Share

บทที่4

last update Dernière mise à jour: 2025-07-12 09:06:21

สายลมเย็นยามค่ำเริ่มพัดแรงขึ้นเมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปหลังแนวตึก วันใหม่มาถึงเร็วกว่าที่จันทร์สิตารู้ตัวเสียอีก

เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานในสำนักงานนิติเวชฯ สายตาเพ่งมองผลแล็บที่เพิ่งถูกรายงานกลับมาจากการชันสูตรละเอียดรอบสองของศพเด็กชายคนนั้น

“เลือดจาง… ภูมิคุ้มกันต่ำผิดปกติ… มีสารบางอย่างตกค้างในระบบประสาท?” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางขมวดคิ้ว สารที่ว่านั้นไม่มีอยู่ในรายการสารเคมีทั่วไป มันดูคล้ายสารจากพืชบางชนิดที่ไม่ควรพบในร่างเด็กอายุไม่ถึง 10 ปี

ไม่ใช่แค่อ่อนแอ… เด็กคนนั้นเหมือนถูกบีบให้ร่างกายเสื่อมลงอย่างช้า ๆ

เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างสุภาพ

“ขออนุญาตครับ คุณหมอจันทร์ มีคนมาเยี่ยม”

ชายตรงหน้าคือหมออนล สวมเสื้อเชิ้ตขาวเรียบแต่มีเสื้อคลุมยาวพาดแขน เขาไม่ได้มาแบบแพทย์ประจำโรงพยาบาล แต่มาในฐานะใครบางคนที่รู้ว่าเธอเจออะไร และกำลังต่อชิ้นส่วนปริศนาเดียวกัน

“มาดูผลใช่ไหมคะ?” จันทร์สิตาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ แล้วเชิญเขานั่งลงฝั่งตรงข้าม

“ผมได้คุยกับแม่ของเด็กแล้ว พวกเขาอึดอัดมาก เหมือนมีอะไรไม่อยากพูด” เขาวางแฟ้มอีกเล่มลงบนโต๊ะ เป็นแฟ้มบันทึกสุขภาพของเด็กชายคนเดียวกัน “เด็กมีประวัติรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท แต่ไม่มีรายละเอียดแน่ชัด โรงพยาบาลที่เคยไปเป็นคลินิกเอกชนเล็ก ๆ ในซอยลึก ๆ … ที่เพิ่งปิดตัวไปเมื่อสามเดือนก่อน”

“แปลว่า…มีความเป็นไปได้ว่าเด็กโดนทดลองอะไรบางอย่าง?”

อนลนิ่งไปครู่หนึ่ง

“ใช่”

จันทร์สิตายกมือเท้าคาง ใบหน้าจริงจังขึ้นในทันที “หมอคิดว่าเกี่ยวกับเคสก่อนหน้าที่เด็กคนอื่นมีพฤติกรรมแปลก ๆ ด้วยไหมคะ?”

เขาพยักหน้า “มีอย่างน้อย 3 เคสในเขตเดียวกันที่มีประวัติเหมือนกัน เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเฉียบพลัน วาดภาพประหลาด พูดกับใครบางคนที่ไม่มีตัวตน จากนั้นก็อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ … แล้วหายไปจากระบบ”

“หายไป?”

“ใช่ หายตัวไปทั้งครอบครัว บ้างก็อ้างว่าย้าย บางบ้านก็ปิดบ้านหนีโดยไม่มีใครรู้ว่าไปไหน”

ความเย็นเฉียบบางอย่างแล่นผ่านแผ่นหลังของจันทร์สิตา เธอกำแฟ้มในมือตัวเองแน่น

“หมอ…”

“ครับ?”

“ฉันว่าเรากำลังตามล่าบางอย่างที่ผิดปกติมาก อาจจะเป็นคนมีอำนาจเล็กน้อยถึงทำแบบนี้เก็บเด็กสิบกว่าคนแล้วยังลอยนวลอยู่”

"คุณเองก็ฉลาดเหมือนกันนะ เหมือนเคยสืบคดีอะไรแบบนี้"

"สืบเสิบอะไรกันละคะ ฉันก็เป็นหมอชันสูตรไปวันๆเลยรู้งูๆปลาๆมา ฮ่าๆๆ" เธอเกือบเผยพิรุธแล้วสิ ต้องเก็บตัวเองมากกว่านี้

ในช่วงบ่าย ทั้งสองเดินทางไปยังคลินิกเก่าที่อนลพูดถึง อาคารเล็กหลังหนึ่งที่ดูเหมือนบ้านคนทั่วไปในซอยแคบ รถวิ่งเข้าแทบไม่ได้ ต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนแทบมองไม่เห็นป้ายชื่อคลินิกที่ซีดจางไปหมดแล้ว

“คลินิกแห่งนี้เคยจดทะเบียนเป็นคลินิกกุมารเวช แต่ว่าเจ้าของไม่เคยเป็นหมอ”

“ไม่ใช่หมอ? แล้วทำไมเปิดคลินิกได้?”

“ใช้ใบอนุญาตจากอีกคนมาแอบอ้าง น่าจะมีคนในช่วยปิดบังข้อมูล"

พวกเขาเดินเข้าไปใกล้ ประตูเหล็กปิดสนิท แต่ยังไม่มีการล็อกจากด้านใน จันทร์สิตามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง

“รู้ไหมคะ หมอ… ฉันชักเริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว”

“ถ้าคุณกลัว…คุณสามารถถอยได้ ผมไม่ว่า” เขากลัวว่าผู้หญิงตัวเล็กๆจะกลัวอะไรแบบนี้

“ถ้าฉันถอยตอนนี้ คงนอนฝันร้ายไปอีกหลายคืน ฉันสู้ดีกว่า” เธอแกล้งทำเป็นกลัว ความจริงแล้วเธอชินเสียยิ่งกว่าชิน

เมื่อพวกเขาผลักประตูเข้าไป กลิ่นอับคล้ายความเน่าเปื่อยบางอย่างก็จู่โจมในทันที ทั้งสองหยิบไฟฉายส่องสำรวจภายใน

ห้องตรวจโรคเก่ามีเตียงเด็กเล็กที่ยังคงมีผ้าคลุมสีซีด และของเล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น  ของเล่นที่เหมือนกับที่พบในห้องเด็กชายคนนั้น

บนผนังอีกด้านหนึ่ง มีรอยวาดด้วยปากกาเมจิกสีดำ เป็นรูปคนตาเดียว ยืนรายล้อมเด็กหลายคนไว้ตรงกลางวงกลม

อนลเงียบไป ก่อนจะก้าวช้า ๆ เข้าไปดูใกล้ ๆ

“คนตาเดียวอีกแล้ว…”

ขณะกำลังตรวจสอบนั้น จันทร์สิตากลับเดินไปหยุดที่ห้องหนึ่งด้านใน มันดูเหมือนห้องเก็บอุปกรณ์ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป กลับพบภาพที่ไม่น่าเชื่อ

ภาพวาดนับสิบถูกปักติดบนผนังทั้งหมด วาดด้วยลายมือของเด็ก ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นรูปคนในเงาดำ ชุดดำ ตาเดียว ถือมีด หรือยืนอยู่ใกล้บ้าน

จันทร์สิตาเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เธอครุ่นคิดอย่างหนักกับคดีนี้

“พวกเขา…เคยเห็นบางอย่างจริง ๆ เราควรยกให้เป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่โดยตรงนะคะ”

"คุณไม่รู้เหรอ โรงพยาบาลของเราเป็นเครือเดียวกับของตำรวจ มีเวลามีคดีต้องสืบ" แม้จะเป็นความลับแต่บุคคลากรคนสำคัญต้องล่วงรู้

"ไม่รู้เลยค่ะ" เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ เธอแกล้งพูดให้ตัวกลัวเพราะเขาจะได้ไม่สงสัย

"ไม่ต้องห่วง ผมอยู่ทั้งคน"

"มีหมออนลจันทร์ก็อุ่นใจขึ้นมาหน่อยค่ะ อ๊ะ" เธอแกล้งเดินสะดุดล้มไปทางเขาเพราะความหวาดกลัว

"เป็นอะไรรึเปล่าครับ" เขาถามคนในอ้อมกอด

"มะ..ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ" เธอเหมือนจะพบว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงเข้าหาแรงๆ แต่ดูเหมือนจะชอบตอนที่เธอแสร้งอ่อนแอ หรือทำตัวเป็นธรรมชาติ

"ครับ เรารีบกลับกันเถอะ"

เมื่อกลับมาที่รถ อนลก็ได้รับสายจากพ่อของเด็ก

"หมอครับ...ผมอยากเจอหมอหน่อย...มีบางอย่างที่ผมปิดไว้ไม่ได้แล้ว" เสียงทางสายเต็มไปด้วยความกลัว

“เดี๋ยวผมกับคุณจันทร์จะไปหาคุณที่บ้านครับ”

ทันทีที่วางสาย จันทร์สิตามองหน้าเขา “เกิดอะไรขึ้นคะ?”

“พ่อเด็กบอกว่า เขาไม่ได้บอกเราทุกอย่างเกี่ยวกับลูกชาย...เขาอยากเล่าเรื่อง ‘เงาในบ้าน’ ที่ลูกพูดถึงก่อนตาย”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่6

    ฝนโปรยลงมากระทบหน้ากระจกรถเป็นสาย ขณะรถคันหรูของหมออนลแล่นเข้าสู่ซอยลึกที่มีเพียงแสงไฟส้มหม่นจากเสาไฟริมถนนคลินิกที่ว่าตั้งอยู่ในตึกเก่าอายุหลายสิบปี ป้ายสีซีดที่เขียนว่า “คลินิกเด็กสุขใจ” แขวนเอียงอยู่หน้าทางเข้า“มันดูไม่เหมือนสถานที่ที่เด็กจะ ‘สุขใจ’ เท่าไหร่เลยนะคะ” จันทร์สิตาว่า พลางเบี่ยงตัวมองออกไปด้านนอก“มันเป็นคลินิกที่ผมไม่ได้ดูแลโดยตรง มีหมอเวรผลัดเปลี่ยนกัน…แต่เด็กที่เสียชีวิตหลายคนก็เคยเข้ามาที่นี่ก่อนเกิดเรื่อง” น้ำเสียงเขาตึงขึ้นนิดพวกเขาก้าวลงจากรถ ฝ่าฝนไปยังทางเข้าที่แคบชื้นและมืดทึบเมื่อเข้าไปด้านใน กลิ่นยาผสมกับกลิ่นอับเฉพาะตัวของตึกเก่าก็พุ่งกระแทกจมูก โซนต้อนรับว่างเปล่า มีเพียงแฟ้มเวชระเบียนกองพะเนินหลังเคาน์เตอร์ และไฟบางจุดที่กระพริบเหมือนใกล้ดับจันทร์สิตาเหลือบมองรอบตัว ดวงตาวาวด้วยความสงสัย “คลินิกเปิดหรือปิดกันแน่คะ?”“มันเปิด...แต่ไม่มีคนอยากมาทำงานเวรที่นี่ตอนกลางคืน” เขาว่าเสียงเรียบพวกเขาเดินลึกเข้าไปด้านใน จนถึงห้องตรวจที่คาดว่าเป็นห้องประจำของหมอเวรอนลเปิดแฟ้มคนไข้ที่วางทิ้งไว้ พบชื่อ "ธันวา" ปรากฏอยู่หลายครั้งในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน“เขามาที่น

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่5

    บ้านไม้ชั้นเดียวในชานเมืองกลับมาอยู่ในสายตาทั้งสองอีกครั้ง เมื่อรถของหมออนลแล่นเข้าไปจอดที่เดิม ท่ามกลางแสงไฟสลัวของหลอดนีออนหน้าบ้านที่กะพริบเป็นจังหวะชวนขนลุกเสียงสุนัขหอนดังแว่วไกลลิบในยามค่ำคืน บรรยากาศในบ้านดูแตกต่างจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด ผ้าม่านถูกรูดปิดสนิท ราวกับเจ้าของบ้านพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากสายตาคนนอกพ่อของธันวานั่งอยู่กลางห้องรับแขก ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน“ขอบคุณที่มาครับหมอ…ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ” เขาพูดพลางยกมือไหว้ ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่“เราอยากฟังทุกอย่างที่คุณรู้นะครับ โดยไม่ตัดสินอะไรเลย” หมออนลนั่งลงตรงข้าม พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงจันทร์สิตานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอจ้องพ่อของเด็กชายธันวาอย่างตั้งใจ ขณะปลายนิ้วแตะที่ข้อมือเธอเองเพื่อวัดชีพจรของคนตรงหน้าอย่างแนบเนียน พฤติกรรมของเขาไม่ใช่แค่ความเศร้า...แต่เหมือนคนเห็นอะไรที่เกินกว่าจะเข้าใจ“ธันวาเคยเล่าหลายครั้งว่า...มีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านตอนกลางคืน” เขาเริ่มพูดช้า ๆ “ตอนแรกผมคิดว่าเขาจินตนาการไปเอง เด็กชอบเล่นกับเงา แต่แล้ว…ผมก็เริ่มเห็นเองกับตา”หมออนลขมวดคิ้ว “เห็นอะไรครับ?”ช

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่4

    สายลมเย็นยามค่ำเริ่มพัดแรงขึ้นเมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปหลังแนวตึก วันใหม่มาถึงเร็วกว่าที่จันทร์สิตารู้ตัวเสียอีกเธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานในสำนักงานนิติเวชฯ สายตาเพ่งมองผลแล็บที่เพิ่งถูกรายงานกลับมาจากการชันสูตรละเอียดรอบสองของศพเด็กชายคนนั้น“เลือดจาง… ภูมิคุ้มกันต่ำผิดปกติ… มีสารบางอย่างตกค้างในระบบประสาท?” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางขมวดคิ้ว สารที่ว่านั้นไม่มีอยู่ในรายการสารเคมีทั่วไป มันดูคล้ายสารจากพืชบางชนิดที่ไม่ควรพบในร่างเด็กอายุไม่ถึง 10 ปีไม่ใช่แค่อ่อนแอ… เด็กคนนั้นเหมือนถูกบีบให้ร่างกายเสื่อมลงอย่างช้า ๆเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างสุภาพ“ขออนุญาตครับ คุณหมอจันทร์ มีคนมาเยี่ยม”ชายตรงหน้าคือหมออนล สวมเสื้อเชิ้ตขาวเรียบแต่มีเสื้อคลุมยาวพาดแขน เขาไม่ได้มาแบบแพทย์ประจำโรงพยาบาล แต่มาในฐานะใครบางคนที่รู้ว่าเธอเจออะไร และกำลังต่อชิ้นส่วนปริศนาเดียวกัน“มาดูผลใช่ไหมคะ?” จันทร์สิตาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ แล้วเชิญเขานั่งลงฝั่งตรงข้าม“ผมได้คุยกับแม่ของเด็กแล้ว พวกเขาอึดอัดมาก เหมือนมีอะไรไม่อยากพูด” เขาวางแฟ้มอีกเล่มลงบนโต๊ะ เป็นแฟ้มบันทึกสุขภาพของเด็กชายคนเดียวกัน “

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่3

    แสงแดดอ่อนยามสายทอดผ่านกระจกหน้าต่างรถยนต์ SUV คันใหญ่ที่แล่นเข้าสู่เขตชานเมืองทางตะวันออกของกรุงเทพฯ พื้นที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงความเงียบสงบห่างไกลผู้คนเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยบางสิ่งที่กำลังซ่อนความผิดปกติไว้ใต้เงามืดจันทร์สิตานั่งไขว่ห้างอยู่เบาะข้างคนขับ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะลอบมองชายข้างตัวที่ยังคงตั้งใจขับรถอย่างสุขุมราวกับไม่มีผู้หญิงเซ็กซี่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยสักนิด"หมอขาาา~ ขับเร็วแบบนี้แสดงว่าตื่นเต้นใช่ไหมคะที่จะได้ลงพื้นที่กับจันทร์" เธอเอียงศีรษะเข้าหา กระซิบเสียงหวานใกล้จนลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอแทบจะแตะปลายคางเขา เธอกล้าทำแบบนี้เพราะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เธอก็จะใส่สุดมากขึ้นอนลยังไม่ละสายตาจากถนน มือที่จับพวงมาลัยกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย“อย่าเล่นแบบนี้บนถนน มันอันตราย”จันทร์สิตาแอบเบ้ปากนิด ๆ ก่อนแกล้งถอนหายใจ "โอเคค่ะ คุณหมอนักบุญ แต่ก็ช่วยทำหน้าหล่อให้น้อยลงหน่อยเถอะคะ คนขับผ่านมานี่มองจ้องกันเป็นแถว เดี๋ยวเขาจะคิดว่าจันทร์พาแฟนดาราไปเที่ยว"เขาเงียบ ไม่ตอบอะไรแต่หางตาเธอก็เห็นปลายปากเขายกขึ้นนิดหนึ่ง แค่เสี้ยววินาที จันทร์สิตาก็รู้ว่าเธอเริ่มเอาชนะภูเขาน้ำแข็งได้บ้

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่2

    ห้องชันสูตรภายในโรงพยาบาลศิขรินทร์เงียบสงบ เย็นเฉียบตามมาตรฐาน แต่สำหรับจันทร์สิตา ความเย็นไม่ได้มาจากเครื่องปรับอากาศหรือสภาพแวดล้อม มันคือความเย็นชาในแววตาของหมออนลต่างหากที่สร้างบรรยากาศให้ตึงเครียดโดยไม่ต้องมีคำพูดใดภายในสัปดาห์แรก เธอเริ่มคุ้นกับงานที่ได้รับมอบหมาย เธอทำงานอย่างมืออาชีพ เป๊ะทุกขั้นตอนจนไม่มีใครตั้งข้อสงสัย ทว่าสายตาคู่นั้น…ยังคงมองเธอด้วยความว่างเปล่า“มันต้องมีสักจุดที่ร้าว…ฉันจะหามันให้เจอ”เธอคิดในใจขณะมองเขาผ่านกระจกห้องประชุมที่สะท้อนภาพหมอหนุ่มนั่งอ่านแฟ้มรายงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย“เคสนี้…ผ่านมือหมอชันสูตรมาก่อน แต่มีบางอย่างที่ผมไม่แน่ใจ คุณลองวิเคราะห์ดูใหม่อีกครั้ง”วันหนึ่ง ในระหว่างการประชุมเคสพิเศษ หมออนลส่งแฟ้มคดีเก่าให้เธอ พร้อมคำพูดเรียบๆ แฟ้มชันสูตรว่าด้วยเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ เสียชีวิตกะทันหันในบ้านหรู สาเหตุระบุว่า ‘หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน’ แต่รายละเอียดบางจุด…ไม่สมเหตุสมผล เช่น รอยกดบริเวณแขนสองข้าง รอยจางคล้ายเข็มจิ้มบ่อยครั้ง และเวลาการเสียชีวิตที่ขัดแย้งกับคำให้การผู้ปกครอง“มีใครปกปิดอะไรไว้…และหมออนลเองก็กำลังสงสัยสินะ”จันทร์สิตาลอบยิ้มบา

  • ข้ามเส้นเงา   บบที่1

    สายฝนที่โปรยลงกระทบกระจกหน้าต่างห้องพักหรูในย่านใจกลางเมืองทำให้ค่ำคืนนี้ดูนิ่งสงบอย่างแปลกประหลาด แต่สำหรับ จันทร์สิตา เจ้าของใบหน้าสวยคม หญิงสาวผู้เปลี่ยนเสน่ห์ให้เป็นอาวุธ เงินคือเป้าหมาย และความรักไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของเธอ ค่ำคืนนี้คือจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งภารกิจภารกิจที่มีเป้าหมายใหม่ "หมออนล"ร่างบางยืนอยู่หน้ากระจก สวมเดรสเข้ารูปสีดำทาปากด้วยลิปสติกสีแดงเข้ม มือเรียวถือแฟ้มเอกสารปลอม อีกข้างกำสร้อยเงินเล็ก ๆ ที่ใช้ซ่อนกล้องขนาดจิ๋ว“ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีทางรอดสายตาฉัน” มีงานไหนบ้างที่ยากเกินฝีมือเธอ ไม่มี อย่างมากก็แค่ตึงมือหน่อยเช้าวันรุ่งขึ้น โรงพยาบาลศิขรินทร์โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยระดับสูง จันทร์สิตาก้าวเข้าสู่โถงต้อนรับอย่างมั่นใจในคราบของ "แพทย์นิติเวช" เธอเรียนจบเกี่ยวกับด้านพวกนี้มาจริงๆแต่คนในวงการบันเทิงไม่รู้ มีเพียงองค์กรใหญ่ของเธอที่รับรู้ เธอส่งรอยยิ้มให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับด้วยแววตาที่ไม่เปิดเผยความคิดใด ๆหลังจากขั้นตอนแนะนำตัวและสัมภาษณ์เบื้องต้น เธอถูกเชิญไปที่ห้องประชุม และนั่นคือจุดที่เธอได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status