Share

บทที่6

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-28 17:09:16

ฝนโปรยลงมากระทบหน้ากระจกรถเป็นสาย ขณะรถคันหรูของหมออนลแล่นเข้าสู่ซอยลึกที่มีเพียงแสงไฟส้มหม่นจากเสาไฟริมถนน

คลินิกที่ว่าตั้งอยู่ในตึกเก่าอายุหลายสิบปี ป้ายสีซีดที่เขียนว่า “คลินิกเด็กสุขใจ” แขวนเอียงอยู่หน้าทางเข้า

“มันดูไม่เหมือนสถานที่ที่เด็กจะ ‘สุขใจ’ เท่าไหร่เลยนะคะ” จันทร์สิตาว่า พลางเบี่ยงตัวมองออกไปด้านนอก

“มันเป็นคลินิกที่ผมไม่ได้ดูแลโดยตรง มีหมอเวรผลัดเปลี่ยนกัน…แต่เด็กที่เสียชีวิตหลายคนก็เคยเข้ามาที่นี่ก่อนเกิดเรื่อง” น้ำเสียงเขาตึงขึ้นนิด

พวกเขาก้าวลงจากรถ ฝ่าฝนไปยังทางเข้าที่แคบชื้นและมืดทึบ

เมื่อเข้าไปด้านใน กลิ่นยาผสมกับกลิ่นอับเฉพาะตัวของตึกเก่าก็พุ่งกระแทกจมูก โซนต้อนรับว่างเปล่า มีเพียงแฟ้มเวชระเบียนกองพะเนินหลังเคาน์เตอร์ และไฟบางจุดที่กระพริบเหมือนใกล้ดับ

จันทร์สิตาเหลือบมองรอบตัว ดวงตาวาวด้วยความสงสัย “คลินิกเปิดหรือปิดกันแน่คะ?”

“มันเปิด...แต่ไม่มีคนอยากมาทำงานเวรที่นี่ตอนกลางคืน” เขาว่าเสียงเรียบ

พวกเขาเดินลึกเข้าไปด้านใน จนถึงห้องตรวจที่คาดว่าเป็นห้องประจำของหมอเวร

อนลเปิดแฟ้มคนไข้ที่วางทิ้งไว้ พบชื่อ "ธันวา" ปรากฏอยู่หลายครั้งในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน

“เขามาที่นี่บ่อยมาก...แต่ไม่มีประวัติป่วยทางกาย”

“แล้วหมอวินิจฉัยว่าอะไรคะ?” จันทร์สิตาโน้มตัวมาดูใกล้ ๆ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ของเธอลอยแตะจมูกเขาอย่างไม่ตั้งใจ

เขาเว้นจังหวะหนึ่ง ก่อนตอบ “เด็กมีอาการนอนสะดุ้ง หวาดผวา ไม่พูดกับใคร...หมอลงว่า ‘ความผิดปกติทางอารมณ์’ ”

“แล้วคุณหมอคิดว่า...มันใช่แค่นั้นจริงเหรอคะ?”

เขาไม่ตอบทันที แต่ดวงตาคมทอดมองไปยังเตียงตรวจเล็ก ๆ ที่ถูกพับเก็บอยู่มุมห้อง

“ผมคิดว่า...มีบางอย่างที่เด็กไม่กล้าพูดออกมา”

ทันใดนั้น เสียงแหลมของของตกกระทบพื้นก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

จันทร์สิตาหันขวับ เงาเคลื่อนไหวผ่านบานประตูด้านข้างเพียงวูบเดียว

หมออนลก้าวไปเปิดประตูห้องนั้นทันที ข้างในคือห้องเก็บอุปกรณ์แพทย์เก่า ๆ

ภายในห้องนั้น มีผนังหนึ่งที่เต็มไปด้วย ภาพวาดของเด็กหลายคน วาดทับกันจนแน่น และเกือบทั้งหมดเป็นรูปคน...คนในชุดดำ คนที่ไม่มีหน้า หรือมีตาเดียวที่จ้องตรงออกมาอย่างเย็นเยียบ

“พระเจ้า...” เธอพึมพำ มือแตะไปที่ภาพหนึ่งที่มีคำว่า “อย่าไว้ใจคนที่ให้ขนม” เขียนอยู่ด้วยลายมือเด็ก

หมออนลหยิบกล้องมือถือขึ้นถ่ายไว้ทุกมุม

ในจังหวะที่แสงแฟลชสว่างวาบ จันทร์สิตาก็สะดุ้งเล็กน้อย เงาคล้ายร่างของเด็กเล็กสะท้อนในกระจกเก่า ๆ บานหนึ่ง...ก่อนจะหายวับไปทันที

“เห็นไหม...” เธอถามเบา ๆ เสียงสั่นเล็กน้อย

“เห็น” เขาตอบทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง “แต่บางที...สิ่งที่เราต้องกลัว อาจไม่ใช่ผี”

“แล้วคืออะไรคะ?”

เขาหันมาสบตาเธอ “คือ ‘คน’ ที่ทำให้เด็กต้องเห็นแบบนั้น...”

เงียบไปพักหนึ่ง จันทร์สิตายืนใกล้เขาอย่างลืมตัว เธอเงยหน้าขึ้น กระซิบเบา ๆ

“ขอบคุณที่คุณไม่กลัว...แล้วก็ยังมาช่วยพวกเขา”

หมออนลยิ้มบาง ๆ ไม่พูดอะไร แต่สายตาอ่อนลง

มือเขายื่นมาสัมผัสแขนเธอเบา ๆ

“คุณเองก็กล้ากว่าที่ผมคิด...มากกว่าหมอหลายคนที่ผมเคยร่วมงาน”

หัวใจเธอเต้นแรง ทั้งที่เธอเองคือคนที่ตั้งใจจะหลอกเขา แต่ตอนนี้ เธอกำลังกลัวมากกว่า...ว่าจะหลอกตัวเองไม่สำเร็จ อยู่กันมานานกว่าเคสอื่นๆแถมใกล้ชิดมากเกินไปอีก

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก้าวย่ำบนพื้นไม้เก่าเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ขณะที่จันทร์สิตาก้มลงสำรวจร่องรอยที่มุมหนึ่งของห้อง

“ตรงนี้มีรอยเลือดเก่า...” เธอพูดเบา ๆ สัมผัสปลายนิ้วลงบนรอยแห้งกรังก่อนเงยหน้ามองหมออนล “คุณว่าเด็กคนนั้น...อาจจะถูกทำร้ายที่นี่เหรอ?”

อนลขยับแว่นอย่างนิ่ง ๆ สายตาเย็นเฉียบกวาดมองรอบห้องเหมือนคำนวณทุกองศา เขาไม่พูดทันที แต่เดินไปหยุดตรงกำแพงด้านหนึ่งที่มีรอยแตกและแถบผนังถลอก

“ไม่ใช่แค่ถูกทำร้าย” เขาตอบเสียงเรียบ “เด็กคนนั้น...ถูกขังไว้ที่นี่”

จันทร์สิตาหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง เธอก้าวตามไปยืนข้างเขา กลิ่นฝุ่นเก่าและกลิ่นเหม็นบางอย่างทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วปอด

“คุณนี่เป็นหมอจริงหรือเปล่า?” เธอถามกลั้วหัวเราะ พยายามเบาอารมณ์

เขาหันมามองเธอนิ่ง ๆ “คุณเองก็ไม่เหมือนนางแบบที่เป็นหมอทั่วไป” มันอัศจรรย์ตั้งแต่อาชีพที่ขัดแย้งกันแต่อยู่ในตัวเธอคนเดียวแล้ว

“อ้าว หมายความว่าไงน่ะ?” จันทร์สิตายิ้มอย่างมีเลศนัย พรางเบี่ยงตัวเข้ามาใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว มือบางเอื้อมแตะแขนเขาเบา ๆ “ฉันแค่เป็นนักนางแบบที่...อินกับเคสมากไปหน่อย”

อนลปรายตามองมือของเธอที่ยังแตะแขนเขา ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยให้หลุดจากสัมผัสนั้นอย่างแนบเนียน

แต่ก่อนที่เธอจะได้เย้าเขาต่อ เสียงบางอย่างจากชั้นล่างก็ดังขึ้น

ปึง...!

เสียงเหมือนของหนักถูกกระแทกลงพื้น จันทร์สิตาสะดุ้งเฮือก “ใครอยู่ข้างล่าง?”

อนลไม่พูดอะไร คว้าไฟฉายจากในกระเป๋าเสื้อแล้วก้าวไปยังบันไดอย่างเงียบเชียบ ท่าทางของเขาไม่ได้เหมือนหมอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับคล้ายคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี

จันทร์สิตารีบเดินตามพลางกระซิบ “คุณไม่กลัวเลยเหรอ?”

เขาเหลือบตามองเธอ “คุณต่างหากที่ควรจะกลัว”

เมื่อทั้งคู่ลงมาถึงชั้นล่าง พวกเขาก็เห็นประตูด้านหลังเปิดแง้มอยู่ และเสียงฝีเท้าหายไปในความมืด...

“มันหนีไปแล้ว...” อนลพูดเบา ๆ แต่ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

จันทร์สิตายืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ เขา ขนลุกซู่ เธอไม่แน่ใจว่าเพราะความกลัว หรือเพราะชายหนุ่มข้างตัวที่ดูไม่เหมือนหมอเอาเสียเลย

“คุณจะเอายังไงต่อ?” เธอถาม

“ผมจะกลับไปหาข้อมูลของเด็กคนนั้นให้มากกว่านี้ ส่วนคุณ...” เขาหยุดชั่วครู่ก่อนพูดต่อ

“อย่ามาที่นี่คนเดียวอีก”

“ห่วงฉันเหรอ?” เธอหรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์

“กลัวคุณจะพังหลักฐานเสียมากกว่า” เขาตอบเรียบ ๆ 

‘น่าสนใจขึ้นทุกวัน...หมอคนนี้’

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่6

    ฝนโปรยลงมากระทบหน้ากระจกรถเป็นสาย ขณะรถคันหรูของหมออนลแล่นเข้าสู่ซอยลึกที่มีเพียงแสงไฟส้มหม่นจากเสาไฟริมถนนคลินิกที่ว่าตั้งอยู่ในตึกเก่าอายุหลายสิบปี ป้ายสีซีดที่เขียนว่า “คลินิกเด็กสุขใจ” แขวนเอียงอยู่หน้าทางเข้า“มันดูไม่เหมือนสถานที่ที่เด็กจะ ‘สุขใจ’ เท่าไหร่เลยนะคะ” จันทร์สิตาว่า พลางเบี่ยงตัวมองออกไปด้านนอก“มันเป็นคลินิกที่ผมไม่ได้ดูแลโดยตรง มีหมอเวรผลัดเปลี่ยนกัน…แต่เด็กที่เสียชีวิตหลายคนก็เคยเข้ามาที่นี่ก่อนเกิดเรื่อง” น้ำเสียงเขาตึงขึ้นนิดพวกเขาก้าวลงจากรถ ฝ่าฝนไปยังทางเข้าที่แคบชื้นและมืดทึบเมื่อเข้าไปด้านใน กลิ่นยาผสมกับกลิ่นอับเฉพาะตัวของตึกเก่าก็พุ่งกระแทกจมูก โซนต้อนรับว่างเปล่า มีเพียงแฟ้มเวชระเบียนกองพะเนินหลังเคาน์เตอร์ และไฟบางจุดที่กระพริบเหมือนใกล้ดับจันทร์สิตาเหลือบมองรอบตัว ดวงตาวาวด้วยความสงสัย “คลินิกเปิดหรือปิดกันแน่คะ?”“มันเปิด...แต่ไม่มีคนอยากมาทำงานเวรที่นี่ตอนกลางคืน” เขาว่าเสียงเรียบพวกเขาเดินลึกเข้าไปด้านใน จนถึงห้องตรวจที่คาดว่าเป็นห้องประจำของหมอเวรอนลเปิดแฟ้มคนไข้ที่วางทิ้งไว้ พบชื่อ "ธันวา" ปรากฏอยู่หลายครั้งในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน“เขามาที่น

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่5

    บ้านไม้ชั้นเดียวในชานเมืองกลับมาอยู่ในสายตาทั้งสองอีกครั้ง เมื่อรถของหมออนลแล่นเข้าไปจอดที่เดิม ท่ามกลางแสงไฟสลัวของหลอดนีออนหน้าบ้านที่กะพริบเป็นจังหวะชวนขนลุกเสียงสุนัขหอนดังแว่วไกลลิบในยามค่ำคืน บรรยากาศในบ้านดูแตกต่างจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด ผ้าม่านถูกรูดปิดสนิท ราวกับเจ้าของบ้านพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากสายตาคนนอกพ่อของธันวานั่งอยู่กลางห้องรับแขก ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน“ขอบคุณที่มาครับหมอ…ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ” เขาพูดพลางยกมือไหว้ ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่“เราอยากฟังทุกอย่างที่คุณรู้นะครับ โดยไม่ตัดสินอะไรเลย” หมออนลนั่งลงตรงข้าม พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงจันทร์สิตานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอจ้องพ่อของเด็กชายธันวาอย่างตั้งใจ ขณะปลายนิ้วแตะที่ข้อมือเธอเองเพื่อวัดชีพจรของคนตรงหน้าอย่างแนบเนียน พฤติกรรมของเขาไม่ใช่แค่ความเศร้า...แต่เหมือนคนเห็นอะไรที่เกินกว่าจะเข้าใจ“ธันวาเคยเล่าหลายครั้งว่า...มีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านตอนกลางคืน” เขาเริ่มพูดช้า ๆ “ตอนแรกผมคิดว่าเขาจินตนาการไปเอง เด็กชอบเล่นกับเงา แต่แล้ว…ผมก็เริ่มเห็นเองกับตา”หมออนลขมวดคิ้ว “เห็นอะไรครับ?”ช

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่4

    สายลมเย็นยามค่ำเริ่มพัดแรงขึ้นเมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปหลังแนวตึก วันใหม่มาถึงเร็วกว่าที่จันทร์สิตารู้ตัวเสียอีกเธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานในสำนักงานนิติเวชฯ สายตาเพ่งมองผลแล็บที่เพิ่งถูกรายงานกลับมาจากการชันสูตรละเอียดรอบสองของศพเด็กชายคนนั้น“เลือดจาง… ภูมิคุ้มกันต่ำผิดปกติ… มีสารบางอย่างตกค้างในระบบประสาท?” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางขมวดคิ้ว สารที่ว่านั้นไม่มีอยู่ในรายการสารเคมีทั่วไป มันดูคล้ายสารจากพืชบางชนิดที่ไม่ควรพบในร่างเด็กอายุไม่ถึง 10 ปีไม่ใช่แค่อ่อนแอ… เด็กคนนั้นเหมือนถูกบีบให้ร่างกายเสื่อมลงอย่างช้า ๆเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างสุภาพ“ขออนุญาตครับ คุณหมอจันทร์ มีคนมาเยี่ยม”ชายตรงหน้าคือหมออนล สวมเสื้อเชิ้ตขาวเรียบแต่มีเสื้อคลุมยาวพาดแขน เขาไม่ได้มาแบบแพทย์ประจำโรงพยาบาล แต่มาในฐานะใครบางคนที่รู้ว่าเธอเจออะไร และกำลังต่อชิ้นส่วนปริศนาเดียวกัน“มาดูผลใช่ไหมคะ?” จันทร์สิตาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ แล้วเชิญเขานั่งลงฝั่งตรงข้าม“ผมได้คุยกับแม่ของเด็กแล้ว พวกเขาอึดอัดมาก เหมือนมีอะไรไม่อยากพูด” เขาวางแฟ้มอีกเล่มลงบนโต๊ะ เป็นแฟ้มบันทึกสุขภาพของเด็กชายคนเดียวกัน “

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่3

    แสงแดดอ่อนยามสายทอดผ่านกระจกหน้าต่างรถยนต์ SUV คันใหญ่ที่แล่นเข้าสู่เขตชานเมืองทางตะวันออกของกรุงเทพฯ พื้นที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงความเงียบสงบห่างไกลผู้คนเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยบางสิ่งที่กำลังซ่อนความผิดปกติไว้ใต้เงามืดจันทร์สิตานั่งไขว่ห้างอยู่เบาะข้างคนขับ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะลอบมองชายข้างตัวที่ยังคงตั้งใจขับรถอย่างสุขุมราวกับไม่มีผู้หญิงเซ็กซี่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยสักนิด"หมอขาาา~ ขับเร็วแบบนี้แสดงว่าตื่นเต้นใช่ไหมคะที่จะได้ลงพื้นที่กับจันทร์" เธอเอียงศีรษะเข้าหา กระซิบเสียงหวานใกล้จนลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอแทบจะแตะปลายคางเขา เธอกล้าทำแบบนี้เพราะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เธอก็จะใส่สุดมากขึ้นอนลยังไม่ละสายตาจากถนน มือที่จับพวงมาลัยกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย“อย่าเล่นแบบนี้บนถนน มันอันตราย”จันทร์สิตาแอบเบ้ปากนิด ๆ ก่อนแกล้งถอนหายใจ "โอเคค่ะ คุณหมอนักบุญ แต่ก็ช่วยทำหน้าหล่อให้น้อยลงหน่อยเถอะคะ คนขับผ่านมานี่มองจ้องกันเป็นแถว เดี๋ยวเขาจะคิดว่าจันทร์พาแฟนดาราไปเที่ยว"เขาเงียบ ไม่ตอบอะไรแต่หางตาเธอก็เห็นปลายปากเขายกขึ้นนิดหนึ่ง แค่เสี้ยววินาที จันทร์สิตาก็รู้ว่าเธอเริ่มเอาชนะภูเขาน้ำแข็งได้บ้

  • ข้ามเส้นเงา   บทที่2

    ห้องชันสูตรภายในโรงพยาบาลศิขรินทร์เงียบสงบ เย็นเฉียบตามมาตรฐาน แต่สำหรับจันทร์สิตา ความเย็นไม่ได้มาจากเครื่องปรับอากาศหรือสภาพแวดล้อม มันคือความเย็นชาในแววตาของหมออนลต่างหากที่สร้างบรรยากาศให้ตึงเครียดโดยไม่ต้องมีคำพูดใดภายในสัปดาห์แรก เธอเริ่มคุ้นกับงานที่ได้รับมอบหมาย เธอทำงานอย่างมืออาชีพ เป๊ะทุกขั้นตอนจนไม่มีใครตั้งข้อสงสัย ทว่าสายตาคู่นั้น…ยังคงมองเธอด้วยความว่างเปล่า“มันต้องมีสักจุดที่ร้าว…ฉันจะหามันให้เจอ”เธอคิดในใจขณะมองเขาผ่านกระจกห้องประชุมที่สะท้อนภาพหมอหนุ่มนั่งอ่านแฟ้มรายงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย“เคสนี้…ผ่านมือหมอชันสูตรมาก่อน แต่มีบางอย่างที่ผมไม่แน่ใจ คุณลองวิเคราะห์ดูใหม่อีกครั้ง”วันหนึ่ง ในระหว่างการประชุมเคสพิเศษ หมออนลส่งแฟ้มคดีเก่าให้เธอ พร้อมคำพูดเรียบๆ แฟ้มชันสูตรว่าด้วยเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ เสียชีวิตกะทันหันในบ้านหรู สาเหตุระบุว่า ‘หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน’ แต่รายละเอียดบางจุด…ไม่สมเหตุสมผล เช่น รอยกดบริเวณแขนสองข้าง รอยจางคล้ายเข็มจิ้มบ่อยครั้ง และเวลาการเสียชีวิตที่ขัดแย้งกับคำให้การผู้ปกครอง“มีใครปกปิดอะไรไว้…และหมออนลเองก็กำลังสงสัยสินะ”จันทร์สิตาลอบยิ้มบา

  • ข้ามเส้นเงา   บบที่1

    สายฝนที่โปรยลงกระทบกระจกหน้าต่างห้องพักหรูในย่านใจกลางเมืองทำให้ค่ำคืนนี้ดูนิ่งสงบอย่างแปลกประหลาด แต่สำหรับ จันทร์สิตา เจ้าของใบหน้าสวยคม หญิงสาวผู้เปลี่ยนเสน่ห์ให้เป็นอาวุธ เงินคือเป้าหมาย และความรักไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของเธอ ค่ำคืนนี้คือจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งภารกิจภารกิจที่มีเป้าหมายใหม่ "หมออนล"ร่างบางยืนอยู่หน้ากระจก สวมเดรสเข้ารูปสีดำทาปากด้วยลิปสติกสีแดงเข้ม มือเรียวถือแฟ้มเอกสารปลอม อีกข้างกำสร้อยเงินเล็ก ๆ ที่ใช้ซ่อนกล้องขนาดจิ๋ว“ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีทางรอดสายตาฉัน” มีงานไหนบ้างที่ยากเกินฝีมือเธอ ไม่มี อย่างมากก็แค่ตึงมือหน่อยเช้าวันรุ่งขึ้น โรงพยาบาลศิขรินทร์โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยระดับสูง จันทร์สิตาก้าวเข้าสู่โถงต้อนรับอย่างมั่นใจในคราบของ "แพทย์นิติเวช" เธอเรียนจบเกี่ยวกับด้านพวกนี้มาจริงๆแต่คนในวงการบันเทิงไม่รู้ มีเพียงองค์กรใหญ่ของเธอที่รับรู้ เธอส่งรอยยิ้มให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับด้วยแววตาที่ไม่เปิดเผยความคิดใด ๆหลังจากขั้นตอนแนะนำตัวและสัมภาษณ์เบื้องต้น เธอถูกเชิญไปที่ห้องประชุม และนั่นคือจุดที่เธอได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status