หากเป็นเช่นนี้ กลับมิสู้ฝากความหวังไว้ที่ตัวเซ่อเจิ้งอ๋อง หลงไทเฮากล่าวถูกกึ่งหนึ่ง นั่นก็คือเขาควรเชื่อคนที่ตัวเองเลือกเขาเงยหน้าขึ้นทันใด ขณะกำลังจะเอ่ยปาก กลับได้ยินขันทีส่งเสียงดังมาจากข้างนอก “ไทฮองไทเฮาเสด็จ”เฉินเมิ่งหลี่หัวใจครั่นคร้าม รีบถอยไปคุกเข่าอยู่กับพื้น รอรับเสด็จไทฮองไทเฮาไทฮองไทเฮาลงจากเกี้ยว พาคนในตำหนักสิบกว่าคนเดินเข้ามา“กระหม่อมเฉินเมิ่งหลี่ถวายพระพรไทฮองไทเฮา!” เฉินเมิ่งหลี่โขกศีรษะคารวะฝีเท้าจงเสี้ยนหยุดชะงัก ก้มหน้าชำเลืองมองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ใต้เท้าเฉินจากกรมอาญาหรือ?”“ทูลไทฮองไทเฮา กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เฉินเมิ่งหลี่รู้สึกเพียงความน่าเกรงขามกดทับลงมา เหงื่อเย็นซึมออกมาจากหน้าผาก“เหตุใดวันนี้ใต้เท้าเฉินจึงมีเวลาเข้าวังได้?” ไทฮองไทเฮาอื่ม “ลุกขึ้นเถอะ!”“ทูลไทฮองไทเฮา กระหม่อมเข้าวังมาถวายพระพรไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” เฉินเมิ่งหลี่เพิ่งกล่าวจบก็แทบอยากกัดลิ้นตัวเองเสีย เขาเข้าวังมาถวายพระพรหลงไทเฮา กลับไม่ได้ไปถวายพระพรนาง นี่คือไม่เห็นนางอยู่ในสายตาชัด ๆ มิใช่หรือ?”แต่เคราะห์ดีที่ไทฮองไทเฮามิได้บันดาลโทสะ เพียงยิ้
จ่านเหยียนเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ปราดตามองเขาแวบหนึ่งจึงเอ่ย “นั่ง!”เฉินเมิ่งหลี่ก้าวหน้าออกมาทำความเคารพ “กระหม่อมเฉินเมิ่งหลี่ถวายพระพรหมู่โฮ่วฮอง...”จ่านเหยียนพูดแทรก “นั่งสิ!”เฉินเมิ่งหลี่ผงะเล็กน้อย ฟังน้ำเสียงของนางไม่ดีเท่าไร หรือว่านางจะสอดมือยุ่งเรื่องของสกุลถง?“พ่ะย่ะค่ะ!” เขาขานรับ นั่งลงอย่างสำรวมและคาดคะเนอยู่ในใจ“เฉินเมิ่งหลี่ อายุสี่สิบสาม ผู้มีความสามารถสอบติดสามอันดับต้นสามครั้งติดในการสอบรับราชการสมัยอดีตฮ่องเต้ เป็นขุนนางสิบเก้าปี มีผลงาน มีความผิดเป็นบางครั้ง กลับมิใช่ความผิดร้ายแรง ปัจจุบันหนึ่งภรรยา สามอนุ สามบุตร สองธิดา เสพสุขกับครอบครัวพร้อมหน้า ข้าผู้เป็นไทเฮาอิจฉาใต้เท้าเฉินนักที่มีความสุขในวันนี้” จ่านเหยียนมองเฉินเมิ่งหลี่พลางเอ่ยราบเรียบเฉินเมิ่งหลี่หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เอ่ยอย่างระมัดระวัง “ไทเฮาทรงรู้เรื่องของกระหม่อมมาก”“หากต้องการรู้จักใครสักคนก็ไม่ยาก แต่... หากต้องการมองจิตใจคนคนหนึ่งให้ทะลุปรุโปร่งก็ไม่ง่ายอย่างนี้แล้ว ใต้เท้าเฉินคิดว่าอย่างไร?” จ่านเหยียนมองเขาอย่างสุขุมเฉินเมิ่งหลี่ลังเลครู่หนึ่ง “กระหม่อมไม่ทราบว่าไทเฮาทรงหมายความว่าอย่
จ่านเหยียนตรวจชีพจรให้นาง เอ่ย “เอาไว้รักษาตัวระยะหนึ่งแล้วค่อยรักษารอยแผลบนใบหน้าเจ้า”“ไม่ต้องแล้วเพคะ คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวเป็นเช่นนี้เถอะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “อย่างน้อย เขาไม่รังเกียจ ก็คือดีที่สุดแล้ว”จิ้นหรูนึกว่าใบหน้าของตัวเองไม่สามารถรักษาได้แล้ว รอยแผลเช่นนี้จะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างไร? ดังนั้นนางจึงไม่อยากให้จ่านเหยียนพะวงเรื่องนี้ ให้นางวางใจไปทำเรื่องที่นางต้องการทำเถิด วันนั้นสนทนากับอดีตฮ่องเต้แล้ว นางเชื่อว่าจ่านเหยียนก็มิใช่มัจฉาในสระ นางต้องมีเรื่องยิ่งใหญ่ต้องทำจ่านเหยียนจะไม่รู้ความคิดของนางหรือ จึงเอ่ย “เจ้าวางใจ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลารักษาแผลเจ้ามาก”จิ้นหรูบาดเจ็บสาหัสนัก การฝืนใช้พลังรักษาจะทำให้ร่างกายของนางรับไม่ไหว ให้นางรักษาตัวก่อน อีกสี่สิบห้าวันให้หลัง พลังของนางกลับคืนมาแล้ว ค่อยรักษาแผลให้นางจิ้นหรูได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้จึงไม่พูดอีก เพียงมองนางอย่างอ่อนโยนจ่านเหยียนถูกนางจ้องจนขนลุก “มีอะไร?”จิ้นหรูแย้มยิ้ม “แค่รู้สึกว่าคุณหนูใหญ่สิริโฉมงดงามกว่าแต่ก่อนแล้วเพคะ”“ใช่หรือ?” จ่านเหยียนเอามือลูบหน้าตามจิตใต้สำนึก ช่วงนี้พักผ่อนไม่พอ จะสวยได้อย่างไร?
กับการมาของฉีชินอ๋อง มู่หรงฉิงเทียนกล่าวเพียง “ไม่เอาไหน”ฉีชินอ๋องยอมรับ กับจิ้งฉือ มีบุรุษเพียงไม่กี่คนที่สามารถอยู่รอบตัวนางได้แบบ ‘เก่งกาจ’ยังมิต้องเอ่ยถึงเรื่องสัพเพเหระ กล่าวถึงหลังจากจ่านเหยียนกลับวัง นางตรวจสอบตุ๊กตาที่ทุกคนทำแล้วนับอย่างละเอียด มีจำนวนเกือบสองร้อยตัว“ยังจะทำหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามนางจ่านเหยียนพยักหน้า “ทำต่อ!”สองร้อย ยังห่างจากที่นางต้องการอีกไกลโข“หากต้องการเป็นปริมาณมาก มิสู้ให้หญิงชาวบ้านทำ ทำแล้วพวกเราไปรับแล้วมอบเงินให้พ่ะย่ะค่ะ” อาเถี่ยพูดอยู่ด้านข้างแม้ทุกคนไม่รู้ว่าจ่านเหยียนต้องการตุ๊กตาเหล่านี้ไปทำอะไร แต่นางให้ความสำคัญเช่นนี้ คงไม่ใช่เอามาเล่น“ก็ดี กัวอวี้ ตอนนี้จิ้นหรูสุขภาพไม่ดี เจ้าก็เป็นผู้ดูแลตำหนักนี้เถอะ ประเดี๋ยวเจ้าไปรายงานกับทางจิ้นหรู แล้วเอาเงินไปสั่งทำตุ๊กตาพวกนี้ แต่ต้องทำตามที่ข้าต้องการนะ ตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าไม่ตรงตามมาตรฐานก็ไม่เอา” จ่านเหยียนกำชับ“เพคะ!” กัวอวี้ขานรับจ่านเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ แจงงานให้คนไปทำแล้วก็คิดจะดื่มน้ำชาพักผ่อนหน่อยอาถงเข้ามารายงาน “คุณหนูใหญ่ คนของราชครูถงพาตัวถงจื่อหยาไปจากคุกทักษิ
ตอนที่ชุนอี้ยกนมเข้ามาก็เห็นเขาเดินพรวดพราดออกไปพอดี จึงเข้ามาถามหว่านจวิน “นายท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?”หว่านจวินส่ายหน้ายิ้มแห้ง “เขาบอกว่าจะไปทาบทามให้พี่อู่”“คุณชายอู่?!” ชุนอี้ปากอ้าตาค้าง “เรื่องนี้มิควรให้พ่อแม่ของคุณชายอู่จัดการหรือเจ้าคะ? เหตุใดนายท่านของเราจึงจัดการล่ะ?”หว่านจวินไม่พูด เพียงพรูลมยาวด้วยท่าทางกลัดกลุ้มครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มขึ้นมาอีก “ก็ดี ก็ดี ถ้าท่านพี่สามารถแสวงหาอนาคตให้เขาได้ ก็ไม่เสียแรงที่ข้าผิดต่อเขาเช่นนี้แล้ว”“คุณหนู เช่นนี้ท่านจะลำบากตัวเองไปแล้วละเจ้าคะ” ชุนอี้ตาแดงระเรื่อหว่านจวินเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้าไม่เคยรักใคร ไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ ขอเพียงเขามีความสุข ข้ารับกับความลำบากเท่านั้นจะเป็นอันใดไป?”ชุนอี้ถอนหายใจ “คุณหนู ดื่มนมแพะก่อนเถอะเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวค่อยทำโจ๊กข้าวฟ่างให้ท่าน หลายวันนี้ท่านไม่มีอาหารลงท้อง ตอนนี้ยังกินอาหารแข็งเกินไปไม่ได้”หว่านจวินดื่มนมแพะลงไปแล้วทิ้งศีรษะลง หยดน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ทำให้ชุนอี้เห็นแล้วปวดใจนักกล่าวถึงหวังติ่งทังไปหาแม่สื่อ ครั้นแม่สื่อได้ยินว่าเป็นคุณชายหลงอู่ก็เสนอยกใหญ่ “ไอ้หยา เรื่องนี้บั
“ข้ารับปากเจ้า แต่... เจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้าเหมือนกัน ได้หรือไม่?” หวังติ่งทังมองนางอย่างจริงจังหวังหว่านจวินใบหน้ามีความพิลึกเล็กน้อย มันคือความดีใจและเสียใจ นางรักเขา ดังนั้นจึงสงสารเขา ไม่อยากเห็นเขามีความสามารถแต่มิอาจแสดงมันออกมา หากเขาสามารถยกระดับทางสังคม ชาตินี้ต้องสุขสบายแน่นอน ดังนั้นต่อให้นางต้องรับกับความอยุติธรรมแค่ไหน แล้วจะเป็นอะไรไป?“ได้!” นางยิ้มรับปาก หวังติ่งทังเห็นนางยิ้มจึงโล่งอก แม้รู้สึกว่ารอยยิ้มของนางจะอ้างว้างอยู่บ้าง แต่การที่นางคิดตกแล้วคือเรื่องดี จึงเอ่ยกับชุนอี้ “ยังยืนอยู่ทำไม? รีบไปเตรียมของกินให้คุณหนูสิ”ชุนอี้รู้ความในใจของหว่านจวินจึงทรมานมาก นางขานรับ “เจ้าค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้!”หวังติ่งทังถาม “ดี ตอนนี้บอกข้ามา เจ้าชอบฉินอี้หรือว่าชอบคุณชายรองเฉินกันแน่?”หว่านจวินเอ่ยเสียงแผ่วเบา “สุดแต่ท่านพี่จะตัดสินใจเจ้าค่ะ”“อื่ม คุณชายรองเฉินล่ะ เฉลียวฉลาด กิจการครอบครัวล่ำซำ ทั้งยังทำกิจการใบชา เจ้าชอบดื่มชามากที่สุด ไม่เช่นนั้นก็คุณชายรองเฉินดีหรือไม่?” หวังติ่งทังเสนออย่างปลื้มปริ่ม“เจ้าค่ะ!” หว่านจวินตอบอย่างอ่อนโยน สีหน้านุ่มนวล ไม่มีความไม่ชอบไ