ยิ้มขำออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา"ท่านโหวไม่ต้องตกใจไปหรอก คนขององค์หญิงใหญ่หว่านชิงนางแอบสับเปลี่ยนจดหมายของฮองเฮาที่ส่งให้ท่าน แล้วยังเอาจดหมายของท่านไปอ่านไปหัวเราะไป" หยางหลินชี้แจงไปอย่างใจเย็น ราวกับว่ากำลังบอกท่านโหวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรแปลกใจ"เจ้ามือสังหารไร้สังกัดหานเฟิงนั่นคือคนขององค์หญิงใหญ่" เขาพูดเนิบๆท่านโหวอ้าปากค้างอย่างตกใจและทึ่ง ที่ว่าเอาจดหมายขอเขาและฮองเฮามาอ่านยิ่งทำให้ความโมโหพลุ่นพล่านแต่ก็สะกดกั้นตัวเองไว้ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ"ใครวางกลยุทธ์ให้นางกันแน่...ปกติแล้วหว่านชิงนางเอาแต่ใจและโง่งม..."ท่านโหวรู้สึกถึงความผิดปกติในสถานการณ์นี้ รู้ดีว่าหว่านชิงมีความเด็ดขาดในเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมาในรูปแบบของเด็กนิสัยเสียเอาแต่ใจ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า นางจะสามารถวางแผนซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้“ท่านแม่ทัพไป๋ที่หลงเสน่ห์ยั่วยวนของนาง แล้วก็ยังท่านราชครูโม่ที่แอบกิ๊กกั๊กกับนางอีก" หยางหลินหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ“สองคนนี้แหละ...ก็คือคนที่วางกลยุทธ์ให้นาง”ในคืนที่มืดมิดโม่ชิง
ค่ายพักของท่านโหวจงซื่อปายเหลียวเงียบสงัด ท่ามกลางความมืดที่เริ่มปกคลุมท้องฟ้าแสงไฟจากโคมไฟลอยอยู่ในอากาศ ความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เมื่อทหารนับสิบเดินตรวจตรารอบค่ายอย่างเคร่งครัด ทุกการเคลื่อนไหวถูกจับตามองไม่คลาดสายตาเสียงฝีเท้าดังขึ้นในความเงียบสะท้อนมาไกลก่อนที่คนสนิทของท่านโหวอย่างซือห่าวจะวิ่งมาด้วยท่าทางรีบร้อน ใบหน้าของเขาดูจริงจังจนยากจะคาดเดาความคิดในใจซือห่าวหยุดอยู่หน้าท่านโหวจัดระเบียบลมหายใจสักครู่ก่อนที่จะยกมือประสานไว้ในท่าทางเคารพและกล่าวเสียงดังชัดเจน "ท่านโหวขอรับ ตอนนี้ขบวนของไท่จือหยางหลินรอท่านที่ด้านหน้าค่ายขอรับ บอกว่าให้ท่านโหวรีบออกไปรับเขา"โหวจงซื่อปายเหลียวที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้ใหญ่ขมวดคิ้วอย่างชัดเจน หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วจิบเพียงเล็กน้อย หันไปมองซือห่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด น้ำเสียงของเขาดังขึ้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจและรำคาญ"ทำไมต้องไปรับเขาล่ะ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้นกำลังคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่" เขาพูดเสียงต่ำมีพลังที่น่ากลัวรอบตัวซือห่าวก้มหน้าลง เขารู้ดีว่าไม่ควรจะพูดอะไรเพิ่มเติม เพราะคำถามนี้ตอบอย่างไรก็อันตราย
โม่ชิงเหยียนโค้งตัวเล็กน้อยและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ"งั้นข้าขอตัวก่อน" เสียงของเขานุ่มนวล ทิ้งรอยยิ้มเล็กน้อยไว้บนใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของเขาหว่านชิงยิ้มกว้างและโบกมือที่ประตูเบาๆพร้อมกับตะโกนเสียงใส"เดินดีๆนะเจ้าคะ ท่านอาจารย์"เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ไป๋เหวินหลงที่ยืนพิงกรอบประตูท่ามกลางเงียบสงัด เขาจ้องมองไปที่หว่านชิงอย่างไม่วางตา ดวงตาคมกริบของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้หว่านชิงรู้สึกถึงแรงกดดันจากการจ้องมองนั้น ถึงแม้จะไม่ได้หันไปมองเขาโดยตรง แต่ความรู้สึกเหมือนสายตาของไป๋เหวินหลงจะแทงหลังจึกๆ ทำให้รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว รีบหันขวับไปมองเขาทันที"เอ๊ะ! เมื่อกี้ท่านแม่ทัพคิดจะหักคอข้าจากด้านหลังรึป่าว” หว่านชิงพูดอย่างขบขันแต่ก็งุนงงกับสายตาจ้องเขม็งของไป๋เหวินหลงไป๋เหวินหลงไม่ได้ตอบแต่กลับสะบัดหน้าไม่มองหว่านชิงอีก ทำตัวขรึมงอนๆ เหมือนเด็กน้อยที่ไม่พอใจหว่านชิงมองเขาด้วยความงุนงง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงขบขันในใจ เมื่อไป๋เหวินหลงยังไม่พูดอะไรเลย หว่านชิงก็ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งไป๋เหวินหลงส่งเสียงจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาเพ