จ้าวเฟยเฟยทำลูกบวบจำนวนแปดลูกจากนั้นก็ตัดไม้ไผ่ยาวเก้าเมตรมาวางขวางและผูกด้วยเถาวัลย์ยึดกับลูกบวบทีละต้นจนเต็มเป็นแพขนาดใหญ่ เฉินผิงผิงเห็นก็ตาโต ท่านแม่ร้ายกาจยิ่งนักนางสร้างบ้านในน้ำได้ด้วย จ้าวเฟยเฟยวางขวางเรียบร้อยเพื่อกันน้ำในลำธารกระฉอกขึ้นมาเปียกนางจึงวางเรียงแนวยาวอีกหนึ่งชั้น กว่าหนึ่งชั่วยามนางจึงได้แพสูงประมาณสามฉื่อ ก่อนจะสับฟากไม้ไผ่มาปูทำพื้นให้เรียบเฉินผิงผิงหยิบกระบอกน้ำมาส่งให้แต่ท่านแม่ของนางอยู่ในลำธารเด็กน้อยลงไปไม่ได้
"ท่านแม่ ดื่มน้ำเจ้าคะ ท่านแช่น้ำนานแล้วหนาวหรือไม่เจ้าคะ"
"อย่ามาใกล้ลำธารมันลื่นเพราะเมื่อคืนฝนตก แม่จะเดินไปเอาเองลูกวางไว้ตรงนั้นแหละ"
เฉินผิงผิงวางกระบอกไม้ไผ่เอาไว้ให้ท่านแม่ของนาง ยามนี้ทานแม่ไม่ดุแล้วอีกทั้งยังป้อนมันเทศและกอดนางด้วย เฉินโม่หวายไม่วางใจสายตายังคงจ้องจ้าวเฟยเฟยอยู่ แต่ด้วยความหิวและกลิ่นหอมเดิมเขาคิดว่าจะไม่กินของสตรีใจร้ายคนนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังนั่งเคี้ยวมันเทศอย่างอร่อย
จ้าวเฟยเฟยที่เดิมจะใช้ไม้ไผ่ทำหลังคา แต่นางเดินไปเจอหญ้าคาตอนที่ตัดไม้ไผ่จึงเกี่ยวแล้วผึ่งแดดเอาไว้ก่อน นางเริ่มขึ้นเสาโดยนางวางเสาแปดต้น จากนั้นก็ทำคานใช้ไม้ไผ่มาวางตรงกลาง ก่อนจะเอาไม้ไผ่วางตั้งขึ้นพิงกับคานและปีนขึ้นไป ลมพัดมาทำให้แพกระเพื่อมนางเกือบจะตกจากหลังคา มือคว้าเอาไว้ข้างเดียว แต่กลับรู้สึกว่ามีมือมาโอบเอวนางเอาไว้ เมื่อมองดูก็เห็นเป็นเฉินมู่หยางที่กึ่งอุ้มนาง
"ขอบคุณ"
"ไม่เป็นไร เจ้าทำอะไรข้าบอกจะเช่าบ้านท่านหลี่เจิ้งมิใช่หรือ"
"เจ้าอยากไปเช่าก็ไป ข้าจะสร้างที่พักเอง ไม่อยากให้ญาติเจ้ามาวุ่นวายอีก"
"เอ่อ ข้าไม่ได้ให้เงินพวกเขาวันนี้ข้าขายให้เถ้าแก่สามเจ้าพวกเขาไม่มีเนื้อพอดี เขาซื้อเหมาตัวละสามสิบตำลึง กวางข้าขายได้ยี่สิบตำลึง ข้าเอาเขากวางไปขายร้านยาตามที่เจ้าบอกได้มาหนึ่งร้อยตำลึง เอ่อเงินข้าให้เจ้าเก็บดีหรือไม่"
เฉินมู่หยางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องบอกนางทั้งที่เมื่อก่อนเขาคร้านจะพูดกับนางด้วยซ้ำ จ้าวเฟยเฟยแค่พยักหน้าก่อนจะทำงานตรงหน้าต่อ เฉินมู่หยางบอกว่าเขาจะขึ้นไปเอง จากนั้นก็ปีนขึ้นไป จ้าวเฟยเฟยไม่พูดมากหากฝนตกจะลำบากนางส่งท่อนไม้ให้กับเขา ไม้ไผ่ซีกถูกมัดขวางไม้ท่อนเป็นเหมือนตารางก่อนที่จ้าวเฟยเฟยจะมัดหญ้าฟางเป็นกำเล็กๆจากนั้นก็ขัดจากด้านล่างสลับหว่างขึ้นไปจนถึงด้านบน
สองคนใช้เวลาสามชั่วยามก็ทำหลังคาเรียบร้อย จ้าวเฟยเฟยหยิบคบเพลิงที่นางทำไว้ก่อนหน้าออกมาแล้วจุด เฉินมู่หยางสับฟากต้นไผ่ก่อนที่จ้าวเฟยเฟยจะนำมาขัดเป็นตารางสลับกันจากนั้นก็นำไปมัดติดกับเสาที่ทำรอเอาไว้ ผนังเรียบร้อยก็เข้ายามซวีพอดี เฉินมู่หยางซื้อซาลาเปามายี่สิบลูกมื้อเย็นจึงไม่ต้องทำ
จ้าวเฟยเฟยตั้งเสาสูงประมาณสี่ฉื่อรอบๆแพเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่ใช้ไม้ไผ่ที่นางผ่าซีกมาขัดก็จะได้ราวกั้นแพเพื่อกันเด็กๆตกลงไป ด้านหน้าด้านหลังมีพื้นที่ใช้สอยพอควร รอบๆแพสามารถเดินได้ มองลงไปที่ลำธารไม่ว่านำจะขึ้นสูงเพียงใดแพก็ไม่จมและน้ำไม่อาจเข้ามาถึงด้านบน เฉินมู่หยางทึ่งในฝีมือสร้างแพของนางจริงๆ เขาเองแม้จะเป็นนายพรานบิดาเป็นช่างไม้ก็ไม่อาจสร้างออกมาได้เช่นนี้
"ตาเฒ่า ท่านทำสะพานสักอันข้ามจากตลิ่งมาแพ เอาให้กว้างหน่อย ข้าจะไปขนเสื้อผ้ากับเครื่องเรือนมาไว้ในนี้"
"เราไม่เอาติดริมฝั่งหรือ"
"ข้าจะถ่อแพไปกลางลำธารยามค่ำคืน แม้น้ำจะไม่ลึกเท่าไหร่แต่คงไม่มีใครว่ายน้ำข้ามมาแย่งเสบียงข้าแน่ๆ"
จากนั้นนางก็เดินไปยังบ้านดินที่โดนฝนเมื่อคืนตอนนี้สภาพไม่ต่างกับเศษดินเท่าไหร่
จ้าวเฟยเฟยสร้างแพเล็กๆไว้สำหรับลากขนของหนึ่งแพ นางนำข้าวของใส่แพก่อนจะเข็นไปยังแพใหญ่ เฉินมู่หยางที่สร้างสะพานเสร็จแล้วมองคนตัวเล็กที่กำลังโยนข้าวของจากแพเล็กไปยังแพหลักก็ลุยน้ำมาหานางก่อนจะเอ่ย
"เจ้าแช่น้ำทั้งวันแล้วจะป่วยเอาได้ มาเถอะปล่อยให้ข้าจัดการเอง"
"อืม"
จ้าวเฟยเฟยแบกกระบะดินสองใบที่นางทำไว้สำหรับจุดไฟขึ้นบ้านแพอย่างระมัดระวัง แม้เพียงอุปกรณ์ง่าย ๆ แต่ก็สำคัญยิ่งยามฝนพรำเช่นนี้ เมื่อวางเรียบร้อย นางยกชายกระโปรงเปียกน้ำขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นสะพานไม้ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ทว่าความเย็นจากลำธารที่แช่อยู่นาน ทำให้ร่างกายเริ่มสั่นน้อย ๆ
ไม่ทันเอ่ยปาก เฉินมู่หยางก็ก้าวเข้ามา อุ้มร่างบางขึ้นแนบอก ก่อนจะวางนางลงอย่างเบาที่สุดบนสะพาน
“ขอบคุณ”
จ้าวเฟยเฟยพยักหน้าสั้น ๆ ด้วยความเคยชิน แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสียงฟ้าร้องคำรามมาแต่ไกล ลมเริ่มพัดใบไม้ปลิวกระจายโชคดีที่วันนี้นางเก็บลูกสนมาได้หลายตะกร้าในตอนข้ามฝั่งไปสำรวจ ลูกสนแห้งไวกว่าฟืนไม้ และหากพรุ่งนี้ฝนตก อย่างน้อยก็พอใช้ได้สักสามสี่คืน
ภายในห้องพักเล็ก ๆ จ้าวเฟยเฟยเปลี่ยนชุดที่เปียกเป็นเสื้อผ้าสะอาด จากนั้นก็นำชุดเดิมไปตากบนราวไม้ด้านข้างที่หันหน้าสู่ลม
กระบะดินถูกวางอย่างมั่นคงบนก้อนหินจากลำธาร นางเตรียมจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นในคืนนี้ ไฟจากลูกสนเมื่อจุดแล้วจะมีเสียงเปาะแปะ และส่งกลิ่นหอมบาง ๆ
เด็กทั้งสองเดินจูงมือบิดาเพราะแสงสว่างหมดไปแล้ว จะเข้ายามห้ายแล้วท่านพ่อกับท่านแม่เพิ่งจะสร้างที่พักเสร็จ หลังจากข้ามมาเฉินมู่หยางก็เก็บสะพานขึ้น เมื่อเข้ามาข้างในก็เห็นท่านแม่ปูผ้านวมหนาวสองชั้น วันนี้ท่านพ่อซื้อผ้านวมกลับมาสี่ผืนอีกด้วย จ้าวเฟยเฟยกำลังนำผ้าหยาบมากางปิดกำแพงเพื่อไม่ให้ลมลอดเข้ามาได้ เฉินมู่หยางเอ่ยถามนาง
"นั่นเป็นสินเดิมเจ้าเอามาทำเช่นนี้จะดีหรือ"
"สินเดิมแล้วอย่างไร ข้าไม่อยากหนาวตาย หากมีชีวิตรอดก็หาเงินซื้อใหม่ได้ ข้ากินมันเทศอิ่มแล้ว ซาลาเปาพวกเจ้ากินกันเองเถอะ"
จ้าวเฟยเฟยปูที่นอนให้กับเด็กๆโดยใช้ผ้านวมผืนเก่าของนางสองผืนส่วนผ้าห่มก็ใช้ของพวกเขา นางเหลือเพียงผ้านวมผืนเก่าหลือสองผืนที่ยายแม่เลี้ยงให้มาเป็นสินเดิมแม้จะเก่าแต่ก็ยังดีกว่าหนาวตาย ร่างบางกระเถิบไปนอนอีกด้านไม่นอนกับสามพ่อลูกแต่อย่างใด
นางจงใจทำตัวห่างเหินเขาอย่างเห็นได้ชัด นางตั้งใจทิ้งระยะห่างหรือว่านางยังคิดถึงคู่หมั้นเก่าคนนั้นกัน จ้าวเฟยเฟยที่แช่ฝนทั้งคืนแถมวันนี้ยังแช่น้ำทั้งวันเพื่อสร้างที่พักเริ่มมีไข้จึงไม่สนใจใครอีกไม่ใช่ว่านางทำตัวแปลกแยกแต่นางรู้สึกไม่ดีหากเด็กสองคนติดไข้จะยุ่งไปกันใหญ่
สองแม่ลูกเอ่ยจนจ้าวคังก็เริ่มลังเล ใช่นางแต่งออกไปแล้วมีสิทธิ์อันใดมาวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อคนที่ไปตามเฉินหยวนก็มาถึง เขาได้ยินแล้วว่านางปีศาจนั่นกอดกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เฉินมู่หยาง วันนี้เขาจะเอานางให้ตาย"ไหนๆๆ นางตัวดีจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่ใด กล้าคบชู้สู่ชายหรือ แม้ว่าหลานชายข้าจะอัปลักษณ์แต่เจ้าก็แต่งมาแล้ว เห็นสกุลเฉินของข้าเป็นอะไร"เฉินหยวนเดินกร่างเข้ามาในศาล จ้าวเฟยเฟยคุกเข่าอยู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหาเฉินหยวน "อาสามของสามีท่านมาแล้วหรือ""หึ เจ้าถึงกับพาบุรุษมาเดินโอบกอดกันที่ตำบลยังมีหลานชายข้าในสายตาหรือไม่"เฉินมู่หยางหันมาเผชิญหน้ากับเฉินหยวนช้าๆก่อนจะเอ่ย"อาสาม ข้าพาภรรยามาเดินเล่นซื้อของเหตุใดถึงไม่ได้ นางมิได้คบชู้กับผู้ใดทั้งนั้น"เฉินอี้เห็นหลานชายโกนหนวดเคราแล้วก็ยิ่งให้โมโห ไอ้เด็กนี่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก แล้วอย่างไรเล่าคนอื่นไม่เคยเห็นใบหน้านี้ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็ไม่ใช่คนสกุลเฉิน จึงกล่าวออกไป"หลานชายข้า เจ้าหรือช่างน่าขันเจ้าเป็นใครกันแน่ มาหลอกลวงหลานสะใภ้ของข้า"ซุนเต๋อฉายเดินมากลางโถงก่อนจะเอ่ยกับเขา"เฉินหยวน หลี่อี้ และพวกเจ้า
นางจางนั่งลงร้องไห้เงินเยอะเพียงนั้นจะเอามาจากที่ใดกัน กระทั่งจ้าวเฟยเฟยค่อยๆลุกขึ้น เฉินมู่หยางเข้ามาประคอง นางเดินไปหาจ้าวอี้หรูพร้อมกระซิบข้างหูเช่นกัน"ว่าที่สามีเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า น้องหญิงเจ้าบอกว่าจะดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ได้เวลาแสดงความจริงใจของเจ้าแล้ว""จ้าวเฟยเฟยนางสตรีชั่วช้า คอยดูเถอะข้าไม่จบแน่ๆ หึสามีเฒ่าเจ้าไม่มาเจ้ากลับมาโอบกอดกับบุรุษนอกบ้าน ข้าจะทำให้เจ้าถูกใส่กรงถ่วงน้ำ""ไอ้โย่ว ข้ากลัวจัง ไม่ต้องห่วงยังมีอีกคนที่ข้ายื่นคำร้อง จ้าวคังบิดาแสนดีของเจ้าไง"นางจางทรุดลงปิดหน้าร่ำไห้ราวกับถูกใครเข่นฆ่า เงินจำนวนห้าสิบตำลึงหรือนางจะไปเอามาจากที่ใด บุตรชายกำลังรอหนังสือรับรองอยู่ แต่ใต้เท้าให้จ่ายวันนี้ ที่สำคัญไอ้ลูกเนรคุณนี่ไปยืมเงินนั่นมาตอนไหนกัน"อาอี้ เจ้าไปยืมเงินนางมาเมื่อไหร่กัน""ท่านแม่ ข้า ข้ายืมมาเมื่อสองเดือนก่อนขอรับ""แล้วที่นางแพศยานี่พูดหมายความว่าอย่างไร ข้าจะตายเจ้าไม่มีเงินมาซื้อโลงศพน่ะห๊ะ""คือว่า คือ โอ๊ย ท่านแม่ท่านทำอะไรน่ะ"นางจางลุกมาได้ก็ทุบตีบุตรชายไม่ยั้ง ปากก็ด่าเขาไม่หยุด"ไอ้สารเลว ไอ้คนอกตัญญู เจ้ากล้าแช่งข้
เสียงสะอื้นขาดช่วงราวกับอัดอั้นจนไม่อาจกล่าวออกมาได้ ชาวบ้านที่มาดูการไต่สวนสงสารนางอย่างจับใจ "พ่อแบบไหนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูก เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แต่บิดาของสตรีคนนี้เลวเหลือเกิน""ใช่ๆ ดูเหมือนจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ที่ถูกนางฟ้องร้องอีกคน"ปึงๆๆๆ ฮั่วเทียนฉีเคาะโต๊ะให้ชาวบ้านเงียบจากนั้นก็เอ่ยถาม"แล้วอย่างไรต่อ จากนั้นเจ้าเอาเงินที่ไหนให้เขายืม""นางไม่มีเงินแต่อ้างว่าให้บุตรชายข้ายืมเงิน เพ้ยนางแพศยานี่โกหกกระทั่งท่านขุนนาง"นางจางเอ่ยทะลุกลางปล้อง จ้าวเฟยเฟยซ่อนยิ้มก่อนจะเงยหน้า น้ำตาที่เปื้อนแก้มนวลเรียกความสงสารจากคนน้อยใหญ่ที่มาดูการพิพากษาไม่น้อย เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเอ่ยแก่คนด้านบน"ใต้เท้า ข้าขออนุญาตท่านพูดคุยกับนางได้ไหมเจ้าคะ"ฮั่วเที่ยนฉีมองไปยังนางจางก่อนจะเอ่ย" เด็กๆตบปากนางสิบทีโทษฐานที่เอ่ยแทรกกลางขณะที่ข้าไต่สวน ส่วนเจ้าจ้าวเฟยเฟยมีเรื่องอันใดจะคุยกับนางก็รอให้ลงโทษนางเสร็จก่อน"เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! นางจากเลือดกบปาก หลี่อี้เห็นมารดาถูกตบกลับไม่ยื่นมือมาขอร้องเพื่อช่วยเหลือ น้ำหนักของเขาในใจอาจารย์สำนักศึกษาที่ตามซุน
จ้าวเฟยเฟยเรียกคนที่มามุงดู หนึ่งในนั้นคือซุนเต๋อชิวน้องชายซุนเต๋อฉายจากสำนักศึกษาเต๋อถัง จ้าวเฟยเฟยล้วงอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาคลี่ สองมือบางจับมุมกระดาษด้านบนสะบัดเบาๆราวกับกำลังสลัดผ้าเช็ดหน้าก่อนจะยื่นไปด้านหน้าแล้วกวาดแขนไปด้านซ้ายจากนั้นก็กลับมาด้านขวาช้าๆ น้ำเสียงกังวานของนางเอ่ยขึ้น"ทุกท่าน ได้อ่านแล้วใช่หรือไม่ ตอบข้าหน่อยเจ้าค่ะว่านี่เขียนสิ่งใด"ชาวบ้านคนหนึ่งแต่ตัวคล้ายบัณฑิตแต่เป็นอีกสำนักก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบนาง"เป็นสัญญากู้ยืมเงินจากคนที่ชื่อหลี่อี้ เขียนว่าข้าหลี่อี้ ขอยืมเงินจ้าวเฟยเฟยเป็นจำนวนยี่สิบตำลึง ภายในสองเดือนนับจากวันนี้จะคืนนางสามสิบตำลึงพร้อมดอกเบี้ย""ใช่ๆ ข้าก็อ่านได้เช่นนั้นเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าชื่อหลี่อี้หรือเปล่า"หลี่อี้หน้าดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะขาวซีดราวกับกระดาษ เขาเขียนมันเอง นางเอากำไลกับปิ่นและจี้หยกไปจำนำเอาเงินให้เขา แต่ไอ้คนรับจำนำบอกว่าเงินทองควรชัดเจน เขากลัวนางจะเปลี่ยนใจจึงเขียนสัญญานั่นและลงนาม แต่นางนี่อ่านหนังสือไม่ออกเขาจึงไม่กังวล เหตุใดวันนี้นางกลับรู้จักเอาสัญญานี่ออกมา หลี่อี้ไม่ยอมเขาจึงเอ่ยกลับไป"เจ้ารู้ไหม
เฉินมู่หยางขับเกวียนเคลื่อนเข้ามาจนถึงประตูเมือง เขาควักเงินจ่ายค่าเข้าเมืองหกอีแปะ จ้าวเฟยเฟยพยายามจดจำรายละเอียดของผังเมือง กระทั่งเขาเอาเกวียนไปผูกยังบริเวณที่รับฝากก่อนจะอุ้มนางลงจาเกวียน จ้าวเฟยเฟยหน้าแดงเพราะตรงนั้นมีคนไม่น้อย หลายคนน่าจะเป็นคนรู้จักกันกับเขาจึงได้เอ่ยกระเซ้า"ไอ้หยา พวกเจ้าดูสิวันนี้พี่มู่หยางเช่าเกวียนมาเลยเชียว""แหม่ๆๆ...สตรีที่ทำให้พี่ใหญ่ของเราถึงกับทะนุถนอมได้คงเป็นอาซ้อของพวกเราใช่หรือไม่""ฮ่าๆๆๆ พี่มู่หยางแนะนำอาซ้อให้พวกเรารู้จักสักหน่อยเถอะขอรับ"ทั้งหมดเป็นนายพรานที่เคยร่วมกันล่าหมีป่าเมื่อครั้งที่อาละวาดจนทำร้ายชาวบ้านตายไปสามคนและบาดเจ็บอีกมากมาย คนที่ให้เฉินมู่หยางแนะนำจ้าวเฟยเฟยคือหลิวเยี่ยนฉาง เขามาจากหมู่บ้านชุยเจียงซึ่งต้องข้ามเขาไปครึ่งวันถึงจะสามารถถึงหมู่บ้านนี้ได้ เฉินมู่หยางจูงมือจ้าวเฟยเฟยเดินมาหาทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยกับนางแนะนำให้รู้จักกัน"พวกเจ้านี่เสี่ยวเฟยภรรยาของข้า เสี่ยวเฟยคนนี้คือฟางฉายนายพรานหมู่บ้านเดียวกับเราแต่บ้านของเขาอยู่ชายป่าอีกด้าน""ส่วนนี่คือหลิวเยี่ยนฉางจากหมู่บ้านชุยเจียง ส่วนนั่นเจ้าปากมาก ถังจื่
เสียงนั้นลอยมาตามลมแผ่วเบา จ้าวเฟยเฟยยิ้มให้กับสายลม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินมู่หยางทั้งหมด นางมีเรื่องอันใดมากมายที่เขาต้องค้นหากันนะ เกวียนขับมาเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจมากสำหรับจ้าวเฟยเฟย ชาติก่อนชอบตอนกลับไปหาคุณยายที่ชนบทที่สุด กระทั่งเห็นดอกเล็กๆสีเหลียงที่บานเต็มท้องทุ่งส่งกลิ่นหอมมากนัก จ้าวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ก็หันไปหาเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา"ตาเฒ่า...ขากลับท่านแวะตรงนี้ให้ขาได้หรือไม่"".........""เฉินมู่หยางท่านหูหนวดหรือ""..........."เสียงล้อเกวียนบดกับถนนดินดังเอี๊ยดอ๊าดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้าง จ้าวเฟยเฟยนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เหอะใครสนใจเจ้ากันตาทึ่ม กระทั่งเสียงล้อเกวียนเงียบบไป เฉินมู่หยางนำเกวียนเข้าข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะใช้มือรวบเอวบางยกนางมานั่งที่ตักตนเอง จ้าวเฟยเฟยตกใจมือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ท่านทำอะไร นี่มันทางเข้าตำบลนะ ใครไปใครมาเห็นเข้าจะมองเช่นไร ตาเฒ่าปล่อยข้าลง"เฉินมู่หยางสูดลมหายใจยาวๆก่อนจะเอ่ยกับคนบนตัก"ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกตาเฒ่าอีกรับรองข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่""นี่